เมื่อหนีเจียเอ๋อร์เห็นท่าทีของพระสนม ก็ลอบยิ้มด้วยความพึงพอใจ นางเคาะนิ้วลงกับที่เท้าแขน แสดงท่าทีราวกับกำลังเบื่อหน่าย
แต่ก็ไม่ลืมที่จะแอบส่งทหาร ติดตามบ่าวของอีกฝ่ายไปอย่างเงียบๆ
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป ทหารเ่าั้ก็พาตัวบ่าวรับใช้คนสนิทของพระสนมกลับมา พร้อมหลักฐานสำคัญ นั่นก็คือตะเกียบที่ซ่อนยาพิษเอาไว้นั่นเอง
พอเห็นเช่นนั้น เจินกุ้ยเฟยก็ทรุดตัวลงกับพระที่นั่งด้วยท่าทีอ่อนแรง
หนีเจียเอ๋อร์หันไปเผชิญหน้ากับนาง ก่อนเอ่ย “เชิญเสด็จไปยังพระราชวังเจิ้งเหอเพคะ!”
ทหารสองสามนายเข้ามาประกบ เพื่อนำตัวพระสนมไปยังวังหลวง
เจินกุ้ยเฟยที่คล้ายเพิ่งได้สติ รีบสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมทันที “บังอาจ อย่าริมาแตะต้องข้า!”
อย่างไรเสีย นางก็เป็ถึงพระสนมซึ่งฮ่องเต้ทรงโปรดปรานที่สุด ดังนั้น เหล่าทหารจึงได้แต่หันไปมองหนีเจียเอ๋อร์ด้วยความหวาดหวั่น
นางโบกมือ ก่อนผายมือ “เช่นนั้น เชิญพระสนมเสด็จเถิดเพคะ!”
“หนีเจียเอ๋อร์ ข้าประเมินเ้าต่ำเกินไป!” เจินกุ้ยเฟยถลึงตา ผลักร่างอีกฝ่ายให้พ้นทาง แล้วเดินนำทุกคนออกไป
หนีเจียเอ๋อร์ใช้ปลายนิ้วปัดไปยังบริเวณที่ถูกผลักเบาๆ ก่อนเดินตามไป
...
ณ ห้องพระโรง
กู่หังจิ่นมองเจินกุ้ยเฟย ที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยสายตามืดครึ้ม ท่าทีของฮ่องเต้นั้นดูสงบนิ่ง ราวกับผืนทะเลอันราบเรียบก่อนเกิดพายุใหญ่
เจินกุ้ยเฟยสะอื้นไห้ พยายามปฏิเสธความผิดและเรียกร้องความยุติธรรม จนถึงขนาดยอมนำตะเกียบของกลางที่หนีเจียเอ๋อร์นำมาแสดง เข้าปากตนเองเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ต่อหน้าพระพักตร์
กู่หังจิ่นชี้นิ้ว พร้อมหันไปถามหนีเจียเอ๋อร์ “ที่นางกินไป คือพิษที่เ้าว่า ใช่หรือไม่?”
ทุกคนหน้าถอดสี โดยเฉพาะทหารทั้งหลายที่ต่างพากันสะดุ้งเฮือก ด้วยยามนี้พระสนมยังคงสบายดี หากเป็เช่นนี้แล้ว พวกเขาก็อาจจะต้องโทษจนถึงขั้นถูกปะาได้...
หนีเจียเอ๋อร์ยังคงนิ่งเฉย “หม่อมฉันขอเวลาสักครู่เพคะ”
เมื่อกู่หังจิ่นอนุญาต หญิงสาวจึงนำตะเกียบที่บรรจุพิษไปแกว่งในชาเนยสองสามครั้ง แล้วส่งให้เจินกุ้ยเฟยอีกรอบ
“พระสนม โปรดลองอีกสักครั้งเถิดเพคะ”
เจินกุ้ยเฟยหน้าซีดเผือด ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง ตัวสั่นสะท้านอย่างหนัก
ดังนั้นกู่หังจิ่นจึงเข้าใจได้ทันที ว่ายาพิษนี้จะออกฤทธิ์ก็ต่อเมื่อละลายลงไปในชาเนย “มานี่สิ ข้าจะป้อนชาเนยให้เ้าเอง”
เจินกุ้ยเฟยตื่นตระหนก หันไปมองกู่หังจิ่นด้วยใบหน้าอาบน้ำตา ก่อนคลานเข้าไปกำชายเสื้อของเขาไว้แน่น “ฝ่าา หม่อมฉันผิดไปแล้ว โปรดเห็นแก่ความรักที่หม่อมฉันมีต่อพระองค์มาเนิ่นนานตลอดสิบปี... ยกโทษให้ด้วยเพคะ!”
กู่หังจิ่นเตะอีกฝ่ายออกไป ก่อนคว้าคอเสื้อของนางขึ้นมา โน้มหน้าเข้าไปใกล้ แล้วย้อนถามเสียงต่ำ “ด้วยความผิดของเ้า ข้าควรให้อภัยอย่างนั้นหรือ?”
กล่าวจบ ก็โยนร่างของนางลงกับพื้น
เมื่อเห็นว่าหมดหนทางจะหนีรอด นางจึงยอมรับสารภาพออกมาแต่โดยดี
“เพื่อให้บุตรชายขึ้นเป็องค์รัชทายาทแทน ข้าจึงวางแผนที่จะลอบสังหารองค์รัชทายาท หลังทดลองมาหลายครั้ง ก็รู้วิธีซ่อนยาพิษในตะเกียบ จากนั้นก็มอบหมายให้หลี่ซิ่ว บุตรสาวของแม่นมเป็ผู้ลงมือ ในเมื่อนางล่วงรู้ความลับ ข้าจึงต้องใส่ร้ายว่านางขโมยของและลงโทษถึงตายเป็การปิดปาก”
กู่หังจิ่นเบือนหนี ไม่อยากเห็นใบหน้าของหญิงชั่วผู้นี้อีก
หวังกงกงเดินเข้ามา แล้วประกาศว่า “หลิงเจินเอ๋อร์ บุตรสาวของหลิงกั๋วกง กระทำความผิดโดยการวางแผนลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาท มีโทษถึงตาย ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องในเื่นี้ ให้ฮองเฮาเป็ผู้จัดการ สำหรับองค์ชายรอง ให้อยู่ในความดูแลของิ่เฟยเหนียงเหนียง และเนื่องจากหลิงกั๋วกงมิได้สั่งสอนบุตรสาวให้ดี สกุลหลิงจึงต้องโทษ ถูกเนรเทศไปยังโม่เป่ย จบราชโองการ!”
เจินกุ้ยเฟยเบิกตากว้าง รีบเข้าไปร้องขอความเมตตา “ฝ่าา เื่นี้หม่อมฉันกระทำเพียงคนเดียว คนในครอบครัวไม่รู้เื่ด้วย หากจะลงโทษ ก็โปรดลงโทษหม่อมฉันแค่ผู้เดียวเถิด และได้โปรดอย่ามอบลูกของหม่อมฉันให้ผู้อื่นเลี้ยงดูเลยนะเพคะ ฝ่าา!” ไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่สบายใจที่บุตรชายจะถูกมอบให้คนอื่นดูแล
กู่หังจิ่นตวาดเสียงดัง “หุบปาก! จะให้ข้าส่งเืเนื้อเชื้อไขของตน ไปให้ตระกูลชั่วร้ายของเ้าเลี้ยงดูได้อย่างไร!”
ขาดคำก็โบกมือ ไม่ช้า ทหารเข้ามาพาตัวเจินกุ้ยเฟยออกไป
ส่วนหนีเจียเอ๋อร์ที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ก็มิได้เอ่ยสิ่งใด
พอกู่หังจิ่นสงบสติอารมณ์แล้ว จึงหมุนตัวไปนั่งลงบนบัลลังก์ัเช่นเดิม “เ้าช่วยรักษาองค์รัชทายาท ทั้งยังจับผู้ร้ายตัวจริงได้ ข้าจะประทานรางวัลให้”
หนีเจียเอ๋อร์จึงก้าวไปข้างหน้า โค้งกายทำความเคารพ แล้วกล่าวว่า “หม่อมฉันมิกล้า หากไม่มีป้ายทองอาญาสิทธิ์ของฝ่าา และมิได้กำลังทหารมาช่วย ก็คงไม่อาจจับตัวคนร้ายได้เพคะ”
กู่หังจิ่นชื่นชมความอ่อนน้อมถ่อมตนของนาง เขายกยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยปาก “เช่นนั้น ข้าจะประทานรางวัลให้กับทุกคนที่ช่วยเหลือเ้า ดีหรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น บรรดาทหารก็รู้สึกซาบซึ้งใจเป็อย่างมาก ไม่คิดเลย ว่าหนีเจียเอ๋อร์จะยกความดีความชอบให้พวกตนเช่นนี้ “ขอบพระทัยฝ่าา!”
หนีเจียเอ๋อร์โพล่งขึ้นมาทันที “ฝ่าา หม่อมฉันมีบางสิ่ง้าจะทูลขอกับพระองค์เพคะ”
กู่หังจิ่นพยักหน้า
“โปรดยกเลิกการกักบริเวณองค์หญิงใหญ่ด้วย ที่หม่อมฉันสามารถจับตัวคนร้ายได้ ส่วนหนึ่งก็เป็เพราะความช่วยเหลือจากนางเพคะ”
“ลืมเสียเถอะ ถึงอย่างไรนางก็กระทำความผิด” แล้วกู่หังจิ่นก็พูดต่อ “ข้าสั่งกักบริเวณนางก็จริง แต่ในไม่ช้าก็จะครบกำหนดแล้ว ถึงตอนนั้น ข้าจะปล่อยนางกับโจวชิงหวา และคนอื่นๆ อย่างแน่นอน!”
หนีเจียเอ๋อร์กับใต้เท้าจางคุกเข่าลงกล่าวลา ก่อนเดินออกจากวังหลวงพร้อมๆ กัน
ใต้เท้าจางมิได้เผยความคิดที่มีต่อหนีเจียเอ๋อร์ออกไปให้นางได้ล่วงรู้ เพียงชวนอีกฝ่ายไปดื่มชาที่จวน แต่หนีเจียเอ๋อร์กลับปฏิเสธด้วยท่าทีสุภาพ และเมื่อเขาอาสาจะไปส่ง นางก็บอกปัดอีกครั้ง
เมื่อโดนปฏิเสธอย่างหนักแน่น เขาจึงยกยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยว่า หากมีโอกาสจะขอเลี้ยงน้ำชาหญิงสาวสักครั้ง จากนั้นก็เดินจากไปพร้อมบ่าวรับใช้ส่วนตัว
...
หลังกลับมาถึงจวนได้ไม่นาน ก็มีทั้งเงินทอง เครื่องประดับ ผ้าไหมและผ้าแพรจำนวนมาก ถูกส่งมาจากวังหลวง ซึ่งเป็ของรางวัลที่ฝ่าามอบให้นาง
นอกจากนี้ ยังมีผู้คนมากมายเข้ามาแสดงความยินดี จนนายท่านหนียิ้มหน้าบานอย่างมีความสุข
เว่ยอี๋เหนียงก็ถูกชื่นชมไม่ขาดปาก ว่าเลี้ยงดูบุตรสาวได้เก่งและดียิ่งนัก ทำให้สีหน้าของนางสดใสขึ้น ไม่หม่นหมองเหมือนก่อนหน้านี้
ด้านสวีซื่อและหนีจวิ้นหว่าน ได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ ด้วยบัดนี้ไม่มีผู้ใดสนใจพวกนางเลย ทำให้รู้สึกเสียหน้ามาก
เมื่อแเื่แยกย้ายกลับจวนไป ผู้คนในสกุลหนีจึงมารวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่
สวีซื่อพลันเอ่ยถามทันที “แล้วเสี่ยวเอ๋อร์ของเรา จะจัดการอย่างไรกับของรางวัลเหล่านี้?”
หนีจวิ้นหว่านตาเป็ประกาย ขณะจับจ้องไปยังผ้าไหมและผ้าแพรตรงหน้าไม่วางตา
นายท่านหนีกวาดตามองเงินทองและเครื่องประดับ แล้วถามว่า “เสี่ยวเอ๋อร์ ของรางวัลทั้งหมดนี้ ฝ่าาล้วนประทานให้เ้า เ้าคิดว่าจะจัดการกับมันอย่างไร?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้