หลิวเต้าเซียงได้ยินคำพูดของเขา นางรู้สึกเพียงว่าตนเองสามารถขายได้ในราคาสูง จึงเอ่ย “อื้อ ในตำบลมีแม่เฒ่าจาง นางบอกว่าผู้คนเรียกนางว่าแม่เฒ่าจาง บ้านเ้านายที่นางกล่าวถึงนั้นร่ำรวย เื่นี้ไม่ต้องเป็กังวล หนก่อนนางยังกำชับข้าว่า หากมีของป่าให้นำส่งไปที่บ้านของนาง”
“เช่นนี้ก็ไม่เลว เ้ายังอายุน้อย จะทำอะไรก็ต้องคอยระวังหน้าระวังหลังด้วย ออกไปข้างนอกก็อย่าเผยเงินทองออกมา หาคนที่ไว้ใจได้หน่อยเป็ดี”
พูดถึงตรงนี้ เขาเองก็ยังไม่วางใจ คิดในใจว่าอีกเดี๋ยวจะสั่งให้เหล่าองครักษ์ลองไปสืบถามเกี่ยวกับแม่เฒ่าจางว่าเป็คนอย่างไร เมื่อเขาจากไป จะได้วางใจได้
“ตกลง ขอบใจเ้ามากที่ตักเตือน ข้าจะระวัง วันรุ่งขึ้นข้าจะออกจากหมู่บ้านแล้วส่งของไปยังบ้านนาง”
หลิวเต้าเซียงกังวลว่าหลิวฉีซื่อจะพบเข้า หากนางเจอเข้าเกรงว่าคงเก็บเ้าสิ่งนี้ไว้ไม่อยูแน่
นางนับอย่างระมัดระวัง ตัวใหญ่ห้าตัว ตัวเล็กอีกสิบกว่าตัว คงไม่ใช่ว่าจับมาทั้งรังหรอกนะ แต่ก็ขายได้ราคาดีเป็แน่ หากพบเจอคนที่สามารถเพาะเลี้ยงเป็ไม่แน่ว่าอาจจะคลอดได้อีกหลายคอก
นางอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือออกไปเช็ดน้ำลาย ได้ยินว่าเนื้อหนูนั้นเลิศรส อร่อยยิ่งนัก!
หนนี้ ซูจื่อเยี่ยได้ยินเสียงไก่ขันเป็หนที่สอง มองดูใบหน้าที่น่ารักน่าหยิกของหลิวเต้าเซียงแล้ว อดทนข่มใจ สุดท้ายข่มใจไม่ไหวจึงรีบเอ่ย “ดึกมากแล้ว เ้าบอกว่าต้องตื่นเช้าไม่ใช่หรือ?”
“อืม ใช่!” หลิวเต้าเซียงดึงสติกลับมาและไม่ค่อยเข้าใจนัก
ซูจื่อเยี่ยเตือนนางอีกครั้งอย่างมีความอดทน “ไก่ขันรอบที่สองแล้ว”
หลิวเต้าเซียงพยักหน้า คิดในใจว่าดึกมากแล้วจริงๆ กลับไปยังสามารถนอนได้สักหนึ่งตื่น
หลิวเต้าเซียงที่สายตามีแต่เงินทองตอนนี้ ลืมไปนานแล้วว่าซูจื่อเยี่ยพานางออกมาจากห้องได้อย่างไร
แน่นอนว่าซูจื่อเยี่ยเองก็เ้าเล่ห์ จงใจวกเข้าหาแต่เื่เงิน ส่วนเื่อื่นๆ หลิวเต้าเซียงก็ลืมทุกอย่างจนหมดสิ้น
หลิวเต้าเซียงยกแขนขวาขึ้น ความหมายก็คือพานางขึ้นมาอย่างไร ก็รับผิดชอบพานางลงไปด้วย
มือซ้ายถือกรงไม้ไผ่ที่มีค่า สายตาจับจ้องที่หนููเาโดยไม่เบนสายตาออก
ซูจื่อเยี่ยกล้าเดิมพันว่าตอนนี้ในสายตาของนางมีแต่เงินกองเต็มเป็ูเา
“พี่จื่อเยี่ย อันที่จริงพระจันทร์ยังขาวไม่เท่าดอกต้นแพร์เลย” หลิวเต้าเซียงเตือนเขาอย่างระมัดระวัง ที่แท้นางยังคงนึกถึงเื่นี้
เขาที่กำลังเอื้อมมือออกไปโอบนางเพื่อจะพาะโลงไป เมื่อได้ยินคำพูดนี้ถึงกับเกือบจะลื่นหล่นจากหลังคา
ซูจื่อเยี่ยเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ด้วยใบหน้าหดหู่ แล้วมองมาที่สาวน้อยตัวเล็กๆ ในอ้อมแขนของเขา แน่นอนว่าบทกวีเทพบุตรขี่ม้าขาวอะไรเทือกนั้นต้องโยนทิ้งไป เพราะแม่สาวน้อยคนนี้เหมาะสมที่จะพูดคุยแต่เื่เงินทองเท่านั้น
แสงจันทร์สีเงินโรยลงบนทั้งสอง แสงอันอ่อนโยนปกคลุมทั้งสองไว้ แล้วลอยละล่องจากหลังคาลงมา
หิมะดอกบ๊วย พระจันทร์ดอกต้นแพร์ มีความคล้ายกัน
ซูจื่อเยี่ยกลั้นหายใจชั่วครู่ ก่อนที่นางจะก้าวขึ้นบันไดไปทางห้องปีกตะวันตก เขาจึงเอ่ยออกมา “มีเวลาว่างก็อ่านตำราให้มาก”
หลิวเต้าเซียงมองไปที่ซูจื่อเยี่ยด้วยสายตาที่บ่งบอกว่านางเข้าใจข้อนี้ดี แน่นอน หนทางของคนยุคโบราณ การเล่าเรียนให้มาก ก็หมายความว่าสามารถจัดการเงินได้ดีกว่า
ด้วยเหตุนี้ หลิวเต้าเซียงจึงยิ่งรู้สึกว่าเข้ากันได้กับซูจื่อเยี่ยมากขึ้น
หากซูจื่อเยี่ยรับรู้ความคิดเช่นนี้ของแม่สาวน้อย ไม่รู้ว่าจะโมโหจนกระอักเืหรือไม่!
ในความเป็จริง บางครั้งความเข้าใจผิดก็เป็ความสวยงามรูปแบบหนึ่งเช่นกัน
หลิวเต้าเซียงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หิ้วกรงไม้ไผ่เดินวกกลับมา แล้วเอ่ยถาม “เ้าขาดแคลนเงินทองใช่หรือไม่?”
นางคิดว่าซูจื่อเยี่ยต้องใช้ความพยายามอย่างมากกับหนููเาเหล่านี้ ตนเองเพียงแค่ไปช่วยเขาขาย รู้สึกเกรงใจหากจะรับไว้เองทั้งหมด
“อืม กฎเดิม คนละครึ่ง” ซูจื่อเยี่ยก้มมองดูนาง ดวงตากลมสวยกะพริบปริบๆ หลิวเต้าเซียงที่ทำทรงผมสองจุก เผยให้เห็นหน้าผากกลมมน มองดูแล้วมีชีวิตชีวา ลมโชยกลิ่นสบู่อ่อนจากตัวนาง แสงจันทร์สีเงินสาดบนตัว และแนบระนาบกับผิวพรรณอ่อนเยาว์นั้น
นิ้วมือของเขาที่ไพล่อยู่ด้านหลังถูกันไปมา ท้ายที่สุดก็สะกดกลั้นมือมารที่คิดอยากเอื้อมไปหยิกแก้มของนาง
ในความเป็จริง การหยิกแก้มนั้นสามารถเป็พฤติกรรมเสพติดได้
“จริงหรือ? แต่หากเป็เช่นนี้ข้าก็เอาเปรียบเ้าไม่น้อย ข้าก็เพียงแค่ช่วยเ้าขายเท่านั้น” หลิวเต้าเซียงบอกกับเขาตามความเป็จริง
ดวงตาของซูจื่อเยี่ยเปล่งประกายแห่งความซาบซึ้งชื่นชม จริงตามคาด เขาไม่ได้ดูผิดจริงด้วย
“มิเป็ไร ที่เกินมาถือว่าเป็รางวัลตอบแทนเ้า ข้าไม่ได้ขาดแคลนเงินทองเพียงน้อยนิดเ่าั้ ทว่าเพราะเื่บางอย่าง เงินที่มีอยู่ไม่เพียงพอ จึง้าเงินสักสองตำลึงก่อน”
เขาเห็นนางกำลังจะเอ่ยบางอย่าง จึงเอ่ยอีก “ในบ้านนอกเช่นนี้ไม่ง่ายเลยที่จะมีคนที่ทำอาหารได้ถูกปากข้า เดิมทีควรจะให้เงินกับเ้ามากกว่านี้ เพียงแต่ว่ากระเป๋าที่ใส่เงินกระดาษของข้าหายไป จึงต้องใช้เงินครึ่งหนึ่งของหนููเาเป็การตอบแทนเ้า หากเ้าไม่รับไว้ ก็ทิ้งไป เพราะถึงอย่างไร เงินที่ข้าให้กับผู้ใดก็ไม่คิดจะเอาคืน”
ความวางอำนาจเช่นนี้ กลับทำให้หลิวเต้าเซียงไม่รู้จะพูดอะไรดี ต่อมาจึงคิดว่า เขาก็ยังไม่ได้เอ่ยว่าจะจากไป เช่นนั้นต่อจากนี้ก็ทำของกินอร่อยให้เขาแทน
โชคดีที่ตอนนั้นตนเองออกมาหางานทำ เพื่อต่อยอดความเป็สายล่าของกิน ตนเองจึงขอสูตรทำอาหารจากแม่มาไม่น้อย จะว่าไปก็แปลก ตนเองข้ามมิติมา กลับจำสูตรอาหารเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำ
หลิวเต้าเซียงกล่าวขอบคุณเขา แล้วบอกว่าพรุ่งนี้ค่อยทำอาหารรสเลิศให้ จากนั้นก็กลับห้องไปพักผ่อน
แม้จะบอกว่าไปพักผ่อน อันที่จริงนางก็แค่เกลือกกลิ้งไปมาบนคั่ง
เพียงแค่คิดก็ตื่นเต้นเหลือเกิน ให้ตายเถิด สิ่งเหล่านี้ได้กำไรยิ่งกว่าการเลี้ยงไก่มากนัก
“เซียงเซียง คุณลืมไปแล้วหรือว่ามีพื้นที่นาอีกสองไร่กว่า” สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดชี้นำให้นางด้วยความขุ่นเคือง
ขณะเดียวกัน มันก็แอบเช็ดเหงื่อไหลเย็น โชคยังดี มันรายงานการค้นพบของหลิวเต้าเซียงให้กับเบื้องบนได้ทันการ มิเช่นนั้น แม่สาวน้อยคนนี้คงได้ถีบหัวส่งเขาไปไกลแน่นอน
“ฉันรู้น่า พันธสัญญาผูกิญญา ถ้าฉันไม่ทำงานให้นาย ฉันก็ต้องไปเกิดใหม่อีกครั้ง”
เมื่อพูดถึงเื่นี้นางก็มีความคิด แล้วจึงเอ่ย “อันที่จริงไปเกิดใหม่อีกหนก็ไม่เลว ไม่แน่ว่าอาจจะได้เกิดในบ้านคนรวย”
“คุณฝันต่อไปเถอะครับ!” สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดโกรธมากจนเขาไม่อยากสนใจนางอีก ฮึ คิดจะเริ่มต้นใหม่อีกหน ทำไมถึงไม่บอกว่าอยากให้ซ้ำรอยอีกรอบไปเลยล่ะ
หลิวเต้าเซียงกอดผ้าห่ม ที่แท้หนทางนี้ก็ใช้ไม่ได้หรือ
หลังจากล้มเลิกความคิดไปเกิดใหม่ในโลกยุคปัจจุบัน หลิวเต้าเซียงก็ครุ่นคิดว่าวันรุ่งขึ้นจะทำอะไรให้ซูจื่อเยี่ยกินดี
หลิวเต้าเซียงที่ชอบกินปลา ทันใดนั้นก็คิดได้ว่า นางไม่ได้กินเนื้อปลามาหลายมื้อแล้ว ตอนนี้เป็่ที่ปลาหลี่อวี๋กำลังอ้วนดี และมีไข่เต็มท้อง หรือวันรุ่งขึ้นลองไปคุยกับท่านพ่อ ให้จับปลาหลี่อวี๋กลับมา กลางวันกินปลาหลี่อวี๋นึ่ง กลางคืนค่อยทำน้ำแกงผักดองปลาดี?
เพียงแค่คิดก็น้ำลายไหล จึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้งานด้านเกษตรก็ผ่านพ้นไปพอสมควร การปล่อยให้หลิวฉีซื่อใช้งานเขา สู้ให้เขาทำหน้าที่พ่อที่ดีตามคุณลักษณะยี่สิบสี่ประการดีกว่า
ขณะที่กำลังวุ่นวายกับความคิดนี้ หลิวเต้าเซียงก็ใช้เวลาผ่านไปกว่าค่อนคืน เมื่อได้ยินเสียงจางกุ้ยฮัวกำลังลุกขึ้น นางก็ลุกขึ้นด้วย
นางตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับเมื่อคิดว่าเงินกำลังจะไหลเข้ามาในกระเป๋า
“น้องรอง เหตุใดเ้าจึงตื่นเช้าเยี่ยงนี้” หลิวชิวเซียงขยี้ตา ตื่นขึ้นเพราะความเคลื่อนไหวของหลิวเต้าเซียง
“อ้อ พี่ใหญ่ ข้าทำให้พี่ตื่นหรือ?” หลิวเต้าเซียงเกรงใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม นางแอบบอกข่าวกับหลิวชิวเซียงเงียบๆ ว่าบ้านตนเองกำลังจะมีเงินเพิ่ม หลิวชิวเซียงลุกขึ้นเร็วกว่านางเสียอีก
เงินที่ว่าอยู่แห่งหนใด?
หลิวเต้าเซียงมีข้อสงสัยบางอย่าง เหตุใดนางจึงไม่รู้ว่าพี่สาวตนเองก็รักเงินเช่นกัน
ในท้ายที่สุด นางก็ไม่ได้เอ่ยออกมา บอกกับหลิวชิวเซียงเพียงว่า มันคือเื่ดีๆ
จางกุ้ยฮัวได้ยินเสียงสองพี่น้องตื่นแต่เช้า จึงยื่นศีรษะมาจากหลังประตูแล้วเอ่ยถาม “ไยจึงไม่นอนต่ออีกสักพัก”
และแปลกใจที่บุตรสาวคนรองตื่นแต่เช้าเช่นนี้ เช้าเสียจนนางประหลาดใจเล็กน้อย
หลังจากที่หลิวเต้าเซียงบอกนางเกี่ยวกับเื่นี้ หลิวชิวเซียงก็ถามว่า “แล้วคุณชายน้อยเอ่ยเช่นนี้จริงหรือ? เพียงแค่ช่วยทำงาน ไยจึงให้เงินมากมายเช่นนี้ เราไม่ควรรับไว้”
“ท่านแม่!” หลิวเต้าเซียงรีบสวมรองเท้า วิ่งไปกอดแขนของนางและออดอ้อน “ข้าเองก็คิดเช่นนี้ แต่คุณชายน้อยบอกแล้วว่า หากข้าไม่รับไว้ ถือเป็การไม่ให้เกียรติเขา อีกอย่างข้าช่วยทำอาหารให้ตลอด รับค่าจ้างก็สมเหตุสมผล เขาบอกแล้วว่า ในตระกูลเขานั้นให้การรางวัลตอบแทนเป็เื่ปกติ ให้ทีเป็กอบเป็กำ ยิ่งกว่านั้น ข้าทำอาหารให้เขา ท่านแม่ ถือว่าเขาจ่ายค่าอาหารให้เราก็ได้ หากท่านแม่ไม่รับไว้ จะทำให้เขาดูแย่นะ”
หลิวเต้าเซียงกล่าวออกมาในอึดใจเดียว จนปัญญา นางยังต้องให้พ่อผู้แสนดีไปจับปลาที่ลำธาร จึงจำต้องบอกกล่าวเื่ราวให้ชัดเจนไม่ใช่หรือ?
จางกุ้ยฮัวกังวลเล็กน้อย เพียงแต่รู้สึกว่าไม่ควรรับเงินมากมายเช่นนี้
หนููเานั้นมีราคาสูง ในหมู่บ้านมีใครบ้างที่ไม่รู้ นางเองก็รู้ว่าสามารถขายได้ราคาเท่าใด
“ท่านแม่ คุณชายน้อยไม่ได้ให้ข้าทั้งหมด ให้เพียงครึ่งเดียว อีกอย่าง ถึงเวลาพวกเราก็ให้ท่านพ่อจับปลาในลำธารมาให้คุณชายกิน ข้าว่าทุกครั้งที่เขากินก็ชอบใจยิ่งนัก”
นางคิดว่าใน่เวลานี้ นางจะเปลี่ยนกลอุบายมาเพื่อให้ได้กินปลา ถือว่าเป็การตอบแทนที่เขาช่วยนาง
“ไม่อย่างนั้น หลังจากที่เ้าได้เงินแล้ว ให้ซื้อกระดูกชิ้นใหญ่แล้วกลับมาต้มน้ำแกงตุ๋นเพื่อดื่ม และแม่จะไปทีู่เาเช้านี้เพื่อหามันเทศกลับมา หมอท้องถิ่นบอกว่ากินมันแล้วจะบำรุงร่างกายได้ดี”
มันเทศที่จางกุ้ยฮัวเอ่ยถึงคือสมุนไพรป่าชนิดหนึ่ง
หลิวเต้าเซียงไม่คัดค้านเื่นี้ เพราะจางกุ้ยฮัวยังต้องให้นมลูก ได้ยินจากคนแก่ในหมู่บ้านกล่าวว่า การดื่มน้ำแกงจะช่วยให้มีน้ำนม
ยิ่งไปกว่านั้น สมุนไพรป่าตุ๋นกับซี่โครงนั้นบำรุงยิ่งนัก
นางตอบรับอย่างรวดเร็ว ส่วนหลิวซานกุ้ยที่ถูกปลุกจนตื่นจึงหัวเราะนาง
หลิวเต้าเซียงก็รีบไถลไปทางพ่อผู้แสนดีเพื่อออดอ้อน
รอจนโจ๊กข้าวขาวสุก เมื่ออาหารเช้ามาตั้งโต๊ะ หลิวเต้าเซียงดวงตาเป็ประกาย ไข่ผัด
เดี๋ยวนะ น้ำมันจากที่ไหน?!
ใบหน้าของจางกุ้ยฮัวเกิดอาการเกร็งเล็กน้อย นางแอบตักมาจากในห้องครัวแล้วเก็บไว้ด้านหลังบ้าน วันนี้จึงนึกอยากเอามาผัดไข่กิน
นางเองก็เขินอายที่จะบอก นาง้ากินไข่ผัดพริกมานานแล้ว
หลิวเต้าเซียงมีไหวพริบและรู้ตัวว่าตนเองพูดผิดไป จึงรีบยกตะเกียบจ้วงไข่ขึ้นมาไว้ในปาก
“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ มาเถอะ ไข่ที่แม่ผัดอร่อยเหลือเกิน”
หลิวชิวเซียงเข้าใจความหมายของนาง หลิวซานกุ้ยถูกไข่ผัดดูดิญญา ในความทรงจำของเขา การกินไข่นั้นเริ่มต้นจากวันที่ความเป็อยู่ของครอบครัวเริ่มดีขึ้น
แน่นอนว่า เขาไม่ได้สังเกตความคิดของจางกุ้ยฮัวแม้แต่น้อย
แม้นจะรู้ แต่เพื่อลูกๆ เดาว่าคงแกล้งทำเป็ไม่รู้อยู่ดี
หลิวเต้าเซียงแอบมองเขาและพบว่าเขาไม่ได้พูดอะไร จึงกินอาหารเช้าด้วยความอุ่นใจและมีความสุข
-----
