นางเดินอยู่บนถนนเส้นเล็กในหมู่บ้านอย่างเชื่องช้า เสี่ยวหวงวนรอบนางทำหน้าที่ของมันอย่างสุดกำลัง
สีท้องฟ้าเริ่มมืดลงช้าๆ เจินจูเดินมาถึงทางแยก ทันใดนั้นรู้สึกได้ว่ามีสายตาทอดมองมาที่นางอย่างเจาะลึกฉับพลัน
นางจึงหันศีรษะไปมองแวบหนึ่ง เงาดำหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้นอย่างลับๆ ล่อๆ
เสี่ยวหวงค้นพบเงานั้นเช่นกัน มันจึงพุ่งออกไปทันที เห่าใส่เงาร่างนั้น “โฮ่งๆๆ”
“โอ๊ะ... โอ๊ย อย่า... อย่ากัดข้า อย่ากัดข้า! ข้าแค่ผ่านทางมาเท่านั้น” เงาดำใถอยร่นไปติดต่อกันหลายก้าว
“เสี่ยวหวง กลับมา”
เสี่ยวหวงหยุดเสียงเห่าทันที ส่ายหางกลับไปข้างกายนาง
เจินจูมองออกว่านั่นเป็ผู้ใดแล้ว ในหมู่บ้านวั้งหลินมีชายว่างงานที่วันๆ ไม่ทำอะไรอยู่ไม่กี่คน อาชีพชาวนาของที่บ้านไม่ตั้งใจทำ ทำงานครึ่งวันต้องหยุดพักครึ่งวัน ี้เีและปลิ้นปล้อนจนทำให้คนในหมู่บ้านมากมายรังเกียจ
นี่แค่หนึ่งในคนเ่าั้ เหมือนจะมีนามว่าจ้าวเอ้อร์หม่าจื้อ
“ไม่เดินบนถนนดีๆ เล่า ท่านหลบอยู่ตรงนั้นแอบมองทำอะไร? ลับๆ ล่อๆ ไม่คิดว่าท่านเป็คนชั่วสิถึงจะแปลก” เจินจูกล่าว
“แหะๆ” จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อหัวเราะใบหน้าเหยเก “ข้าแค่ทานข้าวอิ่มแล้วออกมาเดินเล่นเสียหน่อย เลยบังเอิญเจอเข้าเท่านั้น”
เจินจูมองเขาอย่างระแวงสองครั้ง แล้วมองไปรอบๆ หนึ่งหน ไม่พบว่าจุดไหนแปลกเป็พิเศษ
“ท่านพี่!”
เสียงของผิงอันดังขึ้น
เจินจูมองไปตามเสียง เงากายหนึ่งสูงอีกหนึ่งเตี้ยปรากฏออกมาตรงทางเข้าหมู่บ้าน
“พวกเ้าออกมากันทำไม?”
“ก็ไม่ใช่เพราะท่านออกไปนานแล้วไม่กลับมาหรือ พี่ชายยู่เซิงกับข้าเลยออกมาหาท่าน”
ผิงอันบ่นพึมพำเดินเข้ามาใกล้นาง เสี่ยวหวงจึงไปวนรอบเขา
“ทำไมหยุดอยู่ตรงนี้? เกิดเื่อะไรขึ้นหรือไม่?”
เสียงแหบแฝงความเข้มงวดบางเบา
เจินจูใจลอยเล็กน้อย มองจ้าวเอ้อร์หม่าจื้อที่อยู่ไม่ไกล ส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่มีอะไร บังเอิญเจอเลยคุยกันนิดหน่อย เสี่ยวหวงไป กลับกัน”
สายตาเ็าของหลัวจิ่งกวาดไปทางฝั่งตรงข้ามหนึ่งที แล้วถึงเดินตามไปช้าๆ
“ต่อไปเย็นขนาดนี้แล้วอย่าเดินเตร่ไปไหนมาไหนทุกที่อีกเลย เด็กผู้หญิงคนเดียวไม่รู้จักกลัวอันตรายหรืออย่างไร”
“…พาเสี่ยวหวงไปด้วย จะมีอันตรายอะไรได้”
“อย่างไรเสียเสี่ยวหวงก็เป็เพียงสุนัขหนึ่งตัว”
“ฮ่าๆ เ้าอย่าดูถูกเสี่ยวหวง ถ้ามันโเี้ขึ้นมา เ้าอาจสู้มันไม่ได้ก็เป็ได้ ...ใช่ไหม เสี่ยวหวง”
“โฮ่งๆ”
“…”
จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อมองเงาเื้ัของพวกนางจากไป จึงเหยียดแขนเสื้อออกมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
การเปลี่ยนแปลงของสุนัขตัวนั้นมากจริงๆ ไม่ได้เจอกันไม่กี่เดือน ท่าทางสูงใหญ่ดูดุร้าย เมื่อครู่ตอนโผเข้ามา เขาเกือบใจนปัสสาวะราดแล้ว
จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อเพิ่งกลับมายังหมู่บ้านได้สองวันก่อน
เดิมทีเขากินอยู่ปะปนเป็ลูกน้องของเหลียงหู่มาโดยตลอด
หลังเหลียงหู่ถูกฆ่า ลูกสมุนของบ่อนการพนันเปลี่ยนไปเป็อีกคนหนึ่ง พวกเขาที่แต่ก่อนเป็ลูกน้องติดตามเหลียงหู่ เริ่มใช้ชีวิตลำบาก พวกงานลำบาก สกปรกและอันตราย ต่างก็ตกเป็ของพวกเขา การได้รับรางวัลชื่นชมล้วนหยุดลง ไม่นานพวกคนเก่าก่อนก็เคลื่อนไหวกระจัดกระจายกันไป
เขามุ่งมั่นอยู่สองเดือน โดนบีบบังคับจนหมดหนทาง ทำได้เพียงเดินออกมา
พอเพิ่งกลับมาถึงหมู่บ้านก็เห็นบ้านสกุลหูตรงทางเข้าหมู่บ้านทำให้ใอย่างมาก
ที่ริมฝั่งแม่น้ำแต่เดิมเงียบเหงาวังเวงหญ้าขึ้นรก แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็สภาพอีกอย่างหนึ่ง
ั้แ่ทางเข้าหมู่บ้านเข้าไป ล้วนเป็ถนนแผ่นอิฐสีฟ้าสร้างตรงดิ่งตลอดทางไปถึงหน้าประตูบ้านสกุลหู สองฝั่งถนนประดับประดาแปลงดอกไม้และต้นกล้าอย่างประณีต
มองเข้าไปทางด้านใน มีลานบ้านใหม่กว้างขวางของสกุลหูสร้างเสร็จอยู่ใต้เชิงเขา ผ่านบ้านไปเป็กำแพงสูงเรียงกันสองหลัง กล่าวกันว่าด้านในเป็โรงเรียนไม่เสียค่าใช้จ่ายที่สกุลหูก่อตั้งขึ้น
เดิมริมฝั่งแม่น้ำมีเนินลาดเล็กๆ ขณะนี้ที่้าปรากฏศาลาเพิ่งสร้างเสร็จหนึ่งหลัง รอบด้านศาลาโปรยก้อนอิฐก้อนหินอยู่ไม่น้อย
พอมองให้ละเอียดอีกที ข้างบ้านใหม่ของสกุลหูมีชาวบ้านไม่น้อยกำลังยุ่งอยู่กับการขุดฐานก่อสร้างและหาบก้อนดิน น่าจะเป็การเตรียมสร้างอะไรขึ้นอีก
สองวันมานี้จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อเอาแต่เดินเตร็ดเตร่อยู่ไกลๆ รอบบ้านสกุลหู เขาไม่กล้าเข้าใกล้จนเกินไป
สหายกินดื่มในหมู่บ้านไม่กี่คนนั้น เคยบอกเขาเป็การส่วนตัวว่าวันนั้นที่หูฉางหลินถูกตี มีชาวบ้านเห็นเขาอยู่กับเหลียงหู่ ด้วยเหตุนี้จึงมีข่าวลือแพร่มาโดยตลอดว่าเขาเป็หนึ่งในพรรคพวกของเหลียงหู่ เล่าลือไปจนกระทั่งว่าเขาช่วยเหลียงหู่ตีหูฉางหลินด้วย
จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อใจนใบหน้าซีดขาว สกุลหูในตอนนี้ร่ำรวยอย่างมาก หากข่าวลือได้รับการพิสูจน์ยืนยัน เช่นนั้นเขาก็อยู่อาศัยในหมู่บ้านไม่ได้แล้ว
ด้วยเหตุนี้เมื่อวานยามใกล้ค่ำ หลังจากที่เขาทานอาหารเย็นแล้วจึงหิ้วเกาเตี่ยนที่ซื้อมาจากในเมือง ไปบ้านเก่าสกุลหูในรูปแบบของการเยี่ยมเยียน
หูฉางหลินเป็คนซื่อสัตย์จริงใจ รอให้เขากล่าววัตถุประสงค์ในการมาชัดเจนแล้วจึงให้เขาไม่ต้องเป็กังวล แม้สถานการณ์ตอนนั้นเกิดขึ้นกะทันหัน แต่คนที่รุมตีเขาในกลุ่มนั้นไม่มีจ้าวเอ้อร์หม่าจื้อจริงๆ
จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อเพิ่งคิดจะผ่อนลมหายใจ กลับเห็นหูชุ่ยจูที่นั่งอยู่ภายในห้องโถงมาโดยตลอด ใช้สายตาประหลาดใจอย่างหนึ่งมองเขา
จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อถึงได้คิดขึ้นได้ เด็กสาวผู้นี้ตอนนั้นยืนอยู่ด้านข้าง คาดว่าน่าจะเห็นเขากระซิบอยู่ข้างใบหูของเหลียงหู่
เขาเค้นรอยยิ้มบางเบาบนใบหน้าขึ้น และหันไปยิ้มทางนางอย่างเอาใจ
แต่หูชุ่ยจูกลับเพียงละสายตาไปอย่างเ็า
รอจนเขาออกจากบ้านเก่าสกุลหู บนแผ่นหลังของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อแห่งความหวาดกลัวแล้ว
นี่ต้องทำอย่างไร? แม้เขาไม่ได้ลงมือตีหูฉางหลิน แต่อย่างไรเสียก็ยืนเฝ้านิ่งดูดาย ในฐานะที่เป็คนในหมู่บ้านเดียวกัน การไม่เข้าไปช่วยช่างไปเข้าท่าเลยจริงๆ
สองวันมานี้เขาจึงมาสำรวจที่บ้านเก่าสกุลหูและบ้านใหม่ของครอบครัวหูทั้งสองฝั่งอยู่ตลอด ราวกับไม่มีอะไรผิดปกติ คาดว่าหูชุ่ยจูคงไม่ได้นำเื่นี้บอกแก่บิดาของนาง
จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อยังไม่วางใจ หลังทานอาหารเย็นเสร็จก็ออกจากบ้านมาเดินเตร่ละแวกทางเข้าหมู่บ้านอีกหน
พอถึงทางเข้าหมู่บ้าน เขาก็เห็นเด็กสาวคนที่สามของสกุลหูนั่น พาสุนัขสีเหลืองตัวโตเดินเล่นอยู่บนคันนาตลอดทาง หลังจากนั้นก็ไปบ้านของถู่วั่งที่ยากจนที่สุดในหมู่บ้านอีกด้วย
เขากล้ามองอยู่เพียงไกลๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวผู้นั้นพอเดินมาถึงทางเข้าหมู่บ้านกลับค้นพบเขาเข้าได้
แต่... ดูท่าแล้ว นางก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ คิดไปแล้วคงไม่ทราบเื่นั้นจริงๆ
จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อจึงเบาใจ
ดวงตาของเขากลอกไปมาหนึ่งรอบ คิดถึงหูเจินจูเมื่อครู่ ร่างสะโอดสะองสวมชุดฤดูร้อนสีชมพูอ่อน หน้าตางดงามละเอียดอ่อนผิวขาวราวหิมะ ไม่มีความสกปรกเฉิ่มเชยอย่างเด็กสาวของหมู่บ้านเลยสักนิด ไม่แย่ไปกว่ากุลสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่มีฐานะในเมืองเลย งดงามโดดเด่นอย่างยิ่ง
น่าเสียดาย ต่อให้งดงามแค่ไหนก็เพิ่งอายุสิบเอ็ดปี และไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาที่เป็พ่อม่ายภรรยาเสียแล้วแม้แต่นิด
คิดได้ถึงตรงนี้ เขาก็จำได้ขึ้นทันที จ้าวหงยู่ที่อยู่ข้างบ้านเก่าของสกุลหู วันนี้เห็นนางออกจากบ้านไปทางบ้านหูฉางกุ้ย ท่าทางสนิทสนมกันมาก หลังจากที่เขาได้ไปสอบถามมาจึงได้ทราบว่า จ้าวหงซานผู้เป็พี่ชายนางได้ลงนามทำงานระยะยาวสิบปีให้แก่ครอบครัวสกุลหู ตอนนี้กำลังช่วยดูแลกระต่ายอยู่ทางบ้านเก่าของครอบครัวหูตรงท้ายหมู่บ้าน
ได้ยินว่าค่าตอบแทนที่ให้ยังค่อนข้างสูงมากอีกด้วย
สมองจ้าวเอ้อร์หม่าจื้อคิดกลับไปมาสองสามรอบ ดวงตาก็วาววาบขึ้นทันที
...พายุฝนในหน้าร้อนตกติดต่อกันเป็ระยะ หมู่บ้านวั้งหลินเข้าสู่เดือนเจ็ดความเย็นเริ่มแผ่กระจายเข้ามาช้าๆ
หลังฝนเม็ดใหญ่ตกไปหนึ่งห่า แดดก็ร้อนแผดเผา อากาศร้อนระอุ
เจินจูนั่งอยู่ใต้ชายคา โบกพัดใบปาล์มให้หลี่ซื่อ
“เจินจู ดอกบัวสระนี้บานได้สวยงามจริงๆ” หลี่ซื่อมองดอกบัวสีชมพูอ่อนเต็มสระ มีความสุขอย่างถึงที่สุด
เพิ่งเข้าสู่เดือนเจ็ด ดอกบัวในสระน้ำก็เริ่มแข่งกันผลิบานอย่างขยันขันแข็ง
ดอกบัวสีชมพูอ่อนบอบบางผลิบานสะพรั่ง ขับสีให้เด่นแข่งกันอยู่ท่ามกลางน้ำใสและใบไม้สีเขียว บริสุทธิ์และดูสวยงามยิ่งนัก
ทำให้ทุกคนที่เดินผ่าน ล้วนอดใจหยุดชมไม่ได้
ชาวบ้านที่มาร่วมชมสิ่งที่เพิ่งจะมีขึ้น กลับมีมาไม่ขาดสาย
เจินจูจึงเปิดให้ผู้คนเข้าออกติดต่อกันสามวันหลังจาก่บ่ายไปแล้วเสียเลย เพื่อให้ชาวบ้านที่มีความสนใจเข้ามาชื่นชมได้
คนส่วนใหญ่ล้วนมาดูเื่ราวใหม่ๆ ดอกบัวเป็พันธุ์ที่หายากมากภายในบริเวณร้อยลี้ บ้างก็มีการเพาะปลูกในลานบ้านของครอบครัวร่ำรวย แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ชาวบ้านธรรมดาระดับพวกเขาจะสามารถดูได้
ผ่านไปสามวัน เจินจูก็ไม่เปิดประตูลานบ้านออกกว้างอีก หลี่ซื่อกำลังตั้งครรภ์หากมีคนเข้าออกมากเกินไปจะง่ายต่อการเกิดอุบัติเหตุ
มีชาวบ้านที่มาชมไม่ทัน รุดมาเคาะประตู เจินจูก็เปิดประตูเล็กให้สักเดี๋ยวอย่างมีเหตุผล ดีที่ว่าชาวบ้านเหล่านี้มีไม่มาก
“ท่านแม่ รอถึงฤดูใบไม้ร่วงรากบัวก่อตัวแล้ว พวกเราก็จะมีรากบัวไว้ทานได้เ้าค่ะ” เจินจูมองดอกบัวหนึ่งสระด้วยตาเป็มัน
หลี่ซื่อยิ้มแล้วดุนางทางสายตาแวบหนึ่ง ช่างเป็เด็กทำลายทิวทัศน์จริงๆ ได้เห็นดอกบัวงดงามเพียงนี้ กลับคิดถึงแค่อยากทานรากบัวของมัน
เจินจูไม่สนใจการต่อว่าของนาง กล่าวด้วยความสัตย์จริง “ตอนแรกข้ายืนกรานจะปลูกรากบัวก็วิ่งมุ่งไปที่รากบัวเลย ดอกบัวงดงามแต่ทานไม่ได้ ย่อมเป็รากบัวที่ดีกว่านะเ้าคะ”
“เ้ารู้ได้อย่างไรว่ารากบัวอร่อย? เ้าไม่เคยทานนี่?” หลี่ซื่อถามด้วยความแปลกใจ เมื่อก่อนตอนที่นางอยู่จวนสกุลเฉิน เมื่อนายท่านฉลอง่เทศกาลสำคัญก็เคยปรากฏรูปแบบอาหารที่ทำมาจากรากบัวเป็บางครั้งคราว รากบัวกรอบและหวาน อร่อยจริงๆ
“ไม่เคยทานเนื้อหมูจะไม่เคยเห็นหมูวิ่งเลยเชียวหรือเ้าคะ หากรากบัวไม่อร่อยจะขายได้ราคาสูงเช่นนั้นหรือ” เจินจูตอบอย่างเป็ธรรมชาติ
“…” บุตรสาวกล่าวได้มีหลักการมากนัก หลี่ซื่อนิ่งไปชั่วขณะ
ประตูลานบ้านแว่วเสียงเคาะประตูเข้ามา เจินจูหยัดกายลุกขึ้นยืน
“ผู้ใดกัน?”
“แม่นางหู เป็ข้า เปิดประตูหน่อยเถอะ”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นอยู่นอกประตู ระยะนี้เฉินเผิงเฟยทำหน้าที่เป็คนขับเกวียนมาลำเลียงผักพวกแตงและถั่ว จึงมาปรากฏอยู่บ้านสกุลหูทุกวัน
เจินจูคุ้นชินจนเป็เื่ปกติแล้ว แต่หลังจากที่นางเปิดประตูถึงได้พบว่า กู้ฉีกลับยืนอยู่หน้าประตูด้วย
เ้าหนุ่มนี่หลายวันมาแล้วที่ไม่ได้มาหมู่บ้านวั้งหลิน นางยังคิดว่า่นี้เขายุ่งมากอยู่เลย
“พี่ชายกู้อู่ ทำไมท่านมีเวลามาได้?”
เจินจูเปิดประตูให้พวกเขาเข้ามา
“ได้ยินว่าดอกบัวบ้านเ้ากำลังผลิบานสะพรั่ง เลยมาชื่นชมเสียหน่อย” ดวงตาของกู้ฉีหยุดอยู่บนใบหน้าของนางอยู่นาน ไม่เจอกันหลายวัน เหมือนว่าแม่นางน้อยใช้ชีวิตได้ดีมากนัก สีหน้าแดงชุ่มชื้นแล้วยังมันวาวอีกด้วย
“เช่นนั้นท่านมาได้ถูกเวลาแล้ว หากช้ากว่านี้อีกหน่อย คาดว่าจะเหี่ยวโรยราแล้วล่ะ” เจินจูยิ้มแล้วกล่าว
กู้ฉีเดินเข้าลานบ้านของสกุลหู ดอกบัวหนึ่งสระนั้นผลิบานได้สะพรั่งจริงด้วย ลักษณะสูงส่งบริสุทธิ์ ชูช่อดอกงดงาม เมื่อสายลมโชยผ่านพลิ้วไหวทั่วทั้งผืน กลิ่นหอมสะอาดสดชื่นบางเบา ลอยกระจายทั่วทั้งลานบ้าน ได้กลิ่นแล้วราวกับลืมสรรพสิ่งรอบกาย
ขณะที่สองคนสนทนากัน หลี่ซื่อก็เลี่ยงกลับห้องไป
เจินจูต้อนรับกู้ฉีมาถึงใต้ชายคา ตรงนี้เป็จุดชมบัวที่ดีที่สุด
ยกชาที่ชงใหม่ขึ้นสามถ้วย แล้วเจินจูจึงถามขึ้นอย่างเชื่องช้า “คุณหนูสกุลโหยวกลับเมืองหลวงแล้วหรือ?”
การกระทำยกถ้วยชาขึ้นของกู้ฉีชะงักไปเล็กน้อย “กลับไปหลายวันก่อนแล้ว”
“ที่จริงนางเป็เด็กผู้หญิงที่ค่อนข้างน่ารักอย่างมาก นางเอาเมล็ดดอกไม้มามอบให้ข้า ข้าปลูกไปจำนวนหนึ่ง มีที่แตกหน่อขึ้นมาบ้างแล้ว ผ่านไปไม่กี่เดือนอาจออกดอกก็เป็ได้” เจินจูกล่าวด้วยดวงตายิ้มหยี นางเคยถามหลิงเสี่ยน ดอกไม้หลายชนิดไม่เหมาะกับการเพาะปลูกในหน้าร้อนที่ร้อนระอุ แม้นางมีน้ำแร่จิติญญาก็ไม่อาจทำให้โดดเด่นจากปกติได้ เพราะเหตุนี้นางจึงเพาะเพียงไม่กี่ต้นบนกระถางดอกไม้อย่างเรื่อยเปื่อยไม่จริงจัง
“…อวี่เวยนิสัยคึกคักร่าเริงและดื้อรั้นไม่ฟังคน มักคิดอะไรออกก็ทำอย่างนั้นอยู่เสมอ” เสียงของกู้ฉีกลัดกลุ้มอยู่บ้าง
“คึกคักร่าเริงก็ดีนี่ ใช้ชีวิตผ่านไปอย่างสงบเงียบดั่งน้ำ จืดชืดเกินไปแล้ว นิสัยเช่นนี้ของนาง ทำให้บรรยากาศของที่บ้านมีชีวิตชีวามากนัก” เจินจูเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง หากสกุลหูไม่ใช่ว่ามีผิงอันที่คึกคักร่าเริงพูดมากอยู่ด้วย เช่นนั้นบรรยากาศน่าอึดอัดใจมีเท่าไรก็อึดอัดใจมากเท่านั้น
แต่กู้ฉีกลับไม่้าพูดคุยหัวข้อนี้มากนัก เขาจึงหยิบตะกร้าที่ถักได้ประณีตงดงามหนึ่งใบมาจากเฉินเผิงเฟย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้