ในความมืดมิด จ้าวเยี่ยนค่อยๆ ยกยิ้มมีความพอใจที่ได้กุมอำนาจในการต่อรอง เขาจ้องมองฉางหลิงเกอน้ำเสียงกลับมานุ่มนวลอ่อนโยนเช่นเดิม “ฝ่าาเสด็จแม่ของกระหม่อมเป็องค์หญิงแห่งแคว้นหนานเยวี่ย เปิ่นหวางเองก็เป็คนหนานเยวี่ยครึ่งหนึ่งแท้จริงเราก็เป็ครอบครัวเดียวกัน วันนี้การที่เปิ่นหวางช่วยพระองค์ย่อมเป็เื่ที่ควรทำทว่าเปิ่นหวางหวังว่าในภายภาคหน้า ยามที่เปิ่นหวาง้าความช่วยเหลือฝ่าาจะช่วยเหลือเปิ่นหวางสุดความสามารถ!”
"แล้วอย่างไรต่อ?"ฉางหลิงเกอที่นั่งฟัง มุมปากยกยิ้มเ็า แฝงความเย้ยหยันเล็กน้อยจ้องมองจ้าวเยี่ยนเหมือนไม่มีอะไร
แท้จริงเราก็เป็ครอบครัวเดียวกันอย่างนั้นหรือ?
ท่าทีของ ‘จ้าวเยี่ยน’ ในยามนี้ มีความคิดที่ว่าครอบครัวเดียวกันควรช่วยเหลือกันอยู่ตรงที่ใดบ้าง?
ตามคาด ครั้นฉางหลิงเกอเอ่ยออกไปเพียงครู่เดียวเสียงของจ้าวเยี่ยนก็ดังขึ้น ในดวงตาเป็ประกาย แสงระยับ “ดังนั้น...ฝ่าาเปิ่นหวางเคยได้ยินมาว่า ตราพยัคฆ์หยินหยางของหนานเยวี่ย ฝ่าามิเคยวางไว้ห่างกายมิรู้ว่าจริงเท็จ?”
ตราพยัคฆ์!
คำสองคำนี้ทำให้ฉางหลิงเกอมีสีหน้าตกตะลึงไปเล็กน้อย เขาเคร่งเครียดขึ้นทันใด
ท่ามกลางความมืดมิด เขาจ้องมองจ้าวเยี่ยนลอบเห็นดวงตาลุกวาวเป็ประกายของเขาอย่างรางเลือน
ตราพยัคฆ์...
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็คาดไม่ถึงเลยว่าความคิดของจ้าวเยี่ยนผู้นี้จะจับจ้องตราพยัคฆ์ของหนานเยวี่ยอยู่
แผ่นดินชื่ออวี่ มีผืนดินทั้งเจ็ดแคว้น ไม่ว่าแคว้นใดตราพยัคฆ์เป็สิ่งที่สำคัญอย่างถึงที่สุด การควบคุมบัญชาการกองทัพทหารล้วนต้องใช้ตราพยัคฆ์
เป็ดั่งเส้นเืหลักของแคว้นทว่าจ้าวเยี่ยนผู้นี้...
ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่ตราพยัคฆ์ของตนเขา...ช่างน่ารังเกียจ!
“เ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองกำลังพูดถึงสิ่งใด?” ฉางหลิงเกอระงับความโกรธเกรี้ยวยากจะปิดบังสายตาดุดัน ของเขาในยามนี้ สำแดงความน่าเกรงขามของกษัตริย์
ทว่าในสายตาของจ้าวเยี่ยนยามนี้กลับสงบนิ่ง
ในเมื่อเขาจะเอ่ยถึงตราพยัคฆ์ออกมาแน่นอนว่าเขาย่อมคาดเดาท่าทีเช่นนี้ของฉางหลิงเกอไว้อยู่แล้ว
จ้าวเยี่ยนตอบรับสายตาของฉางหลิงเกออย่างสงบนิ่งและไม่ตื่นตระหนก“ฝ่าาโปรดพระทัยเย็นก่อน เปิ่นหวางย่อมรู้ตัวอยู่แล้วว่าตนเองกำลังเอ่ยถึงสิ่งใดเปิ่นหวางไม่ได้พยายามจะเอาตราพยัคฆ์ของพระองค์มาเป็ของตนเอง ในเมื่อตราพยัคฆ์มีหนึ่งหยินหนึ่งหยางเปิ่นหวางจึงแค่อยากขอให้ฝ่าามอบครึ่งหนึ่งของตราพยัคฆ์ให้เปิ่นหวางชั่วคราวเปิ่นหวางจะดูแลมันแทนฝ่าาชั่วระยะเวลาหนึ่ง มิได้จะทำลายสถานการณ์ของฝ่าาตราพยัคฆ์ของหนานเยวี่ย หยินหยางต้องอยู่ร่วม จึงจะสามารถเคลื่อนย้ายกองทัพทหารจุดนี้ฝ่าาน่าจะรู้มากกว่าเปิ่นหวาง ถึงแม้นกระหม่อมจะมีอีกครึ่งของตราพยัคฆ์ทว่าอย่างไรก็ยังมิอาจเคลื่อนย้ายกองทัพทหารของพระองค์ได้”
"มอบให้เ้าดูแลหรือ?"ฉางหลิงเกอพ่นลมหายใจเ็า จ้องมองจ้าวเยี่ยนด้วยสายตาดุดัน เข้าใจในเจตนาของจ้าวเยี่ยน
ท้ายที่สุด จ้าวเยี่ยนผู้นี้ไม่เชื่อในตัวเองหรือบางทีอาจจะไม่เชื่อผู้ใดเลย
เพราะเช่นนั้นหลีอ๋องจึง้ากุมครึ่งหนึ่งของตราพยัคฆ์เพื่อบีบคั้นตนว่าวันหนึ่งในยามที่เขา้าความช่วยเหลือ เพื่ออีกครึ่งของตราพยัคฆ์ตัวเขาเองจะต้องเอนเอียงไปทาง ‘หลีอ๋อง’ เท่านั้น
หึ ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินจ้าวเยี่ยนผู้นี้ต่ำไปเสียแล้ว
ความทะเยอทะยานของเขา...
ฉางหลิงเกอเกิดในตระกูลราชวงศ์เขาเคยเดินบนหนทางแห่งการแย่งชิงราชบัลลังก์มาก่อนจะไม่เข้าใจความคิดของจ้าวเยี่ยนได้อย่างไร?
ความทะเยอทะยานของจ้าวเยี่ยนคงไม่น้อยไปกว่าความทะเยอทะยานของฉางไทเฮา!
ฉางหลิงเกอจ้องมองจ้าวเยี่ยนที่กำลังหรี่สายตาผ่านไปครู่ใหญ่ ฉางหลิงเกอจึงค่อยๆ เอ่ยปากว่า “หาก...เจิ้นตรัสว่าไม่เล่า?”
“ไม่?” จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้วทว่าเพียงพริบตา วงคิ้วขมวดมุ่นพลันคลายออก น้ำเสียงแฝงอารมณ์ขำขัน“ฝ่าาทรงเป็คนฉลาด พระองค์ย่อมเข้าใจสถานการณ์ในยามนี้ดีฝ่าาทรงมีพระประสงค์ที่จะหลบหนี นี่มิใช่เื่ง่ายนะพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้น หากเจิ้นมอบครึ่งหนึ่งของตราพยัคฆ์ให้เ้าจะสามารถช่วยเจิ้นหลบหนีออกไปได้หรือไม่?”ฉางหลิงเกอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงมั่นคง
สิ่งที่น่ารังเกียจคือเขาต้องยอมรับว่าจ้าวเยี่ยนพูดถูก ในสถานการณ์เช่นนี้ เป็เื่ยากจริงๆ ที่เขาจะหลบหนีออกไปด้วยอำนาจของตัวเอง
แต่เขาจะยอมถูกจ้าวเยี่ยนผู้นี้ควบคุมหรือ?
ในฐานะฮ่องเต้ ฉางหลิงเกอไม่ชอบถูกผู้อื่นควบคุมยิ่งเื่การประนีประนอมกับผู้ใด เขายิ่งมิชอบ ทว่ายามนี้ เขาจะทำสิ่งใดได้?
“ข้อตกลงนี้จะไม่มีผลเสียกับฝ่าาเลยแม้แต่น้อย”จ้าวเยี่ยนปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเขาเป็ผู้นำในข้อตกลงนี้ แม้นฉางหลิงเกอจะเป็ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ทว่าเขาก็ยังไม่มีทางเลือก
"ข้อตกลง หึช่างเป็ข้อตกลงที่ดีเสียจริง!" ฉางหลิงเกอหัวเราะออกมาอย่างแ่เบาในใจรู้สึกไม่พอใจ “จ้าวเยี่ยน ฉางไทเฮารู้เื่ข้อตกลงของเ้าในวันนี้หรือไม่?”
จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้ว ทว่ากลับไม่ตอบ แต่ความเงียบงันนี้เป็คำตอบให้ฉางหลิงเกอแล้ว
ฉางหลิงเกอสบสายตาจ้าวเยี่ยน แฝงนัยล้ำลึก ครู่ต่อมาเขาจึงเอ่ยปากว่า "ตกลง ตามที่เ้า้า"
ครั้นเอ่ยจบ ในความมืดมิดมือของชายหนุ่มแคล่วคล่องยิ่ง เขาหยิบของสิ่งหนึ่งท่ามกลางราตรีไร้แสงสว่างวาดไม้วาดมือ ถึงไม่เห็นก็อาศัยเสียงนั้นนำทาง จ้าวเยี่ยนลุกขึ้นเคลื่อนไหวปราดเปรียว พริบตาเดียว ของสิ่งหนึ่งก็เข้ามาอยู่ในมือ
นิ้วมือลูบััครึ่งหนึ่งของรูปสลักพยัคฆ์อย่างเบามือตราพยัคฆ์บนฝ่ามือของจ้าวเยี่ยน กระตุ้นความตื่นเต้นในใจเขา แม้กระทั่งดวงตายังฉายแววตื่นเต้น
แม้นเขาจะคาดเดาล่วงหน้าแล้วว่าอย่างไรเสียฉางหลิงเกอจำต้องตอบรับคำขอของเขา ทว่าตอนนี้ ครึ่งหนึ่งของตราพยัคฆ์ได้มาอยู่ในมือเขาแล้วเขาจึงรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างถึงที่สุด
มีครึ่งหนึ่งของตราพยัคฆ์ชิ้นนี้แคว้นหนานเยวี่ยก็จะกลายเป็คนหนุนหลังและหมากต่อรองของเขาอย่างแท้จริง
และตำแหน่งนั่น...
ความทะเยอทะยานในดวงตาของจ้าวเยี่ยนส่องสว่างเป็ประกายราวกับว่าเขาเข้าใกล้เป้าหมายขึ้นไปอีกก้าวหนึ่ง
"ขอบพระทัยฝ่าาที่ทรงตอบรับพ่ะย่ะค่ะ"
จ้าวเยี่ยนกลับมาสุภาพอ่อนโยนเป็คุณชายผู้สง่างามถ่อมตนเช่นเดิม เขาคารวะให้ฉางหลิงเกอพร้อมกับเอ่ยว่า“ฝ่าาโปรดวางพระทัย คืนนี้เปิ่นหวางจะพาพระองค์ออกไปจากเมืองชุ่นเทียนให้ได้พ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวเยี่ยนเอ่ยทิ้งท้าย กำตราพยัคฆ์ในมือแน่นมิรีรอให้ฉางหลิงเกอเอ่ยตอบ จากนั้นหันกลับออกจากห้องไปอย่างว่องไว
เหลือเพียงฉางหลิงเกอผู้เดียวในห้องอันมืดมิดชายหนุ่มลูบอีกครึ่งที่เหลือของตราพยัคฆ์ในมือเบาๆ ดวงตาฉายแววล้ำลึก
แสงยามราตรียังคงมืดมิด
ในความเงียบสงบ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในที่ที่ไม่มีใครมองเห็น การช่วยเหลือได้ดำเนินไปอย่างเงียบงัน
ณ ห้องของฉางหงเยียน ไฟถูกดับลงไปั้แ่หัวค่ำทว่าฉางหงเยียนที่นอนอยู่บนเตียง กลับยังคงไม่มีวี่แววจะหลับลง
จิตใจของนางเต็มไปด้วยความกังวล
บนเตียงหลังนี้ เื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องนี้วนเวียนอยู่ในหัวนางไม่หยุดทุกแรงกระแทกของชายหนุ่ม ตราตรึงนางอย่างลึกซึ้งราวกับิญญาจะหลุดลอยออก แต่ในยามนั้นร่างกายช่างสุขล้นกลับกันกับยามนี้ ในส่วนลึกของจิติญญากำลังหวาดกลัวอย่างสุดขีด
ฝ่าา...ถึงแม้การร่วมเสพสังวาสครานี้จะเกิดจากผู้อื่นวางแผนอย่างไรฝ่าาก็ยังคงกริ้วโกรธนาง
พระองค์จะจัดการนางอย่างไร?
ฉางหงเยียนคิดถึงความเป็ไปได้มากมายและทุกความเป็ไปได้ ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ
ทันใดนั้น มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในอากาศทำลายความสงบเงียบ ในใจของฉางหงเยียนพลันตื่นตระหนก นางเงยหน้ามองไปยังทิศทางของเสียงตามสัญชาตญาณท่ามกลางความมืด ใบมีดแหลมคมด้ามหนึ่งส่องประกายเย็นเฉียบ พุ่งตรงเข้ามาหานาง
ฉางหงเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งนางกำลังจะกรีดร้อง ทว่าทันทีที่อ้าปาก ใครบางคนกลับเข้ามาปิดปากนางไว้
"อุ๊บ …"
ฉางหงเยียนดิ้นรนขัดขืนอย่างตื่นตระหนกหวาดกลัวทว่าความเย็นจากคมมีดที่จ่ออยู่บนคอนาง ทำให้ฉางหงเยียนร่างกายแข็งทื่อไม่กล้าขยับเขยื้อนอีก นางตระหนักได้ทันทีว่า สถานการณ์ในตอนนี้อันตรายยิ่งกว่าที่นางคิด
ใครบางคน้าจะฆ่านาง ทว่าคนผู้นั้นคือใคร?