เซี่ยเสี่ยวหม่านนำกระดาษที่ถูกองค์หญิงหวายหนิงขยำเป็ก้อนคลายออกมาอย่างช้าๆ จากนั้นให้ซ่างกวนยิงหงแสดงใบรายชื่อให้ทุกคนได้ดู
แม้ว่าจะคาดเดาได้ั้แ่แรกแล้ว แต่เมื่อเห็นถึงดวงชะตาวันเกิดที่ตรงกันทุกประการ ทุกคนก็ยังคงคิดไม่ถึง และไม่อยากจะเชื่อ
“ยังมีรายชื่ออีก จะต้องมีผู้ที่ได้รับคัดเลือกอีกแน่นอน! ”
“พวกเ้าใครที่มีดวงชะตาเหมือนกับนางอีก รีบลุกออกมา! ”
“นังคนชั้นต่ำผู้นี้เหยียบบุญวาสนาอะไรมาอย่างนั้นหรือ? ข้าไม่เชื่อ! ”
่เวลาเพียงครู่เดียวองค์หญิงหวายหนิงก็ทนรอไม่ไหว จึงแย่งใบรายชื่อทั้งหมดที่อยู่ในมือของเซี่ยเสี่ยวหม่านมาเปิดดูทีละแผ่น ทว่านางดูหนึ่งแผ่นแล้วทิ้งไปหนึ่งแผ่น ผ่านมาเป็เวลานานก็ยังไม่พบผู้ที่มีดวงชะตาวันเกิดตรงกัน
ขณะที่ใบรายชื่อในมือน้อยลงเรื่อยๆ ลมหายใจขององค์หญิงหวายหนิงก็ดังกระชั้นชิด ทางด้านของผู้คนรอบข้างก็เงียบลงเรื่อยๆ
ในที่สุดก็เหลือถึงใบรายชื่อแผ่นสุดท้ายแล้ว องค์หญิงหวายหนิงมองดูแล้วไม่ได้โยนทิ้งในทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ในใจของทุกคนล้วนเกิดความอึดอัด ความตึงเครียดและความคาดหวัง
หรือว่า…
ทั่วทั้งร่างของกูเฟยเยี่ยนเกิดความอึดอัด นางไม่สามารถอธิบายได้ว่า ในเวลานี้ความเครียดของตนเองอยู่ในระดับใด นางอยากจะกุมไปที่หัวใจเพื่อให้หัวใจเต้นช้าลงสักนิด ทว่าเมื่อเห็นถึงสีหน้าท่าทางที่ค่อยๆดุร้ายขึ้นขององค์หญิงหวายหนิงแล้ว นางก็ยังคงรักษารอยยิ้มยั่วยุเอาไว้อย่างไม่ลังเลใจ
ว่ากันว่าผู้ชนะที่แท้จริง จึงจะสามารถหัวเราะได้จนถึงตอนสุดท้าย ทว่าผู้ที่ยอมรับในการพ่ายแพ้ ต่อให้แพ้แล้วก็สามารถยิ้มจนถึงตอนสุดท้ายได้เช่นกัน!
กูเฟยเยี่ยนหัวเราะและรอคอย สองมือที่เต็มไปด้วยาแกอบกุมกันไว้
ทันใดนั้นองค์หญิงหวายหนิงก็ได้ฉีกใบรายชื่อแผ่นสุดท้ายออกแล้วทิ้งลงพื้นอย่างรุนแรง นางไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำเพียงส่งสายตากล่าวเตือนไปให้กูเฟยเยี่ยนแล้วหันหลังเดินจากไป
นี่…
ดังนั้น…
ในลานอันกว้างใหญ่เงียบสนิทแม้กระทั่งสายลมก็ไม่มี ไม่รู้ว่าเป็ผู้ใดกันที่จู่ๆ ก็ร้องใขึ้นมา “มีเพียงกูเฟยเยี่ยนคนเดียวที่เป็ผู้ได้รับการคัดเลือก! ”
ในเวลานั้นทั่วทั้งลาน ดั่งกับหม้อที่ะเิขึ้นมา แล้วเกิดความโกลาหล
“เป็ไปไม่ได้! ”
“ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ! ”
“เป็แบบนี้ไปได้อย่างไร เป็ไปไม่ได้! ์…”
“เป็นางได้อย่างไร เป็แบบนี้ได้อย่างไรกัน? ”
……
เป็สถานการณ์ที่ควบคุมไว้ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะใครก็ล้วนไม่เชื่อว่ากูเฟยเยี่ยนนังหนูผู้นี้จะกลายมาเป็ผู้โชคดี กลายมาเป็หญิงรับใช้คนแรกของจิ้งหวางฝู่!
มุมปากของกูเฟยเยี่ยนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นางยิ้มแล้ว เป็ยิ้มที่ออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจจริงๆ !
ความตื่นตระหนกใ ความตื่นเต้น ความดีอกดีใจ ล้วนไม่สามารถอธิบายได้ถึงอารมณ์ของนางในเวลานี้
นางดีอกดีใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา และอยากจะหัวเราะจนน้ำตาไหล
นางมีทางรอดแล้ว!
ในครั้งนี้มีทางรอดแล้วจริงๆ ! ไม่ใช่การหลอกลวง!
ในครั้งนี้ผู้ที่้ารับนางไว้คือผู้ที่มีอำนาจสูงสุด ฐานันดรสูงส่งที่สุด และมีรูปโฉมงดงามที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งหมด ผู้ที่ดำรงอยู่อย่างแทบจะเป็ปริศนา จิ้งหวาง จวินจิ่วเฉิน!
ในหัวของกูเฟยเยี่ยนจู่ๆ ก็ปรากฏถึง “พรหมลิขิต” คำนี้ออกมา หากว่าการพบกันครั้งแรกในตรอกซอยครั้งนั้น เป็เื่บังเอิญ เช่นนั้นนางเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าในครั้งนี้คือพรหมลิขิต!
ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวเคยกล่าวไว้ว่า หากพรหมลิขิตมีมากเพียงพอ ทุกอย่างต่างก็เป็ไปได้! นางคิดไว้ว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะต้องเป็ดาวนำโชคขนาดใหญ่ของนางแน่นอน! ใช่อย่างแน่นอน!
ต่อให้นายก้อนน้ำแข็งเหม็นสารเลวผู้นั้นจะโกหกนางอีก หรือหลอกลวงนางอีก! เขาไม่รับนางไว้ นางก็ไม่้าอีกแล้ว!
ท่ามกลางความโกลาหล หม่านกงกงเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าหนักอึ้ง “ล้วนกระซิบกระซาบอะไรกัน! เสียงดังรำคาญจนหัวข้าพเ้าจะะเิขึ้นมาแล้ว! ”
เช่นนี้ทุกคนจึงได้เงียบลง
“เห้อ…ดูเหมือนว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะไม่มีทางเลือกอย่างอื่นแล้วสินะ”
หม่านกงกงดูเหมือนว่าจะไม่พอใจ และเสียดายเป็อย่างมากแล้วพูดว่า “ใต้เท้าหนานกง ในเมื่อเป็เช่นนี้แล้ว พวกเราจิ้งหวางฝู่นั้นจะยืมตัวแพทย์หญิงกูเฟยเยี่ยนเป็ระยะเวลาสามเดือน สถานการณ์พิเศษ ข้าพเ้าต้องพานางกลับไปในตอนนี้ เื่ที่ควรต้องจัดการขอไหว้วานให้ท่านช่วยจัดการแทนด้วย”
ศาสตราจารย์แพทย์รีบตอบกลับ “การได้รับใช้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ถือเป็เกียรติและความโชคดีของข้าน้อย หม่านกงกงไม่จำเป็ต้องเกรงใจ”
หม่านกงกงพยักหน้าพึงพอใจ เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองกูเฟยเยี่ยน ทำเพียงหันหลังเดินไป ในขณะเดียวกันก็พูดขึ้นมาอย่างพิลึกกึกกือ “ฮ่าๆ ล้วนเป็ชะตากรรม แพทย์หญิงกู เ้าตามข้ามาเถอะ! ”
กูเฟยเยี่ยนรีบร้อนตามขึ้นไป แม้ผ่านมาสักพักแล้ว แต่ใจที่ตื่นเต้นก็ยังคงไม่สามารถสงบลงได้ นางลอบคิดถึงคำว่า หากรอดจากเหตุการณ์ที่เลวร้ายได้ ย่อมมีโชคลาภ ถึงแม้จะเป็เพียงแค่สามเดือน แต่ว่าเมื่อนางไปถึงจิ้งหวางฝู่แล้ว นางจะต้องแสดงความสามารถที่ดีออกมาอย่างแน่นอน!
ทันทีที่หม่านกงกงและกูเฟยเยี่ยนจากไป ผู้คนก็ได้วิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้ง โดยเฉพาะแพทย์ชั้นสูงซ่างกวนและเวินอวี่โหรว สองคนนี้ได้ซุบซิบนินทากันราวกับว่าเป็เื่เครียดอย่างยิ่ง
ศาสตราจารย์ไม่ได้อยู่รอสักครู่หนึ่ง เขารีบร้อนออกไปเมื่อไปถึงที่ที่ไร้ซึ่งผู้คนจึงได้ถอนหายใจออกมาแล้วปาดเหงื่อออก เขานั้นแทบจะใจนโง่งมไปแล้ว!
ไม่ใช่เื่อื่นอันใด แต่เป็เพราะใบเซียมซีแผ่นนั้นที่หม่านกงกงมอบให้เขา มันไม่เพียงแต่จะเขียนถึง “เกิงหยิน” “เจี่ยเซิน” “อู้ซวี” และ “ปิ่งเฉิน” แปดตัวอักษรนี้เท่านั้นแล้ว แต่ยังเขียนไว้อีกหนึ่งประโยคว่า “จิ้งหวาง้ากูเฟยเยี่ยน เพื่อที่จะทำความเข้าใจด้วยพระองค์เอง”
ทำความเข้าใจด้วยพระองค์เอง?
“ทำความเข้าใจด้วยพระองค์เอง” คำนี้นับว่าเป็คำที่เข้าใจได้ยากที่สุดในโลกอย่างแน่นอน
เมื่อครู่นี้เขาเกือบจะตกตะลึงตาค้างแล้ว เป็เพราะไม่รู้ว่าควรที่จะทำเช่นไรดี เขาจึงทำได้เพียงร่วมมือกับหม่านกงกงในการแสดงออกมา พยายามให้กระบวนในการคัดเลือกดูเหมือนเปิดเผย ยุติธรรม และเที่ยงธรรม เพื่อให้การคัดเลือกกูเฟยเยี่ยนกลายเป็เหตุบังเอิญ
เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย้ากูเฟยเยี่ยน หญิงสาวแบบนี้ไปทำไม? ยากที่จะเข้าใจเกินไปแล้ว!
ช่วยกูเฟยเยี่ยนหรือ? ไม่มีเหตุผลนี่นา!
แย่งกูเฟยเยี่ยนกับเฉิงอี้เฟย? ยิ่งไม่มีเหตุผลเลย!
ยับยั้งความขัดแย้งของตระกูลเฉิงและตระกูลฉีสองตระกูลนี้ไม่ให้เลวร้ายลง? ไม่ถึงขนาดนั้นนี่นา!
สุดท้ายแล้ว…เพื่ออะไรกันนะ? !
ศาสตราจารย์แพทย์ไม่ว่าจะครุ่นคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เขาไม่กล้าที่จะพูดคุยเื่นี้กับคนอื่น ทำได้เพียงให้ความลับนี้เน่าเปื่อยอยู่ในท้อง ต้องรู้ไว้ว่าเื่ราวนี้ไม่เพียงแต่พัวพันถึงใบเซียมซีปลอมของวัดต้าฉือแล้ว แต่ยังพัวพันไปถึงตระกูลเฉิงและตระกูลฉีสองตระกูลแม่ทัพ มันไม่ใช่เื่ล้อเล่นเลยจริงๆ
ทันทีที่องค์หญิงหวายหนิงกลับมาถึงตำหนักฟางหวาก็ได้หันมาตบหน้าเซวียกงกงไปสามที เซวียกงกงร้องขออ้อนวนไปด้วยโน้มน้าวไปด้วย “องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ พวกเราไม่ต้องพูดถึงจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ต่อให้เป็เซี่ยเสี่ยวหม่านก็รับไม่ได้กับเฟยเยี่ยนเลย กูเฟยเยี่ยนไปจิ้งหวางฝู่แล้ว อาจจะไม่ใช่เื่เลวร้าย วิธีการทรมานคนของเซี่ยเสี่ยวหม่านก็เป็ที่รู้กันดี อีกอย่าง…อีกอย่าง ลูกผู้ชายสิบปีล้างแค้นก็ไม่สาย นับประสาอะไรกับสามเดือน! ”
องค์หญิงหวายหนิงเมื่อได้ฟังคำเช่นนี้ความโกรธจึงได้ลดลงเล็กน้อย นางส่งคนนำเื่นี้ไปแจ้งกับฉีอวี้ ในขณะเดียวกันก็นัดฉีฟู่ฟางมาเจอกัน
พ่อลูกตระกูลฉียังคงคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูห้องยาสำนักหมอหลวง ทันทีที่ทราบเื่นี้สองพ่อลูกล้วนตกตะลึง
แม่ทัพฉีที่สงบนิ่งมาั้แ่ไหนแต่ไรเกิดความขัดจังหวะเล็กน้อย เขาเอ่ยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “อวี้เอ๋อร์ เ้าว่า…มันเป็ไปได้อย่างไรกัน นี่มันจะบังเอิญเกินไปหรือไม่? จิ้งหวางคงไม่…
ฉีอวี้ก็เกิดความคาดไม่ถึงเช่นกัน “ท่านพ่อ นอกจากความบังเอิญแล้วจะเป็อะไรไปได้อีก! ไม่มีเหตุผลที่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะทำเช่นนี้! ”
จนถึงตอนนี้ฮ่องเต้ก็ยังคงไม่ยอมพบพวกเขา จิ้งหวางยิ่งเป็ไปไม่ได้ที่จะสนใจเื่พวกนี้ ต่อให้สนใจ อย่างมากก็แค่บอกเป็นัยกับพวกเขาสองสามประโยค เป็ไปไม่ได้ที่จะลงมือกับกูเฟยเยี่ยนหญิงสาวผู้นี้อย่างแน่นอน!
“บังเอิญจริงหรือ? ”
แม่ทัพฉีพึมพำกับตนเอง ในไม่ช้าก็กระซิบกระซาบกับฉีอวี้ “ไป กลับไปก่อน พวกเราไม่สามารถคุกเข่าอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีก! ”
กูเฟยเยี่ยนกลายมาเป็คนของจิ้งหวางฝู่ หากว่าพวกเขายืนกรานที่จะถอนหมั้นกูเฟยเยี่ยนใน่เวลานี้ มันจะเป็การไม่ให้เกียรติจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ดีที่ว่าระยะเวลาสามเดือนนั้นไม่นาน พวกเขาทำได้เพียงอดทนสังเกตการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ
ฉีอวี้ไม่พอใจเป็อย่างมาก “ท่านพ่อ กูเฟยเยี่ยนไม่สามารถแตะต้องได้ชั่วคราวแล้ว เฉิงอี้เฟยนั้นก็ไม่สามารถรายงานได้แล้วหรือ? ”
แม่ทัพฉีเอ่ยอย่างไม่พอใจ “สองคนนี้ยังไม่ใช่เื่เดียวกันอีกอย่างนั้นหรือ? กลับไปก่อน เื่นี้ไม่สามารถบรรลุได้ด้วยความโกรธในชั่วขณะหนึ่ง แต่จำเป็ต้องวางแผนระยะยาว! นังหนูตระกูลกูเป็ตัวก่อให้เกิดเหตุเภทภัยจริงๆ! ”
พ่อลูกตระกูลฉีออกจากพระราชวังไปแล้ว ข่าวก็แพร่กระจายออกไปจากพระราชวังด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด เมื่อเทียบกับเหตุการณ์หอฝูหม่านแล้ว เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้รู้สึกน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่า เื่ราวนั้นจะแพร่กระจายใหญ่โตไปทั่วเมืองอย่างแน่นอน!
กูเฟยเยี่ยนนั่งบนรถม้าของจิ้งหวางฝู่มาสักครู่หนึ่งแล้ว รถม้านั้นได้มุ่งตรงไปยังจิ้งหวางฝู่ เมื่อคิดว่าใกล้ที่จะได้เหลือบมองพระพักตร์ที่แท้จริงของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยแล้ว นางทั้งประหม่าทั้งตั้งหน้าตั้งตารอ…