พูดสิ
มีแต่ต้องพูดเท่านั้น
เพื่อชีวิตแล้ว ไม่ว่ากระไรก็พูดได้ทั้งนั้น
“หยกแขวน…หยกแขวนถูกนังลูกอกตัญญูหลินฉินขโมยหนีไปแล้ว!”
“จริงๆ นะ ข้าไม่ได้โกหก หลินฉินขโมยเงินและของมีค่าทั้งหมดที่ข้าซ่อนไว้หนีไป…ฮือฮือ…ต่างหูทองของข้า…”
หลินซย่าจื้อพูดถึงตรงนี้ก็ปวดใจ เหตุใดนางจึงโชคร้ายเช่นนี้ สมบัติที่สะสมมาครึ่งชีวิตถูกหลินฉินขโมยไปหมด วันนี้นอนอยู่ดีๆ …ลืมตาอีกครั้งก็ไม่เหลือแม้แต่ชีวิตแล้ว
“ของอย่างอื่นเล่า?” หลินหวั่นชิวตัดบทนาง
“เงินหนึ่งพันตำลึงที่ส่งมาด้วยกันถูกครอบครัวพวกข้านำไปซื้อบ้านซื้อที่ดินและแต่งลูกสาวออกไปสองสามคน เงินก้อนนั้นจึงถูกใช้หมดอย่างช้าๆ สร้อยคออัญมณีหุ้มทองกับกำไลทองที่นังนั่นใส่ถูกสวีเทานำไปติดสินบน…ที่เหลือ…ไม่มีกระไรเหลืออีก”
หลินหวั่นชิวไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี นางไม่สามารถวิจารณ์วิธีการของหลินเจี้ยนหรงได้ จะว่าอย่างไรดีเล่า?
โทษว่าเขาผลักเ้าของร่างเดิมเข้ากองไฟเองหรือ?
ก็ไม่ใช่ นางรู้ว่าคนที่ถูกเนรเทศในยุคโบราณต้องเผชิญความยากลำบากเพียงใด ยุคปัจจุบันมีบันทึกหลายอย่าง เนรเทศหนึ่งหมื่นคน แต่คนที่มีชีวิตรอดไปถึงจุดหมายมีไม่ถึงครึ่ง
ตอนนั้นร่างกายนี้ยังเป็แค่ทารก อัตราการตายยิ่งสูง อีกทั้งเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นกะทันหัน หลินเจี้ยนหรงไม่มีเวลามาคิดวางแผนให้รอบคอบ
หากนางเป็หลินเจี้ยนหรงก็คงมีแต่ต้องเลือกทางนี้เช่นกัน
ตัดสินใจไปแล้ว ที่เหลือขึ้นอยู่กับชะตาฟ้าลิขิต
“หยกแขวนหน้าตาเป็อย่างไร?” หลินหวั่นชิวพยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองให้ราบเรียบ อันที่จริงนางฟังที่หลินซย่าจื้อพูดแล้วไม่ค่อยพอใจนัก คงเป็ปฏิกิริยาตามธรรมชาติของร่างกายนี้กระมัง
“ทรงกลม สีเขียวหยก เหมือนใบไม้แวววาวบนยอดไม้ในฤดูใบไม้ผลิ ข้าไม่ค่อยเข้าใจลวดลายที่แกะสลัก้า เหมือนจะเป็สัตว์ประหลาดสามตัว ตัวหนึ่งในนั้นมีปีก มีเขี้ยว มีกรงเล็บ…”
“อื้อ…”
หลินซย่าจื้อเพิ่งพูดจบ เจียงหงหย่วนก็ยัดผ้าใส่ปากนาง จากนั้นสตินางดับวูบไป
“ข้าจะให้คนส่งนางกลับไป” เจียงหงหย่วนพูดกับหลินหวั่นชิว
“ช้าก่อน ช่วยเอาน้ำร้อนมาให้ข้าทีเถิด” หลินหวั่นชิวพูด
ข้อมือหลินซย่าจื้อไม่ได้ถูกกรีดแต่อย่างใด หลินหวั่นชิวเลียนแบบการทดลองที่มีชื่อเสียงมากในยุคาสมัยใหม่ ทำการปิดตาคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีและจับมาอยู่ในห้องมืดๆ
จากนั้นใช้มีดเย็นปาดบนข้อมือ บอกอีกฝ่ายว่าอีกไม่นานจะตายเพราะเืไหลหมดตัว
วางอุปกรณ์หยดน้ำไว้ด้านข้าง ผู้ร่วมทดลองที่หวาดกลัวถึงขีดสุดจะคิดว่าเสียงน้ำหยดคือเสียงเืตัวเองที่หยดลงพื้น
ผลการทดลองคือ…ผู้ร่วมทดลองเสียชีวิตขณะที่อีกฝ่ายกำลังบรรยาย
นี่ก็คือตัวอย่างอันสุดโต่งของการฆ่าคนด้วยจิตวิทยา
หลินหวั่นชิวใช้วิธีาทางจิต
น้ำร้อนมาแล้ว หลินหวั่นชิวจุ่มผ้าในน้ำร้อนและช่วยหลินซย่าจื้อประคบข้อมือ หลังจากแน่ใจว่าข้อมืออีกฝ่ายไม่มีร่องรอยใดๆ จึงหยุด
คนบ้านหลินยังต้องเก็บไว้ ถึงอย่างไรนางกับเจียงหงหย่วนก็เป็เพียงชาวบ้านธรรมดา เป็ไปไม่ได้ที่จะงัดข้อกับตระกูลเถียนในเมืองหลวง
ดังนั้น แม้ตอนนี้พวกนางจะรู้ความจริงแล้วก็ต้องแสร้งทำเป็ไม่รู้
หลินหวั่นชิวแอบรู้สึกดีด้วยซ้ำว่าการที่หยกแขวนถูกหลินฉินขโมยหนีไปถือเป็เื่ดี อย่างน้อยก็ช่วยดึงความสนใจของคนตระกูลเถียนไปทางอื่น
นางกับเจียงหงหย่วนจะได้มีโอกาสพักหายใจ
เจียงหงหย่วนให้ชวีหู่พาหลินซย่าจื้อกลับไปส่ง ชวีหู่เป็ศิษย์พี่ของหนิงผาน ชาติก่อนเขาถูกหนิงผานดึงเข้าสังกัดตู้ซิวจู๋ แต่ชาตินี้หนิงผานติดตามเขา ชวีหู่จึงย่อมถูกหนิงผานแนะนำให้เจียงหงหย่วน
สถานที่สอบปากคำหลินซย่าจื้ออยู่ในป่าหลังบ้านเจียง บริเวณชายป่าสร้างบ้านเรียงเป็แถว ห่างไกลจากหมู่บ้าน เงียบสงบมาก
ออกจากด้านใน เจียงหงหย่วนคลุมเสื้อขนจิ้งจอกให้หลินหวั่นชิว โอบไหล่นางแน่นและค่อยๆ เดินกลับบ้านด้วย
“หย่วนเกอ…” จู่ๆ หลินหวั่นชิวก็หยุดเดิน เงยหน้ามองเขาที่อยู่ในความมืด
“หือ…”
“ข้าแค่อยากเรียกน่ะ…” หลินหวั่นชิวพูดเบาๆ นางเอื้อมมือไปโอบเอวหนาของเขา แนบหน้ากับแผงอกกำยำ ฟังเสียงหัวใจเต้นแรงแล้วรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย
ความจริงนางอยากถาม
อยากถามเจียงหงหย่วนว่า…อยากไปจากนางหรือไม่
ชาติกำเนิดที่ถูกซ่อนเร้นของนางเปิดเผยออกมาแล้ว ลูกหลานฏ หากทางการรู้เข้าจะมาจับนางไปเนรเทศหรือไม่ จะเดือดร้อนถึงเจียงหงหย่วนหรือไม่
เพราะพวกนางจดทะเบียนสมรสกัน
นางอยากบอกเจียงหงหย่วนว่า พวกเราหย่ากันเถิด หย่ากันแล้วจะได้ไม่ต้องเกี่ยวข้องกันอีก เช่นนี้แล้วหากเกิดกระไรขึ้น ท่านจะได้ไม่ต้องสนใจข้า
แต่ไม่รู้เหตุใด…
ทั้งที่คำพูดพวกนี้วนเวียนไปมาอยู่ในลำคอแต่กลับพูดออกมาไม่ได้
“ชีวิตนี้ข้าจะไม่ยอมปล่อยเ้าไป” เจียงหงหย่วนกอดนางแน่นเช่นกัน เกยคางเหนือศีรษะ แววตาลุ่มลึกจ้องมองไปยังทิศไกลๆ พร้อมกับพูดเสียงเข้ม
“หย่วนเกอ…พวกเราเข้าห้องหอกันเถิด” เกิดเื่มากมายขนาดนี้ หลินหวั่นชิวรู้สึกลนลานเล็กน้อย
จู่ๆ ก็ไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว
อยากอยู่ร่วมกับเขาโดยแท้จริง
นางกลัวว่าหากว่าเื่ราวควบคุมไม่ได้…ตัวเองจะต้องเสียใจภายหลัง
เสียงแ่เบาของภรรยาตัวน้อยแทรกเข้ามาในหู จากนั้นะเิในสมอง
สมองเขาะเิ
ร่างกายก็ะเิเช่นกัน
ทว่าเขายังคงยอมอดกลั้น ภายในใจรู้สึกเ็ป อดรัดแขนแน่นขึ้นกว่าเดิมไม่ได้ อยากจะรัดให้ภรรยาตัวน้อยผสานร่างกับตัวเอง
“ข้าตัวใหญ่เกินไป เ้ายังเด็ก ต้านรับไม่ไหว เด็กดี รออีกสักสองปีเถิด”
น้ำตาสองสายไหลลงจากหางตาหลินหวั่นชิวเงียบๆ นางรู้ว่าเจียงหงหย่วนทรมานเพียงใด รู้เช่นกันว่าเขาอยากนางเพียงใด
แต่เขา…
เขาไม่อยากทำร้ายนาง
สำหรับเขาแล้ว
นางเป็สมบัติล้ำค่าที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้ หลินหวั่นชิวคิด
“ตกลง…” นางขานรับเสียงเบา นางปล่อยมือ เขย่งเท้าขึ้นไปจับหน้าเขาและประทับริมฝีปากขึ้นไป
ความอาลัยรักที่ซาบซ่านในเวลานี้…หนาแน่นยิ่งกว่าราตรี…
ั้แ่วันที่แปดเป็ต้นมา อากาศดีขึ้นทุกวัน
ดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้าติดต่อกันหลายวัน
ท้องถนนค่อยๆ กลับมาคึกคัก หลังจากรับเทพเ้าแห่งโชคลาภในวันที่ห้า ร้านค้าหลายแห่งจุดประทัดเปิดกิจการ
ดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้า ประตูห้องหลินซย่าจื้อถูกเคาะโครมคราม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้