เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อบ้านที่ปักกิ่งแล้ว
จิตใจของกวนฮุ่ยเอ๋อเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ครั้งก่อนเธอบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่จริงใจกับโจวเฉิง แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับตอบว่าจะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยการเปลี่ยนแปลงนี้ช่างเด่นชัด และปรากฏอยู่ตรงหน้ากวนฮุ่ยเอ๋ออย่างชัดเจน
ถ้าไม่อยากคบหากับโจวเฉิง เหตุใดเซี่ยเสี่ยวหลานจึงต้องรีบซื้อบ้านที่ปักกิ่งเช่นนี้เล่า นั่นเป็เพราะการจัดสรรบ้านหลังเรียนจบเป็แบบสุ่ม อีกทั้งเซี่ยเสี่ยวหลานก็เป็คนมณฑลอวี้หนาน กว่าที่การจัดสรรบ้านจะมาถึงลำดับของเธอก็คงอีกนาน
ความจริงใจของเธอสื่อชัดถึงเจตนารมณ์ที่้าตั้งรกรากอยู่ปักกิ่ง
หากเซี่ยเสี่ยวหลานให้ความสำคัญกับโจวเฉิงจริง กวนฮุ่ยเอ๋อก็ไม่สามารถขัดขวางอะไรได้อีก กวนฮุ่ยเอ๋อไม่ได้เกลียดชังผู้หญิงที่ขยันทำงานหาเงิน เพราะเธอเองก็เป็คนให้ความสำคัญกับหน้าที่การงานเช่นกัน มิเช่นนั้นหลังคลอดลูกกวนฮุ่ยเอ๋อคงไม่ปล่อยให้แม่บ้านเป็คนเลี้ยงดูโจวเฉิงเช่นนี้
แต่คนเป็แม่สามีย่อมอยากได้ลูกสะใภ้ที่ทั้งหัวใจคิดถึงแต่ลูกชายของตน หากมองในมุมที่เป็ธรรม กวนฮุ่ยเอ๋อหาข้อเสียของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่พบแม้แต่น้อย แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะมาจากครอบครัวยากจนแต่เป็คนขยันขันแข็ง การเรียนก็ไม่ละเลย ทั้งยังอาศัยน้ำพักน้ำแรงของตนซื้อบ้านที่ปักกิ่งได้ การปฏิรูปเศรษฐกิจดำเนินมาแล้วสี่ห้าปี คนที่ยอมละเกียรติของตนไปทำธุรกิจอิสระยังมีไม่มาก และคนที่เลือกทำธุรกิจอิสระ ส่วนใหญ่ก็คือคนที่มีพื้นฐานครอบครัวไม่ดีอย่างเซี่ยเสี่ยวหลาน
แต่ไม่ว่าจะทำอาชีพไหน ขอเพียงประสบความสำเร็จล้วนน่านับถือทั้งสิ้น
อีกอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานยังอายุไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำ
กวนฮุ่ยเอ๋อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเดือนก่อนตอนมีคน้าแนะนำคู่ครองให้กับโจวเฉิง แม้เธอจะคัดค้านการคบหาของโจวเฉิงกับเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่ก็ไม่อาจโกหกว่าลูกชายของตนยังโสดอยู่ได้
ต่อให้อีกฝ่ายจะดีแค่ไหนก็ต้องรอให้โจวเฉิงกับเซี่ยเสี่ยวหลานเลิกรากันเสียก่อน... แต่ดูพวกเขาสองคนตอนนี้สิ เหมือนแยกจากกันได้หรือ?
กวนฮุ่ยเอ๋อได้ยินคุณย่าโจวถามเซี่ยเสี่ยวหลานว่ามีเงินซื้อบ้านพอหรือเปล่า ก็ถึงกับหมดอารมณ์จะพูด
เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งมาที่บ้านตระกูลโจวแค่ไม่กี่ครั้งก็สามารถคว้าใจคนตระกูลโจวไว้ได้หมดแล้ว กวนฮุ่ยเอ๋อจำได้ว่าแม่สามีตนก็เป็ห่วงเช่นกัน ทว่าทำไมถึงเปลี่ยนท่าทีไวเช่นนี้ จะคัดค้านก็ช่วยหนักแน่นในจุดยืนหน่อยมิได้หรือไร?
ถึงขั้นจะใช้เงินส่วนตัวช่วยเซี่ยเสี่ยวหลานจ่ายค่าบ้าน นี่หรือคนที่้าคัดค้าน นี่คือการหนุนหลังเซี่ยเสี่ยวหลานชัดๆ
เลิกคิด คิดต่อไปก็มีแต่จะปวดหัว!
อาหารมื้อนี้โดยรวมแล้วถือว่าผ่านไปอย่างชื่นบานใจ
พ่อเฒ่าโจว้าคุยกับโจวเฉิงเป็การส่วนตัว เขาคิดว่าการตัดสินใจไปเรียนต่อที่วิทยาลัยในเวลานี้เป็สิ่งที่ถูกต้อง
“ต้นไม้ต้องเติบใหญ่ รากต้องชอนไชฝังให้ลึก ตั้งใจเรียนที่วิทยาลัยสักสองปี เื่ร้ายๆ ในอดีตก็จะจางหายไปตามกาลเวลา และถือเป็พื้นฐานที่มั่นคง ยุคสมัยกำลังก้าวหน้า หลานควรศึกษาหาความรู้ที่ทันสมัย เรียนรู้กลยุทธ์การวางแผนที่ล้ำหน้า”
พ่อเฒ่าโจวหาใช่คนหัวโบราณ
ตรงกันข้าม เขาเป็ผู้าุโที่ชาญฉลาด
ไม่จำเป็ต้องรีบร้อนก้าวนำหน้าผู้อื่น โจวเฉิงนั้นเลื่อนตำแหน่งเร็วแต่พื้นฐานกลับไม่แน่นพอ ครั้งนี้ที่เขามีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียน เป็เพราะทางหน่วยงานรักและ้าปกป้องโจวเฉิงมากจริงๆ
ตอนนี้โลกกำลังพัฒนาขึ้นทุกเวลา ั้แ่่ปฏิวัติการปกครอง จนถึง่ต้นของการสร้างประเทศ และตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ พ่อเฒ่าโจวเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตาตนเองมาโดยตลอด
หากโจวเฉิงไม่ได้เรียนความรู้ใหม่ๆ ก็เท่ากับถูกยุคสมัยทอดทิ้งมิใช่หรือ?
โจวเฉิงได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว สิ่งนี้ทำให้เขามองเห็นเส้นทางอนาคตของตนชัดเจนยิ่งขึ้น
ตอนทั้งสองคนเตรียมตัวกลับ แม่เฒ่าโจวมอบอาหารหลายอย่างกับเซี่ยเสี่ยวหลาน และบอกให้เธอนำกลับไปกินที่มหาวิทยาลัย
สองผู้าุโไม่ขาดอาหารเสริมบำรุงร่างกาย ก่อนหน้านี้เซี่ยเสี่ยวหลานก็เอาอาหารทะเลแห้งกลับมาจากเผิงเฉิงจำนวนไม่น้อย นอกจากแบ่งให้เพื่อนร่วมหออย่างเหมาะสมแล้ว ที่เหลือเธอหิ้วมาให้ตระกูลโจวทั้งหมด
แม่เฒ่าโจวเกรงใจสาวน้อยที่อุตส่าห์เสียเงินซื้อของมาให้ จึงพยายามยัดของให้เซี่ยเสี่ยวหลานอย่างเอาเป็เอาตาย
สรุปคือความกระตือรือร้นที่ให้กับอีกฝ่าย ช่างทิ่มแทงตากวนฮุ่ยเอ๋อยิ่งนัก
ป้าสะใภ้ของโจวเฉิงกลับทุกข์ยิ่งกว่า
แม่เฒ่าโจวกำลังลำเอียง เข้าข้างโจวกั๋วปินกับโจวเฉิงยังไม่พอ ตอนนี้แม้แต่คู่ครองของโจวเฉิงก็ยังลำเอียงอีก!
ซื้อเรือนสี่ประสานที่สือช่าไห่ด้วยตัวเองอะไรนั่น ป้าสะใภ้ไม่เชื่อเด็ดขาด จะบอกว่าโจวเฉิงไม่แอบออกเงินให้เลยอย่างนั้นหรือ หากเธอเชื่อก็คงจะบ้าไปแล้ว
ป้าสะใภ้กลับบ้านมาเปิดสมุดบัญชีเงินฝากของครอบครัว
โจวเหวินปังได้เงินเดือนเดือนละสองร้อยกว่าหยวน บวกเงินพิเศษและของอื่นๆ ที่หน่วยงานให้มา รายได้ต่อปีจะได้ประมาณเจ็ดถึงแปดพันหยวน นี่นับว่าเป็เงินเดือนที่สูงที่สุดแล้ว หากไม่ใช่เพราะหวังก่วงผิงกลับมารับตำแหน่ง โจวเหวินปังก็คงไม่พร่ำบ่นว่าอยากกลับไปทำตำแหน่งเดิมอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้
ป้าสะใภ้ไม่ได้ขยันทำงานเท่ากวนฮุ่ยเอ๋อ เงินเดือนกับเงินพิเศษรวมๆ กันแล้วไม่ถึงสองร้อยหยวนด้วยซ้ำ รายได้ทั้งปีของเธออย่างมากก็คงสักสองพันหยวนเท่านั้น
งานของโจวอี๋คือการทำงานไปวันๆ เงินเดือนทุกเดือนของตนเองยังไม่พอใช้ ดังนั้นจึงไม่อาจนับรวมเป็รายได้ของครอบครัวได้
หากเอารายได้ทั้งหมดของป้าสะใภ้กับโจวเหวินปังมารวมกัน ก็จะได้เงินประมาณหนึ่งหมื่นหยวน
หักค่าใช้จ่ายจิปาถะ ก็จะมีเงินเก็บเหลือแค่ไม่กี่พันหยวน
อย่างไรก็ตามเงินเดือนของทั้งคู่ไม่ได้สูงเช่นนี้ั้แ่แรก พอป้าสะใภ้ได้ยินว่าสาวบ้านนอกอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานสามารถซื้อบ้านที่สือช่าไห่ได้ เมื่อกลับมาถึงบ้านจึงรีบเปิดสมุดบัญชีดู ซึ่งลองนับดูแล้วมีเงินอยู่แค่ไม่กี่หมื่นหยวนเท่านั้น
พอลองสืบราคาบ้านที่สือช่าไห่ ก็พบว่าต้องใช้เงินหลายหมื่นหยวนถึงจะสามารถซื้อบ้านเล็กๆ สักหลังได้
ป้าสะใภ้รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่าน
“สมเป็พวกบ้านนอกจริงๆ ทำธุรกิจหาเงินได้หน่อยก็ระริกระรี้อยากอวดชาวบ้านไปทั่ว”
โจวอี๋รีบปลอบแม่ของตน “เธอเป็คนต่างถิ่นถึงต้องซื้อบ้านเป็ของตัวเอง แต่ครอบครัวเราได้บ้านหลังใหญ่ที่ทางรัฐจัดสรรให้นะคะ”
ป้าสะใภ้คิดตามแล้วก็เห็นด้วยอยู่ไม่น้อย
ประเทศจัดสรรบ้านพักให้ตามตำแหน่งงาน ค่าเช่าแต่ละเดือนจ่ายแค่พอเป็พิธีเท่านั้น เทียบกับเงินเดือนของโจวเหวินปังแล้วค่าเช่าแค่นั้นแทบไม่ะเือะไร
“ลูกพูดถูก แม่ดันหลงไปเปรียบเทียบกับเธอเสียได้ ถ้าลูกต้องลำบากออกไปทำธุรกิจเอง แม่คงทำใจไม่ได้แน่!”
ต่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สิ่งที่ป้าสะใภ้ของโจวเฉิงคิด เธอก็ไม่รู้สึกโกรธแต่อย่างใด
เพราะจะคิดแบบนี้ก็ไม่ผิด
โจวอี๋ไม่ต้องลำบากก็เพราะมีพ่อแม่คอยทำงานหาเงินให้ อีกทั้งบรรพบุรุษของตระกูลโจวก็ได้สร้างพื้นฐานที่ดีเอาไว้ให้กับคนทั้งตระกูลแล้ว
ขณะที่จุดเริ่มต้นของเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นต่ำเรี่ยดิน ทว่าเธอสามารถริเริ่มการสร้างเนื้อสร้างตัวจากรุ่นของตัวเองได้ เธอจะทำให้คนรุ่นเก่าของครอบครัวมีชีวิตที่ดี และจะสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับทายาทรุ่นต่อไป
แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงมากแค่ไหนก็ไม่ได้มีอิทธิพลต่อป้าสะใภ้ของโจวเฉิง ขอแค่โจวเหวินปังไม่ทำผิดกฎหมาย ครอบครัวของเขาก็ไม่จำเป็ต้องซื้อบ้านที่ไหนอีก
—---------------------------------------
โจวเฉิงจับมือเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ยอมปล่อย เวลาที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันช่างสั้นเหลือเกิน เซี่ยเสี่ยวหลานสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ปักกิ่งเพื่อเขา แต่เขากลับต้องไปเรียนที่มณฑลจี้เป่ยถึงสองปี นี่คือเื่ที่อยู่เหนือความคาดหมายของโจวเฉิง ทว่าโชคดีที่จี้เป่ยอยู่ไม่ไกลจากปักกิ่งมากนัก
และเพราะระยะห่างที่เพิ่มมากขึ้นจากปัจจัยที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทำให้ทั้งโจวเฉิงและเซี่ยเสี่ยวหลานอยากรักษาทุกวินาทีที่ได้อยู่ร่วมกันให้ดีที่สุด
ไม่จำเป็ต้องพูดคำหวานอันเร่าร้อน เพียงได้ใกล้ชิดกัน คุยเื่อะไรก็มีความสุขทั้งนั้น
“เสี่ยวหลาน รอฉันสองปีนะ”
รอเขาสองปีเพื่ออะไร
โจวเฉิงไม่จำเป็ต้องพูดอธิบาย เซี่ยเสี่ยวหลานก็เข้าใจ
รอเขาสองปีเพื่อให้เขากลายเป็คนที่ดีขึ้น ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น!
เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของโจวเฉิง เธอชื่นชอบการเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็การเติบโตของตัวเธอเอง หรือความเป็ผู้ใหญ่ของโจวเฉิง ทั้งคู่ล้วนได้เป็สักขีพยานของกันและกัน นี่อาจจะเป็ภาพความสัมพันธ์ที่งดงามที่สุดก็เป็ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้