"ว้าว! วันนี้นิดมาตลาดได้ด้วย เรานึกว่าตัวจะนอน ี้เีจนขนยาวเฟื้อยไปแล้วเสียอีก"
…นี่ก็อีกคน
อนงค์กานต์ได้แต่กลอกตาและมอบค้อนส่งให้เพื่อน ตามภาภรณ์ก็ยังเป็หมวยชมพูคนเดิมที่ร่าเริงแจ่มใส เป็มิตรกับคนอื่นไปทั่ว ระหว่างทางมานี่ก็เห็นทักทายกับคนในตลาดกันเกรียว อีก 10-20 ปี คาดว่าจะกลายเป็ขาใหญ่ประจำตลาดอย่างแน่แท้
“เราว่าจะไปหาที่ร้านพอดี จะเอาไก่ไปให้กิน นั่งรอให้สุกอยู่เนี่ย”
"ไม่ต้องเปลืองแรง เดินมากินเองถึงที่แล้ว ฮ่าฮ่า...” อาหมวยตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี “อานงคะ แม่ฝากมาบอกว่าห้องแถวข้างตลาดตอนนี้ว่างแล้วนะคะ พอปิดร้านแล้วอานงไปหาแม่ที่ร้านได้เลย แม่จะพาไปดูห้อง”
อนงค์ได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจมาก เธอกับกานต์พูดคุยกันมาได้สองสัปดาห์แล้วว่าจะสร้างบ้านใหม่ แต่ก่อนสร้างต้องแก้ปัญหาเื่สถานที่เตรียมไก่และน้ำพริกก่อน และสรุปว่าจะหาเช่าห้องแถวตลาด สะดวกดี ขายของเสร็จก็ไปที่ห้องเช่าเตรียมของสำหรับวันรุ่งขึ้น ตอนเช้าก็แค่แวะมาเอาของที่เตรียมไว้ไปขายที่ตลาดได้เลย
แต่แบบนี้จะลำบากเพ็ญที่ไม่ได้มาพร้อมพวกเขาแต่เช้ามืด ต้องนั่งรถประจำทางมาหาอีกที่สาย อนงค์จึงจะเพิ่มค่าแรงให้เป็วันละ 100 บาทเพื่อเป็ค่าเดินทางด้วย ส่วนของทองและนวลนั้น ได้เพิ่มให้ั้แ่ต้นเดือนแล้วเป็วันละ 120 บาท ซึ่งเพ็ญก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดที่ต้องเดินทางมาเอง กลับชอบเสียอีกที่จะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง
"นิด วันนี้มีตลาดนัดด้านหน้า เราไปเดินเที่ยวกันเถอะ จะได้ดูของขวัญวันเกิดให้นภาด้วย เปิดเทอมวันแรกก็วันเกิดแล้ว”
อนงค์กานต์ตอบตกลง ดีกว่านั่งเบื่ออยู่ที่ร้าน ทั้งสองเอ่ยปากขออนุญาตอนงค์และพากันวิ่งจี๋ออกไปอย่างร่าเริง
-----
พลั่ก!!
"โอ๊ย!”
อนงค์กานต์อุทานเสียงดังด้วยความเจ็บและใ ตอนนี้เธอกำลังนั่งจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น ก้นกระแทกพื้นอย่างแรง น่ากลัวจะช้ำแน่ ๆ ส่วนหน้าผากและจมูกก็รู้สึกเจ็บด้วย เหมือนชนโดนของแข็งอะไรสักอย่าง
ตามภาภรณ์เมื่อหายตกตะลึงแล้วก็รีบนั่งลงข้าง ๆ เพื่อน “นิดเป็ไงบ้าง ลุกไหวไหม มีเืออกตรงไหนรึเปล่า” พร้อมนี้ก็สำรวจเนื้อตัวมือเท้าของเพื่อนทันที โล่งอกไปที ไม่เจอรอยถลอกหรือมีเืออกตรงไหน
อนงค์กานต์ไม่สนใจที่จะตอบคำถาม เธอกำลังนั่งมองตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องนั่งกองกับพื้นอยู่ คนที่กำลังยืนอยู่ข้างหน้าเธอเป็เด็กผู้ชายตัวผอมสูง สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวและกางเกงผ้าเนื้อหนาสีดำ อายุน่าจะมากกว่าเธอ 1-2 ปี ผิวขาว ใบหน้าได้รูป คิ้วเรียวเข้ม ตาคมดุ จมูกโด่งเป็สัน ปากหยักหนาได้รูปนั้นสีแดงจัดเหมือนคนที่ไม่ค่อยได้เจอแดดเจอลม และที่สำคัญคนคนนั้นก็กำลังยืนหรี่ตามองมาที่เธออย่างโมโหด้วยเช่นกัน
เด็กบ้า! จู่ ๆ ก็วิ่งพุ่งพรวดเข้ามาชนอย่างกับจรวด ทำเอาเจ็บไปหมดตรงอกและบ่า ไม่ต้องเปิดเสื้อดูก็รู้ว่าคงจะแดงเถือกไปทั่วแล้ว
"หนู เป็อย่างไรบ้างจ้ะ เจ็บตรงไหนบ้าง” หญิงวัยกลางคนรีบคุกเข่าลงกับพื้นและสอบถามอาการของเธอ
"เจ็บบ้างค่ะ แต่น่าจะลุกไหว” ไม่กล้าบอกตรง ๆ ว่าเจ็บที่ก้นมาก คนแปลกหน้าทั้งนั้น อนงค์กานต์ขยับตัวและจับมือเพื่อนค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ โดยหญิงคนนั้นนั่งมองอยู่ด้วยความเป็ห่วง เมื่อเห็นเธอสามารถยืนและขยับขาไปมาได้ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จึงลุกขึ้นและเดินไปยืนใกล้ ๆ กับเด็กผู้ชายผอมสูงคนนั้น
"เอก รีบขอโทษน้องก่อน ชนน้องเสียเจ็บขนาดนี้” พลางหันไปบอกกับลูกชาย แม้เธอเองจะเห็นกับตาว่าเป็เด็กผู้หญิงเองต่างหากที่วิ่งมาชนลูกชายเธอ แต่เมื่อลูกชายเธอไม่เป็อะไร แต่ฝ่ายหญิงเป็ฝ่ายเจ็บหนักเสียเอง ที่สำคัญเด็กหญิงกำลังอยู่ในวัยเริ่มสาว คงรู้สึกเขินอายมากพอควร
ชากรหันไปมองแม่ด้วยแววตาไม่เห็นพ้อง แต่เมื่อเจอสายตาเข้มงวดของแม่ที่มองกลับมา ก็ได้แต่เก็บคำพูดที่เตรียมจะโต้แย้งกลับเข้าปากในทันควัน ก่อนจะหันมาเอ่ยเสียงเรียบกับเด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้า “ขอโทษนะ ไม่ทันระวัง เลยทำให้ได้เจ็บ”
"ไม่เป็ไร เราเป็ฝ่ายผิดเอง วิ่งชนก่อน ขอโทษนะคะ” แม้จะทั้งเจ็บและอาย แต่เมื่อผิดก็ต้องยอมรับ สองคนนี้น่าจะเป็แม่ลูกกันเพราะโครงหน้าคล้ายกันมาก และไม่น่าใช่คนแถวนี้ ผิวพรรณและสำเนียงพูดเหมือนคนกรุงเทพฯ คงจะมาเที่ยวกับแหละมั้ง
“หนูขอตัวก่อนนะคะ เที่ยวกันให้สนุกค่ะ” อนงค์กานต์หันมาเอ่ยปากลาหญิงวัยกลางคนก่อนจะจูงมือตามภาภรณ์เดินหันหลังจากไป โดยมีสายตายิ้ม ๆ และสายตาที่แสดงถึงความพึงพอใจของแม่และลูกชายมองตาม เป็เด็กผู้หญิงที่มีเหตุผลทีเดียว รู้จักขอโทษเมื่อรู้ตัวว่าผิด
"ตัวรู้ได้ไงว่าพวกเขามาเที่ยวกัน”
"เดาเอา เห็นพูดสำเนียงคนกรุงเทพฯ แล้วก็มาไกลถึงอำเภอเราได้ ก็คงมาเที่ยวดอย์แหละ”
ตามภาภรณ์พยักหน้าเห็นด้วยและก็ไม่ได้สนใจอีก หันมาชี้ชวนกันดูของที่วางขายอยู่อย่างมีความสุข
-----
อนงค์ถูกใจตึกแถวที่เดินดูอยู่ในตอนนี้มาก เป็ห้องสองชั้นครึ่ง ตั้งอยู่ด้านหน้าตลาด ตัวห้องแถวมีขนาดค่อนข้างกว้าง ที่สำคัญลานซักล้างด้านหลังก็กว้างและโล่งมากเหมาะสำหรับใช้เตรียมไก่และของสด ชั้นสองมีสามห้องนอน สองห้องน้ำ ส่วนชั้นลอยเป็พื้นที่โล่ง ๆ เหมาะสำหรับใช้เก็บของ นอกจากนี้ด้านฟ้าชั้นบน ก็สามารถดัดแปลงเป็พื้นที่ใช้สอยได้เช่นกันหาก้า เ้าของจะย้ายไปอยู่กับลูกสาวในตัวเมือง จึงจะปล่อยเช่าเดือนละ 1,000 บาท หรือถ้ามีใครสนใจซื้อก็พร้อมขายที่ 200,000 บาท อนงค์สนใจที่จะซื้อต่อเป็อย่างมากแต่ขอกลับไปปรึกษาสามีที่บ้านก่อน
"นง พี่ขอถามตรง ๆ เลยนะ มันคาใจ” หงส์รู้สึกประหลาดใจมากที่อนงค์สนใจจะซื้อห้องแถวห้องนี้ ไม่ใช่ว่าห้องสภาพไม่ดี แต่เธอสงสัยว่าอนงค์จะหาเงินมาจากไหนตั้งสองแสนต่างหาก หากไปกู้สหกรณ์เหมือนคราวที่ซื้อรถกระบะก็คงได้ไม่ถึงสองแสนบาท หรือเธอคิดที่จะไปกู้นอกระบบแหล่งอื่นกัน?
ด้วยความที่นับถือหงส์เหมือนพี่สาว อนงค์จึงเล่าให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง ยกเว้นเื่ที่ลูกสาวได้ยินเสียงในหัวเท่านั้นที่เธอและสามีจะขอเก็บไว้กับตัวไปจนวันตาย
