ผ่านไปชั่วโมงกว่า กู่เจี้ยนกั๋วและภรรยากลับมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง
ทันทีที่เข้าบ้าน ซือล่าเหมยก็ถามขึ้นว่า “ซานซานล่ะคะ?”
คุณตากู่เห็นลูกสะใภ้โกรธจัดก็พอจะเดาเื่ราวได้ทันที
เขาเบิกตากว้างถามว่า “คนที่ปล่อยข่าวลือคือซานซานเหรอ?”
ซือล่าเหมยนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง “คนที่ปล่อยข่าวลือไม่น่าใช่ซานซาน เธอแค่ถูกคนอื่นหลอกใช้ คนที่ปล่อยข่าวลือเป็คนอื่น”
สีหน้าคุณตากู่เคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน “งั้นคนที่ปล่อยข่าวลือนั่นคือสวี่เยว่?”
หากเป็เมื่อก่อน คุณตากู่คงไม่มีทางคิดว่าเป็สวี่เยว่แน่ เด็กที่ว่าง่ายสอนง่ายขนาดนั้นจะปล่อยข่าวลือได้ยังไง? แถมยังเป็การปล่อยข่าวลือใส่พี่สาวแท้ ๆ ของตัวเองอีก!
แต่ั้แ่รู้ว่าสวี่เยว่แอบทำร้ายสวี่ฮุ่ยหลายครั้งหลายหน ครั้งนี้พอมีข่าวลือโจมตีสวี่ฮุ่ย เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็ฝีมือสวี่เยว่
ซือล่าเหมยเงียบไปครู่หนึ่งค่อยพยักหน้า “ในใจหนูก็สงสัยแบบนั้น แต่ต้องถามซานซานก่อนถึงจะแน่ใจ”
แม่สามีเอ็นดูสวี่เยว่ ซือล่าเหมยไม่กล้าสรุปชัดเจนก่อนจะมีหลักฐาน
คุณตากู่โกรธจนกล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุก “ฉันเดาไว้นานแล้วว่าต้องเป็ยัยเด็กนั่น!”
คุณยายกู่ลังเลก่อนจะเอ่ยขึ้น “ตาแก่ ยังไม่มีหลักฐาน อย่าเพิ่งกล่าวหาเยว่เยว่สิ”
“ฉันกล่าวหาเธอ?” คุณตากู่โกรธจนหน้าเขียวคล้ำ “ตอนที่สวี่เยว่ยังไม่มา ก็ไม่มีข่าวลือเกี่ยวกับสวี่ฮุ่ย พอสวี่เยว่มาก็มีข่าวลือแย่ ๆ พวกนี้ ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็ใคร?”
คุณตากู่โบกมือให้ลูกชาย ลูกสะใภ้และหลานชายทั้งสอง “พวกแกรีบไปตามซานซานกลับมา ถามว่าเธอได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับสวี่ฮุ่ยมาจากไหน ไม่งั้นย่าของพวกแกจะคิดว่าสวี่เยว่น่าสงสาร โดนฉันใส่ร้าย!”
คุณยายกู่พูดอย่างน้อยใจ “ตาแก่ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันแค่คิดว่าก่อนที่จะรู้ความจริง อย่าเพิ่งกล่าวหาเด็กดีกว่า”
คุณตากู่ตะคอก “เงียบปากไปเลย!”
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่า กู่ซานซานที่หลบไปอยู่บ้านคนอื่นก็ถูกพี่ชายทั้งสองตามตัวกลับมา
คุณตากู่ทำหน้าเคร่งขรึมถามกู่ซานซานที่ดูตื่นตระหนก “ทำไมแกถึงปล่อยข่าวลือใส่ร้ายสวี่ฮุ่ย?”
กู่ซานซานเห็นผู้ใหญ่ทุกคนในบ้านจ้องมองเธอด้วยความโกรธ เธอรู้สึกกลัวมาก รีบพาดพิงสวี่เยว่ทันที
“หนู...หนูไม่ได้ปล่อยข่าวลือ เป็...เป็เยว่เยว่ที่บอกหนูแบบนั้น หนู...หนูก็เลยไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง...”
“หนู...หนูกำชับพวกนั้นแล้วว่าอย่าเอาไปพูดต่อ ไม่...ไม่คิดว่าพวกเขาจะไม่รักษาคำพูด”
ซือล่าเหมยตบหัวลูกสาวฉาดใหญ่ “แกโง่หรือไง? สวี่เยว่รู้ว่าแกปากโป้ง เลยจงใจพูดแบบนี้กับแก ก็เพื่อจะใช้แกปล่อยข่าวลือนี้ออกไป แกยังหลงกลอีก!”
“เอาจริง ๆ แกอายุมากกว่าสวี่เยว่ตั้งหนึ่งปีนะ ทำไมถึงยอมให้เธอหลอกได้ทุกที?”
คุณตากู่มองกู่ซานซานด้วยความผิดหวัง “ไม่ต้องพูดถึงว่าสวี่ฮุ่ยไม่ได้เป็เมียน้อย ต่อให้เป็เมียน้อยจริง ๆ ก็ห้ามพูดเื่นี้กับคนอื่น แกโง่หรือไง!”
กู่ซานซานร้องไห้ออกมาทันที เธอไม่ชอบให้ใครมาว่าเธอโง่ที่สุด
แถมปีนี้เธอยังสอบไม่ติดอีก นี่เป็การสอบเข้ามหาวิทยาลัยครั้งที่สามแล้ว
เพื่อน ๆ ในบ้านพักหลายคนแอบหัวเราะเยาะเธอลับหลังว่าโง่ เธอเก็บกดมานานแล้ว ยังจะโดนปู่แท้ๆ ด่าว่าโง่อีก!
กู่ซานซานอธิบายสะอึกสะอื้น “หนูไม่ได้โง่ หนูแค่ทนไม่ได้ที่สวี่ฮุ่ยชอบรังแกเยว่เยว่ อยากช่วยเยว่เยว่ เลย...เลยทำแบบนั้น...”
ซือล่าเหมยมองลูกสาวโง่ ๆ ของตัวเองด้วยความโมโหจนควันแทบลุก “ก็สมควรแล้วที่ปู่จะด่าว่าแกโง่”
“แกเห็นกับตาตัวเองหรือไงว่าสวี่ฮุ่ยรังแกสวี่เยว่? สวี่เยว่เป็คนบอกแกเองทั้งนั้น”
“แกเชื่อทุกอย่างที่สวี่เยว่พูด นี่แกไม่มีสมองหรือไง?”
“ต่อให้สิ่งที่สวี่เยว่พูดเป็เื่จริง เธอก็มีพ่อแม่คอยหนุนหลัง จะต้องให้แกออกหน้าแทนทำไม?”
คุณตากู่โบกมือแล้วพูดกับลูกสะใภ้ “พอแล้ว อย่าด่าเลย พวกเราพาซานซานไปขอโทษสวี่ฮุ่ยที่บ้านเธอกันเถอะ”
ถึงแม้ว่ากู่ซานซานจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่กล้าขัด
ตอนนี้ห้าโมงกว่าแล้ว สวี่ฮุ่ยเพิ่งสอนพิเศษให้นักเรียนมัธยมปลายที่ห้องรับรองของบ้านพักเสร็จกำลังจะกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเธอมาจากด้านหลัง
เธอหันกลับไปมอง ก็เห็นคุณตากู่ กู่เจี้ยนกั๋วและภรรยา รวมถึงกู่ซานซานลูกสาวของพวกเขา
สวี่ฮุ่ยแปลกใจเล็กน้อย
คุณตากู่ไม่พอใจที่ลูกสาวแต่งงานกับคนต่ำต้อยกว่า ค้างคาใจอยู่ตลอดจนไม่เคยมาบ้านลูกสาวเลย ทำไมวันนี้ถึงมาเยี่ยมล่ะ?
สวี่ฮุ่ยขานรับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เอ่ยทักทายแค่ “สวัสดีค่ะคุณตา” แล้วก็เงียบเสียง
ถ้าไม่ใช่เพื่อแสดงให้คนอื่นเห็น เธอี้เีแม้แต่จะทักทายด้วยซ้ำ
คุณตากู่พยายามเก็บความไม่พอใจไว้ แล้วถามด้วยใบหน้าใจดี “วันนี้ตาอายุครบเจ็ดสิบปี ทำไมหลานไม่มาล่ะ?”
สวี่ฮุ่ยยังคงเ็า “คุณตาไม่เคยให้หนูไปบ้านคุณตา หนูจะกล้าไปได้ยังไงคะ? ถ้าทำให้คุณตาโกรธขึ้นมาจะทำยังไง?”
คุณตากู่กระแอมสองทีอย่างรู้สึกอึดอัด “งานวันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีครั้งนี้ ฉันให้แม่ของหลานมาบอกหลานแล้วว่าให้หลานมาไม่ใช่เหรอ? เป็หลานที่บอกว่าติดธุระมาไม่ได้เอง”
สวี่ฮุ่ยปฏิเสธทันควัน “แม่ไม่ได้บอกหนูนะคะ ถ้าคุณตาไม่เชื่อ หนูจะคุยกับแม่ต่อหน้าเลยค่ะ!”
กู่เจี้ยนกั๋วแอบมองสวี่ฮุ่ย มิน่าล่ะน้องสาวถึงได้โทรมาบ่นกับเขาที่ทำงานหลายครั้ง บอกว่าสวี่ฮุ่ยควบคุมยากขึ้นเรื่อย ๆ เสียใจที่เก็บเธอไว้ั้แ่ตอนนั้น
เด็กคนนี้เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วจริง ๆ
เมื่อก่อนอ่อนแอ ตอนนี้กลับดูน่าเกรงขาม
สวี่ฮุ่ยััได้ว่ามีคนแอบมองเธอ จึงหันขวับไปมอง
กู่เจี้ยนกั๋วไม่ทันตั้งตัว โดนสวี่ฮุ่ยจับได้ เขารีบหลบสายตาอย่างลุกลี้ลุกลน
สวี่ฮุ่ยงุนงง กู่เจี้ยนกั๋วแอบมองเธอทำไม เขามีอะไรต้องกลัวกัน?
คุณตากู่โกรธมาก เขาไม่คิดว่ากู่ซิ่วจะหน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้
กู่ซิ่วกับสวี่เยว่เพิ่งกลับมาไม่นาน กำลังกินแตงโมอยู่ที่บ้าน
พอเห็นคุณตากู่และคนอื่น ๆ เข้ามาในบ้าน สองแม่ลูกก็ตกตะลึงไปพักใหญ่กว่าจะตั้งสติได้
กู่ซิ่วรีบเข้าไปต้อนรับพ่อของตัวเอง “พ่อคะ อากาศร้อนขนาดนี้ ทำไมถึงมาล่ะคะ? รีบนั่งกินแตงโมก่อนสิคะ”
คุณตากู่ไม่อยากให้เื่ฉาวโฉ่ในบ้านไปถึงหูคนนอก จึงสั่งให้กู่เจี้ยนกั๋วปิดประตูบ้าน
แล้วถามเสียงเคร่งขรึม “ฉันให้แกบอกฮุ่ยฮุ่ยว่างานอายุครบเจ็ดสิบปีของฉันวันนี้สวี่ฮุ่ยต้องมา แกได้บอกสวี่ฮุ่ยหรือเปล่า?”
กู่ซิ่วรู้ว่าความลับแตกแล้ว แต่เธอกลับไม่ร้อนใจเลยสักนิด
“หนูบอกฮุ่ยฮุ่ยแล้วค่ะ แต่ฮุ่ยฮุ่ยบอกว่าพวกพ่อไม่เคยดีกับเธอั้แ่เด็ก เธอจะไปอวยพรวันเกิดคุณพ่อทำไม? เธอไม่อยากไป หนูจะทำยังไงได้ล่ะคะ?”
สวี่ฮุ่ยเห็นกู่ซิ่วโกหกหน้าตาเฉย เธอหัวเราะเยาะอย่างดูถูก “แม่พูดอะไรก็พูดไปเถอะ ขอแค่มีความสุขก็พอ”
คุณตากู่ตบหน้ากู่ซิ่วฉาดใหญ่ “ฉันให้แกพูดโกหกเหรอ! ต่อให้แกจะไม่ชอบฮุ่ยฮุ่ยแค่ไหน แกก็ทำแบบนี้กับเธอไม่ได้!”
กู่ซิ่วโดนตบจนมึนงง เธอมองพ่อของตัวเองด้วยความตกตะลึง
สวี่เยว่เห็นดังนั้น เธอก็รีบวิ่งเข้ามาบังหน้ากู่ซิ่วเอาไว้ เอ่ยน้ำตาคลอเบ้า “คุณตาคะ อย่าตีแม่เลยค่ะ มีอะไรค่อย ๆ ...”
เธอยังพูดไม่ทันจบ คุณตากู่ก็ตบหน้าเธอไปสามฉาดใหญ่
สวี่เยว่โดนตบจนล้มลงไปกองกับพื้น มุมปากมีเืไหลออกมา
กู่ซิ่วตั้งสติได้ รีบพุ่งตัวเข้าไปกอดสวี่เยว่แล้วร้องไห้ถามว่า “เยว่เยว่ ลูกเป็ยังไงบ้าง? ต้องไปโรงพยาบาลไหม?”
สวี่เยว่ฝืนยิ้มอย่างอดทนและเข้มแข็ง “แม่ หนูไม่เป็ไร ขอแค่คุณตาไม่ตีแม่ หนูโดนตบกี่ครั้งก็ไม่เป็ไรค่ะ”
กู่ซิ่วหันไปะโใส่คุณตากู่ “พ่อ! พ่อรู้อยู่แล้วว่าเยว่เยว่เป็โรคหัวใจ ยังลงไม้ลงมืออีก พ่ออยากตีเธอให้ตายหรือไงคะ!”
คุณตากู่พูดอย่างเคียดแค้น “ถ้าตีคนตายไม่ผิดกฎหมาย ฉันก็อยากตีแกให้ตายจริง ๆ นั่นแหละ!”
สวี่เยว่ลุกขึ้นยืนด้วยความช่วยเหลือของกู่ซิ่ว เธอร้องไห้ท่าทางน่าสงสาร “คุณตา หนูทำอะไรผิดคะ ทำไมคุณตาถึงโกรธขนาดนี้? บอกหนูมาเถอะค่ะ หนูจะแก้ไข”
คุณตากู่ตบหน้าสวี่เยว่ไปหลายที ความโกรธในใจก็บรรเทาลงบ้าง แต่พอได้ยินคำพูดแสนใสซื่อของสวี่เยว่ โทสะก็ลุกโชนขึ้นมาอีก
ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ตบหน้าสวี่เยว่อีกฉาดใหญ่ “แกยังตีมึน แกล้งทำเป็น่าสงสารอีก!”
“แกหลอกใช้ซานซานปล่อยข่าวลือใส่ฮุ่ยฮุ่ย คิดว่าพวกเราไม่รู้หรือไง?”
“ทุกครั้งที่แกบอกว่าจะแก้ไข จะไม่ทำร้ายฮุ่ยฮุ่ยอีก ครั้งต่อไปแกก็จะลงมือหนักกว่าเดิม ร้ายกาจยิ่งกว่าเดิม!”
ซือล่าเหมยก็โกรธมากเช่นกัน เธอพูดกับสวี่เยว่ว่า “เธอมันร้ายกาจนัก เอาซานซานมาเป็เครื่องมือ!”
“ครั้งหน้าถ้าเธอยังใช้ซานซานเป็เครื่องมืออีก ฉันไม่สนหรอกว่าเธอป่วยหรือไม่ป่วย ฉันก็จะตบหน้าเธอเหมือนกัน!”