เขามองหาทั่วทุกที่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงสตรีเลย แม้แต่เงาภูตผียังไม่เห็นสักตน
ฮั่วเยี่ยนไหวเหลือบมองชุดกระโปรงยาวสีชมพูตัวนั้นคราหนึ่ง คิ้วก็ขมวดมุ่น นึกไม่ถึงว่าสตรีนางนั้นจะเปลือยแผ่นหลังกลับเมืองหลวง
นางรู้จักละอายบ้างหรือไม่?
ฮั่วเยี่ยนไหวกลับลืมไปว่า เขาไม่ได้บอกไป๋เซี่ยเหอว่าจะให้คนนำชุดและรถม้าคันใหม่ไปส่งให้
ดังนั้น
คนหนึ่งโทษที่อีกคนไม่เป็สุภาพบุรุษ
ส่วนอีกคนก็โทษว่านางไม่สงวนท่าที
“เอาชุดไปมอบให้ขอทานเสีย”
ใบหน้าของอิ๋งเฟิงเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ่นี้ท่านอ๋องนับวันยิ่งทำตัวแปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆ
“จิ้งจอกน้อยเล่า?”
นานปานนี้แล้วยังไม่กลับมาอีกหรือ?
“ยังไม่กลับมาพ่ะย่ะค่ะ”
อิ๋งเฟิงครุ่นคิด ดูเหมือนว่านับั้แ่จิ้งจอกน้อยปรากฏกาย ท่านอ๋องก็เริ่มเปลี่ยนไป ควรหานักพรตมาทำพิธีขับไล่ปีศาจหรือไม่?
ฮั่วเยี่ยนไหวยังคงก้มหน้าอ่านสาสน์ต่อไป สาสน์ใน่นี้เยอะขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่ได้เกิดเื่ใหญ่โตขึ้นในแคว้น นอกจากนี้ เขายังมีหน้าที่อ่านสาสน์ทั้งหมดด้วย
มีเพียงการทำเช่นนี้เท่านั้นที่ทำให้เขาไม่ต้องนึกถึงอุณหภูมิของจิ้งจอกน้อยยามหลับอยู่ข้างกายเขา
ช่างประหลาดจริงๆ
นึกไม่ถึงว่าเ้าตัวเล็กขนปุกปุยตัวหนึ่งจะทำให้เขาเกิดความรู้สึกคิดถึงอย่างไม่เคยเป็มาก่อน
เดือนแจ่มดาวจาง
เสียงเคาะบอกเวลายามซื่อเกิ้ง[1]เพิ่งผ่านพ้นไป ทว่าจู่ๆ แสงไฟในจวนสกุลไป๋พลันสว่างไสว เสียงผู้คนพูดคุยกันดังขึ้น
ไป๋เซี่ยเหอลืมตา ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาสวม “ฝูเอ๋อร์ ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น?”
ฝูเอ๋อร์รีบเดินเข้ามาจุดตะเกียง “คุณหนูรองกลับมาแล้ว เหลาเหยี่ยให้ท่านไปพบที่ห้องหนังสือเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอหยิบเสื้อผ้ามาสวม ระหว่างที่ฝูเอ๋อร์ปรนนิบัติรับใช้ คิ้วของนางก็ขมวดแน่น “คุณหนู เหลาเหยี่ยคงไม่ทุบตีท่านหรอกนะเ้าคะ”
“ไม่หรอก”
ความจริงแล้วนางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะถูกทุบตีหรือไม่ ทว่าคราวนี้นางได้เตรียมการป้องกันไว้แล้ว หากเขาคิดจะทุบตีก็คงไม่ง่ายดายปานนั้น
ฝูเอ๋อร์ถอนหายใจ นางปวดใจแทนคุณหนูจริงๆ
“ต้องทนกับวันเวลาเช่นนี้ไปอีกนางเพียงใดกันเ้าคะ?”
“ฝูเอ๋อร์ หากมีวันหนึ่งที่ข้า้าออกจากจวนสกุลไป๋ เ้าเต็มใจจะไปกับข้าหรือไม่?”
“ย่อมเต็มใจแน่นอนเ้าค่ะ” ฝูเอ๋อร์ตอบโดยไม่ต้องคิด “แต่ว่าคุณหนูจะออกจากจวนสกุลไป๋จริงหรือ? แล้วจะไปที่ใดหรือเ้าคะ?”
“บิดาไม่เมตตา บุตรีจะกตัญญูได้อย่างไร?” ไป๋เซี่ยเหอยิ้มอย่างเ็า “สำหรับที่ที่ข้าจะไปนั้น ข้าย่อมวางแผนเอาไว้แล้ว”
ห้องหนังสือของไป๋เสียนอันไม่เหมือนห้องหนังสือของฮั่วเยี่ยนไหวที่มีตู้หนังสือขนาดใหญ่วางเรียงรายอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย หากเปรียบเทียบกับยุคปัจจุบัน ห้องหนังสือของฮั่วเยี่ยนไหวเปรียบได้กับร้านหนังสือไม่มีผิด
ทว่าภายในห้องหนังสือของไป๋เสียนอันนั้น นอกจากตำราพิชัยาขั้นพื้นฐานที่มีจำนวนน้อยนิดจนนับนิ้วได้ ก็มีเพียงอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังดูเหมือนว่าเขาเคยใช้มันมาก่อนทั้งสิ้น
ภายในห้องหนังสือตอนนี้
ไป๋เสียนอันนั่งอยู่บนเก้าอี้ ส่วนไป๋หว่านหนิงคุกเข่าร้องห่มร้องไห้
“ท่านพ่อ หนิงเอ๋อร์ยังคิดว่าจะไม่ได้พบท่าน ไม่ได้ตอบแทนคุณท่านอีกแล้วเ้าค่ะ”
ไป๋เสียนอันะเือารมณ์เสียจนดวงตาแดงก่ำ เขายื่นมือไปลูบเส้นผมของไป๋หว่านหนิง “เหลวไหล เ้ากลับมาก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ?”
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นไป๋เซี่ยเหอยืนอยู่หน้าประตูห้องหนังสือ ความอ่อนโยนบนใบหน้าหายไปทันที “เหตุใดถึงมัวแต่ยืนอยู่หน้าประตู? ยังไม่รีบเข้ามาอีก!”
ไป๋เซี่ยเหอก้าวเข้าไปด้านใน นางไม่ชายตามองไป๋หว่านหนิงแม้แต่น้อย ใบหน้าดูราบเรียบไร้อารมณ์ ั์ตาจิ้งจอกคู่หนึ่งลึกล้ำและเย็นเยียบราวกับบ่อน้ำเย็นพันปีก็ไม่ปาน “เรียกข้ามาดึกดื่นด้วยเหตุอันใด?”
แม้ว่านางจะไม่ได้โกรธที่ถูกปลุกให้ตื่น ทว่าเมื่อนางเห็นสองคนตรงหน้าก็เกิดโทสะขึ้นทันที
ไป๋เสียนอันรู้สึกผิดหวังกับไป๋เซี่ยเหอยิ่งกว่าเดิม แม้แต่ผู้าุโยังไม่รู้จักทำความเคารพ จะไม่ทำความเคารพก็ช่างเถิด ทว่าแม้แต่บิดาก็ยังไม่เรียก มาถึงก็ถามคำถามทันที
มีท่าทีเหมือนบุตรีตรงไหนกัน?
สู้หนิงเอ๋อร์ที่เชื่อฟังและเอาใจใส่ไม่ได้แม้เพียงครึ่ง
สีหน้าของไป๋เสียนอันดูโกรธเกรี้ยว หากหนิงเอ๋อร์ไม่ได้ขอร้อง เขาก็ไม่อยากเรียกไป๋เซี่ยเหอมาพบแม้แต่น้อย
“หนิงเอ๋อร์ได้รับาเ็ อีกประเดี๋ยวเ้าไปใส่ยาให้นางที่ห้องเสีย”
“นางไม่มีสาวใช้หรือ?”
เรียกนางมาดึกดื่นเพื่อใส่ยาให้ไป๋หว่านหนิงเนี่ยนะ?
“จวนสกุลไป๋ไร้ค่าเพียงใดกัน? ถึงต้องให้บุตรีของภรรยาเอกที่มีเกียรติไปแย่งงานของสาวใช้”
“เ้าพูดจากระแทกแดกดันให้น้อยลงหน่อย” ไป๋เสียนอันตบโต๊ะด้วยความโกรธเกรี้ยว “เ้ามีวิชาแพทย์ เพราะฉะนั้นตรวจชีพจรกับจ่ายยาให้นางเสีย นั่นคือสิ่งที่เ้าควรทำ นางคือน้องสาวของเ้า!”
“ข้าไม่ทำ!”
ไป๋หว่านหนิงสมควรได้รับผลกรรมของตนเอง นางอาศัยอะไรถึงเอาตัวรอดจากเื่นี้ไปได้? ผู้ที่วางแผนทั้งหมดนี้ก็คือตัวนางเอง!
“ดี! เ้าปีกกล้าขาแข็งเสียแล้ว บิดาอย่างข้าใช้งานเ้าไม่ได้แล้ว เ้าคงไม่เห็นมารดาของเ้าอยู่ในสายตาแล้วเหมือนกัน”
มือทั้งสองข้างของไป๋เซี่ยเหอที่แนบอยู่ข้างลำตัวแปรเปลี่ยนเป็กำหมัดแน่น นางป้อนเืจิ้งจอกหิมะให้มารดาแล้ว ทว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นเลย นางไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วปัญหาอยู่ที่ใด
สุดท้ายแล้วนางก็ยังถูกผู้อื่นควบคุมอยู่ดี
“ใส่ยาประเดี๋ยวนี้” ไป๋เซี่ยเหอแทบจะได้ยินเสียงกัดฟันของตนเอง
นางไม่เคยถูกข่มขู่และต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอดสูปานนี้มาก่อน
ทั้งสองคนเดินไปที่เรือนของไป๋หว่านหนิงโดยไม่พูดไม่จาตลอดทาง
เมื่อก้าวเข้าไปในห้องของไป๋หว่านหนิง ไป๋เซี่ยเหอก็มองนางด้วยใบหน้าเ็า “เ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
เป็ไปไม่ได้ที่ไป๋เสียนอันจะเป็คนเรียกหานางในคืนนี้ ดูจากการที่ไป๋เหล่าฮูหยินเป็ลมไปเมื่อบ่าย และเขาทำตัวใกล้เกลือกินด่าง
แววตาของไป๋หว่านหนิงเต็มไปด้วยจิตสังหารเข้มข้น “ข้าจะทำอะไรได้? เ้ามีความสามารถถึงปานนั้น เหตุใดถึงยังจะกลัวข้าอีก?”
จู่ๆ นางก็ยิ้มออกมา
ไม่สิ นางแสร้งทำเป็ยิ้ม
ทว่าดวงตาของนางมีความเกลียดชังและจิตสังหารที่เผาไหม้อย่างรุนแรง
จากนั้นนางก็หันหลังให้ไป๋เซี่ยเหอพลางถอดเสื้อผ้าของตนเองทีละชิ้น
เมื่อเสื้อผ้าตกลงกับพื้น...
ผิวพรรณขาวผ่องของนางก็ปรากฏรอยฟกช้ำปื้นใหญ่อยู่เต็มไปหมด
ภาพนี้ดูคุ้นตาเล็กน้อยในสายตาของไป๋เซี่ยเหอ
ใช่แล้ว...
ยามที่นางเพิ่งทะลุมิติมา ร่างกายของไป๋เซี่ยเหอก็ไม่ได้ดีไปกว่าไป๋หว่านหนิงในตอนนี้นัก
เพียงแต่แตกต่างตรงที่ไป๋เซี่ยเหอเคยชินแล้ว
ทว่าเมื่อมองอย่างละเอียดอีกคราก็พบความผิดปกติ ในบรรดารอยฟกช้ำเ่าั้ ยังมีรอยช้ำสีแดงปะปนอยู่ด้วย
นั่นคือรอยที่เกิดจากการร่วมรัก
ก็หมายความว่า...
“ถูกต้อง ข้าบอกท่านพ่อว่าข้าตกจากรถม้าแล้วได้หญิงชรานางหนึ่งช่วยเอาไว้ นั่นคือเื่เท็จทั้งเพ ตอนนี้เ้าพอใจแล้วหรือยัง?”
ความจริงแล้วหากขบคิดอย่างถี่ถ้วนก็ย่อมจะคาดเดาได้ ไป๋หว่านหนิงเป็สตรีบอบบางนางหนึ่งที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน การหลบหนีจากเงื้อมมือของชายฉกรรจ์นับสิบนั้นย่อมเป็ไปไม่ได้เอาเสียเลย
เพียงแต่ไป๋เสียนอันเชื่อใจไป๋หว่านหนิงมาก
เขายินยอมที่จะเชื่อในปาฏิหาริย์อันน้อยนิดนั้น
“เหตุใดเ้าถึงให้ข้าดูสิ่งนี้?” นอกจากความประหลาดใจที่เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะในตอนแรกแล้ว ใบหน้าของไป๋เซี่ยเหอก็กลับมาราบเรียบตามเดิม
“เฮอะ” ไป๋หว่านหนิงหยิบเสื้อตัวบางขึ้นมาสวม ราวกับไม่รู้สึกหนาวอย่างไรอย่างนั้น “ข้าอยากรู้ว่าเ้าจะมีท่าทีเช่นไร”
“ตอนนี้รู้แล้วหรือยัง?”
“รู้แล้ว” เสียงของไป๋หว่านหนิงเบาจนแทบไม่ได้ยิน “เ้าเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เปลี่ยนไปไม่ใช่ไป๋เซี่ยเหอคนนั้นในความทรงจำของข้าอีกต่อไป”
“เ้าเป็ใคร? เ้าเป็ใครกันแน่?”
โทสะอันเข้มข้นแผ่ออกมาจากร่างของไป๋หว่านหนิง ก่อนหน้านี้มารดาตาย ต่อมาร่างกายของนางก็ถูกทารุณเช่นนี้อีก
นางเองก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน เปลี่ยนเป็จิตใจบิดเบี้ยว เปลี่ยนเป็ถูกความอาฆาตแค้นบดบังสายตา
“เ้าคิดว่าข้าจะเป็ผู้ใดได้?”
ไป๋เซี่ยเหอตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ ยิ่งทำเช่นนี้ก็ยิ่งช่วยยืนยันได้ว่านางคือไป๋เซี่ยเหอตัวจริง
“อันที่จริงข้าไม่สนใจว่าเ้าจะเป็ใคร”
“ฝากไว้ก่อนเถิด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เ้า ข้าจะแย่งมันมาจากเ้าทั้งหมด จากนั้นก็สังหารเ้าให้ตายไปเสีย”
------------------------
[1] ซื่อเกิ้ง หมายถึง ่เวลา 01.00-03.00 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้