“ที่แท้เป็เช่นนี้นี่เอง” เฟิ่งเฉี่ยนเท้าคางกระพริบตาปริบๆ อย่างเ้าเล่ห์ “เช่นนั้นก็ช้าหน่อยเถิด เปิ่นกงไม่รีบ เดินก้าวหนึ่งหยุดก้าวหนึ่งก็ได้!”
จ้าวกงกงลอบปาดเหงื่อ จิตใจของฮองเฮานั้นยากจะคาดเดา แต่เขาก็ทำตามคำสั่งของฮองเฮา ให้เกี้ยวหงส์เดินช้าลง เดินก้าวหนึ่งหยุดก้าวหนึ่ง ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้า
เดิมทีพระสนมและชายาต่างๆ ล้วนอยู่ในลานเรือนของตนเพื่อชมจันทร์ ได้ยินว่าเกี้ยวหงส์กำลังจะผ่าน แต่ละคนรีบวิ่งออกมาคุกเข่าต้อนรับ
มีสาวงามเพียงคนเดียวที่หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ไม่ยอมออกไป
“ข้าไม่ไป! บอกว่าข้าไม่สบาย!”
“ฉีเหม่ยเหริน ไม่ได้นะเพคะ! เกี้ยวหงส์ผ่าน หากไม่ไปรับเสด็จมีความผิดฐานไม่ให้ความเคารพ! โทษสถานเบาคือโทษโบย โทษสถานหนักคือตัดหัวเพคะ!”
“ตัดหัวหรือ” ฉีเหม่ยเหรินหน้าซีดราวกับกระดาษ นางรีบลุกขึ้นจากตั่ง “เร็ว หยิบรองเท้าของข้ามาเร็วเข้า!”
เมื่อฉีเหม่ยเหรินรีบออกมาอย่างเร่งรีบ เหล่าหญิงงามยังคงคุกเข่าอยู่ที่นั่น มองส่งเกี้ยวหงส์ที่เดินก้าวหนึ่งหยุดก้าวหนึ่งค่อยๆ ไกลออกไป
ฉีเหม่ยเหรินคุกเข่าอยู่ท่ามกลางสาวงามเ่าั้ มองดูฮองเฮาที่นั่งอยู่บนเกี้ยวหงส์อย่างสง่างาม นางโกรธแค้นจนแทบจะบิดผ้าเช็ดหน้าในมือขาด
ทั้งๆ ที่เป็คนที่ก้าวเท้าออกไปนอกวังแล้วข้างหนึ่ง แต่กลับถูกฝ่าาพลิกป้ายเรียกตัวเข้าปรนนิบัติ ซ้ำยังใช้เกี้ยวหงส์มาหามไปยังตำหนักไท่จี๋ เืแห่งความริษยาของนางพลุ่งพล่านเต็มอยู่ในอก!
“มีอะไรดีกัน กำลังจะไปจากวังหลวงอยู่แล้ว ข้าจะคอยดูว่าเ้าจะอวดดีได้อีกนานเท่าใด” ริมฝีปากถูกขบจนเป็รอยฟันลึกๆ
เฟิ่งเฉี่ยนหันหน้ากลับมาตวัดสายตามองฉีเหม่ยเหรินปราดหนึ่ง นางยิ้มเ็าแล้วถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว
ในวังหลวงแห่งนี้ มีคนเพียงคนเดียวที่มีค่าคู่ควรจะเป็คู่ต่อสู้ของนางได้ คนอื่นๆ นั้นนางไม่เห็นอยู่ในสายตา!
เกี้ยวหงส์มาถึงหน้าประตูตำหนักยีหลัน เฟิ่งเฉี่ยนสั่งให้หยุดเกี้ยว
เงยหน้าขึ้นมองป้ายตำหนักของตำหนักยีหลัน เฟิ่งเฉี่ยนหรี่ตาลง เมื่อหวนคิดถึงบทสนทนาระหว่างนางและเซวียนหยวนเช่อในตำหนักเว่ยยาง
“เ้าพูดอีกครั้งสิ” เซวียนหยวนเช่อมองนางเหมือนไม่อยากเชื่อ
นางพูดซ้ำอีกครั้งช้าๆ ชัดๆ ทีละคำ “ข้า-้า-ถวายงาน!”
ดวงตาเ็าของเซวียนหยวนเช่อมองนางตรงๆ “เหตุผล?”
นางยกยิ้มแล้วพูดเน้นทีละคำ “ล่อ-งู-ออก-จาก-ถ้ำ!”
“ทูลเหนียงเหนียง เวลาไม่เช้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกเราควรเร่งเดินทางใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” จ้าวกงกงเร่งอย่างร้อนใจ
เฟิ่งเฉี่ยนมีสีหน้าสงบยิ่ง “รีบอะไร องค์หญิงหลานซินยังไม่ออกมาต้อนรับเปิ่นกง เปิ่งกงจะไปได้อย่างไร นี่ใช่เจตนาให้นางได้รับโทษหรอกหรือ”
จ้าวกงกงหมดคำพูด ที่กล่าวว่าโทษฐานไม่ให้ความเคารพนั้นหมายถึงเ้าตัวถือสาเอาความ ้าลงโทษผู้อื่นให้มีความผิดฐานไม่ให้เกียรติ แต่หากฮองเฮาไม่ถือสา คนอื่นจะมีความผิดได้อย่างไร
ชัดเจนเหลือเกินว่าฮองเฮา้าหาเื่องค์หญิงหลานซินโดยเฉพาะ!
ในตำหนักยีหลัน องค์หญิงดื่มน้ำชาอย่างสบายใจ
โจวหมัวมัวเดินวนไปมาในเรือน นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “น่ารังเกียจที่สุด! ก็แค่ปรนนิบัติมิใช่หรือ เหตุใดยังต้องใช้เกี้ยวหงส์หามมาแสดงอำนาจกับพวกเราที่นี่ ขาดเพียงแค่ไม่ได้ตีฆ้องตีกลอง นาง้าทำให้ใครดูกันแน่”
นับั้แ่ถูกลงโทษครั้งนั้น ใบหน้าของนางยังไม่ลดบวมเท่าใดนัก ผิวยังรู้สึกปวดแสบปวดร้อน ทำให้นางเกลียดชังฮองเฮาเข้ากระดูก
องค์หญิงหลานซินกลับไม่เดือดเนื้อร้อนใจ นางพูดเนิบๆ “นางกำลังจะไปจากวังหลวงอยู่แล้ว ให้นางได้แสดงอำนาจเป็ครั้งสุดท้ายก็ไม่ใช่เื่ใหญ่โตอันใด! แต่คนที่เ้าส่งไปทำงานไว้ใจได้หรือไม่ เหตุใดจนป่านนี้แล้วยังไม่กลับมารายงานอีก”
โจวหมัวมัวแปลกใจเช่นกัน นางมองออกไปนอกประตู “จี้เฟยและโก่วเที่ยวได้แฝงตัวเข้าไปในตำหนักเว่ยยางนานแล้ว ตกลงกันว่าทันทีที่ฮองเฮาออกไป พวกเขาก็จะลงมือทันที คำนวณเวลาดูแล้ว สมควรกลับมาแล้วนะเพคะ”
องค์หญิงหลานซินขมวดคิ้วแน่น “จีเฟยโก่วเที่ยว[1]หรือ เหตุใดจึงเป็พวกเขาสองคนอีกแล้ว เ้าจะส่งคนสองคนที่เชื่อมือไปไม่ได้เลยหรือ”
โจวหมัวมัวก้มหน้า “องค์หญิงโปรดคลายโทสะด้วยเพคะ! ที่จริงบ่าวตั้งใจจะส่งคนอื่นไป ทว่าจี้เฟยและโก่วเที่ยวยืนกรานหนักแน่นว่าจะขอสร้างผลงานเพื่อลบล้างความผิดเพคะ! บ่าวใคร่ครวญดูแล้ว จากบทเรียนครั้งก่อนพวกเขาน่าจะได้รับการสั่งสอนและชี้แนะแล้ว ส่งคนใหม่ไปไม่สู้ให้โอกาสพวกเขาแก้ตัว ดังนั้นบ่าวจึงมอบภารกิจสำคัญนี้ให้กับพวกเขาทั้งสองคนเพคะ”
“เ้าโง่เขลาสองคนนั่น ถึงเวลานี้ยังเงียบหายไม่มีข่าวคราว เปิ่นกงไม่วางใจจริงๆ!” องค์หญิงหลานซินครุ่นคิดแล้วพูดว่า “เอาอย่างนี้ เ้าไปดูที่ตำหนักเว่ยยางด้วยตนเองสักครั้ง หากพวกเขาทำภารกิจลุล่วงแล้ว ย่อมเป็เื่ดีที่สุด หากทำไม่สำเร็จให้เ้าไปทำภารกิจให้สำเร็จด้วยตัวเอง!”
พูดแล้วนางหรี่ตาลงด้วยแววตาเปี่ยมรัศมีสังหาร “นี่เป็โอกาสที่งดงามที่สุดในการขับไล่ฮองเฮาออกจากวังหลวง! เปิ่นกงจะไม่ยอมให้มีอะไรผิดพลาดเป็อันขาด!”
โจวหมัวมัวมีสีหน้าเคร่งเครียด นางก้มหน้าลง “องค์หญิงโปรดวางพระทัยเพคะ บ่าวจะทำภารกิจให้สำเร็จอย่างราบรื่นแน่นอน!”
ห้องทรงพระอักษร เซวียนหยวนเช่อจิบน้ำชา ร่างของเขาเอนไปด้านหลังเล็กน้อยแม้จะดูเกียจคร้านทว่าไม่ได้ทำให้ความสง่างามและความสูงศักดิ์ลดลงแม้แต่น้อย เบื้องหน้าเขามีฎีกาฉบับหนึ่งเปิดอยู่ แต่สายตาของเขากลับตกอยู่ด้านข้าง แววตาของเขาเลื่อนลอยออกไปไกล ชัดเจนเหลือเกินว่าสมาธิไม่ได้อยู่กับฎีกาตรงหน้า
ลั่วหยิ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกประตู รายงานว่า “ทูลฝ่าา งูออกจากถ้ำแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนเช่อได้สติ เขามองลั่วหยิ่งด้วยสายตาเ็า “ฮองเฮาถึงที่ใดแล้ว”
ลั่วหยิ่งตอบ “เกี้ยวหงส์ของฮองเฮาหยุดอยู่ด้านนอกตำหนักยีหลันพ่ะย่ะค่ะ กำลังรอให้องค์หญิงหลานซินออกมาถวายพระพร ทว่าองค์หญิงหลานซินกลับปิดประตูไม่ออกมา ทั้งสองฝ่ายกำลังหยั่งเชิงท่าทีกันอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนเช่อหรี่ตาลง เขาพูดเนิบๆ “นี่นางกำลังเจตนายั่วโทสะอีกฝ่าย คิดจะหลอกล่อให้งูพิษตัวจริงออกมาจากถ้ำ!”
ลั่วหยิ่งพูดอย่างลังเล “แต่องค์หญิงมีฐานันดรสูงศักดิ์ ข้ารับใช้ล้วนเป็ยอดฝีมือ นางไม่มีทางลงมือด้วยตนเองแล้วทำให้ผู้อื่นจับจุดอ่อนได้! ครั้งนี้เหนียงเหนียงอาจต้องเหนื่อยสักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ!”
เซวียนหยวนเช่อกลับส่ายหน้าด้วยสีหน้าจริงจึง “คนอื่นอาจเป็เช่นนั้น แต่นางนั้นไม่แน่! นางเป็สตรีที่ไม่ทำอะไรตามกฎเกณฑ์ที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เจิ้นเคยเห็นมา และเป็สตรีที่สร้างความตื่นเต้นให้กับเจิ้นมากที่สุด! เื่ที่คนอื่นทำไม่ได้ บางทีนางอาจทำได้!”
ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดถึงอะไร เขาพลันหัวเราะหึๆ ออกมา “เจิ้นกลับรู้สึกรอคอยอยู่บ้าง”
ลั่วหยิ่งมองฮ่องเต้อย่างประหลาดใจ ฮ่องเต้ถึงกับรู้สึกรอคอยฮองเฮาเพียงนี้?
ที่บอกว่าฮ่องเต้ไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่อฮองเฮาเลย นั่นเป็เื่โกหกทั้งเพ!
หาไม่แล้วไฉนฝ่าาจึงแหกกฎส่งเกี้ยวหงส์ไปหามฮองเฮา
หากว่ากันตามกฎมณเฑียรบาลแล้ว มีเพียงเข้าร่วมพิธีบวงสรวงหรือเกิดเื่ใหญ่ขึ้นเท่านั้นที่ฮองเฮาจะสามารถประทับเกี้ยวหงส์!
อีกทั้งการถวายงานในครั้งนี้เป็เพียงส่วนหนึ่งของแผนการ ฝ่าากลับส่งเกี้ยวหงส์ออกไปราวกับเป็เื่ราวใหญ่โต เื่นี้หากใคร่ครวญให้ดีก็เป็เื่น่าคิด!
ด้านนอกตำหนักยีหลัน องค์หญิงหลานซินปิดประตูไม่ยอมออกมา เกี้ยวหงส์จึงได้แต่หยุดอยู่ที่เดิม เฟิ่งเฉี่ยนถูกหามอยู่ที่นั่น เข้าไม่ได้ถอยไม่ได้
เหล่าพระสนมชายาต่างพากันดูอยู่ นางถอยไม่ได้ ประตูใหญ่ของตำหนักยีหลันปิดสนิท นางเข้าไม่ได้เช่นกัน
ทว่าเื่สำคัญที่สุดก็คือ นางจำเป็ต้องล่องูออกจากถ้ำ!
มิใช่ล่องูเล็กๆ ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ออกมา แต่ต้องล่องูใหญ่ตัวจริงออกมาให้ได้!
องค์ไท่จื่อน้อยปรากฏตัวขึ้นในขณะที่นางกำลังตกที่นั่งลำบาก
“เสด็จแม่ เสด็จแม่!”
เงาร่างเล็กของคนๆ หนึ่งวิ่งมาแต่ไกล เงาร่างนั้นเซไปเซมา เฟิ่งเฉี่ยนเป็ห่วงว่าเขาจะล้มลงจึงรีบสั่งให้วางเกี้ยวหงส์ลง แล้วเดินลงมา
“ช้าหน่อย อย่าหกล้มเล่า!” นางพูดพร้อมๆ กับที่ย่อกายลงมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ชั่วพริบตา ร่างเล็กๆ ก็โถมเข้าใส่อ้อมกอดของนางราวกับสายลม
[1] จีเฟยโกวเที่ยว ในที่นี้หมายถึงแตกตื่นลนลาน