ถงซินตบบ่าของเธอ “ไม่ยอมใช่ไหม? ฉันรู้ว่าไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เขาในตอนนี้จะไปจำได้ที่ไหนว่าเธอเป็ใคร ถ้าอย่างนั้น…” ดวงตาของถงซินกลอกไปมา “บอกความจริงเขาไปตรงๆ เลยดีไหม?”
เธอพูดคำนี้ออกไปอย่างสงสัยและแฝงไปด้วยการลองเชิง กลัวว่าเนี่ยเซิงเสี่ยวจะลุกขึ้นมาด่าเธอ
แต่เนี่ยเซิงเสี่ยวไม่ได้ลุกขึ้นมาด่าเธอ และก็ไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดของเธอ ทำเพียงแค่เปิดกล่องโจ๊กขึ้นมาแล้วเริ่มป้อนเหนี่ยวเหนี่ยว “ตอนที่ฉันทิ้งเขาไป ฉันได้ใช้ความกล้าไปจนหมดแล้ว นั่นเป็ความกล้าที่รวบรวมมาหมดทั้งชีวิตของฉัน ถ้าหากกลับไปอยู่กับเขาอีกก็คงไม่มีความกล้าที่จะไปทำร้ายเขาอีกครั้งแล้ว”
“แล้วไม่ทำร้ายไม่ได้หรือ!” ถงซินเป็คนตรงๆ ตอนที่เคยอยู่ในหอพักที่มหาลัยก็เคยชี้หน้าด่าเจินเนี้ยนว่าเธอเสแสร้ง ในตอนนี้เธอมีอะไรอยากจะพูดก็พูดออกมา “เธอเชื่อเหยียนจิ่งจื้อในตอนนี้ไม่ได้หรือ? เขาตอนนี้กับเขาคนก่อนไม่เหมือนกันแล้ว บางทีอาจจะเปลี่ยนมาแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งพอที่จะสามารถปกป้องเธอและคนรอบข้างเธอทั้งหมด…”
สุดท้ายเมื่อมองแววตาของเนี่ยเซิงเสี่ยวแล้ว เสียงของถงซินก็ค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ ใช่ จะไปแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นได้อย่างไร เป็ที่รู้กันว่าเหยียนจวิ้นคุณพ่อของเหยียนจิ่งจื้อคนนั้นเป็คนที่มีอิทธิพลสูง เขาไม่ยอมรับเนี่ยเซิงเสี่ยวเป็ลูกสะใภ้ จึงใช้ทุกวิถีทางทั้งการคุกคามกับใช้ความสิ้นหวังมาเล่นงาน
“ซินซิน เมื่อครู่เหมือนพี่พูดถึงเหยียนจิ่งจื้อ” เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวเคี้ยวโจ๊กในปากแล้วเอียงหัวถาม “นั่นเป็อาสองของเหยียนเจียอวี๋ไม่ใช่หรือ?” สำหรับคำว่าเหยียนจิ่งจื้อสามคำ เขาไม่รู้ว่าเขาเริ่มไวต่อชื่อนี้ขึ้นมาั้แ่เมื่อไร
พูดถึงเื่นี้แล้ว ที่เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวติดนิสัยเรียกชื่อเล่นของคนรอบข้างก็เป็เพราะถงซินซินบังคับ เธอคิดว่าถูกเด็กเล็กๆ แบบนี้เรียกชื่อเล่นมันทำให้รู้สึกใกล้ชิดและยังทำให้ดูเด็ก น่ารักกว่าเรียกน้าเป็ไหนๆ ต่อมาเหนี่ยวเหนี่ยวก็เรียกจนชิน แม้แต่เนี่ยเซิงเสี่ยวก็โดนเรียกไปด้วย
แต่ถงซินในตอนนี้ไม่มีเวลาว่างมาปลาบปลื้มกับการเรียกของเขา พร้อมทั้งชี้นิ้วไปทางเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวและพูดเสียงดังใส่เนี่ยเซิงเสี่ยว “เขา…เขา หรือว่าเขาเคยเจอเหยียนจิ่งจื้อแล้ว?!” จบแล้ว เหยียนจิ่งจื้อเห็นเด็กคนนี้แล้วไม่คิดว่าเป็ลูกของเขาสิแปลก ถ้าไม่เชื่อก็คาดว่าตาคงบอดไปแล้วแน่ๆ
เนี่ยเซิงเสี่ยวถลึงตาใส่เธอ “ตอนนี้เขาไม่คิดว่าเหนี่ยวเหนี่ยวเป็ลูกชายของเขา”
ถงซินฟังเนี่ยเซิงเสี่ยวเล่าเื่ที่เกิดในวันนี้จบก็ะโลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ทันที “เฮ้ๆ เนี่ยเซิงเสี่ยว ฉันก็เคยเจอคนโง่นะ แต่ไม่เคยเจอคนที่โง่อย่างเธอเลย!”
เนี่ยเซิงเสี่ยวกะพริบตา เธอเพิ่งจะเจอเหยียนจิ่งจื้อเหยียดหยามมาทั้งวัน ตอนนี้ก็ถูกเพื่อนสนิทด่าว่าโง่อีก เธอกอดเหนี่ยวเหนี่ยวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ฉันมันเป็คนที่์ไม่สนใจ”
เหนี่ยวเหนี่ยวลูบหัวแม่ของตัวเองแล้วพูดอย่างใจเย็น “มีบางครั้งที่โง่มาก” พอเห็นสีหน้าของเนี่ยเซิงเสี่ยวที่อยากจะตีเขา เด็กน้อยจึงรีบพูดเสริมขึ้นมาทันที “แต่ว่าปกติแล้วแม่ของผมก็ยังฉลาดมากๆ นะ”
ถงซินแยกสองแม่ลูกที่กำลังล้อเล่นกันอยู่ออกแล้วถาม “เนี่ยเซิงเสี่ยว วันนี้ตลอดทางที่ตามเขาไม่ได้รู้สึกแปลกๆ เลยจริงๆ หรือ?”
“มีนะ” เนี่ยเซิงเสี่ยวพูดกลับไปตามจริง เธอมองไปยังถงซินแล้วค่อยๆ เอ่ยปากพูด “ความจริงแล้วฉันกลับหวังให้ตัวเองถูกเขาด่าว่าโง่อีกสักหน่อย ถึงจะได้ไม่ต้องไปคิดว่าความทรงจำของเขากลับมาแล้วส่วนหนึ่ง”
ั้แ่ที่งานประมูลที่จงใจให้เธอหึงแล้วไปดูหนังเื่ “ความรักในกลิ่นอายหนังสือ” จากนั้นก็จงใจปล่อยให้เธอเข้าไปในห้องสปา และยังมีประโยคนั้น “ที่แท้ก็ยังว่ายน้ำแย่เหมือนเดิม”
เหยียนจิ่งจื้อไม่ได้คิดที่จะปิดบัง เขาถึงขั้นค่อยๆ บอกใบ้เธอทีละนิด ทีละนิด แต่เขายังคงเกลียดเธอ ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้ทิ้งไปโดยไม่บอกแม้แต่เหตุผล
จากนั้นเพราะว่าความจำเขากลับมาเพียงส่วนหนึ่ง เขาถึงยังไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเหนี่ยวเหนี่ยวที่กำลังป่วย เหยียนจิ่งจื้อเป็คนช่างดูแลเอาใจใส่มาก ถ้าหากเขาจำได้เขาจะเข้ามาช่วยโดยที่ไม่จำเป็ต้องร้องขอ
เหยียนจิ่งจื้อในตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนโซฟาหนังระดับไฮคลาสซึ่งเข้ากับเสื้อสูททำมือของเขาในคฤหาสน์ส่วนตัว ในมือถือบุหรี่อยู่หนึ่งมวน สายตาน่ากลัวจนปีศาจยังยอมศิโรราบ
เขาส่งยิ้มเล็กน้อยให้กับผู้ชายที่ถูกเขาบังคับให้นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไร ฉายาของเขาก็คือ “มือซ้าย” ซึ่งเป็คนข้างกายพ่อของเขา โดยรับผิดชอบเป็คนติดต่อเส้นสายในที่ลับ ทำงานกับเหยียนจวิ้น ไม่มีคนเก่งแบบนี้ไว้สักคนสองคนเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้เลย
แต่ว่าคนเก่งแบบนี้กลับมาขวางไม่ให้เขาหาเื่ราวเกี่ยวกับอดีตตัวเองและเกี่ยวกับเบาะแสทุกอย่างของเนี่ยเซิงเสี่ยว สุดท้ายในตอนที่น้ำลดตอผุดเขาก็โกรธจนต้องจับ “มือซ้าย” คนนี้มา
เนี่ยเซิงเสี่ยวยังค่อยๆ สอนได้ แต่คนคนนี้ หากเขาไม่จัดการทิ้งคงจะยิ่งทำให้อารมณ์เสีย
“พูดมา ตอนนั้นที่จู่ๆ เนี่ยเซิงเสี่ยวหนีไปเกี่ยวข้องกับเหยียนจวิ้นหรือเปล่า?” ความอดทนของเหยียนจิ่งจื้อถูกใช้กับหมอนี่จนใกล้จะหมดแล้ว
“มือซ้าย” เงยหน้าขึ้น “คุณชาย คุณไม่ควรเรียกชื่อจริงคุณท่านตรงๆ นะครับ”
เหยียนจิ่งจื้อไม่พูดอะไรและถีบชายตรงหน้าไปหนึ่งที แต่เสียงกลับเยือกเย็นจนทำให้คนกลัว “ฉันไม่ได้เชิญนายมาพูดนอกเื่”
“ฮ่าๆๆๆ” มือซ้ายเองก็ไม่ใช่คนธรรมดา ในเวลาแบบนี้เขาก็ยังสามารถหัวเราะออกมาได้ ชายหนุ่มมองหน้าเหยียนจิ่งจื้อที่ขมวดคิ้วแน่นก่อนจะเอ่ยปาก “ผมเดาว่าความทรงจำของคุณชายคงจะยังกลับมาไม่หมดใช่ไหมครับ? ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ต้องมาถามคนอื่น”
เขามั่นใจมาก แถมแววตายังฉายความชั่วร้ายออกมา “แต่ว่านะคุณชาย อย่าหาว่าผมไม่เตือนคุณชายเลยนะ ผู้หญิงน่ะ เสียไปคนหนึ่งก็ยังหาได้อีกเป็พันเป็หมื่นคน แต่คุณท่านมีแค่คนเดียว คุณชายจะยอมมีเื่กับคุณท่านเพราะผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดีคนนั้นหรือ?”
ครั้งนี้เหยียนจิ่งจื้อเหยียบลงไปที่หน้าอกของเขา แถมยังกระทืบไปอีกสองครั้งด้วยสีหน้าโมโหจนสุดขีด
“กระทืบแรก ฉันไม่้าให้แกมาสอนฉัน”
“กระทืบสอง เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดี!”
เืสดๆ ของ “มือซ้าย” ไหลออกมาจากมุมปาก เขามองเหยียนจิ่งจื้อด้วยความตกตะลึงกับการต่อต้านพ่อของลูกชายคนนี้ สำหรับเื่ที่ลูกชายต่อต้านพ่อ แม้แต่คนดีต่อต้านอธรรมยังยอมแพ้อย่างสิ้นหวัง
เขาติดตามอยู่ข้างกายของเหยียนจวิ้นมาหลายปีจึงคุ้นเคยกับเหยียนจิ่งจื้อดี รวมถึงสไตล์การลงมือที่โหดร้ายนี้ด้วย มีบางสถานการณ์ที่ทำให้เขาเองก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้ ตอนนี้มาเจอกับสายตาแบบนี้ เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะรอดพ้นไปได้ถ้ายังคงปิดปากเงียบอยู่แบบนี้
“คุณชาย คุณอยากจะรู้อะไร ผมจะบอกครับ”
หลังจากที่ “มือซ้าย” พูดประโยคสุดท้ายจบก็มีสายโทรเข้าหาเหยียนจิ่งจื้อพอดี ใบหน้ายิ้มเยาะด้วยความโกรธเมื่อเห็นสิ่งที่แสดงบนหน้าจอ ก็บอกไม่ถูกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงกันแน่ บางทีแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร
“พูด” ทันทีที่เขารับสายก็พูดเพียงคำเดียว
เนี่ยเซิงเสี่ยวที่อยู่ปลายสายถูกคำเพียงคำเดียวนี้ตีเข้าจนเบลอ แต่ก่อนทุกครั้งที่เธอพูดโกหกเขาจะถามแบบนี้ ปรายตามองเธอที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางที่สูงส่งกว่า ก่อนจะเชยหน้าเธอขึ้นมาและก็พูดเพียงคำคำเดียวว่า พูด ถ้าหากไม่พูดก็จะไม่ยอมปล่อย
“ฉัน…” จู่ๆ เธอก็ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา เดิมทีเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าความจำของเขากลับมาแล้วจริงหรือไม่รวมถึงพูดโน้มน้าวให้เขามาตรวจร่างกาย จากนั้นค่อยมาบริจาคไขกระดูกให้เหนี่ยวเหนี่ยว เธอวางแผนไว้แล้วว่าจะมาเจอเขาอีกครั้ง แต่ตอนนี้เธอกลับพูดอะไรไม่ออก
ความทรงจำกลับมาแค่ไหนแล้วก็ยังคงเป็ปริศนา เธอถือโทรศัพท์เอาไว้แต่กลับกำลังพิจารณาว่าจะพาเหนี่ยวเหนี่ยวไปที่ไกลๆ กว่านี้ดีไหม
“ถ้าหากคุณเนี่ยยังอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่แบบนี้ งั้นผมจะวางแล้ว ผมไม่ว่าง” ใช่ ฟังจากคำพูดของ “มือซ้าย” แล้ว นอกจากเขาจะต้องลงโทษเนี่ยเซิงเสี่ยวแล้ว เขายังมีเื่สำคัญมากอยู่อีกเื่หนึ่ง
“วันนี้คุณเหยียนว่างหรือเปล่าคะ?!” ในที่สุดเนี่ยเซิงเสี่ยวก็ถามออกมา เมื่อวานตามเขามาทั้งวัน ความรู้สึกแปลกๆ ทำให้เธอไม่สามารถสงบใจข่มตาหลับลงได้
“ไม่ว่าง” ท่าทีของเหยียนจิ่งจื้อเหมือนกับเมื่อวาน ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
“เช่นนั้นคุณจะไปที่ไหนคะ จะทำอะไรหรือ? ฉันจะไปหา” แค่วันเดียว เนี่ยเซิงเสี่ยวกลับชินกับการตามหลังเขาเสียแล้ว
“ไปโรงพยาบาล”
…ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง
“ในที่สุดคุณเหยียนก็ยอมมาที่โรงพยาบาลแล้ว ลูกชายฉัน…”
“เธอยังโกหกอีกเหรอเนี่ยเซิงเสี่ยว โกหกต่อไปสิ!” เหยียนจิ่งจื้อตัดบทเธอ รู้สึกไม่พอใจกับคำว่า “ลูกชายฉัน” มาก เธอมีสิทธิ์ผลักเขาออกไปอยู่ข้างนอกั้แ่เมื่อไร? เธอมีคุณสมบัติอะไร?
“ความทรงจำของนาย…กลับมาแล้วจริงๆ”