อาณาเขตใจกลาง คืออาณาเขตที่เป็แอ่งกระทะภายในหุบเขาสุขาวดี มันเป็พื้นที่ขนาดเล็กกว้างประมาณสามสิบจั้ง
แอ่งกระทะแห่งนี้มีชื่อที่เป็เอกลักษณ์ว่า ‘แอ่งเถียนซือ’
ภายในหุบเขาสุขาวดีเกิดการต่อสู้ขึ้นทุกวัน หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อยอาจมีคนต้องจบชีวิตลง สถานที่แห่งนี้เคยถูกสมาคมข่าวลือแผ่นดินใหญ่เรียกว่าเป็หนึ่งในสิบเขตอันตราย ที่เรียกว่าเขตอันตรายเพราะแม้จะเดินอยู่บนถนนเฉยๆ ก็อาจโดนสังหารได้ทุกเมื่อ
ส่วนแอ่งเถียนซือนี้มีประโยชน์คือ ไว้ทิ้งร่างไร้ิญญาเ่าั้ลงไป
เมื่อร้อยกว่าปีก่อน ความลึกของแอ่งกระทะแห่งนี้อยู่ที่เก้าจั้ง แต่ตอนนี้มันเหลือเพียงหกจั้งเท่านั้น ที่ด้านล่างเต็มไปด้วยกองกระดูก ไอิญญาหนาแน่น
และในขณะนี้มีคนสองคนเหาะอยู่ในแอ่งกระทะ
คนหนึ่งหน้าขาวราวหิมะ ร่างสูงโปร่ง เป็บุรุษวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปี แต่การแต่งกายค่อนข้างหรูหราอลังการ ดูเหมือนเป็นักปราชญ์อ่อนแอคนหนึ่ง เขาในตอนนี้ถือกระบี่ยาวอยู่เล่มหนึ่ง ตัวกระบี่เปล่งประกายแสงเย็นเยียบออกมาดูคมกริบไม่ธรรมดา ทว่าตรงปลายกระบี่กลับมีเืติดอยู่และหยดลงไปด้านล่างหยดแล้วหยดเล่า
ด้านล่างของเขาเต็มไปด้วยร่างไร้ิญญานับไม่ถ้วน
หุบเขาสุขาวดีเป็์สำหรับบางคน และเป็นรกได้เช่นกัน
ส่วนอีกด้านหนึ่งคือพรมวิเศษ
บนพรมวิเศษ าามารตะวันตกมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เดิมทีบนพรมวิเศษยังมีสาวงามอีกสองคน แต่ตอนนี้เหลือเพียงคนเดียวแล้ว ร่างของสาวงามอีกคนกองอยู่ภายในแอ่งเถียนซือใต้พรมวิเศษ นางหมดลมหายใจไปนานแล้ว หน้าอกของนางมีรอยกระบี่อย่างชัดเจน เืสดๆ ยังคงไหลทะลักออกมา ทว่าเพียงไม่นานแมลงจากร่างไร้ิญญาร่างอื่นก็ไต่ขึ้นมา ทำให้ร่างของนางเหลือเพียงกระดูกอย่างรวดเร็ว
“กล้ามากนะ กล้าสังหารสตรีของข้า เ้าใช้ชีวิตมาเหนื่อยพอแล้วใช่ไหม”
าามารตะวันตกมองอีกฝ่ายแล้วกล่าวด้วยความโมโห เจตจำนงสังหารพลุ่งออกมาจากร่าง เหมือนว่าจะกระโจนออกไปสังหารอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ
“เฮอะ เป็ถึงาามารตะวันตก แต่มีดีแค่ปากหรืออย่างไร”
นักปราชญ์ผู้นั้นมองาามารตะวันตกด้วยสีหน้าเหยียดหยาม สามารถมองเห็นได้ว่าในแววตาของเขาไม่มีความเกรงกลัวอีกฝ่ายเลย ในทางกลับกันเขาใช้คำพูดยั่วยุอีกฝ่ายอยู่ตลอด คนที่ใช้วิธีเช่นนี้ได้ในหุบเขาสุขาวดีมีอยู่ไม่มากนัก
“เ้าหนุ่ม ลำพังแค่เ้ายังคิดยั่วโมโหข้าอีกหรือ เ้าไร้เดียงสาเกินไป”
าามารตะวันตกมองเห็นจิตใจเ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายจึงพยายามข่มเสียงให้เรียบเฉย ทว่าเจตจำนงสังหารของเขาไม่ได้ลดลงเลย ในทางกลับกันมันยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
าามารตะวันตกอย่างเขาไม่เคยสู้หากไม่มั่นใจ เขาเพียงไม่ลงมือเท่านั้น หากลงมือแล้วจะต้องสังหารอีกฝ่ายในกระบวนท่าเดียว
“ดูเหมือนชื่อาามารตะวันตกของเ้าควรเปลี่ยนได้แล้ว เปลี่ยนเป็เต่าหดหัวคงพอไหว”
นักปราชญ์ผู้นั้นเหาะเข้าใกล้าามารตะวันตกอีกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยกกระบี่ขึ้นมาเลียรอยเืที่ติดอยู่บนปลายกระบี่อย่างมีความสุข
“เืสตรีของาามารตะวันตกรสชาติยอดเยี่ยมยิ่งนัก น่าเสียดายกระดูกสีชมพูนั่น”
สตรีอีกคนบนพรมวิเศษตื่นกลัวจนหน้าซีดเผือด แม้นางจะมีพลังยุทธ์ขั้นแม่ทัพแต่ยังต่ำต้อยมากในสายตาของอีกฝ่าย นางกลัวว่าาามารตะวันตกจะปกป้องนางไม่ได้และต้องมีจุดจบเหมือนกับสตรีอีกคนหนึ่ง
“เ้าเชื่อไหม เมื่อครู่ข้าสามารถสังหารได้แล้วหนึ่งคน ครั้งนี้ข้าก็ยังสามารถสังหารนางต่อหน้าเ้าได้เช่นกัน”
นักปราชญ์ชี้ปลายกระบี่ไปยังสาวงามข้างๆ าามารตะวันตกพลางกล่าวอย่างท้าทาย
“ถ้ากล้าก็ลองดู”
าามารตะวันตกมองอีกฝ่ายแล้วกล่าวเสียงเรียบ
“ท่านาา ข้าไม่อยากตาย ข้ายังไม่อยากตาย!”
สตรีผู้นั้นตื่นกลัวเป็อย่างมาก แม้จะเคยเห็นความเป็ความตายมาแล้วหลายครั้งในหุบเขาสุขาวดี แต่ก็ล้วนเป็าามารตะวันตกสังหารผู้อื่น หากวันนี้ตนเองต้องกลายเป็ปลาอยู่บนเขียงของคนอื่น นางจะไม่กลัวได้อย่างไร
โดยเฉพาะเมื่อครู่นี้ที่อีกฝ่ายแสดงลำแสงเย็นเยียบออกมาครั้งเดียว คนที่เป็เหมือนพี่น้องของนางผู้นั้นก็สิ้นชีวิตไปทันที ได้เห็นจุดจบของสตรีผู้นั้นที่เบื้องล่าง ยิ่งทำลายความกล้าของนางไปจนหมดแล้ว
“วางใจได้ มีข้าอยู่ เ้าไม่ตายหรอก”
าามารตะวันตกกล่าวเสียงเย็น เขายังมีเื่ดีอยู่บ้าง ไม่ว่าอย่างไรเขาจะไม่เอาชีวิตสตรีของตนออกมาล้อเล่นเป็อันขาด เมื่อครู่เขาพยายามอย่างที่สุดแล้ว แต่ก็มิอาจปกป้องนางได้
“ยุคสมัยาามารของพวกเ้ากลายเป็อดีตไปแล้ว ข้าจะเริ่มต้นขึ้นใหม่”
นักปราชญ์ชี้ปลายกระบี่ออกไป ให้าามารตะวันตกมีเวลาเตรียมตัวมากพอ ในที่สุดใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มจางๆ เหมือนว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือของเขาแล้ว
าามารตะวันตกนั่งอยู่บนพรมวิเศษ หลับตาลงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
สตรีที่อยู่ข้างๆ ตื่นใจนหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม นางไม่รู้ว่าาามารตะวันตกสามารถปกป้องนางได้ไหม แต่เมื่อคิดไปถึงสตรีอีกคนหนึ่งก็ทำให้นางตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด
ลมหายใจต่อมา นักปราชญ์เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
กระบี่เปล่งประกายแสงเย็นเยียบ ร่างของเขากลายเป็แสงสีขาวสว่างวาบพุ่งออกไป
ตอนนี้เสิ่นเสวียนและเริ่นเสี้ยวเทียนเข้ามาถึงและซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลนัก ได้เห็นทุกอย่างในแอ่งเถียนซืออย่างชัดเจน พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าาามารตะวันตกที่แข็งแกร่งเพียงนี้ยังมีคนกล้าท้าทายเขาด้วย
หุบเขาสุขาวดีเป็ดินแดนแห่งสุขาวดีจริงๆ
นักปราชญ์ผู้นั้นกลายเป็ลำแสงสีขาวพุ่งทะลวงผ่านร่างาามารตะวันตกไปแล้ว
าามารตะวันตกนั่งอยู่บนพรมวิเศษ เขายังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น ส่วนสตรีข้างๆ นั่งตัวแข็งทื่อ ใบหน้าแข็งค้างไปแล้ว
เวลาเหมือนหยุดนิ่งลง
สตรีผู้นั้นนั่งอยู่บนพรมวิเศษ เห็นทุกอย่างชัดเจนด้วยตาตนเอง นางเกิดมาในฐานะสูงส่ง เชี่ยวชาญดนตรี เดินหมาก เขียนอักษร และวาดภาพมาั้แ่เด็ก เป็สตรีจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อนางอายุได้แปดขวบ ครอบครัวถูกสังหาร นางถูกขายไปยังหอนางโลม ดำรงชีพด้วยศิลปะทั้งหลาย ต่อมานางทำให้ลูกค้าขุ่นเคืองและพลั้งมือสังหารคนผู้นั้น จึงต้องหนีมายังหุบเขาสุขาวดี อยู่ที่นี่นางต้องใช้กลอุบายต่างๆ นานาและกลายเป็ส่วนหนึ่งของที่นี่ กระทั่งได้เจอกับาามารตะวันตกชีวิตของนางจึงเปลี่ยนไป
ตอนนี้คงหมดเวลาของนางแล้ว นางไม่รู้ว่าจะเสียใจดีไหม หากยังมีชีวิตรอดนางยินยอมที่จะกลายเป็เพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง หาเช้ากินค่ำ ใช้ชีวิตเยี่ยงคนทั่วไป
ฉึก!
ขณะที่นางกำลังระลึกถึงความทรงจำในอดีต พลันมีโลหิตแดงฉานสาดกระเซ็นลงบนหน้าของนาง มันยังอุ่นอยู่เล็กน้อย โลหิตทำให้นางดึงสติกลับมาจากความทรงจำและมองทุกอย่างตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว
นักปราชญ์ผู้นั้นอยู่ห่างจากนางราวหกฉื่อ กระบี่ในมือของเขาห่างจากนางเพียงหนึ่งชุ่นเท่านั้น
ทว่าบนหน้าอกของนักปราชญ์ผู้นั้นกลับมีกริชเล่มหนึ่งปักอยู่ าามารตะวันตกยืนอยู่เบื้องหน้า มือจับอยู่ที่ด้ามกริชเล่มนั้น าแนั่นน่ากลัวมาก เืไหลทะลักออกมาไม่หยุด
“นี่หรือความสามารถของเ้า”
าามารตะวันตกปรายตามองนักปราชญ์ผู้นั้นพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นะเือย่างที่สุด
“ไม่เลวเลยทีเดียว!”
นักปราชญ์ผู้นั้นมองาแของตนเองพลางกล่าวกับาามารตะวันตก แล้วเขาก็ถอยหลังไปอย่างรวดเร็วเพื่อให้กริชหลุดออกจากร่าง
“คิดหนีอย่างนั้นหรือ สายไปแล้ว”
าามารตะวันตกกล่าวเสียงเย็น ขณะเดียวกันเขาก็ไล่ตามนักปราชญ์ผู้นั้นไป เอาชีวิตให้ได้เมื่อาเ็ นี่คือวิธีคิดของาามารตะวันตก
แต่ในพริบตาที่าามารตะวันตกเหาะออกไปจากพรมวิเศษ มิติรอบๆ พลันมีคลื่นพลังปรากฏขึ้นสามแห่ง ตามมาด้วยคนสามคนถือกระบี่ยาวกระโจนออกมาจากในมิติ แล้วแทงกระบี่เข้าใส่าามารตะวันตกพร้อมกัน
นักปราชญ์ที่กำลังถอยหลังอยู่ดูแปลกไป ไอพลังบนร่างของเขาปะทุขึ้นมาอีกครั้งและกระโจนเข้าใส่าามารตะวันตกเช่นกัน
โดนโจมตีจากทั้งสี่ทิศ และพลังของทั้งสี่ยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย ผู้มาใหม่สามคนระดับพลังไม่ได้ต่างจากพลังของนักปราชญ์เลย
หากแค่คนเดียว าามารตะวันตกยังมั่นใจว่าจะเอาชนะได้
แต่ถ้าเป็สี่คน โดยเฉพาะตอนนี้ไม่มีพรมวิเศษปกป้องแล้ว าามารตะวันตกกำลังอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก
ห่างออกไป เสิ่นเสวียนและเริ่นเสี้ยวเทียนได้เห็นทุกอย่างโดยชัดเจน
“ดูเหมือนาามารตะวันตกผู้นี้เป็คนรักพวกพ้องเหมือนกัน เพื่อที่จะล่อคนพวกนั้นออกไป แม้แต่ค่ายกลบนพรมวิเศษก็ยังไม่ใช้เลย”
เริ่นเสี้ยวเทียนมองสิ่งที่เกิดขึ้นพลางกล่าว
“หากไม่ล่อออกไป สตรีผู้นั้นต้องตายอย่างแน่นอน”
เสิ่นเสวียนพยักหน้า รู้สึกชื่นชมาามารตะวันตกผู้นี้ยิ่งนัก