คนทั้งสองนั่งอยู่ริมถนนเช่นนั้นเป็นานสองนาน ซือหม่าตงไม่โกธรที่เมิ่งอ้ายเยว่เอ่ยวาจาสั่งสอนแต่กลับชอบใจเสียอีก ไม่เคยมีใครพูดคุยกับเขาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้มาก่อน ด้านเมิ่งอ้ายเยว่นั้นยามนี้นางก็กำลังมีเื่หนึ่งให้ครุ่นคิดอยู่ในใจ
ตัวละครใหม่อย่างซือหม่าตงโผล่มาอีกแล้ว ซ้ำยังเป็พระญาติของฮ่องเต้ทรราช นางจำได้ว่าในนิยายฮ่องเต้ทรราชไม่มีญาติสนิท ซือหม่าตงและบิดาของเขาก็ไม่ได้มีรายนามอยู่ในตัวละครของนิยายเลย แต่ทว่าหลังจากนางทะลุมิติมาเข้าร่างนี้ กลับมีตัวละครแปลกใหม่ปรากฏขึ้นเต็มไปหมด
ในขณะที่นางกำลังคิดไม่ตก ก็ได้ยินซือหม่าตงเอ่ยขึ้นมา
"วันนี้ท่านช่วยข้า ข้าขอคาวะท่านเป็ศิษย์พี่ ต่อไปข้าขอเรียกท่านว่าศิษย์พี่เมิ่ง ส่วนท่านก็เรียกข้าว่าศิษย์น้องซือหม่า ห้ามปฏิเสธ"
ซือหม่าตงไม่เปิดโอกาศให้นางได้ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย เมิ่งอ้ายเยว่จึงพยักหน้าหนหนึ่ง เดิมทีมันก็ไม่ใช่เื่เสียหายอันใด อย่างน้อยผูกมิตรเอาไว้ก็ดีกว่าการสร้างศัตรูเป็ไหนๆ
ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างมองนางและซือหม่าตงเป็ตาเดียว อีกทั้งยังเอ่ยกระซิบกระซาบกันอย่างสนุกปาก
"ดูสิ นั่นคุณหนูใหญ่ตระกูลเมิ่งมิใช่หรือ? "
"ก็ใช่น่ะสิ เ้าดูนั่น นางนั่งสนทนากับบุรุษแปลกหน้าอย่างสนิทสนมเชียว ผู้คนเดินเต็มไปหมดนางกลับไม่กระดากอาย จะหน้าหนาเกินไปแล้ว บุรุษผู้นั้นก็น่าสงสารนัก มาติดกับนางปีศาจเข้าเสียแล้ว"
"สตรีเช่นนี้เหมือนจิ้งจอกสารพัดพิษจริงๆ ทะเยอทะยานไม่สิ้นสุด"
ซือหม่าตงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็คิดจะเข้าไปต่อว่าคนที่ปากพล่อย แต่เมิ่งอ้ายเยว่กลับรั้งตัวเขาเอาไว้
"อย่าไปสนใจคำพูดไร้สาระพวกนั้นเลย เราห้ามปากคนอื่นไม่ได้ แต่เราไม่สนใจได้ ในเมื่อเราไม่ได้เป็เช่นที่พวกเขาพูด ก็ไม่จำเป็ต้องสนใจ"
ซือหม่าตงอดนับถือในความใจเย็นของเมิ่งอ้ายเยว่ไม่ได้ หากเป็เขาคงได้ด่าคืนสักยกแล้ว
“ซือหม่าตง ข้าต้องกลับจวนแล้ว ขืนกลับช้าอาจจะถูกด่าเอาได้ เ้าก็รีบกลับจวนเล่า”
“พวกเราจะได้พบกันอีกหรือไม่ศิษย์พี่เมิ่ง”
“ย่อมได้พบเจอกันอย่างแน่นอน”
ซือหม่าตงพยักหน้ารับ ก่อนที่คนทั้งสองจะแยกย้ายกลับจวนของตนไป
เมิ่งอ้ายเยว่เดินมาได้ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของสตรีดังขึ้น อีกทั้งยังเห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งไปรวมตัวที่ริมแม่น้ำอีกด้วย
เมิ่งอ้ายเยว่ย่นหว่างคิ้ว เกิดเื่อันใดขึ้นอีกละ เหตุใดระยะนี้จึงพบเจอแต่สตรีร้องไห้กันนะ
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้นางก็ยิ่งได้ยินเสียงร้องไห้ของสตรีดังชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม หญิงสาวรีบเดินฝ่าฝูงชนเพื่อเข้าไปดูยังที่เกิดเหตุ แล้วจึงได้พบว่ายามนี้ในแม่น้ำเบื้องหน้ามีเด็กน้อยวัยห้าขวบคนหนึ่งกำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในแม่น้ำ ส่วนสตรีที่ร้องไห้อยู่ริมฝั่งน่าจะเป็มารดาของเด็กชายคนนั้น
เมื่อมองให้ดีดี เมิ่งอ้ายเยว่ก็จำได้ว่า สตรีนางนี้คือคนที่เอ่ยวาจาเสียดสีนางเมื่อครู่นี้
แต่่ช่างเถอะ ชีวิตเด็กสำคัญกว่า อีกทั้งเด็กน้อยคนนั้นก็ดูเหมือนจะทนไม่ไหวแล้ว หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออาจจะไม่รอด นางเองเป็คนแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ ผู้คนที่มามุงดูก็ทำเพียงมุงดูจริงๆ แต่กลับไม่ยื่นมือช่วยเหลือสักคน ช่างใจดำนัก
เมิ่งอ้ายเยว่ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินเข้าไปหาสตรีนางนั้นอย่างเร็วรี่
“แม่นาง ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยบุตรของท่านเอง"
สตรีนางนั้นหันมามองเมิ่งอ้ายเยว่ด้วยความใ ยังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยอันใดเมิ่งอ้ายเยว่ก็ะโลงไปในน้ำเพื่อช่วยบุตรของนางเสียแล้ว แม่น้ำในฤดูใบไม้ผลิแม้ไม่หนาวเหน็บแต่ก็สามารถทำให้คนสั่นสะท้านได้ เมิ่งอ้ายเยว่ไม่อาจรั้งรอเวลา นางรีบคว้าจับเสื้อผ้าของเด็กและพาว่ายเข้าฝั่งทันที ผู้คนที่เห็นเช่นนั้นก็มาช่วยรับเด็กขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย โชคดีที่เด็กยังไม่หมดสติและสำลักน้ำออกมาได้ทันท่วงที จึงยังไม่ถึงแก่ชีวิต
“แม่นาง ท่านรีบพาบุตรชายไปโรงหมอเถอะ!"
สตรีผู้นั้นพยักหน้าให้เมิ่งอ้ายเยว่อย่างรู้สึกผิด สุดท้ายแล้วคนที่นางเอ่ยวาจาทิ่มแทงกลับเป็คนที่ช่วยชีวิตบุตรชายของนางเอาไว้ นางจึงรู้สึกละอายใจยิ่งนัก หากบุตรของนางปลอดภัยแล้ว นางจะต้องหาทางตอบแทนเมิ่งอ้ายเยว่ให้จงได้
เมื่อจบเื่แล้วผู้คนก็แยกย้าย เมิ่งอ้ายเยว่ไม่ได้ให้ใครช่วยดึงนางขึ้นจากน้ำ นางใช้สองมือเกาะขอบสะพานเตี้ยๆ เอาไว้ ก่อนหน้านี้นางลืมเอาเสื้อคลุมติดมาด้วย อีกทั้งชุดที่สวมใส่ยามนี้ก็บางมาก ยิ่งเปียกน้ำยิ่งลู่แนบติดไปกับเรือนกาย หากขึ้นฝั่งไปในสภาพเช่นนี้ย่อมต้องแย่แน่ เท่านี้ชื่อเสียงของนางก็ฉาวโฉ่มากพอแล้ว
เพิ่งจะสั่งสอนซือหม่าตงไปหยกๆ ว่าต้องช่วยตนเองก่อนช่วยผู้อื่นก่อน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็ตัวนางเสียเองที่ทำไม่ได้
ทำเช่นไรดี แถวนี้มีร้านเสื้อผ้าหรือไม่นะ?
"เมิ่งอ้ายเยว่ ให้ข้าช่วยเ้าดีหรือไม่ ข้ามอบเสื้อคลุมให้เ้า เ้ามอบร่างกายให้ข้า จะว่าไปเ้าก็หน้าตางดงามใช้ได้เลย ข้าไม่ถือสาเื่ชาติกำเนิดต่ำตมของเ้า อีกทั้งยังยินดีแต่งเ้าเป็อนุภรรยา อ้อ หรือว่าเ้าอยากจะเป็นางบำเรอดีเล่า เลือกมาสักข้อสิ?"
อยู่ๆ ก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามาและเอ่ยกับนางอย่างดูแคลน เมิ่งอ้ายเยว่จำได้ว่าเขาคือคนที่เล่นพนันแพ้ให้กับนางในวันนั้น อีกทั้งเขายังพาลิ่วล้อมาด้วยอีกหลายคน ดูท่า เขาคงผูกใจเจ็บที่นางต่อว่าเขาไปวันนั้นเป็แน่
"ปากเ้านี่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ เหมือนเพาะเลี้ยงสุนัขเอาไว้!"
ชายหนุ่มคนดังกล่าวเมื่อถูกต่อว่าอย่างไม่ไว้หน้าก็เริ่มโมโห เขาเดินเข้ามาหานางพลางปรายตามองอย่างเยาะหยัน ดวงตาของเขายังจ้องมองมายังเรือนร่างของนางอย่างถือวิสาสะ ราวกับ้ามองให้ทะลุเข้ามาถึงร่มผ้า ทำเอาเมิ่งอ้ายเยว่รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา
“เมิ่งอ้ายเยว่ ข้าให้เ้าดื่มสุราคารวะเ้าไม่ดื่ม แต่กลับชอบดื่มสุราลงทัณฑ์หรือ ข้า! เสิ่นหลาน เป็บุตรชายเพียงคนเดียวของท่านเสนาบดีเสิ่น ข้าอยากได้สิ่งใดล้วนต้องได้ บิดาข้าเป็ถึงเสนาดีกรมขุนนาง อำนาจมากมาย แม้กระทั่งจะตรวจสอบความผิดของบิดาเ้าก็ยังทำได้เลย เ้ามันก็แค่บุตรบุญธรรมของใต้เท้าเมิ่ง พวกเขาย่อมไม่สนใจหรอกว่าเ้าจะเป็หรือตาย มิสู้มาเป็นางบำเรอของข้า แล้วเ้าจะสุขสบายแน่นอน!”
“ก็แค่พวกเสือแอบอ้างบารมีพยัคฆ์!”
เสิ่นหลานที่ถูกเมิ่งอ้ายเยว่เอ่ยวาจากระทบกระเทียบกลับไม่ได้รู้สึกโกธร อีกทั้งยังยิ้มเยาะและปรายตามองมือขาวเนียนของนางที่เกาะขอบสะพานด้วยแววตาเ้าเล่ห์ หากเขาใช้เท้าเหยียบขยี้มือสวยๆ ของนางจนเละ นางก็จะเจ็บจนต้องปล่อยมือออกจากขอบสะพานและร่วงหล่นลงไปในน้ำอีกหน จากนั้นเขาก็จะะโลงไปทำทีเป็ช่วยนาง ชายหญิงกอดก่ายกันในน้ำ ผู้คนผ่านมาพบเห็นย่อมเอาไปพูดกันสนุกปาก หลังจากที่ข้าวสารกลายเป็ข้าวสุกมีหรือที่นางจะแสดงท่าทีหยิ่งจองหองเช่นนี้ได้อีก ตระกูลเมิ่งแม้จะไม่ชอบใจ แต่อย่างไรย่อมต้องรักษาหน้าตนอยู่แล้ว เขาเองก็พึงใจในตัวนาง และถ้าเขาสามารถปราบพยศนางปีศาจผู้นี้ได้ก็คงจะดีไม่น้อย ถ้าหากได้นางมาเป็นางบำเรอในจวนจะต้องสุขสมทุกคืนวันเป็แน่”
เมิ่งอ้ายเยว่เริ่มเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นในใจ นางมองเสิ่นหลานอย่างระแวดระวัง
“เ้าจะทำอันใด คิดจะรังแกสตรีหรือ?"
"รังแกอันใดกัน ด้วยชื่อเสียงของเ้า ผู้คนย่อมต้องพูดกันปากต่อปากว่าเ้ายั่วยวนข้าอยู่แล้ว วันนี้เ้าต้องไปเป็นางบำเรอในจวนข้า ต่อให้ไม่อยากเป็ก็ต้องเป็!"
เอ่ยจบเขาก็ยกเท้าขึ้นหมายจะเหยียบลงไปบนมือสวยๆ ของนาง เมิ่งอ้ายเยว่ดวงตาวาวโรจน์ นางคิดเอาไว้แล้ว หากต้องตกเป็ของคนบัดซบนี่ นางยอมตายดีกว่า เสิ่นหลานช่างชั่วช้านัก ใช้โอกาศตอนที่นางช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ไม่กล้าขึ้นจากน้ำ มาเอาเปรียบนางเช่นนี้
แต่ทว่ายังไม่ทันที่ฝ่าเท้าของเสิ่นหลานจะได้ัักับมืองามๆ ของนาง เขาก็ส่งเสียงร้องโหยหวนขึ้นมาเสียก่อน เมิ่งอ้ายเยว่ยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใด ก็พบว่ามีของเหลวหนืดๆ สาดกระเซ็นมาโดนใบหน้าของนางเข้าอย่างจัง เมื่อนางลืมตาขึ้นมอง ภาพตรงหน้าก็ทำเอานางแทบจะอาเจียนออกมา
