ในขณะนี้จิตใจมู่จื่อหลิงว่างเปล่า นางลืมไปว่าวันนี้คือวันอะไร สิ่งที่เห็นผ่านดวงตาล้วนพร่ามัว ราวภาพลวงตาที่ไร้ตัวตน
ขณะนี้ระบบซิงเฉินไม่สามารถรับรู้ถึงความผิดปกติใดๆ ที่เกิดขึ้นกับนางได้
อาการวิงเวียนศีรษะนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและไม่มีการเตือนล่วงหน้า
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
นางกำลังจะตายหรือ? มู่จื่อหลิงรู้สึกเพียงว่าจิติญญาในร่างกำลังจะว่างเปล่า ร่างกายของนางราวกับลูกลมที่ลมค่อยๆ รั่วไหล อ่อนแอลงเรื่อยๆ
ทันใดนั้น อาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณหลังก็แผ่กระจายไปทั่วร่างกายของมู่จื่อหลิง
รอยแส้ลึกก่อตัวขึ้นบนหลังของมู่จื่อหลิงในทันที เนื้อแตกเืไหลริน าแนั้นน่าใอย่างยิ่ง
ในเวลาเดียวกัน มู่จื่อหลิงรู้สึกว่ามีบางอย่างถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของนาง ร่างกายของนางเบาไร้น้ำหนัก
หลังจากนั้นยังมีเสียงกรีดร้องด้วยความเ็ปดังเข้าหูของนาง
สิ่งที่มู่จื่อหลิงไม่รู้ก็คือยามนี้ร่างกายของนางกำลังเปล่งประกายโอบล้อมด้วยแสงดวงดาวสีม่วง ทั้งแสงและเงาเปล่งประกาย กระเพื่อมไปมาราวระลอกคลื่น งดงามผ่องใสล้นเหลือ
แต่ในขณะนี้ มู่จื่อหลิงผู้ซึ่งอยู่ในภวังค์ ไม่มีเวลาสำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวของตน ทั้งยังไร้กำลังที่จะค้นหาที่มาของเสียงนี้
เนื่องจากในยามนี้นางกำลังเ็ป ทุกส่วนในร่างกายของนางล้วนเ็ป
เจ็บ! เจ็บมาก!
ความเ็ปเสียดแทงทำให้มู่จื่อหลิงฟื้นขึ้นมาครู่หนึ่ง
แต่การฟื้นคืนสติสุดท้ายของมู่จื่อหลิงก็เป็่เวลาแห่งความสงบเพียงครู่เดียวเท่านั้น
ในยามนี้ นางกัดฟันแน่น ริมฝีปากล่างของนางมีเืออก รสเืคาวหวานจางๆ อบอวลไปทั่วทั้งปากในทันที
ไม่ นางไม่อาจยอมแพ้ได้! ห้ามยอมแพ้!
หากยอมแพ้ นางจะไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก
หากยอมแพ้ นางจะไม่ได้พบกับหลงเซี่ยวอวี่อีก
มู่จื่อหลิงกำหมัดอย่างอ่อนแรง ั์ตาใสไร้คลื่นมัวหม่น ตามมาด้วยความมุ่งมั่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
นางไม่เต็มใจแม้แต่น้อย! ไม่ยินยอมร่วงหล่นลงไปเช่นนี้
แต่ควรทำอย่างไร?
นางทนไม่ไหวแล้ว ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
มู่จื่อหลิงพยายามอย่างเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง ร่างของนางเซไปเซมา กำลังจะล้มลง บนหน้าผากที่มืดคล้ำมีเม็ดเหงื่อผุดพรายไหลย้อย ทั้งร่างแลดูอ่อนแอ หากมีคนมาพบเห็นย่อมรู้สึกทุกข์ใจ
พริบตาต่อมา...
ร่างของมู่จื่อหลิงราวกับหุ่นเชิดที่ถูกปลดเชือก [1] เดินโซเซอย่างอ่อนแรง ไร้แรงพยุงกาย ไม่สามารถรับน้ำหนักของร่างกายได้อีกต่อไป
ในยามที่ฟ้าดินม้วนตัวหลายตลบ [2] มู่จื่อหลิงเงยหน้าขึ้นมองป่าเขียวชอุ่ม ความมุ่งมั่นในดวงตานางกลับกลายเป็ของเหลวใสพร่ามัว
คราวนี้ราวกับเหลือนางเพียงผู้เดียวในใต้หล้า นางได้ยินเพียงเสียงหายใจแ่ของตนเท่านั้น
ร่างเล็กอ่อนแอทั้งโดดเดี่ยวและอ้างว้างในป่าทึบแห่งนี้
มู่จื่อหลิงค่อยๆ ลดเปลือกตาหนักอึ้งลง จนปิดลงในท้ายที่สุด
น้ำตาค่อยๆ ไหลลงมาจากหางตาของนาง
หลงเซี่ยวอวี่ท่านอยู่ที่ไหน
หลงเซี่ยวอวี่ข้าควรทำอย่างไร? ข้ารอท่านไม่ไหวแล้ว
หลงเซี่ยวอวี่ข้าคิดถึงท่าน คิดถึงมากจริงๆ...
ในพริบตา ประกายดวงดาวกระเพื่อมจากรอบด้านก็พุ่งเข้าสู่ร่างของมู่จื่อหลิงโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
แรงกระแทกครั้งใหญ่ทำให้ร่างกายอ่อนแอของมู่จื่อหลิงพุ่งพล่านไปด้วยพลังงานและเื ในที่สุดนางก็ไม่อาจยับยั้งตนเองไม่ให้กระอักเืออกมาได้
ประกายแห่งดวงดาวหลั่งไหลเข้าสู่ร่าง รอยแส้น่าสะพรึงกลัวบนหลังของมู่จื่อหลิงเปล่งประกายด้วยแสงสีม่วงงดงาม
ในเวลาถัดมา าแจากการถูกแส้ยาวกำลังรักษาตัวด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ขณะที่แสงสีม่วงค่อยๆ จางหายไป
สุดท้ายก็หลงเหลือเพียงคราบเืเปียกบนหลังของนาง แต่กลับไม่มีาแใด
แสงสว่างดับลง เสียงเงียบไปแล้ว ทุกอย่างกลับมาเป็ปกติอีกครั้ง
สิ่งเดียวที่ยังไม่กลับเป็อย่างเดิมคือ มู่จื่อหลิงที่าแจางหายไปจนหมดยังคงหมดสติ
นางนอนลง ไร้เสียงราวกับคนตาย นอนนิ่งไม่ไหวติง......
-
ดินแดนแห่งน้ำแข็งที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้
์ใต้หล้าล้วนเป็สีเดียวกัน ทุ่งน้ำแข็งปกคลุมด้วยหิมะทอดยาวสุดลูกหูลูกตา แผ่นหิมะสีขาวปกคลุมไปทั่วพื้นดิน
ณ ที่จุดสูงสุดแสนหนาวเหน็บของทุ่งน้ำแข็ง มีถ้ำน้ำแข็งขนาดใหญ่ตั้งอยู่
ถ้ำนี้มีขนาดกว้างขวาง ทั้งยังสว่างไสว ใจกลางถ้ำมีสระน้ำแข็งขนาดใหญ่ ตรงกลางสระมีต้นไม้ทรงสามเหลี่ยมใสหลากสีสูงประมาณสามเมตรขึ้นอยู่
ต้นไม้ทรงสามเหลี่ยมใสหลากสีมีสีสันเรืองแสง สีทั้งเจ็ดแตกต่างกัน พร่างพราว งดงามสะดุดตา
อย่างไรก็ตาม ยอดต้นไม้ทรงสามเหลี่ยมใสกลับมีลูกแก้วสีดำลอยอยู่กลางอากาศซึ่งให้ความรู้สึกเข้ากันไม่ได้
ลูกแก้วสีดำมีความแวววาว แต่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง มันเป็กลิ่นอายชั่วร้าย ทรงพลัง จ้องมองเพียงแวบเดียวก็สามารถดึงดูดผู้คนลงสู่ก้นบึ้งแห่งนรกอันมืดมิดได้
ไม่ไกลจากต้นไม้ทรงสามเหลี่ยมใส พื้นผิวตรงแอ่งน้ำแข็งบนแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ตั้งท้าลมหนาวที่พัดมา น้ำแข็งเย็นแทงทะลุถึงกระดูก
บนแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ หลงเซี่ยวอวี่นั่งขัดสมาธิ หลับตาตั้งสมาธิ ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยบรรยากาศแปลกประหลาดอันแสนลึกลับ ราวกับว่าเขาได้เจาะลึกเข้าไปในอีกภพหนึ่ง
ทันใดนั้น คิ้วของหลงเซี่ยวอวี่ขยับเล็กน้อยด้วยความใ จากนั้นดวงตาปิดสนิทของเขาก็เปิดออกกว้าง!
จากนั้น หลงเซี่ยวอวี่ก็เหยียดมือขวาออก ยกหลังมือขึ้นมา หรี่ตาลงมองรอยประทับบนหลังมือเงียบๆ
เพียงไม่นาน...
บนหลังมือขาวราวกับหิมะของเขากลับมีรอยเือันน่าตื่นตระหนก ลำแสงสีม่วงปรากฏขึ้นจางๆ
ประกายแสงสีม่วงกะพริบช้าๆ อย่างริบหรี่ ทั้งหมดนี้สะท้อนอยู่ในดวงตาที่มืดมนล้ำลึกของหลงเซี่ยวอวี่ ราวกับว่าเป็การสื่อสารอย่างเงียบงัน
มู่มู่!
ราวกับเขาััได้ถึงอะไรบางอย่างจากแสงสีม่วงนี้ ในเวลาต่อมา ความว่างเปล่าในดวงตาของหลงเซี่ยวอวี่ก็ควบแน่น เขาแทบนั่งไม่ติด
แต่ในขณะนี้ เสียงเ็า ห่างไกลก็ดังขึ้นในหูของเขาทันที “สมาธิน้อยนิดเพียงนี้ เ้า้านำหัวใจขนนกไปจริงหรือ?”
เสียงนี้ น้ำเสียงเช่นนี้...แม้แต่ฮ่องเต้เหวินอิ้นก็ไม่เคยพูดกับหลงเซี่ยวอวี่ด้วยน้ำเสียงหรือท่าทีเช่นนี้
แต่ในขณะนี้ไม่เพียงแต่ถูกกล่าวออกมาเท่านั้น แต่ยังได้รับการยอมรับอีกด้วย
แต่ในแง่ของความมุ่งมั่น เกรงว่าในใต้หล้านี้ นอกจากเ้าของเสียงนี้แล้วก็ไม่มีใครเทียบได้กับหลงเซี่ยวอวี่
แต่เคราะห์ร้าย...หลงเซี่ยวอวี่ได้พบกับมู่จื่อหลิง เมื่อเขาพบนาง ความมุ่งมั่นที่ไม่อาจทำลายได้ของเขาพังทลายลงบ่อยครั้ง
ในยามนี้ เ้าของเสียงกำลังประทับอยู่บนแผ่นน้ำแข็งเรียบภายในภาพเสมือนจริง เป็ภาพเสมือนจริงที่มองเห็นได้ชัดเจน แต่กลับรู้ได้ว่าไม่มีสิ่งใดที่เป็จริง
ถึงกระนั้นคนบนแผ่นน้ำแข็งก็ยังเปล่งรัศมีน่าสะพรึงกลัวซึ่งทำให้ผู้คนทั้งอยากเข้าใกล้และออกห่าง
เขามีรูปร่างผอม ใบหน้าที่หล่อเหลา ทั้งยังดูหนุ่มมาก แต่กลับไม่อาจบอกได้ว่ามีอายุเท่าใด ใบหน้าไร้รอยยิ้มดูโหดร้าย เขาเป็เหมือนคนที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงกลัวได้อย่างสุดซึ้ง
การดำรงอยู่ของเขา เต็มไปด้วยพลังอันไร้ขอบเขตทำให้ผู้คนหวาดกลัว ทั้งยังให้ความรู้สึกเหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้าที่ดูเหมือนจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่กลับเอื้อมไม่ถึง
หัวใจขนนก!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คิ้วกระบี่สีดำสนิทของหลงเซี่ยวอวี่ก็ขมวดเล็กน้อย สีหน้าของเขาสั่นไหว ดวงตาเผยให้เห็นความเยือกเย็นเย่อหยิ่ง
ครั้งนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจากมา จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้คือการได้หัวใจขนนกกลับไป
ในจดหมายของหลี่เอินกล่าวอย่างกระชับว่าดวงดาวที่ประทับบนมือของมู่มู่กำหนดให้นางมีสิ่งที่ต้องรับผิดมาแต่กำเนิด
นางต้องเชื่อมต่อดาวทั้งห้าเข้าด้วยกัน จากนั้นความลึกลับที่ยังไม่รู้จะได้รับการแถลงไข
ในยามนั้น หลงเซี่ยวอวี่ตระหนักว่าความลึกลับเกี่ยวกับมู่มู่ของตนนั้นถูกส่งต่อมาจากมารดาผู้ลึกลับของนาง
น่าเสียดายที่หญิงโง่ผู้นั้นไม่รู้อะไรเลย
หัวใจขนนกคือสิ่งที่รวบรวมิญญาแห่ง์และโลก ควบแน่นความสว่างนับพัน เป็เงื่อนไขเดียวที่จำเป็สำหรับการเปิดเปลือยดวงดาว
ต้องรู้ว่าในใต้หล้าหัวใจขนนกถือเป็สิ่งที่อยู่ในตำนาน ไม่ต้องพูดถึงการได้ยิน ด้วยไม่เคยมีการกล่าวถึงมาก่อน แต่คราวนี้ หลงเซี่ยวอวี่กลับพบมันโดยบังเอิญ
แต่แทนที่จะบอกว่ามันเป็เื่บังเอิญ จะดีกว่าถ้าจะบอกว่าหัวใจขนนกอยู่ภายใต้สายตาของหลงเซี่ยวอวี่มาก่อนแล้ว...
ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับความลึกลับนี้ หลงเซี่ยวอวี่ก็ไม่เคยคิดสงสัยเลยเช่นกัน แต่เมื่อมันเกี่ยวข้องกับมู่มู่ของเขา ดังนั้นเขาจึงอยากรู้อยากเห็น ทั้งยัง้าไขปริศนาให้ได้
ความลึกลับยังไม่อาจไขกระจ่าง แต่มู่มู่ของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย จนอาจจากเขาไปตลอดกาล นี่คือสิ่งที่เขาจะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น
แต่ยามนี้...
หลงเซี่ยวอวี่จ้องมองลูกบอลโปร่งแสงสีดำบนต้นไม้ทรงสามเหลี่ยมใสหลากสี รู้สึกถึงแสงสีม่วงที่เปล่งออกมาจากมือของตน ฝ่ามือที่กางออกของเขากำหมัดแน่นอีกครั้ง ดวงตาเฉยเมยของเขาหรี่ลงเล็กน้อย แววตาเศร้าหมองฉายผ่านดวงตา
ภาพเสมือนจริงบนแผ่นน้ำแข็งยืนเอามือไพล่หลัง สงบนิ่ง เขาเหลือบมองหลงเซี่ยวอวี่อย่างแ่เบา ขมวดคิ้ว พูดโดยไม่ลังเล “เ้า...แย่มาก”
ความหมายของคำเหล่านี้ชัดเจน
เ้าแย่มาก??? ในใต้หล้านี้ ใครจะกล้าแสดงความคิดเห็นเช่นนี้ต่อฉีอ๋อง?
เมื่อมองทั่วใต้หล้าแล้ว ดูเหมือนว่ามีเพียงคนบนแผ่นน้ำแข็งผู้นี้เท่านั้นที่กล้าพูด ทั้งยังพูดได้ เขามีคุณสมบัติที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหลงเซี่ยวอวี่ในลักษณะนี้ได้
กลิ่นอายเย็นะเืบนตัวหลงเซี่ยวอวี่เหมือนฝนห่าใหญ่ใกล้ตกในูเา [3] จ้องมองแสงสีม่วงริบหรี่ราวกับคบเพลิงในมือเขา ดวงตาเ็าของเขาหรี่ลงอย่างน่ากลัว น้ำเสียงเ็าราวอยู่ในน้ำแข็ง “นางกำลังตกอยู่ในอันตราย!”
คำง่ายๆ เหล่านี้เผยให้เห็นว่าในยามนี้หลงเซี่ยวอวี่คิดถึงมู่มู่และเป็ห่วงนางมากเพียงใด
แววกังวลในดวงตาฉายออกมาจากภาพเสมือนจริงบนแผ่นน้ำแข็ง ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าผู้ใดจะจับได้ จากนั้น ความคิดของเขาก็ล่องลอยไปไกล ราวกับเขามองเห็นทุกสิ่ง รู้ทุกอย่าง
สีหน้าของเขาเฉยเมย ก่อนพูดเบาๆ ว่า “เกิดใหม่จากเถ้าถ่าน [4]! หากทนไม่ได้แม้กระทั่งความทุกข์เล็กน้อยเช่นนี้ เช่นนั้นนางก็...”
เขาลังเลที่จะพูด ชำเลืองมองหลงเซี่ยวอวี่ ดุเบาๆ “ไม่มีแม้สมาธิเพียงน้อยนิด เหตุใดอาจารย์ยังต้องรอเ้า เ้าช่างเป็อะไรที่เสียเวลาจริงๆ”
เสียงแ่เบา แต่กลับมั่นคงราวกับูเาสูงตระหง่าน ดูมีความยิ่งใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ใจของหลงเซี่ยวอวี่สงบลงในทันที
เขารู้มาก่อนแล้ว ว่านี่คือสิ่งที่มู่มู่ต้องประสบ แต่เขาไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมาถึงเร็วเพียงนี้
เหตุใดจึงเร็วยิ่งนัก มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น...มู่มู่ของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย!
ยามนี้เมื่อรู้ว่านางกำลังเ็ป แต่ตนกลับไม่อาจอยู่เคียงข้างนางได้ หลงเซี่ยวอวี่จะไม่รู้สึกทุกข์ใจได้อย่างไร? จะไม่กังวลได้อย่างไร?
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือหลงเซี่ยวอวี่รู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในยามนี้เป็ไปไม่ได้ที่จะออกไปตามหามู่มู่
เพราะแม้ว่าหัวใจขนนกจะรวบรวมิญญาแห่งฟ้าดิน แต่มันก็ถูกห่อหุ้มด้วยิญญาชั่วร้าย เมื่อใดก็ตามที่มันถูกควบคุมล้วนต้องผ่านความทุกข์ทรมานราวกับนรก
ดังนั้นร่างกายของหลงเซี่ยวอวี่จึงต้องทนกับความเ็ปจากการเผาไหม้ที่ไม่สามารถบรรยายได้
แต่ั้แ่ต้นจนจบ คิ้วของเขาไม่เคยขมวด นี่คืออิทธิพลของสมาธิอันสูงส่งของเขา
นอกจากนี้ หากิญญาชั่วร้ายที่พันรอบหัวใจขนนกไม่ได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสมในระหว่างกระบวนการจัดการ มันอาจทำให้วิกลจริตได้ ในกรณีร้ายแรง ทุกสิ่งจะถูกแผดเผาทำลายสิ้น
ดังนั้น ในยามนี้ที่ยังอยู่ในระหว่างการเข้าควบคุม หากออกไปกลางคัน ผลที่ตามมาคือหายนะ
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] หุ่นเชิดที่ถูกปลดเชือก (脱了线的木偶) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า สิ่งที่ไม่อาจควบคุม
[2] ฟ้าดินม้วนตัวหลายตลบ (天地旋转) เป็สำนวน มีความหมายว่า ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะ หรือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
[3] ฝนห่าใหญ่ใกล้ตกในูเา (山雨欲来) เป็สำนวน มีความหมายว่า บรรยากาศตึงเครียดก่อนที่าจะปะทุขึ้น หรือบรรยากาศตึงเครียดก่อนที่จะเกิดการปะทะ สำนวนเต็มคือ 山雨欲来风满楼 แปลว่า ลมพายุคะนองฝนห่าใหญ่ใกล้ตกในูเา
[4] เกิดใหม่จากเถ้าถ่าน (浴火重生) เป็สำนวน มีความหมายว่า การประสบกับความทรมานของไฟและการทดสอบอันเ็ปจนสุดท้ายได้เกิดใหม่ หรือชีวิตฟื้นคืนจากการพบโอกาสใหม่หลังประสบภัย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้