เยว่เฟิงเกอลุกขึ้นถวายบังคมลา ม่อเสวียนเช่อจึงติดตามออกมาด้วยก่อนจะช่วยนำทางนางไปยังตำหนักฉงหยาง อันที่จริงต่อให้เขาจะไม่พาไปด้วยตัวเอง ในวังหลวงแห่งนี้ก็ยังมีสาวใช้คนอื่นเป็ผู้นำทางให้ เพียงแต่เขาอยากจะอยู่กับเยว่เฟิงเกอให้นานอีกหน่อย เนื่องจากในใจยังมีเื่สงสัยอีกมากที่อยากจะถามนาง
“คิดไม่ถึงพี่สะใภ้รองจะเป็วิชาแพทย์ด้วย แต่ข้ายังมีอีกหลายสิ่งที่ไม่เข้าใจ เหตุใดเสด็จแม่ถึงถูกวางยาพิษ เป้าหมายของคนผู้นั้นคืออะไรกันแน่? ” ม่อเสวียนเช่อก้มหน้าก้มตาเดิน น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้อง
เยว่เฟิงเกอเข้าใจความรู้สึกของม่อเสวียนเช่อดี หากนางไม่บอกแต่แรกว่าฮองเฮาถูกวางยาพิษ เขาก็คงไม่คับข้องใจเช่นนี้
แน่นอนว่าตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าเสด็จแม่ของตนถูกวางยาพิษ อีกทั้งผ่านมาหลายปีเพียงนี้ กลับไม่มีคนถอนพิษชนิดนี้ได้ ทำให้เสด็จแม่ของเขาต้องทรมานอยู่นาน
เื่เช่นนี้ ไม่ว่าเป็ใครก็คงยากจะยอมรับได้
เยว่เฟิงเกอมองม่อเสวียนเช่อด้วยใจที่สงสารยิ่ง “เื่นี้คงต้องให้องค์ชายไปสืบแล้ว แต่ท่านวางใจได้ ข้าจะต้องช่วยถอนพิษให้พระมารดาท่านอย่างแน่นอน”
“ข้ารู้ ข้าจะต้องสืบเื่นี้ให้รู้ชัด รอให้ข้าจับตัวคนที่วางยาพิษสังหารเสด็จแม่ข้าให้ได้ก่อน ข้าจะต้องสับคนผู้นั้นเป็หมื่นเป็พันชิ้น” ม่อเสวียนเช่อพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มือทั้งคู่กำเป็หมัดแน่น
คนทั้งสองสนทนากันมาเรื่อยๆ จนมาถึงตำหนักฉงหยาง
ตอนนี้เองม่อหลิงหานที่สนทนากับฮ่องเต้เสร็จแล้วกำลังเดินออกมาจากตำหนักฉงหยางพอดี
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเยว่เฟิงเกอยืนอยู่ข้างม่อเสวียนเช่อ
คนทั้งสองกำลังสนทนาอะไรกันอยู่ก็ไม่รู้ เพียงแต่ท่าทางกระซิบกระซาบนั้นทำให้ในใจของม่อหลิงหานพลันร้อนรุ่มดังไฟสุมขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
เขาเดินก้าวยาวๆ เข้าไปดึงมือเยว่เฟิงเกอมา ซ้ำยังลากนางเข้าไปในอ้อมแขน “เ้ากับองค์ชายสามกำลังคุยอะไรกันอยู่ เหตุใดถึงได้ดูมีความสุขเพียงนี้”
เยว่เฟิงเกอรับรู้ได้ว่าร่างกายของม่อหลิงหานกำลังแผ่รังสีอำมหิตเ็า ดูท่าเขาจะโกรธอีกแล้ว
เพียงแต่นางไม่เข้าใจเล็กน้อย เขากำลังโกรธด้วยเื่อันใดอยู่?
เมื่อก่อนเขาไม่ยินดีจะชายตามองนางด้วยซ้ำ แต่สองวันมานี้เขาเป็บ้าอะไรไปกันแน่?
นางแค่สนทนาเื่อาการประชวรของฮองเฮากับองค์ชายสาม เขาจำเป็ต้องโกรธถึงเพียงนี้เลยหรือ
เมื่อม่อเสวียนเช่อเห็นม่อหลิงหาน ท่าทางเขาก็เปลี่ยนมาเป็พ่อพวงมาลัยเช่นเดิม ส่งยิ้มร่าให้พี่ชายตน “เสด็จพี่รอง ไม่เจอกันตั้งหลายวัน ข้าคิดถึงท่านแล้ว แล้วท่านเล่า คิดถึงข้าหรือไม่? ” พูดจบ เขาก็อ้าแขนกว้าง ทำท่าทำทางเหมือนจะกอดม่อหลิงหาน
ม่อหลิงหานสีหน้าเ็า ท่าทางของเขาเหมือนจะขับไล่ไสส่งผู้อื่นให้ออกห่าง
“องค์ชายสามระวังองค์ด้วย” ม่อหลิงหานพูดพลางลากเยว่เฟิงเกอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
ม่อเสวียนเช่อไม่โกรธ เขายังคงยิ้มร่า กล่าวอย่างออดอ้อนกับม่อหลิงหาน “เสด็จพี่รอง หรือว่าท่านไม่ชอบน้องสามเช่นข้า พอท่านมีพระชายาแล้ว ก็ลืมน้องสามคนนี้แล้วใช่หรือไม่”
เยว่เฟิงกอเห็นว่าเมื่อครู่ม่อเสวียนเช่อยังทำหน้าไม่มีความสุขอยู่เลย แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่เห็นม่อหลิงหานก็สามารถกลับมาร่าเริงเช่นเดิมได้ ดูท่าเขากับม่อหลิงหานคงจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
ม่อหลิงหานอดมุมปากกระตุกไม่ได้ ทุกครั้งที่ม่อเสวียนเช่อผู้นี้เห็นเขาเป็ต้องทำท่าทางน่าตายเช่นนี้ตลอด ทำให้เขาทั้งโกรธทั้งขำ เพียงแต่วันนี้ไม่เหมือนกัน เมื่อครู่เขากระซิบกระซาบกับพระชายาเขา ไม่รู้สนทนาอะไรกันอยู่
ในใจม่อหลิงหานราวกับมีไฟสุม ไม่ว่าจะมองม่อเสวียนเช่ออย่างไรก็ไม่สบอารมณ์
ม่อหลิงหานถลึงตาใส่ม่อเสวียนเช่อ แค่นเสียงเ็ากล่าวว่า “หากองค์ชายสามไม่มีอะไรแล้ว พวกเราขอตัวกลับจวนอ๋องก่อน”
ม่อเสวียนเช่อเห็นว่าวันนี้ม่อหลิงหานทำสีหน้าเ็า ท่าทางเหมือนอยากจะไล่เขาให้ไปให้ไกลเป็พันลี้ เขาก็ไม่กล้าออดอ้อนต่อ
เขาเก็บรอยยิ้มเริงร่ากลับมา ประสานมือคารวะม่อหลิงหานและเยว่เฟิงเกอ “เช่นนั้นน้องสามไม่รั้งเสด็จพี่รองและพี่สะใภ้ไปนานกว่านี้แล้ว วันหน้าน้องสามจะไปพบพวกท่านที่จวนอ๋องด้วยตนเอง”
ม่อเสวียนเช่อพูดพลางมองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตาลึกซึ้ง จากนั้นจึงหมุนกายก้าวยาวๆ จากไป
เยว่เฟิงเกอมองออกว่าเมื่อครู่ยามที่เขากำลังยิ้มร่าอยู่นั้น ในสายตายังคงมีความหมองเศร้าที่ไม่สลายไปอยู่
เขากำลังเป็ห่วงฮองเฮา ยามนี้คงจะรีบรุดกลับตำหนักคุนหนิงไปดูอาการฮองเฮากระมัง
เมื่อม่อเสวียนเช่อจากไปไกลแล้ว เยว่เฟิงเกอถึงได้ดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของม่อหลิงหาน
“ท่านอ๋อง ที่แห่งนี้คือวังหลวงนะเพคะ ที่นี่มีคนมากมาย พวกเราไม่ต้องพยายามแสดงละครสามีภรรยารักกันที่นี่หรอกเพคะ”
เยว่เฟิงเกอมองไปรอบๆ ตัวที่ยามนี้มีนางกำนัลขันทีเดินไปมากันอย่างขวักไขว่ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้มองมาทางนี้โดยตรง แต่ยังคงปรายตามาทางนี้บ่อยๆ
เยว่เฟิงเกอไม่คุ้นชินกับการต้องถูกแอบมองเช่นนี้ เดิมนางกับม่อหลิงหานก็หาได้มีความรู้สึกใดต่อกัน แต่กลับต้องแสดงออกต่อหน้าคนอื่นว่ารักกันดีเป็อย่างยิ่ง ทำให้นางรู้สึกเหลือรับจริงๆ
ม่อหลิงหานรู้สึกไม่พอใจั้แ่เื่ที่เยว่เฟิงเกอและม่อเสวียนเช่อสนทนากัน ตอนนี้ยังต้องมาได้ยินนางพูดเื่แสดงละครสามีภรรยารักใคร่กันอะไรนี่อีก เขาก็โกรธจนอยากจะจับนางแขวนไว้แล้วฟาดสักที
แต่ที่นี่คือวังหลวง ทั้งยังเป็หน้าตำหนักฉงหยาง ม่อหลิงหานจึงไม่กล้าทำอะไร
เขาจูงมือเยว่เฟิงเกอเดินมุ่งหน้าออกนอกวังไป
เขาต้องกลับไปจัดการสตรีที่ยากจะสยบให้เชื่องผู้นี้ที่จวนอ๋อง
คราวนี้เยว่เฟิงเกอถูกม่อหลิงหานลากไปด้วยท่าทางโกรธเป็ฟืนเป็ไฟตลอดทาง เพียงเท่านี้นางก็รู้แล้วว่าเขาคงทนแสดงต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้ตัวตนที่แท้จริงปรากฏออกมาแล้ว
และเพราะม่อหลิงหานเดินเร็วมาก เยว่เฟิงเกอที่ถูกลากจึงต้องเดินเร็วตามไปด้วย
กระนั้นนางก็ยังสามารถเดินอยู่ข้างกายเขาได้อย่างสบายๆ ไม่ได้ถูกทิ้งไว้เื้ัแค่เพราะม่อหลิงหานใช้วิชาตัวเบาร่วมด้วย
ม่อหลิงหานหันไปมองเยว่เฟิงเกอทีหนึ่ง อดประหลาดใจที่นางเดินตามฝีเท้าของเขาทันไม่ได้
เยว่เฟิงเกอยิ้มได้ใจอยู่ในใจ ล้อเล่นอะไรกันเล่า นางเป็ผู้สืบทอดรุ่นสามของตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณที่ไม่ได้มีดีแค่ชื่อนะ
ด้วยเหตุนี้เองม่อหลิงหานถึงได้ยิ่งรู้สึกว่าเยว่เฟิงเกอตั้งใจปิดบังความสามารถที่แท้จริงของตนไว้ นางไม่เพียงเป็วรยุทธ์ วิชาตัวเบาก็ยังเป็ด้วย
ดูท่าสตรีนางนี้จะยังมีอีกหลายด้านที่ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็น
ดวงตายาวเรียวของม่อหลิงหานหรี่น้อยๆ พลางลากเยว่เฟิงเกอให้เดินเร็วขึ้นกว่าเดิม
คนทั้งสองต่างก็เร่งความเร็วของฝีเท้าจนออกมาจากวังหลวงได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อพวกเขาออกมา เฉียวเฟยและชิงจื่อที่รออยู่ก็ขึ้นหน้ามารับ และเมื่อสองบ่าวเห็นว่าคนทั้งสองยังจับมือกันอยู่ บนใบหน้าจึงปรากฏแววยินดี
หลังจากเยว่เฟิงเกอขึ้นไปบนรถม้าก็ให้ชิงจื่อตามขึ้นมาด้วย
ทว่า ครั้งนี้ม่อหลิงหานกลับทำสีหน้าเ็า ถลึงตาใส่ชิงจื่อเพื่อหยุดการขึ้นรถม้าของนาง
เยว่เฟิงเกอรู้ว่าวันนี้ม่อหลิงหานโกรธจริงๆ เพียงแต่เป็เพราะอะไร นางยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ดังนั้น เมื่อเห็นว่าเขายังกรุ่นโกรธ เยว่เฟิงเกอก็ไม่คิดฝืนให้ชิงจื่อขึ้นรถม้า ทำได้แค่ให้คนติดตามอยู่ด้านนอก
โชคดีที่ขากลับไม่ต้องเร่งรีบ รถม้าจึงดำเนินไปอย่างช้าๆ
ระหว่างทางกลับนี้ ม่อหลิงหานไม่มองเยว่เฟิงเกออีก ท่าทางเ็าช่างแตกต่างไปจากตอนขามาราวกับเป็คนละคน
เยว่เฟิงเกอเบะปาก ไม่คิดจะสนใจม่อหลิงหานอีก นางเลิกม่านขึ้นแล้วมองออกไปด้านนอก
กว่าพวกเขาจะกลับมาถึงจวนอ๋อง ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
เยว่เฟิงเกอลงจากรถม้า และมุ่งหน้าไปยังห้องอาหารทันที
ตอนนี้นางหิวจะตายอยู่แล้ว เพราะไม่ได้กินอะไรมาทั้งบ่าย ทำให้ท้องน้อยๆ ร้องโครกครากอยู่นาน
ม่อหลิงหานตามเยว่เฟิงเกอยู่เื้ั เห็นท่าทางรีบร้อนจะไปกินข้าวของนาง เขาก็ทำสีหน้าเดียดฉันท์พลางแอบบ่นในใจ “ตะกละจริงๆ ”