เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมอยากไปเยี่ยมทังหงเอิน
หลังจากทังหงเอินผ่าตัดที่ปักกิ่ง นี่ก็ผ่านมาครึ่งเดือนกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าร่างกายของเขาฟื้นตัวอย่างไรบ้าง
ทังหงเอินเองก็อาจจะอยากฟังข่าวของจี้เจียงหยวน เซี่ยเสี่ยวหลานจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่จะเจอเขา เพราะั้แ่จี้เจียงหยวนรู้ว่าทังหงเอินคือพ่อบังเกิดเกล้า จากเดิมที่ชอบโผล่มาให้เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นหน้า ่ครึ่งเดือนที่ผ่านมาเขากลับหายเข้ากลีบเมฆไม่แม้แต่จะโผล่หน้ามาให้เห็นเลยสักครา
่นี้เซี่ยเสี่ยวหลานกับจี้เจียงหยวนได้เจอกันแค่ในสนามสอบแข่งทักษะภาษาอังกฤษเท่านั้น
ซึ่งมันก็ไม่ใช่การเจอหน้าที่สามารถพูดคุยกันได้ ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบ เนื่องจากข้อสอบนั้นยากกว่าข้อสอบสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสียอีก การสอบรอบแรกทำคนตกรอบไปหลายคน ถึงเวลาสอบคัดเลือกรอบสุดท้าย คาดว่าแต่ละมหาวิทยาลัยคงเหลือนักศึกษาที่ผ่านเข้ารอบไม่มากนัก การแข่งขันภาษาอังกฤษเช่นนี้ นักศึกษาที่เพิ่งกลับจากอเมริกาอย่างจี้เจียงหยวน ทางสาขาย่อมลงชื่อสมัครให้เขา และคาดหวังว่าเขาจะสามารถคว้ารางวัลมาประดับบารมีให้สาขาได้อย่างแน่นอน!
ตอนนี้จี้เจียงหยวนกับเซี่ยเสี่ยวหลานคงเป็ได้แค่เพื่อนนักศึกษาร่วมมหาวิทยาลัยธรรมดาๆ เท่านั้น ทั้งสองคนไม่ได้เรียนอยู่สาขาวิชาเดียวกัน เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็คงไม่ไปเตะบอลหรือเล่นบาสเกตบอลกับเขา แล้วยังจะมีโอกาสได้คุยกันหรือ?
เนื่องจากจี้เจียงหยวนเป็ฝ่ายตีตนออกหาก ซูจิ้งจึงเลิกเป็แกนนำเชียร์คู่นี้ และเซี่ยเสี่ยวหลานไม่อาจบอกข่าวคราวของจี้เจียงหยวนให้ทังหงเอินรู้ได้มากนัก
“พี่พานซาน ฉันไม่รู้จะขอบคุณพี่อย่างไรดี”
พานซานยิ้ม รอยแผลเป็ที่ตาขวาของเขาดูน่ากลัว แต่สำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานนั้น เธอไม่กลัว เพราะเธอรู้ดีว่าพานซานคือคนที่โจวเฉิงไว้วางใจคนหนึ่ง
พานซานตอบ “ไว้เธอกับโจวเฉิงแต่งงานกันเมื่อไร ถ้าไม่รังเกียจคนไร้สกุลรุนชาติอย่างฉัน ก็เชิญฉันไปดื่มสุรามงคลด้วยแล้วกัน นั่นถือเป็การขอบคุณฉันแล้ว!”
เื่แต่งงานยังเร็วไปมาก ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานจึงตกปากรับคำเขาอย่างไม่อิดออด
“ถ้าอย่างนั้นพี่ต้องรีบมาเลยนะคะ”
พานซานยังเล่าไม่จบ เมื่อครู่เขาพูดเพียงเื่ประวัติพื้นเพของหลิวเทียนเฉวียนที่ฮ่องกงเท่านั้น ตอนนี้เขาจะเล่าถึงการบริหารงานของหลิวเทียนเฉวียนที่เผิงเฉิงบ้าง
หลิวเทียนเฉวียนก่อนหน้านี้ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หลังทังหงเอินเข้ารับตำแหน่ง หลิวเทียนเฉวียนที่อยากได้ที่ดินเพิ่มจึงดำเนินธุรกิจค่อนข้างลำบาก ตอนนี้นอกจากรับงานตกแต่งภายในประปราย เขาก็ไม่มีอำนาจในการพัฒนาที่ดินอีกต่อไป ปัจจุบันธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในเผิงเฉิงของหลิวเทียนเฉวียนก็คือ ‘หมู่บ้านพักตากอากาศเซียงมี่หู’ โครงการนี้กินพื้นที่หลายแสนตารางเมตร พอได้ยินคำว่า ‘เซียงมี่หู’ จากปากพานซาน เซี่ยเสี่ยวหลานก็จำมันได้อย่างแม่นยำ
หมู่บ้านพักตากอากาศแห่งนี้ได้รับความนิยมอยู่นานหลายปี ขนาดพื้นที่โครงการเริ่มจากหลายแสนตารางเมตรจนขยายไปถึงสองล้านกว่าตารางเมตร
จนกระทั่งก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานจะเกิดใหม่ ก็มีข่าวลือว่า ‘เซียงมี่หู’ ได้รับจดหมายอนุญาตรื้อถอน การรื้อถอนแน่นอนว่าหมายถึงการทุบทิ้ง ‘เซียงมี่หู’ ตั้งอยู่กลางเผิงเฉิง อีกสามสิบปีข้างหน้า ราคาที่ดินจะมีมูลค่าเกินหมื่นล้านหยวน จะใช้มันทำเป็สวนสนุกกับหมู่บ้านพักตากอากาศเพื่อการท่องเที่ยวไปทำไม แน่นอนว่าต้องเอามาสร้างบ้านขายอยู่แล้ว!
หลิวเทียนเฉวียนคงไม่มีปัญญาแทรกตัวเข้าไปในโครงการก่อสร้างของ ‘เซียงมี่หู’ เนื่องจากโครงการนี้เป็การร่วมลงทุนกันระหว่างเครือเท่อเหนิงของเผิงเฉิงกับเครือเจิ้งไท่ฝ่ายละ 50%
บริษัทแรกเป็รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ประจำท้องถิ่นของเผิงเฉิง เพิ่งก่อตั้งได้เพียงสองปีเท่านั้นจึงขาดแคลนทรัพยากรและประสบการณ์
ส่วนบริษัทหลังคือบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ของชาวจีนโพ้นทะเลผู้รักบ้านเกิดอย่างตระกูลเซี่ยจากประเทศไทย
นักธุรกิจที่มีทรัพย์สินหลายสิบล้านเช่นหลิวเทียนเฉวียน เป็บุคคนที่เซี่ยเสี่ยวหลานได้แต่เงยหน้ามอง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเท่อเหนิงกับเจิ้งไท่ เขาไม่มีทางแทรกตัวไปรับงานก่อสร้างทั้งหมดของ ‘เซียงมี่หู’ ได้ ในขณะที่คนอื่นกินเนื้อ หลิวเทียนเฉวียนคงได้แต่เก็บเศษกระดูกมาแทะเล็มเท่านั้น ซึ่งนั่นก็คือการรับงานตกแต่งภายในบางส่วนของ ‘เซียงมี่หู’ นั่นเอง
พานซานบอกว่า โครงการที่หลิวเทียนเฉวียนรับมามีงาน ‘ไนต์คลับเซียงมี่หู’ อยู่ด้วย
เซี่ยเสี่ยวหลานยิ้มเย็น เถ้าแก่หลิวคงไม่ได้แค่ตกแต่งภายในตัวไนต์คลับสินะ เขามักพาลุงของเธอไปสถานที่จำพวกห้องเต้นรำเป็ประจำ เห็นได้ชัดว่ากำลังจัดหา ‘เด็กนั่งดริงก์’ ให้กับเผิงเฉิง
สมเป็คนของกลุ่มมาเฟียฮ่องกงยิ่งนัก ไปที่ไหนเป็ต้องทำธุรกิจสีเทา
บางทีจุดประสงค์ของหลิวเทียนเฉวียนอาจจะไม่ใช่การหารายได้สีเทา แต่เป็การใช้ประโยชน์จากเด็กนั่งดริงก์เ่าั้ในการสร้างเครือข่าย?
“คังเหว่ย ลุงฉันล่ะ?”
“ลุงหลิวถูกเถ้าแก่ฮ่องกงคนนั้นเรียกออกไปข้างนอกั้แ่เช้าแล้ว เซียงมี่หูที่พี่พานซานพูดถึง ฉันก็เคยได้ยินลุงหลิวพูดถึงอยู่สองครั้ง เถ้าแก่ฮ่องกงคนนั้นบอกว่าโครงการนี้จะทำกำไรได้อย่างแน่นอน เขาชวนลุงหลิวมาร่วมหุ้นกัน พอถึงปลายปีก็จะได้รับส่วนแบ่ง”
เซี่ยเสี่ยวหลานจำไม่ค่อยได้เท่าไร
เซียงมี่หูน่าจะเปิดให้บริการปีหน้าสินะ?
หมู่บ้านพักตากอากาศเชิงสันทนาการแห่งนี้จะได้รับความนิยมอย่างมากในเผิงเฉิง เครื่องเล่นสันทนาการต่างๆ ไนต์คลับ สนามแข่งม้า ชาวแผ่นดินใหญ่เคยเห็นของพวกนี้เสียที่ไหน สาเหตุที่ผู้คนเดินทางมายังเผิงเฉิงก็เพราะอยากมาเยี่ยมชมเซียงมี่หูกันทั้งนั้น
ใช้นิ้วหัวแม่โป้งเดายังรู้เลยว่า โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐของเผิงเฉิงอย่างแน่นอน หลิวเทียนเฉวียนบอกว่าทำเงินได้ย่อมไม่ผิดจากที่พูด เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้คิดไปเอง เธอเคยเห็นการชวนผู้อื่นเข้ามาร่วมหุ้นเพื่อกระจายความเสี่ยง แต่ไม่เคยเห็นใครที่กำลังจะได้กำไรแล้วอยากลากคนอื่นมาแบ่งเค้กด้วยกันแบบนี้มาก่อน ต่อให้แซ่หลิวเหมือนกันแล้วอย่างไร พี่น้องแท้ๆ ยังต้องคอยระวังกันและกัน หลิวฟางคือญาติแท้ๆ แต่ก็คิดทำร้ายเซี่ยเสี่ยวหลานกับแม่เช่นกันมิใช่หรือ
ตอนหลิวหย่งลำบาก ก็ไม่เห็นหลิวฟางให้ความช่วยเหลือเลยสักครั้งนี่นา
ห้าร้อยปีก่อนเป็ครอบครัวเดียวกัน คำพูดพวกนี้ฟังผ่านหูก็พอ ทว่าอย่าเก็บเอามาใส่ใจเสียคงดีกว่า สกุลหลิวจากฮ่องกงกับสกุลหลิวจากอวี๋หนานเกี่ยวข้องกันที่ไหน!
อยากได้สิ่งไหนก็ต้องให้สิ่งนั้นก่อน หลิวเทียนเฉวียนกำลังวางแผนใหญ่ โครงการตกแต่งภายใน ‘โรงแรมหนานไห่’ แค่ที่เดียว ไม่มีทางทำให้หลิวเทียนเฉวียนทุ่มเทเช่นนี้ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินว่าหลิวหย่งถูกเรียกตัวไปั้แ่เช้า จนถึงตอนนี้แล้วยังไม่เจอหน้าก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
“หลี่ต้งเหลียงกับเก่อเจี้ยน พวกเขาคนใดคนหนึ่งคงตามลุงฉันไปใช่ไหม?”
—---------------------------
หลิวหย่งกำลังทำอะไรอยู่น่ะหรือ
คนเราไม่ควรเป็คนดีพร่ำเพรื่อ เขาช่วยพูดแทนผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวโหรวแค่ครั้งเดียว คนฉลาดเป็กรดอย่างหลิวเทียนเฉวียนก็รู้ทันทีว่า หลิวหย่งใส่ใจเสี่ยวโหรวยิ่งนัก
ผู้ชายไม่มีทางใส่ใจผู้หญิงที่ตนไม่สนใจ ความสงสารจะมาจากไหนได้ ไม่เช่นนั้นจะสนใจไปทำไมว่าเสี่ยวโหรวจะถูกส่งตัวไปที่ไหน
พอหลิวหย่งเอ่ยปาก หลิวเทียนเฉวียนก็หัวเราะร่าขึ้นมาทันที “น้องชาย พี่เข้าใจ”
เข้าใจอะไร?
หลิวหย่งอยากพูดเหลือเกินว่าเข้าใจบ้านแกสิวะ!
แต่เขายังต้องร่วมงานกับหลิวเทียนเฉวียน จึงได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน
ห้องเต้นรำมีเด็กนั่งดริงก์อยู่ไม่น้อย หลังหลิวเทียนเฉวียนพูดจบ เสี่ยวโหรวก็ถูกตีตราว่าเป็ผู้หญิงของหลิวหย่ง คนอื่นๆ จึงไม่กล้าแตะต้องเธออีก โชคดีที่เสี่ยวโหรวเป็คนมีมารยาท เธอมาขอบคุณการปกป้องจาก ‘พี่หย่ง’ บอกว่าตอนนี้ตนได้รับเงินเดือนทุกเดือน ไม่ต้องดื่มเหล้าเต้นรำกับผู้ชายคนอื่นอีกแล้ว
ดูท่าเสี่ยวโหรวจะไม่ชอบงานนั่งดริงก์จริงๆ
หลิวหย่งพูดมากไม่ได้ เขาคือคนมัธยัสถ์ถึงขั้นหาบ้านเช่าถูกๆ อยู่ ยังจะให้เขาควักเงินเลี้ยงเสี่ยวโหรวอีกคนอย่างนั้นหรือ?
เมื่อมีคนบอกว่าเสี่ยวโหรวไม่ต้องรับแขกคนอื่น ดังนั้นเธอจึงไม่มีรายได้จากการได้ทิป ทว่าหลิวหย่งหาได้หวั่นไหว เขาทำธุรกิจที่เผิงเฉิง เงินที่ได้ไม่ใช่มีไว้ปรนเปรอเด็กนั่งดริงก์ เขามีลูกเมียต้องเลี้ยงดู มีครอบครัวต้องดูแล เื่นี้ย่อมมาก่อนเสี่ยวโหรวแน่นอน! แม้จะมีความสงสารมอบให้ แต่ก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลิวหย่งหน้าหนา ถูกคนตำหนิว่าเป็เถ้าแก่ขี้เหนียว แต่เขาก็หาได้สะทกสะท้านไม่
เขากับเสี่ยวโหรวไม่ได้เป็อะไรกัน ในเมื่อเสี่ยวโหรวไม่อยากรับแขกคนอื่นๆ เื่นี้จะมาโทษเขาไม่ได้!
คังเหว่ยรู้สึกว่าหากหลิวหย่งจะถูกหลอกก็คงเพราะจุดนี้ หลอกเงินนั้นไม่เท่าไร เสี่ยวโหรวเองก็ไม่ได้ขอเงินหลิวหย่ง แต่การหลอกลวงความรู้สึกนั้นเหนือชั้นกว่าการหลอกแค่เงินทองน่ะสิ
เฉกเช่นตอนนี้ หลิวหย่งนั่งอยู่บ้านดีๆ จู่ๆ ก็ต้องเดือดร้อน เื่เสี่ยวโหรวทำงานเป็เด็กนั่งดริงก์ที่เผิงเฉิง ไม่รู้คู่หมานที่บ้านเกิดรู้ได้อย่างไร อีกฝ่ายพาคนจากบ้านเกิดมาเจ็ดแปดคนเพื่อมาจับตัวเสี่ยวโหรว เสี่ยวโหรวถูกมองว่าเป็ผู้หญิงของหลิวหย่ง ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึง้าเอาเื่หลิวหย่ง
หลิวหย่งถูกหลิวเทียนเฉวียนเรียกไปหาอย่างไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ เขานึกว่าหลิวเทียนเฉวียนคงอยากคุยงานแต่เช้า ใครจะไปคิดเล่าว่าจะเป็เื่นี้!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้