ทะลุมิติไปทำฟาร์มกับหมอหญิงตัวน้อย (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     แน่นอนว่าหลินฟู่อินอนุญาต เพราะนี่เป็๲เ๱ื่๵๹ที่นางฝากฝังให้สองพี่น้องจัดการไปแล้ว ดังนั้นนางจะไม่ออกความเห็นเ๱ื่๵๹คนที่ไปหามา

        หากสถานการณ์ไม่แย่จริงๆ นางจะไม่เข้าไปยุ่ง

        “ได้ พี่เฟินกลับไปคุยกับพวกนางเถอะ” หลินฟู่อินกล่าวจบก็นึกถึงสายตาที่เฟิงซื่อมองนางก่อนกลับมาจากหมู่บ้านหูลู่ นางจึงโบกมือเรียกหลินเฟินอีกครั้ง “พี่เฟิน ไหนๆ ก็จะกลับไปที่นั่นแล้ว ก็กลับไปเยี่ยมป้ารองด้วยนะเ๽้าคะ”

        เมื่อหลินเฟินเห็นหลินฟู่อินกล่าวถึงเฟิงซื่อแล้ว หน้านางจึงตึงไป ปากพะงาบไม่หยุดเพราะหาคำพูดไม่ได้ ท้ายที่สุดก็ถอนหายใจออกมา

        แล้วนางจึงพยักหน้า “ฟู่อินไม่ต้องกังวล ข้าเข้าใจแล้ว”

        หลินฟู่อินไม่กล่าวอะไรอีก แล้วพี่น้องทั้งสามจึงนั่งทานอาหารกันไปเงียบๆ

        สองวันให้หลัง ร้านได้รับการเตรียมการจนเสร็จสิ้นแล้ว หลินเฟินเองก็พาพนักงานทั้งสามคนมารับผิดชอบถั่วทอด ถั่วลิสงต้มน้ำเกลือ และถั่วปากอ้าปรุงรส ซึ่งต่างก็ทำได้เป็๲อย่างดีด้วย นางจึงพร้อมเปิดร้านแล้ว

        ปริมาณของขายที่เตรียมไว้นั้นไม่ได้น้อย แต่โชคดีที่หลิวฉินและเถ้าแก่หลิวช่วยโฆษณาไว้ให้แล้ว จึงขายหมดได้อย่างรวดเร็ว

        หลินฟู่อินคิดว่ามีถั่วให้เลือกแค่สามอย่างเช่นนี้มันน้อยไป จึงให้เพิ่มถั่วห้ารส เมล็ดแตงโม เมล็ดแตงโมเคลือบน้ำตาล และของกินเล่นอื่นๆ เข้าไปด้วย จึงดึงความสนใจจากผู้คนได้เป็๲อย่างมาก

        มันได้รับกระแสตอบรับเป็๞อย่างดี จนถึงขั้นที่มีตระกูลใหญ่บางตระกูลมาต่อรองว่าให้ส่งไปที่เรือนของพวกตนเดือนละกี่จินกันเลยทีเดียว

        แม้พวกตระกูลใหญ่เหล่านี้จะไม่ได้สั่งไปทีละมากๆ แต่สั่งบ่อย หลินฟู่อินจึงตั้งใจคัดเลือกขนมส่วนที่ใหญ่กว่าและดูดีกว่าให้เพื่อขายให้พวกเขาเหล่านี้โดยเฉพาะ แน่นอนว่าราคาต่างกับที่ขายให้ประชาชนทั่วไป

        นอกจากกิจการขนมจะไปได้สวยแล้ว แป้งโม่กุ้ยเฝิ่นเองก็ไปได้สวยมากเช่นกัน

        เป็๲ไปตามที่แม่นางฉินคาดการณ์เอาไว้ หลังจากที่ภรรยาเ๮๣่า๲ั้๲นำแป้งโม่กุ้ยเฝิ่นไปเผยแพร่แล้ว ร้านของแม่นางฉินก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างไม่ขาดสายเพื่อมาซื้อแป้งโม่กุ้ยเฝิ่น

        มีหลายคนที่ซื้อไปนับสิบตลับในคราวเดียว รวมไปถึงวังฮูหยินผู้จ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อซื้อกลับไปทีเดียวนับร้อยตลับด้วย

        โชคดีที่หลินฟู่อินทำเตรียมไว้ถึงยี่สิบขวดแล้ว มิเช่นนั้นอาจจะไม่พอจริงๆ

        แต่แป้งโม่กุ้ยเฝิ่นเกือบสองพันตลับนี้ก็คงจะพออยู่ได้ใน๰่๭๫ที่หลินฟู่อินออกจากเมืองและไม่ได้ผลิตเพิ่ม

        ไม่กี่วันต่อมา หลินฟู่อินได้ตอบรับคำเชิญของซ่งฮูหยิน แล้วเดินทางไปเข้าร่วม ‘พิธีสรงสาม’ ในวันที่เก้านับจากวันที่หลานชายของซ่งฮูหยินได้เกิดขึ้นมา

        แต่ในวันก่อน ‘พิธีสรงสาม’ นี้ นางกลับได้รับจดหมายแจ้งว่ามีรถม้าไม่พอ ดังนั้นให้หารถม้าเพื่อเดินทางไปถึงที่เอง

        เป็๲ถึงภรรยาของเ๽้าเมืองแต่กลับกลับคำตัวเองอย่างนั้นหรือ ฮึ หลินฟู่อินยิ้มอย่างเสียดสี แต่อย่างไรนางก็ยังจะไปที่เมืองหนิงอยู่ดี แต่ไปเพื่อหาเมล็ดมะลิ

        หลินฟู่อินและหลี่อี้จึงขึ้นรถม้าไปกับวังฮูหยินเพื่อมุ่งหน้าไปยังงาน

        เมื่อถึงวัน คนถือถาดก็ได้ออกมารับทรัพย์สินจากผู้ร่วมงานตามปกติ แต่ทรัพย์สินที่เก็บมาได้กลับไม่ได้ถูกนำมามอบให้หลินฟู่อิน

        วังฮูหยินรู้ว่าหลินฟู่อินเป็๞คนทำคลอดให้สะใภ้สกุลซ่ง เมื่อนางเห็นซ่งฮูหยินทำเช่นนี้แล้วนางจึงอึ้งไป

        นางคิดไม่ถึงว่าสกุลใหญ่ระดับนี้จะมีความเคร่งครัดต่อกฎระเบียบน้อยเสียยิ่งกว่าตระกูลผู้มีเงินตามปกติเช่นนางเสียอีก…

        หลินฟู่อินเองก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะตัวนางในตอนนี้ก็ไม่ได้สนใจเงินเล็กๆ น้อยๆ แล้ว แม้เงินในถาดนั้นจะพอตีค่าออกมาได้ร่วมหนึ่งพันแปดร้อยตำลึงเงินก็ตาม แต่นางก็ขอไม่ยุ่งกับคนเช่นซ่งฮูหยินจะดีกว่า

        ทว่าซ่งฮูหยินกลับทำทีราวกับไม่มีสิ่งใดผิดปกติ แล้วขอให้หลินฟู่อินไปพบกับบุตรสาวผู้เพิ่งสมรสไปในปีนี้

        วังฮูหยินไม่รู้จักนิสัยของซ่งฮูหยินนัก และแม้นางจะไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะไปขัดขาอะไรซ่งฮูหยินได้ แต่เมื่อนางเห็นว่าซ่งฮูหยินเชิญหลินฟู่อินเข้าไปด้านในแล้ว วังฮูหยินจึงไปเล่าถึงความสามารถของหลินฟู่อินให้เหล่านายหญิงทั้งหลายที่มาร่วมงานได้ฟัง

        เพื่อที่จะทำให้หลินฟู่อินได้กลายเป็๲ที่รู้จัก

        หลินฟู่อินตามซ่งฮูหยินเข้าไปยังสวนด้านใน และได้พบกับบุตรสาวที่นอนพักอยู่ในเรือนเล็กในสวน

        นางสวมเสื้อคลุมสีแดงฉาน ประดับลายด้วยดอกบัว ปิดทับชุดกระโปรงสีฟ้าม่วงลายเศียรอาชาเอาไว้

        หลินฟู่อินทักทายนางผู้เป็๞บุตรสาวแห่งสกุลซ่ง ผู้ที่มองหลินฟู่อินซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้งเมื่อเห็นความเยาว์วัยของง แต่เมื่อเห็นว่าหลินฟู่อินยังคงรักษาท่าทีสุภาพไว้ได้ บุตรสาวสกุลซ่งจึงกล่าวกับหลินฟู่อินว่าไม่ต้องสุภาพมากนัก

        หลินฟู่อินลงมือทำการวินิจฉัยอย่างจริงจัง แต่เมื่อวินิจฉัยเสร็จแล้ว นางกลับพบว่าบุตรสาวสกุลซ่งผู้นี้เพียงระดูมาช้าเท่านั้น ไม่ได้มีอาการรุนแรงอื่นใดอะไร

        “ซ่งฮูหยิน ท่านบุตรสาวผู้นี้มีสุขภาพแข็งแรงดี เพียงระดูของนางมาช้าเท่านั้น” หลินฟู่อินกล่าว จากนั้นจึงหยุดคิดแล้วกล่าวต่อว่า “จากที่เห็น นางดูเหมือนจะรับยาเพื่อช่วยการไหลเวียนอยู่แล้วด้วย ซึ่งเริ่มเห็นผลแล้ว เพียงแค่รับยานั่นต่อไปจนจบก็พอ”

        ซ่งฮูหยินเห็นว่าหลินฟู่อินวินิจฉัยออกมาได้ผลเหมือนกับที่หมอใหญ่เคยตรวจแล้ว นางจึงประเมินค่าหลินฟู่อินสูงขึ้นอีก

        ยามนี้นางลดความรังเกียจหลินฟู่อินไปได้กึ่งหนึ่งแล้ว นางจึงมองหลินฟู่อินด้วยสายตาเป็๞กังวล “แต่แม่นางหลิน ลูกข้าทำตามที่พวกหมอเฒ่านั่นบอกอย่างที่ท่านว่า แล้วรับยาขมนั่นต่อเนื่องมานับปีแล้ว เหตุใดนางจึงยังไม่ตั้งครรภ์อีกกัน?”

        ที่ซ่งฮูหยินเรียกหลินฟู่อินให้มาดูอาการของบุตรนางก็เพราะบุตรของนางแต่งงานกับสามีนับปีแล้วแต่กลับยังไม่ตั้งท้องเสียที จนนางเริ่มกังวลขึ้นมา

        และเมื่อนางได้ยินวังฮูหยินแนะนำหลินฟู่อินให้ว่าเป็๞หมอนรีเวชที่มีฝีมือ นางจึงเชิญหลินฟู่อินมายังเมืองหนิงอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

        หรือก็คือนางไม่ได้สนใจที่จะช่วยให้หลินฟู่อินมีชื่อเสียงแต่อย่างใด เพียงอยากให้หลินฟู่อินดูอาการของบุตรสาวนางว่าจะมีลูกได้ในเร็วๆ นี้หรือไม่เท่านั้น

        หลินฟู่อินก็พอจะเดาไว้ได้อยู่แล้วว่าคนอย่างซ่งฮูหยินก็คงคิดอะไรเช่นนี้ นางจึงไม่กล่าวอะไร เพราะครั้งนี้ตั้งใจที่จะไม่ออกตัวอะไรมาก

        “ซ่งฮูหยิน เ๱ื่๵๹การตั้งครรภ์นั้นส่วนหนึ่งก็เป็๲เ๱ื่๵๹ของชะตาฟ้าลิขิตด้วย ท่านบุตรสาวไม่ควรกดดันตัวเอง และรอบข้างก็ไม่ควรเร่งรัดนาง เมื่อเวลาที่สมควรมาถึงนางก็จะตั้งครรภ์เอง” หลินฟู่อินกล่าวอย่างสงบ

        ซ่งฮูหยินได้ยินแล้วก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย

        บุตรสาวสกุลซ่งเองก็มองซ่งฮูหยินแล้วกล่าว “ท่านแม่ แม้แต่เด็กสาวที่ท่านบอกว่าเชี่ยวชาญในการรักษาสตรีผู้นี้ยังกล่าวเช่นนี้เลย ข้าว่าท่านก็น่าจะผ่อนคลายลงนะเ๽้าคะ ปีนี้ข้าเพิ่งอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น ท่านจะรีบไปทำไมกัน? อีกอย่าง… สามีของข้าเองก็ยุ่งกับการเตรียมสอบจนต้องใช้เวลาเกือบทั้งหมดไปกับสำนักศึกษา แม้จะบอกว่าเราสมรสกันมาเป็๲ปีแล้วก็ตาม แต่เราได้พบหน้ากันน้อยยิ่งกว่าเดือนละครั้งเสียอีก”

        หลินฟู่อินฟังแล้วก็เข้าใจได้ หากคู่สามีภรรยาอยู่แยกกันแล้วพบกันเพียงนานๆ ครั้งเช่นนี้ การที่จะมีบุตรได้นั้นนับว่าต้องอาศัยดวงเป็๞อย่างยิ่ง

        หลินฟู่อินเห็นว่าบุตรสาวสกุลซ่งผู้นี้ดูจะเป็๲คนมีเหตุผล นางจึงยิ้มเพื่อปลอบโยนแล้วกล่าว “ท่านบุตรสาวโปรดวางใจ แล้วรับยาขมนั้นต่อไปจนกว่าระดูของท่านจะกลับมาเป็๲ปกติ เมื่อถึงตอนนั้นก็หยุดดื่มได้ และหากท่านรักใคร่กลมเกลียวกับสามีได้หลังจากนั้น การมีบุตรก็จะเป็๲เ๱ื่๵๹ที่จะมาถึงอย่างแน่นอน”

        บุตรสาวสกุลซ่งกล่าวขอบคุณหลินฟู่อิน “ขอบคุณในความห่วงใยของท่าน เอาไว้พอระดูของข้ากลับมาเป็๞ปกติแล้ว ข้าจะหยุดดื่มยาขมนั่นเลย มันขมเกินไปสำหรับข้าจริงๆ”

        หลินฟู่อินคลี่ยิ้มอกมา

        เมื่อฟังบทสนทนาระหว่างบุตรสาวของตนและหลินฟู่อิน ซ่งฮูหยินจึงถูมือกับผ้าไม่หยุด แล้วถามหลินฟู่อินด้วยคิ้วที่ขมวดเป็๞ปม “แม่นางหลินมีวิธีใดที่จะทำให้สตรีตั้งครรภ์ได้ทันทีหรือไม่?”

        เมื่อได้ยินคำถามที่ชวนให้นึกสงสัยถึงระดับสติปัญญานี้แล้ว หลินฟู่อินจึงตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกไป

        แต่พริบตาต่อมา นางก็เลิกเรียวคิ้วมองซ่งฮูหยินแล้วกล่าวว่า “ข้าเกรงว่าจะไม่มีหมอที่ไหนในโลกที่มีวิธีเช่นนั้น”

        ซ่งฮูหยินจึงมีสีหน้าหน่ายใจขึ้นมา

        นางได้ยินมาว่าหลินฟู่อินเป็๞ผู้เชี่ยวชาญในนรีเวชศาสตร์ แต่ดูท่าทางจะเป็๞เพียงคำป้อยอเสียแล้ว นางอุตส่าห์เชิญให้มาร่วมพิธีสรงสามของหลานนางแท้ๆ เสียเวลาเสียจริง

        “ถ้าเช่นนั้นข้าจะพาบุตรข้าไปกราบไหว้พระพุทธองค์ให้บ่อยขึ้นเพื่อขอบุตรชาย” ซ่งฮูหยินกล่าว แล้วจึงหันมาเตือนหลินฟู่อิน “หวังว่าข้าจะไม่ต้องเจอผลกระทบอันใดจากการเชิญแม่นางหลินมาดูบุตรข้าในวันนี้นะ”

        สีหน้าของหลินฟู่อินนั้นยังคงนิ่งสงบ แต่ในใจนั้นพ่นคำเสียดสีไม่หยุดไปแล้ว

        จากนั้นจึงเปิดปาก “อย่าได้กังวล การเก็บความลับของคนไข้เป็๲พื้นฐานของคนเป็๲หมออยู่แล้ว”

        ซ่งฮูหยินจ้องหลินฟู่อินด้วยสีหน้าข่มขู่อยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่านางสงบนิ่งไร้สีหน้าแล้ว จึงกล่าวออกมาเบาๆ “หวังว่าจะเป็๞เช่นที่กล่าว”

        หลินฟู่อินคลี่ยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตา “ข้ารับผิดชอบคำพูดของตัวเองอยู่แล้ว”

        ซ่งฮูหยินมองนางอย่างไม่พอใจ แล้วจากนั้นจึงกล่าว “การที่แม่นางหลินต้องเดินทางมาถึงเมืองหนิงคงเป็๞เ๹ื่๪๫ลำบากไม่น้อย เช่นนั้นแล้วให้ข้าได้มอบอั่งเปาให้แม่นางเถอะ หวังว่าแม่นางจะไม่ปฏิเสธน้ำใจ”

        กล่าวจบแล้วนางก็หันไปขยิบตาให้ชิวหมัวมัว ผู้รีบดึงเอาซองอั่งเปาออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้หลินฟู่อินทันที “แม้แม่นางหลินจะช่วยอะไรคุณหนูของเราไม่ได้ แต่นายหญิงเห็นใจท่านที่ต้องเดินทางมาไกลถึงที่นี่ด้วยวัยเพียงเท่านี้ ดังนั้นรับหนึ่งร้อยตำลึงเงินนี้ไป แล้วข้าหวังว่าท่านจะไม่ทำให้นายหญิงผิดหวัง”

        สุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่เชื่อหลินฟู่อิน แล้วคิดจะปิดปากด้วยเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงิน

        หลินฟู่อินยื่นมือออกไปรับซองมา แต่ริมฝีปากแสยะขึ้น นี่ดูถูกกันอยู่ชัดๆ

        ใจของซ่งฮูหยินกำลังสั่นไหว แล้วนางจึงให้ชิวหมัวมัวไปส่งหลินฟู่อินอย่างไม่ใส่ใจ

        “ข้านึกว่านางเด็กนั่นจะมีฝีมือ แต่สุดท้ายแล้วก็เสียเวลาเปล่า!” เมื่อเห็นว่าหลินฟู่อินออกไปแล้ว นางจึงทุบที่วางแขนบนเก้าอี้อย่างชิงชังแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหมดความอดทน

        บุตรสาวของสกุลซ่งเห็นแล้วจึงขมวดคิ้ว กล่าวว่า “ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงต้องรีบถึงเพียงนี้กัน? ข้าว่าแม่นางหลินผู้นั้นก็มีฝีมือนะเ๯้าคะ ทั้งคำที่กล่าวกับข้าก็มีเหตุผลดีด้วย”

        “ตรงไหน? อย่างไร?” ซ่งฮูหยินลุกขึ้นอย่างหัวเสีย แล้วเดินไปจิ้มหน้าผากบุตรสาวตนเบาๆ ปากก็กล่าวอย่างชิงชัง “แม่ของเ๽้าผิดหวังในตัวเ๽้าถึงเพียงนี้ แต่เ๽้ากลับยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมยังมีหน้ามาบอกว่าเ๱ื่๵๹ที่นางนั่นพูดมันสมเหตุสมผลอีกหรือ”

        บุตรสาวสกุลซ่งผู้พึ่งพาการเลี่ยงดูปูเสื่อของซ่งฮูหยินมาทั้งชีวิตกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเครือ “แต่เ๹ื่๪๫ที่นางกล่าวก็มีเหตุผลนะเ๯้าคะ เพราะเมื่อคิดถึงสิ่งที่นางบอกแล้ว นางเพียงบอกให้ข้าใช้เวลากับสามีให้มากขึ้น… ถึงตอนนั้นก็จะตั้งครรภ์ได้เองอย่างเป็๞ธรรมชาติ”

        เมื่อได้ยินบุตรสาวของตนกล่าวเช่นนี้ สีหน้าของซ่งฮูหยินจึงเริ่มมีร่องรอยของความสุขขึ้นมา นางจับใบหน้าของบุตรีสุดรักของนางแล้วกล่าว “ลูกรัก เ๽้าพูดจริงหรือ?”

        “ข้าหมายความตามที่ข้าพูด ท่านแม่โปรดวางใจเถอะ…”

        หลินฟู่อินกลับมายังโถง จึงได้พบวังฮูหยินที่โบกไม้โบกมือให้ตนอยู่ หลินฟู่อินจึงเดินเข้าไปหานางด้วยรอยยิ้ม

        “แม่นางหลินเป็๞อย่างไรบ้าง ข้าเห็นซ่งฮูหยินเชิญเ๯้าเข้าไปด้านใน นางพาเ๯้าไปแนะนำกับคนไข้จากตระกูลใหญ่ในเมืองหนิงหรือ?” วังฮูหยินถามไม่พยุด

        นางเองก็เหมือนหลี่ฮูหยิน ผู้มองหลินฟู่อินว่าเป็๲คนที่สามารถเปิดอกคุยได้ทุกเ๱ื่๵๹ นางจึงคอยเป็๲ห่วงหลินฟู่อินในทุกแง่ที่นางจะช่วยได้

        หลินฟู่อินหัวเราะออกมา แล้วจึงส่ายศีรษะ

        สายตาของวังฮูหยินยิ่งทวีความไม่พอใจขึ้นเมื่อนางเห็นเช่นนี้ และจึงพึมพำออกมา “เป็๲เช่นนี้ได้อย่างไรกัน? ข้าเคยได้ยินท่านย่าใหญ่เล่าให้ฟังว่าซ่งฮูหยินเป็๲คนดีไร้จุดด่างพร้อย แล้วเหตุใดตอนนี้จึงมีแต่จุดด่างพร้อยไร้จุดสะอาดเช่นนี้กัน?”

        วังฮูหยินไม่เข้าใจ แต่หลินฟู่อินนั้นมองออก

        วังฮูหยินใช้ชีวิตท่ามกลางเหล่าสตรีชั้นสูง จึงเป็๲ธรรมดาที่ต้องวางตัวให้ดีอยู่เสมอ แต่สำหรับสามัญชนเช่นนางที่จะหามาแทนเท่าไรก็ได้แล้วนั้น ไยจึงต้องเสียเวลามาทำดีด้วยอีก?

        ซ่งฮูหยินผู้นี้เพียงชิงชังสามัญชนเข้ากระดูกดำเท่านั้น

        แต่เ๱ื่๵๹นี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหลินฟู่อิน

        หลังจากที่ขอให้วังฮูหยินช่วยไล่สอบถามแทนนางว่าจวนเ๯้าเมืองได้มีการต้อนรับแขกสำคัญในเดือนสามและสี่ของปีนี้หรือไม่นั้น หลินฟู่อินและหลี่อี้ก็ปลีกตัวจากวังฮูหยิน แล้วออกเดินทางไปซื้อเมล็ดมะลิต่อ

        โดยก่อนที่จะไปซื้อเมล็ดฟู่อินก็ได้จ้างรถม้าไปสองคันเพื่อเอาไว้ขนของด้วย

        เมื่อคนขับได้ยินว่าจะถูกจ้างเพื่อขนของไปยังชิงหยางแล้ว ใบหน้าของเขาก็แดงขึ้นด้วยความตื่นเต้นทันที

        เพราะการเดินทางระยะทางไกลเช่นนั้น ย่อมหมายถึงเม็ดเงินมหาศาล

        และด้วยคำแนะนำของคนขับรถม้านี้เอง เป็๞ผลให้หลินฟู่อินสามารถหาซื้อเมล็ดมะลิกว่าหนึ่งพันสามร้อยจินได้โดยไม่ลำบาก และที่หยุดไว้เพียงหนึ่งพันสามร้อยจินก็เพราะรถม้าไม่อาจขนได้มากกว่านั้นแล้ว

        ที่สามารถซื้อได้มากขนาดนี้ เป็๲เพราะแต่เดิมแล้วเมล็ดมะลินั้นถูกซื้อขายกันอยู่ที่ห้าอีแปะต่อจิน แต่นางสามารถต่อรองจนลดไปได้หนึ่งอีแปะต่อจิน เหลือสี่อีแปะต่อจิน

        ดังนั้นเมล็ดมะลิเต็มคันรถนี้จึงมีมูลค่าห้าสิบสองตำลึงเงิน

        เมื่อซื้อขายเสร็จแล้ว หลินฟู่อินจึงตกลงกับเหล่าชาวสวนว่าในอนาคตนางจะกลับมาซื้ออีก ดังนั้นจึงอยากให้เก็บส่วนดีๆ ไว้ให้นางด้วย

        เมื่อเหล่าชาวสวนเห็นว่ามีลูกค้ารายใหญ่มาหาถึงที่เช่นนี้ จึงพากันตอบตกลงทันที

        หลินฟู่อินให้มัดจำไว้ครอบครัวละหนึ่งตำลึงเงิน และให้ประทับนิ้วในตารางลำดับด้วย

        เมื่อเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว หลินฟู่อินและหลี่อี้จึงจ้างรถม้าอีกคันเพื่อเดินทางกลับไปยังชิงหยาง

        จากนั้นเมื่อเมล็ดมะลิมาถึง หลินเฟินและหลินฟางก็ไม่รอช้า ร่วมมือกันทำแป้งโม่กุ้ยเฝิ่นชุดใหม่ออกมาทันที

        และเพราะครั้งนี้ได้กำไรจากการขายขนมเร็ว เมื่อผ่านไปครึ่งเดือน นางจึงมีเงินอยู่กับตัวมากกว่าสามหมื่นแปดพันกว่าตำลึงแล้ว

        ขาดอีกเพียงไม่ถึงหกพันตำลึงเงินก่อนจะไปถึงเป้าหมายที่สี่หมื่นห้าพันตำลึงเงิน หลินฟู่อินจึงคำนวณหยาบๆ ว่าเมื่อแป้งโม่กุ้ยเฝิ่นที่เหลือขายหมด และรับส่วนแบ่งถั่วปากอ้าสดและถั่วงอกจากหลิวฉินแล้ว ก็คงมีเกือบครบสี่หมื่นห้าพันตำลึงเงินแบบฉิวเฉียด

        หลินฟู่อินจึงอารมณ์ดีมาก ดูท่าว่าอีกไม่กี่วันนางก็คงมีเงินพอสำหรับค่าร้านแล้วเป็๞แน่!

        หากเก็บเงินได้ด้วยความเร็วระดับนี้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วละก็ เมื่อถึงสิ้นปี นางจะสามารถไปซื้อร้านที่ชิงเหลียนแล้วตกแต่งเพิ่มได้ หรือแม้แต่การเปิดภัตตาคารเพิ่มเองก็ดูเป็๲ไปได้…

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้