หลงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างที่สุด ทว่ากลับดูน่าเกรงขามยิ่งนัก ทำให้หลงเหยียนในร่างชายหนุ่มผู้บอบบางดูลึกลับขึ้นมา
ทุกคนสะดุ้งไปพร้อมกัน พวกเขาไม่มีทางนึกถึงเลย เมื่ออยู่ตรงหน้าพลังกดทับที่น่ากลัวเช่นนี้ หลงเหยียนยังกล้าจองหองมากเช่นนี้
นี่เป็สิ่งที่ทำให้พวกเขามั่นใจยิ่งกว่าเดิมว่าหลงเหยียนต้องมาจากตระกูลใหญ่แน่ หรืออาจมีมหาอำนาจใหญ่หนุนหลัง ไม่เช่นนั้น เมื่อฝ่ายตรงข้ามแสดงตัวชัดเจนขนาดนี้ เขาไม่มีทางจองหองแบบที่ทำอยู่แน่
เด็กในร้านอาหารที่เดิมทีไม่ชอบหน้าหลงเหยียน เขาคลานขึ้นมาพร้อมเบิกตาโพลง มองหลงเหยียนด้วยความใ ก่อนจะลุกขึ้นด้วยอาการสั่นเทา คล้ายถูกแรงที่มหาศาลกดทับ
เขาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากแล้วพูดพึมพำ “ยังดีที่ข้าไม่ได้พูดล่วงเกินเขา ไม่อย่างนั้นข้าต้องซวยแน่”
ท่านลั่วกำหมัด หมัดที่ใหญ่และแข็งแกร่งคงสังหารเสือตัวหนึ่งได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลงเหยียนที่ดูบอบบางเลย
“ไอ้หนุ่ม เ้าพูดว่าอะไรนะ? ใครสั่งใครสอนให้เ้าบังอาจเช่นนี้”
ความบ้าคลั่งของหลงเหยียนทำให้ท่านลั่วสะดุ้ง เวลานี้เอง ลั่วเฉิงเข้าใกล้ท่านลั่วพลางกระซิบบอกอะไรบางอย่าง คล้ายท่านลั่วเข้าใจแล้ว
“อะไรนะ เ้าหมอนี่รับพลังการโจมตีจากวิชาเก้าิญญาได้อย่างนั้นหรือ?” ทำให้ท่านลั่วมองประเมินหลงเหยียนอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากนั้นท่านลั่วก็ะเิโทสะ พูดจาเสียงดัง “ตัวข้าไม่สนหรอกว่าเ้าเป็ใคร ข้าจะสั่งสอนเ้าแทนหลานชายข้าก่อน!”
รังสีพลังที่มาจากความแข็งแกร่งของเราเริ่มไหลออกมา พลังปราณเริ่มเคลื่อนไหว ราวกับว่าตรงหน้าหลงเหยียนคือเสือร้ายที่ทรงอำนาจ
“หา? ท่านลั่วโมโหแล้ว เ้าหมอนั่นต้องตายแน่” คนรอบด้านเริ่มหลบ หนานกงฉู่และพี่น้องต่างพากันส่ายหน้าพลางถอนหายใจ เหตุใดต้องหัวรั้นเช่นนี้ด้วย
หลงเหยียนเริ่มครุ่นคิด หากเ้าหมอนี่เริ่มลงมือขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าตนต้องเสียพลังปราณไปมากแน่ ถึงตอนนั้น หากไม่มีโลหิตของปีศาจอสูรมาเติมเต็ม เกรงว่าเข้าไปในตระกูลอู่ตี้เขาก็ไม่มีพลังปราณมาเสริม
ขณะที่เขากำลังจะลงมือ หลงเหยียนก็หยิบตราประจำตัวที่เว่ยเวยมอบให้ออกมา นั่นคือตราสีทองระยิบระยับ บนนั้นมีตัวหนังสือเขียนว่าอู่
ตราประจำตัวปลุกเร้าทุกสิ่ง…
“ตรานั่นคือ? นั่นมัน… คำว่าอู่หรือ?” สีทองที่ส่องประกายทำให้พวกเขาไม่กล้าสงสัยว่ามันเป็ของจริงหรือปลอม ทันใดนั้น ท่านลั่วชะงักไป ร่างกายมีเหงื่อซึมออกมา
“ไอ้หนุ่ม เ้าเป็ใครกันแน่?”
กิริยาของเขาต่างจากตอนแรกอย่างสิ้นเชิง
หากบอกว่าก่อนหน้านี้หลงเหยียนผยองมากเกินไป ทั้งบังอาจและไม่รักตัวกลัวตาย ทุกคนคิดว่าชายหนุ่มอย่างเขาต้องตายแน่
เช่นนั้นตอนนี้ ทุกคนมองกิริยาที่ต่างไปจากเดิมของท่านลั่วด้วยความใ ต่างก็สับสนและไม่มั่นใจในตัวตนที่แท่จริงของหลงเหยียน
หลงเหยีนนหัวเราะในใจ “ตรานี่ได้ผลจริงด้วย เ้ารู้จักก็ดีแล้ว” เขายังไม่ทันเห็นตราประจำตัวชัดเจน หลงเหยียนก็เก็บไว้ก่อนจะขยับเข้าใกล้ท่านลั่วอย่างรวดเร็ว
หลงเหยียนไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกมือขึ้นมาตบปากท่านลั่วเสียงดังเพียะทันที
“ข้าเป็ใครอย่างนั้นหรือ? เ้ามีสิทธิ์รู้หรือ?”
การจู่โจมอย่างกะทันหันทำให้ท่านลั่วชะงักไป ยืนอึ้งกับที่อยู่นานโดยตั้งสติไม่ได้ ส่วนหลงเหยียนก็ใจกล้าจนทำให้คนรอบข้างต่างพากันยืนแข็งทื่อ
หนานกงฉู่ตกตะลึงอย่างเหลือเชื่อ เขาอ้าปากค้างใหญ่เท่ากำปั้น เท่านี้ก็รู้แล้วว่าเขาใมากเท่าไร
ส่วนคนที่สีหน้าดูตกตะลึงยิ่งกว่าคือนายน้อยลั่วเฉิง เขาเบิกตาโพลง สีหน้าดูตื่นตระหนกเป็อย่างยิ่ง เวลานี้ ลั่วเฉิงอ้าปากพะงาบๆ หลงเหยียนชกเข้าไปที่ดวงตาของเขา ฉวยโอกาสตอนที่ยังไม่มีใครตั้งตัวทัน คว้าฉินเซียนมาแล้วผลักลั่วเฉิง
“ไสหัวไป เ้าไม่มีตาหรืออย่างไร? กล้ามาขวางทางของข้า” หลงเหยียนะโเสียงดัง ปล่อยรังสีที่น่าเกรงขาม เขาไม่เหมือนผู้ที่มีพลังระดับชีพัขั้นที่แปดเลยด้วยซ้ำ
ทุกคนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความใ โดยเฉพาะผู้ดูแลตระกูลลั่ว เวลานี้เขารวบรวมความกล้า ขวางหน้าหลงเหยียนอีกครั้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เ้า เ้าหนุ่ม เ้าจะไปไม่ได้ มีพลังเพียงขั้นที่แปดมิใช่หรือ? เ้าจะรอดพ้นจากวิชาระดับมายาได้อย่างไร เ้า เ้าทำแบบนี้ไม่ได้ ท่านลั่วของเราเป็เ้าเมืองที่นี่นะ”
หลงเหยียนมองผู้ดูแลตระกูลลั่วก็รู้ว่าเขาเป็เพียงสุนัขติดตามลั่วเฉิงเท่านั้น ที่ผ่านมาคงกดทับและรังแกคนซื่อตรงอย่างฉินเซียนมาไม่น้อย ไม่รู้ว่าในเมืองนี้มีสตรีมากเท่าไรที่ถูกเขาจับตัวไปแล้วถวายให้กับสารเลวลั่วเฉิง
หลงเหยียนะเิเสียงคำราม “เ้าเมืองหรือ?” กระบี่สังหารัปรากฏในมือ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ปล่อยพลังสะท้านปฐีซึ่งเป็พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของหลงเหยียน
พลังทั้งหมดเก้าพันตันลอยออกไป ตัดศีรษะผู้ดูแลตระกูลลั่วลอยกระเด็น ทันใดนั้น ท่านลั่วก็คำราม เมื่อเขาเห็นกระบี่เล่มนั้นจึงมองหลงเหยียนด้วยความใ ขาอ่อนทรุดลงกับพื้น
เพราะเขารู้จักกระบี่สังหารั กระบี่เล่มนี้เคยตกทอดในเมืองหยุนจง เป็ของทหารนักรบในยุคก่อน ใช้พลังหยางที่บริสุทธิ์มาหลอมเหล็กกล้าจนกลายเป็กระบี่ ต่อมาตกไปอยู่ในมือของยอดฝีมือระดับสูง ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปตกอยู่ในมือของเ้าหมอนั่นได้อย่างไร
เมื่อหนานกงฉู่และพี่น้องเห็นกระบี่เล่มนั้น พวกเขาคุกเข่าลงทันที…
หลงเหยียนประหลาดใจนัก เขานึกไม่ถึงว่ากระบี่สังหารัจะมีบารมีมากเช่นนี้ คาดว่าพวกเขาคงรู้จักกระบี่สังหารัดี
วันนี้หลงเหยียนสร้างความตกตะลึงแก่พวกเขามากพอแล้ว จนถึงตอนนี้ ในที่สุดหนานกงฉู่ก็มั่นใจแล้วว่าหลงเหยียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาต้องเป็ยอดอัจฉริยะในเมืองัที่เล่าขานกันแน่
หลงเหยียนมีรังสีพลังที่น่าเกรงขาม ด้วยวิธีการรับมือของเขา ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่อยากเชื่อ ราวกับเื่กลับตาลปัตร และกิริยาที่มีต่อหลงเหยียนก็เปลี่ยนเป็นับถือขึ้นมากโข
ผู้ดูแลตระกูลลั่วตายแล้ว ไม่มีใครกล้าขวางหลงเหยียน ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตระหนก เขากำลังจะจากไป เ้าเมืองกลับะโรั้ง “ช้าก่อน!”
แล้วร่างเขาก็มาปรากฏตรงหน้าหลงเหยียนอย่างรวดเร็ว
“เ้าไปได้ ทว่าต้องทิ้งเ้าหนุ่มนั่นไว้ที่นี่ ต่อให้เ้าจะมีวิธีมากมาย มีเื้ัใหญ่โต อย่างไรก็ดี หากข้าปล่อยเ้าไปแบบนี้ อีกหน่อยข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด หากเ้ารั้นจะไป ข้าไม่ถือสาหากต้องสู้กับเ้าไปสุดทาง มากสุดตระกูลลั่วของข้าก็แค่ล่มสลาย สิ้นชีพกันหมด…”
ประโยคสุดท้าย ท่านลั่วคำรามออกมาด้วยความโมโห ในเมื่อเขามีชื่อเสียงมานาน เป็ผู้แข็งแกร่ง ไม่ว่าอย่างไรก็มีศักดิ์ศรี ในเมื่อคนที่หลงเหยียนสังหารเป็ถึงผู้ดูแลตระกูลลั่ว
“ขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่าจริงดังที่ว่า” บรรยากาศปกคลุมไปด้วยความเย็นะเื ทุกคนต่างก็รอดูว่าหลงเหยียนจะรับมืออย่างไร
หลงเหยียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง สายตาจ้องไปที่ท่านลั่ว “ในเมื่อเป็เช่นนั้น ข้าคงต้องสู้กับเ้าแล้ว”
เมื่อหลงเหยียนพูดคำนี้ออกมา ท่านลั่วประกายความเืเย็นในแววตา และทุกคนที่อยู่รอบๆ ก็ตกตะลึงอีกครั้ง
“อะไรนะ? เ้าหมอนั่นจะสู้กับยอดฝีมือระดับชีพเทพหรือ?” ครั้งนี้หนานกงฉู่และพี่น้องนั่งไม่ติดที่แล้ว
น้ำเสียงที่ทะนงทำให้ผู้จัดการร้านและเสี่ยวเอ้อในร้านใ ถึงอย่างไร เวลานี้เอง ฉินเซียนเดินมายืนตรงหน้าหลงเหยียน
--------------------