บนน่องเรียวขาวราวกับหยกของหญิงสาว มีปลิงหนาเท่ากับนิ้วหัวแม่มืออยู่ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกขนพอง
เถาเซียงและคนอื่นๆ ต่างร้อนรน ได้แต่ตำหนิตนเองที่โง่เขลา เหตุใดจึงลืมไปว่าในบ่อน้ำน่าจะมีปลิง องค์หญิงก็ลงเล่นน้ำด้วยเท้าเปล่า พวกนางเองต่างก็ลืมเตือน!
ชิวอวี่และคนอื่นๆ ต่างมองหน้ากัน หากกัดแขนขาของพวกก็คงไม่เป็ไร ทว่า ปลิงตัวนี้กระหายเืเหลือเกินที่ดันไปกัดสาวน้อยแสนสวย
“เอาเกลือมา” เซียวเจวี๋ยจ้องมองชิงอีอย่างเ็า ก่อนจะหันไปพูดกับเถาเซียง
เถาเซียงและต้านเสวี่ยรีบไปหยิบเกลือมา
เซียวเจวี๋ยกำขึ้นมาหนึ่งกำมือและมองไปยังชิงอี “อาจจะเจ็บนิดหน่อย อดทนไว้ก็แล้วกัน”
ชิงอีที่ถูกปลิงกัดไม่รู้สึกเจ็บอะไรแม้แต่น้อย ทว่า หลังจากดูเกลือสีขาวบนมือของเขาแล้ว กลับปล่อยไก่ออกมา นางเบิกตากว้างและพูดว่า “เจ็บนิดหน่อย นี่มันเจ็บมากหรือไม่?”
เซียวเจวี๋ยที่เห็นนางเป็เช่นนั้น ก็รู้สึกว่ามันน่าขันอย่างอธิบายไม่ถูก หญิงสาวตัวเล็กๆ ที่หยิ่งผยอง ชอบทรมานผู้คน คิดไม่ถึงเลยว่าจะกลัวเจ็บด้วย?
เขาก้มหน้าลงเพื่อบดบังความมัวหมองในดวงตาของเขา “ข้าจะนับหนึ่ง สอง สาม ท่านพร้อมแล้วใช่หรือไม่”
ขณะที่พูด ตัวปลิงก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ชิงอีรู้สึกขยะแขยงเป็อย่างมาก จนอยากให้เขารีบเอามันออกไป
“หนึ่ง...”
รอจนเขานับถึงสาม
“สอง”
ความเ็ปที่มาโดยไม่ทันได้เตรียมตัวตั้งรับ เกลือกำมือหนึ่งได้ปิดอยู่บนแผลแล้ว ปลิงก็ร่วงลงไปดิ้นอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกัน เกลือที่แช่อยู่บนแผลราวกับว่ามีเข็มเล็กๆ แทงลงมาที่เนื้ออยู่เรื่อยๆ
“กรี๊ด”
ผู้คนที่อยู่ใกล้ๆ รู้สึกได้ถึงน้ำเสียงดังจนแสบแก้วหู เสียงกรีดร้องนั้นทำให้ในสมองของพวกเขามีเสียงวิ้งๆ และมีความรู้สึกราวกับว่าิญญาของพวกเขาออกจากร่างไป
แม้แต่มือของเซียวเจวี๋ยก็แข็งทื่อไปครู่หนึ่งเช่นกัน ริมฝีปากเองก็กระตุก
หากไม่รู้ คงคิดว่าเขากำลังฆ่าหมูอยู่ตอนนี้!
เจ็บ...ถึงเพียงนั้นเลยหรือ?
เมื่อเซียวเจวี๋ยเห็นใบหน้าของนางซีดเซียว คิ้วก็ยิ่งขมวดมากขึ้น “สมน้ำหน้า”
“หากท่านไม่มีความอ่อนโยนกว่านี้ ก็สมน้ำหน้าแล้ว ที่ท่านเป็โสดในวัยสามสิบ! หญิงสาวคนไหนที่ได้สมรสกับท่านคงต้องโชคร้ายไปอีกแปดชั่วโคตร!” สิ่งที่ชิงอีกลัวมากที่สุดคือความเ็ป เมื่อใดที่เ็ปนางก็จะโกรธเป็ฟืนเป็ไฟขึ้นมาทันที
ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ ทุกคนก็ก้มหน้าลงเงียบๆ ทั้งยังได้กลิ่นตุๆ ว่าจะเหตุการณ์ปั่นป่วนเกิดขึ้น
เซียวเจวี๋ยส่งเสียงฮึออกมา พร้อมกับสายตาที่จ้องมองนางอย่างเ็า “เช่นนั้นเ้าคงต้องโชคร้ายไปแปดชั่วโคตรแล้วล่ะ"
ก็เป็สาวน้อยอวบอ้วนผู้นี้ไม่ใช่หรือไรที่ะโปาวๆ ว่าจะแต่งงานกับเขา?
จื่อโตวจำมาผิดหรือไม่!
โบราณว่าไว้ว่าหากนายดี บ่าวก็ดีด้วย สมแล้วที่เป็น้องสาวของเย่เหยีนชายคนนั้น นิสัยที่ไม่รู้จักบุญคุณคนเหมือนกันไม่มีผิด!
ชิงอีถึงกับพูดไม่ออก เมื่อกำลังจะพูดออกไปว่าข้าผู้นี้ไม่แต่งงานกับเ้าโง่อย่างท่านหรอก
ทว่า ก็โดนหยุดเอาไว้ด้วยสายตาเสียก่อน รอยยิ้มเย่อหยิ่งและเ้าเล่ห์ที่มาพร้อมกับเวลาพูด “ใครพูดว่าเมื่อวานจะไม่แต่งงานกัน? หนุ่มน้อย ปากก็เอาแต่พูดว่าไม่้า ทว่า ใจกลับซื่อสัตย์เสียเหลือเกิน!” พูดจบ นางก็ไม่ลืมที่จะยื่นเท้าขาวน้อยๆ ไปถูกับหน้าอกของชายหนุ่ม
พวกปากไม่ตรงกับใจ!
ชิวอวี่และคนอื่นๆ ต่างก็หันหน้าไปทางอื่น พวกเขารู้สึกประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก
องค์หญิงใหญ่ กลางวันแสกๆ ทรงควบคุมใจตัวเองหน่อยได้หรือไม่?
เซียวเจวี๋ยถึงกับพูดไม่ออก ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่านางที่เป็เช่นนี้ เหมือนกับสิ่งที่เขาเลี้ยงไว้ในจวนอ๋องของตัวเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงออกเล็กๆ น้อยๆ ที่หยิ่งทะนงเช่นนี้ เหตุใดมันจึงได้ดูน่าโมโหกันนะ?
“ฝันกลางวัน” เขามองนางด้วยความดูถูกเหยียดหยาม เซียวเจวี๋ยก็จับเท้าน้อยๆ ของนาง แล้วโยนมันลงไปบนหญ้า ก่อนจะลุกขึ้นและออกไป
เฮอะ นิสัยเสียจริงๆ!
ชิงอีที่อยากจะไล่ตามเขาไปหาที่ห้อง ทว่า เมื่อเห็นขาที่เืออก นิสัยเอาแต่ใจของนางก็เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง “เถาเอ๋อร์รีบมาเป่าให้ข้าสิ โอ๊ยๆๆ ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว ไม่ได้ๆๆ ข้ากำลังจะตายแล้ว...”
เถาเซียงและต้านเสวี่ยถอนหายใจพร้อมกัน
ในที่สุดก็มีคนหยุดอารมณ์งอแงของนางได้ ปลาก็สุกแล้ว ก้างก็เอาออกแล้ว ทว่า ชิงอีก็ปฏิเสธที่จะกินมัน
เอาง่ายๆ คือปลาที่โตมากับการกินแมลงแบบนี้ นางกินมันไม่ลงหรอก!
นอกจากเห็นด้วยแล้ว คนอื่นๆ จะไปทำอะไรอีกล่ะ?
ชิวอวี่และคนอื่นๆ ต่างกินอย่างมีความสุข เพราะนี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องลำบากลำบนเพื่อจับมันมา
ชิงอีเล่นกับแหวนจินจื่อบนนิ้วโป้ง จ้องมองไปยังหลังของเซียวเจวี๋ยที่อยู่ไม่ไกล และเห็นว่าดวงตาของเขามองไปที่เหล่าขอทานในบ้านพักอยู่ตลอด
ดวงตาของนางสั่นไหวเล็กน้อย ลุกยืนขึ้น และเดินกะเผลกไป
เมื่อฉู่สือเห็นนางเดินเข้ามา ทันใดนั้นก็เผยให้เห็นถึงสีหน้าที่หวาดระแวง เมื่อคิดถึงคำเตือนของเซียวเจวี๋ยเมื่อวานนี้ เขาจึงอดทนแล้วถอยหลังกลับไป
เซียวเจวี๋ยเหลือบมองไปที่นางแล้วถอนสายตาออก ในความเฉยเมยก็มีความรังเกียจอยู่เล็กน้อย
“ท่านคิดที่จะจัดการกับพวกคนเหล่านี้อย่างไร?” ในด้านทำให้คนอื่นเกลียด ชิงอีเป็มือหนึ่งที่มีความถนัดในเื่การมีพฤติกรรมที่ทุกคนเกลียด เซียวเจวี๋ยเองก็คงเห็นว่านางดูขัดหูขัดตา ทว่า นางก็จะทำเช่นนี้ต่อไป ดูซิว่าใครอึดอัดกว่ากัน~
“องค์หญิงยังสนใจเกี่ยวกับความเป็ความตายของชาวบ้านเหล่านี้ด้วยงั้นหรือ?” เซียวเจวี๋ยถามอย่างเฉยเมย
ความจริงแล้วชิงอีไม่ได้้าจะคุยเื่นี้กับเขาเลย อย่างไรก็ตาม มันก็เป็เื่ไร้สาระสำหรับนาง
“การมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายเสมอ” นางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “สิ่งที่มีค่าที่สุดในโลกนี้คือชีวิต”
ไม่ว่าจะเป็มดหรือราชวงศ์ก็ตาม มีความเป็ไปได้ที่จะมีชีวิตอยู่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด และคนตายก็คือคนตาย แม้ว่าจะกลายเป็ผีเป็เซียน หลุดพ้นจากการเกิด แก่ เจ็บ ตายไปชั่วนิจนิรันดร์ ทว่า หากให้พูดแล้ว มันก็เป็ส่วนหนึ่งของกาลเวลาของเราเองที่หยุดชะงักไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือความหดหู่และความอ้างว้างที่ยาวนาน
ดวงตาของเซียวเจวี๋ยสั่นไหวเล็กน้อย เพราะมันค่อนข้างคาดไม่ถึง
ในคำถามเดียวกัน ดูเหมือนว่าเย่เหยียนก็เคยตอบเขาเช่นกัน ทว่า คำตอบที่ได้รับกลับตรงกันข้ามกัน เซียวเจวี๋ยหลับตาลง “เช่นนั้นองค์หญิงคิดว่าควรจะจัดการกับคนเ่าั้เช่นไรดี?”
“หือ?” ชิงอีหาววอดอย่างเกียจคร้าน “เกี่ยวอะไรกับข้าด้วยล่ะ”
คำตอบนี้...
ฉู่สือกลอกตามอง
เซียวเจวี๋ยยิ้มอย่างเ็า คนในครอบครัวเดียวกันอย่างไรก็มีนิสัยเหมือนกันจริงๆ
บอกว่านางไม่ใช่น้องสาวของเย่เหยียนก็ไม่มีใครเชื่อหรอก!
ชิงอีขยับแหวนทองจื่อจินบนมือ และจ้องมาที่เขาอย่างมีความหมาย หนุ่มน้อยผู้นี้ไม่สังเกตจริงๆ หรือว่าบนร่างกายของเขามีบางสิ่งบางอย่างหายไป?
เื่เมื่อคืนเขาก็ไม่ได้พูดถึง พูดตามจริงแล้ว หลังจากที่ตื่นขึ้นมา เขาเองก็น่าจะรู้ว่าตนเองโดนวางยาไม่ใช่หรือ?
“ท่านจะกลับเมืองหลวงเมื่อไร?”
“พรุ่งนี้ออกเดินทาง”
“แล้วเื่ที่เหลือล่ะ?”
“ทางวังหลวงจะส่งขุนนางชั้นผู้ใหญ่มาจัดการดูแล”
“แล้วไม่สืบเื่น้ำมันตะเกียงแล้วหรือ?” ชิงอีถามเขา
“คนชั่วผู้นั้นตายไปแล้ว เบาะแสก็ไม่มีแล้ว อยู่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์”
ถึงจะพูดเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ชิงอีก็ไม่คิดว่าเขาจะหยุดอยู่แค่นี้
เมื่อเซียวเจวี๋ยเห็นสีหน้าของนางเต็มไปด้วยความพึงพอใจ ราวกับจะพูดว่าท่านขอร้องข้าสิ ขอร้องให้ข้าช่วยท่าน ประโยคนี้เขียนอยู่บนใบหน้า
เซียวเจวี๋ยมองไปที่นางครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหลังและเดินออกไป
“นี่ ท่านจะไปแล้วหรือ?” ชิงอีกะพริบตา “เซ่อเจิ้งอ๋อง ท่านไม่สนใจความเป็ความตายของฝ่าาเลยหรือไร?”
เซียวเจวี๋ยหยุดฝีเท้าลง แล้วหันศีรษะกลับมามองไปที่นางอย่างคาดเดาไม่ได้ และเตือนนางว่า “องค์หญิง นั่นคือพระราชบิดาของท่าน”
ไม่ใช่เื่ของเขาเสียหน่อย อย่างไรแล้ว หลังจากที่เขาตายไปก็ไปยมโลกอยู่ดี ไม่ใช่ปรโลกเสียหน่อย! ข้าไม่ทำอะไรที่มันไม่ใช่งานของเขาหรอก
สองมือชิงอีที่แบกรับภาระเดินกะเผลกไปถึงข้างหน้าของเขา พร้อมกับรอยยิ้มที่สวยงาม ทว่า ความเย่อหยิ่งและการเยาะเย้ยในดวงตาไม่ได้ลดลงสักครึ่งหนึ่งเลย
“ถ้าเขาตายไป แล้วท่านจะไปถอนคำพูดกับใครล่ะ?”
เซียวเจวี๋ยมองท่าทางที่เย่อหยิ่งของนาง พร้อมกับดวงตาที่สั่นไหว หากเขาไม่อยากแต่งงานจริงๆ แม้แต่ฮ่องเต้เหยียนก็ไม่สามารถขัดขวางการตัดสินใจของเขาได้ ทันใดนั้น สิ่งที่นางพูดเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในความคิด
ให้เขายอมจำนนต่อความงามของนาง แค่ชั่วพริบตานางก็สามารถทำได้แล้ว!
“องค์หญิง ช่างเป็คนที่เตือนสติได้ดีจริงๆ”
เดี๋ยวก็ได้รู้ว่าใครกันแน่ที่ต้องยอมจำนน คอยดูกันไปก็แล้วกัน...