ถังเหล่ยรู้สึกตื่นเต้นเป็อย่างมาก เมื่อเขาสามารถััได้ถึงเสียงเรียกสายหนึ่งซึ่งเป็เสียงจากิญญายุทธ์ัคชสารที่หลับใหลอยู่ในจุดตันเทียนของเขา
ถึงเหล่ย้าศึกษาเกี่ยวกับิญญายุทธ์ัคชสารมาโดยตลอด เขาเคยเห็นรูปร่างของัคชสารจากตำราโบราณเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงคิดว่าิญญายุทธ์ในร่างกายของตัวเองอาจจะเป็ิญญายุทธ์ัคชสารก็เป็ได้
ครั้งนี้ถังเหล่ย้าที่จะมุ่งหน้าไปยังูเาจู่หุน เพราะอยากจะศึกษาเกี่ยวกับความลับของิญญายุทธ์ในร่างของตัวเอง เขาอยากรู้ว่าเหตุใดิญญายุทธ์ในร่างกายจึงเรียกเขา
ถังเหล่ยรู้สึกยินดีกับเหตุการณ์นี้มาก เขาคาดเดาว่าในอนาคตเขาอาจจะเข้าใจความลับของิญญายุทธ์มากขึ้น เขาสามารถยืนยันได้ว่าเสียงเรียกดังมาจากทางทิศใต้ ทิศใต้เป็ทางเดียวกันกับูเาจู่หุน ทันทีที่เขาตระหนักได้เขาจึงเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งโดยมุ่งหน้าไปยังทิศทางของเสียงแปลกประหลาดที่ไม่อาจอธิบายได้นี้
น่าเสียดายม้าอัสนีถูกสังหารไปแล้ว ไม่เช่นนั้นถังเหล่ยคงเดินทางได้เร็วกว่าที่เป็ อย่างไรก็ตามเมื่อนึกดูอีกทีม้าอัสนีที่ดูโดดเด่นอาจเป็ต้นตอของเื่ยุ่งยากที่เกิดขึ้นก่อนหน้าก็เป็ได้ ถังเหล่ยจึงตัดสินใจสวมผ้าคลุมและใช้ผ้าปกปิดใบหน้าอีกครั้ง ในขณะที่เขาเดินมุ่งหน้าไปยังทิศใต้เสียงเรียกในร่างกายก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
ผ่านไปสองวัน ในที่สุดถังเหล่ยก็มาถึงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง นี่คือเมืองเมืองแรกที่ถังเหล่ยพบหลังจากออกจากเมืองหวัง ขนาดของเมืองนี้ไม่ใหญ่มากนัก ทางสองฝั่งล้วนเป็โรงเตี๊ยม ส่วนด้านหลังและส่วนลึกยังมีโรงสุราอีกหลายสิบเ้า
ถังเหล่ยสวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้า เข้าไปในโรงสุราแห่งหนึ่ง มีบริกรเข้ามาทักทายเขาทันที จากนั้นเขาสั่งอาหารและยื่นทองก้อนเล็กก้อนหนึ่งออกไปพร้อมกับกล่าวว่า
“น้องชาย ข้าขอถามเ้าสักเื่ได้หรือไม่?”
ถังเหล่ยถอดผ้าคลุมออกมาแล้ว เผยใบหน้าอ่อนเยาว์อย่างชัดเจน แต่ร่างกายของเขากลับมีกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมา ทุกสายตาจับจ้องมายังถังเหล่ยและพวกเขารู้ดีว่าคนผู้นี้ไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน
“นายท่านอยากทราบเื่อะไรถามมาได้เลย ในจักรวรรดิซือฉีไม่มีเื่ใดที่ข้าไม่รู้” ทันทีที่บริกรเห็นทองในมือของอีกฝ่ายจึงรีบรับทองไปและไม่สามารถห้ามใจไม่ให้กล่าวเช่นนี้ได้
“เส้นทางจากตรงนี้มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ มีสถานที่พิเศษอะไรหรือไม่?” ถังเหล่ยกล่าวอย่างเรียบเฉย
บริกรทำท่าครุ่นคิด เหมือนคิดจะหาสถานที่ยอดเยี่ยมออกมาสักสองสามแห่ง หวังจะได้ทำให้ถังเหล่ยรู้สึกว่าการจ่ายเงินในครั้งนี้ไม่เสียเปล่า
“มีสถานที่มหัศจรรย์ไม่น้อย แต่สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือูเาซวงเฟิง มีเื่ราวเล่าขานมากมาย บนูเายังมีูเาตั้งซ้อนอยู่บนนั้นถึงสองลูก ความสูงของมันเรียกได้ว่าสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียว” บริกรพูดไปด้วยตบมือไปด้วย และยังกล่าวต่อว่า
“และสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดก็คือ ูเาสองลูกนั้นมีสีขาวราวกับเป็หยกทั้งก้อน มันค่อนข้างมีชื่อเสียงในจักรวรรดิซือฉีมาก คนใหญ่คนโตมากมายล้วนเคยไปที่นั่น อีกทั้งในูเาซวงเฟิงมักจะมีสมบัติปรากฏออกมาเรื่อยๆ แต่…ว่ากันว่าูเาซวงเฟิงคือูเากินคน ที่นั่นอันตรายมาก เคยมีผู้ฝึกตนขึ้นไปยังูเาแห่งนี้ แต่ไม่มีผู้ใดกลับมาได้แม้แต่คนเดียว”
ถังเหล่ยกลอกตาใส่บริกรที่เต้นแร้งเต้นกาอยู่เบื้องหน้า สิ่งที่อีกฝ่ายพูดล้วนเป็ตำนาน คาดว่าบริกรคงได้ยินมาจากปากคนอื่น แต่เื่เล่าที่บริกรเล่ามามีจุดหนึ่งที่ทำให้ถังเหล่ยสนใจก็คือ ูเาที่ขาวราวกับหยกสองลูก
โลกใบนี้มีูเาที่ขาวราวกับหยกด้วยหรือ? ูเาซวงเฟิงอยู่มานานเท่าไรแล้ว?
ในจักรวรรดิซือฉีมียอดฝีมือปรมาจารย์ยุทธ์หรือราชันยุทธ์มากมาย หากูเาซวงเฟิงมีสมบัติจริงๆ คาดว่าคงถูกเก็บไปหมดสิ้นั้แ่หลายพันปีก่อน
หลังจากที่บริกรกลับไป ถังเหล่ยครุ่นคิดอยู่เพียงลำพัง ในเมื่อูเาซวงเฟิงมีชื่อเสียงโด่งดัง เขาจึงคาดเดาเอาไว้ว่าคงต้องมีผู้ฝึกตนจำนวนไม่น้อยเคลื่อนไหวอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน หากต้องเผชิญกับคนของนิกายเสิ่นอวี่เกรงว่าคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว
หลังจากชั่งใจอยู่นาน ถังเหล่ยจึงตัดสินใจว่าจะมุ่งหน้าไปยังูเาซวงเฟิง อีกทั้งเสียงเรียกในจุดตันเถียนก็มาจากทิศทางเดียวกันกับูเาซวงเฟิง หากเสียงเรียกที่เขาได้ยินไม่เกี่ยวข้องกับูเาซวงเฟิง ถึงตอนนั้นค่อยคิดใหม่อีกทีว่าจะไปสถานที่ใดต่อ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ถังเหล่ยออกจากโรงสุราและซื้อม้าตัวหนึ่งในเมืองก่อนจะมุ่งหน้าไปูเาซวงเฟิงทันที
ตลอดการเดินทางของถังเหล่ย เขายังคงได้ยินเสียงเรียกอยู่ตลอดเวลา และมันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เขาใช้เวลาเดินทางอีกหนึ่งวันเต็ม หลังจากนั้นไม่นานเขาก็สามารถมองเห็นูเาซวงเฟิงได้จากระยะไกล เขามั่นใจว่าสถานที่ที่มองเห็นอยู่ในขณะนี้คือูเาซวงเฟิง
เมื่อมองจากระยะไกล ูเาลูกนี้มีลักษณะโดดเด่นมาก ด้านข้างไม่มีูเาอื่นมีเพียงูเาลูกนี้เท่านั้น ในขณะนี้ถังเหล่ยอยู่ในระยะที่ไกลเกินไป จึงมองไม่เห็นว่ายอดเขาที่ขาวราวกับหยกสองลูกเป็ความจริงตามที่บริกรกล่าวหรือไม่
ถังเหล่ยค่อยๆ ชะลอความเร็วลงเขาพยายามไม่ทำตัวให้เป็จุดสนใจ ตลอดเส้นทางมีผู้ฝึกตนเดินทางผ่านไปมาอย่างต่อเนื่อง ทุกคนล้วนมีท่าทางเร่งรีบ
ทันใดนั้นถังเหล่ยก็กวาดสายตาไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีสมาชิกเกือบร้อยคน และยังมีองครักษ์หลายสิบคนคอยคุ้มกันรถม้าสองคันที่อยู่ตรงกลาง พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปทางูเาซวงเฟิงเช่นกัน
“หลบไป หลบไปซะ!” กลุ่มรถม้าผ่านไป
ถังเหล่ยยังคงควบม้าไปด้วยความเร็วที่ไม่เร็วมากและพยายามควบคุมความเร็วให้คงที่
ทันใดนั้นก็มีเสียงะโมาจากด้านหลัง เขาหันหน้ากลับไปมองเห็นรถม้าคันหนึ่งกำลังวิ่งตรงเข้ามาทางเขา บนรถม้ามีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ นางกำลังพยายามบังคับบังเหียนม้าอย่างทุลักทุเลแต่ม้าสองตัวกลับยิ่งบ้าคลั่ง เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่านางขับรถม้าไม่เป็
ถังเหล่ยส่ายหัว ในขณะที่เขากำลังบังคับม้าของตัวเองหลีกทางให้นาง แต่เส้นทางที่พวกเขาอยู่ในขณะนี้มีต้นไม้มากมายสองฟากฝั่ง เขาไม่สนใจว่านางจะชนตรงไหน แต่น่าเสียดายที่รถมาคันนี้สูญเสียการควบคุมไปแล้ว
และมันกำลังจะพุ่งชนเขา!
สีหน้าของถังเหล่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาสับสนว่าอีกฝ่ายจงใจหรือไม่ ถนนกว้างใหญ่ขนาดนี้ พื้นที่กว้างขนาดนี้ เหตุใดจึงพุ่งมาทางเขา? ถังเหล่ยะโลงจากหลังม้า และกลิ้งตัวหลบไปด้านข้าง
ในขณะนี้หญิงสาวตระหนักได้ว่ารถม้าที่กำลังวิ่งอยู่นั้นไม่สามารถควบคุมได้อีกแล้ว นางจึงดึงแขนของเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง ซึ่งดูแล้วน่าจะอายุน้อยกว่านางและะโลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว
ตูม!
รถม้าของหญิงสาวกับม้าที่ถังเหล่ยขี่มาพุ่งชนกันอย่างจัง ม้าของถังเหล่ยถูกชนตายคาที่ ในขณะที่ม้าสองตัวของหญิงสาวก็เริ่มหายใจรวยริน
เมื่อตอนที่หญิงสาวพาเด็กชายะโลงจากรถม้าหญิงสาวใช้พลังปราณของตัวเองหยุดร่างกายไว้ไม่ให้กระแทกพื้นนั่นทำให้นางสามารถยืนได้อย่างมั่นคง อย่างไรก็ตามเด็กชายที่อยู่ด้านข้างกลับหน้าคะมำตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชอย่างยิ่ง
“ผู้ทรงยุทธ์!”
ถังเหล่ยรู้สึกแปลกใจ เมื่อเห็นหญิงสาวอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเป็ถึงระดับผู้ทรงยุทธ์
หญิงสาวคนนี้มีเื้ัไม่ธรรมดา!
เมื่อถังเหล่ยเห็นฝีมือของหญิงสาว เขาก็สามารถคาดเดาได้ว่าเื้ัของหญิงสาวคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หลังจากหญิงสาวยืนขึ้นได้อย่างมั่นคงแล้ว นางจึงดึงเด็กชายขึ้นมาและกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“เ้าใช้พลังปราณในร่างกายไม่เป็หรือ?”
“เ้าบอกกับข้าว่าห้ามใช้พลังปราณไม่ใช่หรือ?” เด็กชายกล่าวด้วยความรู้สึกคับข้องใจ
ก่อนที่ทั้งสองจะหนีออกมาข้างนอก หญิงสาวได้กำชับกับเด็กชายว่าห้ามใช้ิญญายุทธ์ต่อหน้าผู้อื่น ส่งผลให้เมื่อครู่เด็กชายหน้าคะมำคว่ำลงกับพื้น
“โง่จริงๆ!” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง
จากนั้นหญิงสาวมองมายังถังเหล่ย ถังเหล่ยก็มองหญิงสาวเช่นกัน หน้าตาและความสง่าของหญิงสาวไม่ธรรมดาเลย บวกกับิญญายุทธ์ที่นางพึ่งแสดงออกมาเมื่อครู่เห็นได้ชัดว่านางน่าจะมาจากตระกูลใหญ่
ถังเหล่ยบอกกับตัวเองว่าช่างเถอะ ตัวเขาเองก็ใกล้จะถึงูเาซวงเฟิงแล้ว อีกฝ่ายเป็เพียงหญิงสาว แค่ม้าตัวเดียวเขาไม่สนใจอยู่แล้ว
“เ้าขี่ม้าอย่างไร ทำไมถึงมาชนรถของข้า!” หญิงสาวกล่าวกับถังเหล่ยเสียงดัง
“เอ๊ะ?” ถังเหล่ยมองหญิงสาวด้วยความงุนงง นางกล่าวราวกับว่าความผิดนี้เป็เพราะเขา?
……