เ่ิูตามหาตัวอักษรในพจนานุกรมต่อไป ที่สุดก็พบเบาะแสบ้างแล้ว
ประวัติศาสตร์ภพไทวะเพิ่งเริ่มก่อได้ร้อยกว่าปี เป็ภพที่เยาว์วัยที่สุดในโลกนี้ ทว่ากับประวัติศาสตร์ของโลกอันไร้สิ้นสุดที่เล่าขานกันมานั้น กลับยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์
เคยมีนักประวัติศาสตร์แบ่งแยกยุคสมัยเก่าที่ตายไปแล้วไว้ นับแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบันกาล มีหงเิ เทพมาร ดึกดำบรรพ์ าเก่า ากลาง าใกล้ แต่ละยุคสมัยล้วนมีเหตุการณ์ใหญ่ะเืใจเกิดขึ้น ทุกเื่ราวนั้นทรงอิทธิพลพอจะพัฒนาทิศทางการเปลี่ยนแปลงและประวัติศาสตร์
ยุคเทพมารเป็สมัยเก่าแก่ติดต่อกับยุคหงเิ ตำนานกล่าวว่าเป็กลียุคที่เทพและมารเข้าครอบงำ กินระยะเวลาหลายร้อยปี เวลานั้นเผ่ามนุษย์ยังเป็เหมือนหน่อไม้อ่อนอยู่เลย พลังต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เป็เผ่าเหยื่อที่ถูกรุกรานและจับเป็ทาสบ่อยครั้ง
เ่ิูไม่นึกไม่ฝันมาก่อน ว่าคัมภีร์ทองแดงเล่มนี้ จะข้องเกี่ยวกับยุคเทพมารนั่นจริงๆ
เขานึกว่าอักษรแปลกห้าตัวนั่นจะเป็อักษรของภพอื่นนอกเหนือจากภพไทวะเสียอีก
“ถ้าเป็อย่างนี้แล้วล่ะก็ ความหมายของอักษรห้าตัวนี้ นำอักษรสมัยเทพมารมาแกะอ่าน แปลออกมาแล้ว ก็เป็...เอ้อ ท่วงทำนอง..ฐานะ...ไร้...สิ้น..สุด...ท่วงทำนองฐานะไร้สิ้นสุด?”
เขามึนงงเล็กน้อย
ท่วงทำนองฐานะไร้สิ้นสุด?
หมายความว่าอะไรกันเล่า?
ไร้สิ้นสุด หากแม้นหมายถึงโลกาไร้สิ้นสุด แล้วฐานะเล่าหมายถึงสิ่งใด? ฐานะชนชั้นสูงหรือ? หรือฐานะจอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่ง?
เ่ิูคิดกลับไปกลับมา ก็ไม่อาจแก้ความนัยนี้ได้เลย
ถึงจะผิดหวังมิใช่น้อย ทว่ากลับรู้สึกสนใจในสมุดภาพอักษรแปลกนี้ขึ้นมาแล้ว เป็คนอย่างไรกันหนอถึงเพียรเขียนหนังสือเช่นนี้ขึ้นมาได้ กระทั่งอักษรสมัยเทพมารยังแตกฉานงั้นหรือ?
สองชั่วโมงต่อมา เ่ิูหมดเวลาไปกับการพลิกหน้าแล้วหน้าเล่าอย่างเรียบลื่น เจาะประเด็นทุกบรรทัด
ความจำเขาดียิ่งนัก ใกล้เคียงการมองแวบเดียวจำได้ตลอดไป
จวบจนได้เวลาปิดทำการหอสมุด กระทั่งอาจารย์คุมหอเดินมาตะเพิดเขาให้ออกไปได้แล้วนั่นแหละ เด็กหนุ่มก็จดจำเนื้อความที่ทั้งซับซ้อนวุ่นวายและไร้สีสันเล็กน้อยได้ถึงแปดในสิบ
“เพิ่งคิดขึ้นมาได้ มีเวลาว่างเมื่อไรมาเดินเล่นหอสมุดคลังแสงนี่ดีกว่า!”
เ่ิูยืนอยู่นอกหอคอยสีขาว มองบานประตูค่อยๆ ปิดลง
เขาเพิ่งรู้ว่าก่อนหน้านี้ตนได้มองข้ามความสำคัญและคุณประโยชน์ของหอสมุดคลังแสงไปสิ้น
ในสำนักกวางขาวนี้ นอกจากคำพร่ำสอนของอาจารย์และการฝึกปรือฝีมือของตัวเองแล้ว สรรพหนังสือเองก็เป็สิ่งล้ำค่าที่คนมักจะมองข้ามได้ง่ายดายยิ่ง ความล้ำค่าที่พวกมันแอบซ่อนไว้ มีแต่คนที่มีใจจริงเท่านั้นจึงจักค้นหาเจอ
หลังกินข้าวเย็นที่โรงอาหารเสร็จเรียบร้อย และเดินกลับหอพัก เ่ิูก็เริ่มฝึกปรืออีกหน
เพื่อนร่วมห้องสามคนจับกลุ่มกัน ท่าทีใฝ่สูงเหลือกิน ไม่ใคร่จะใส่ใจเ่ิู และเขาเองก็ขี้คร้านจะไปพัวพันกับพวกทายาทชั้นสูงไม่รู้สี่รู้แปดอะไรเลยพวกนี้
พริบตาก็ปาเข้าไปดึกดื่นเสียแล้ว
แสงจันทรานวลงามสาดส่องเข้ามาด้านใน ขาวพร่างพราวราวหิมะแรกฤดู
เ่ิูผู้นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ลืมตาขึ้นมาช้าๆ
“กระบวนท่าถัวเพิ่มความสามารถขึ้นไม่น้อย แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ถึงได้รู้สึกว่าไม่อาจเทียบชั้นกับวิชาไร้ชื่อที่พ่อถ่ายทอดมาให้ข้าเลย...” เขาจดจ่อคิดอย่างสงบ
ความเร็วในการฝึกของเขาสองสามวันมานี้ไวยิ่งกว่าติดปีก ร่วมระดับกลางของอาณาพิภพขั้นหกเรียบร้อย สิ่งสกปรกในภายภาคหน้าของอวัยวะทั้งห้าถูกขับไล่ออกมามิได้ขาด เริ่มขัดเกลาจนเกลี้ยงขึ้นมา
การชำระล้างอวัยวะดูจะไม่ข้องเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของพลัง นอกจากการเนรเทศสิ่งสกปรกทั้งหลายในภายภาคหน้าออกไปอย่างหมดจดแล้ว การจะได้ััความนัยแห่งวรยุทธ์อาณาเนื้อฟ้านั้น คือการหล่อเลี้ยงจิตใจและเจตนารมณ์เสียมากกว่า
เหมาะสมกับอาณาพลัง มีแต่วิชาจิตใจนี่แหละที่ควรคู่
พื้นฐานวรยุทธ์ของเ่ิู...โดยเฉพาะเมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าสุดแสนจะอ่อนหัด กระบวนยุทธ์์ประทานเช่นกระบวนท่าถัวนี้ ทำให้จิตใจสงบิญญาสงัด เก็บเกี่ยวส่วนได้ส่วนเสียในการเข้าถึงการฝึกฝนอาณาพิภพได้มากทีเดียว
ระหว่างผ่อนลมหายใจเชื่องช้า เ่ิูก็หยัดกายลุกขึ้นยืน แล้วเดินมาจรดบานหน้าต่าง
เขาหยิบคัมภีร์ทองแดงออกมา และอาศัยแสงจันทร์มองจนถ้วนทั่ว
หนังสือในมือนี้ กลับมีน้ำหนักมากถึงห้าร้อยกว่าจิน น่าพิศวงมาก อักษรห้าตัวที่ประทับไว้ก็ประหลาดเหลือ พอกระทบแสงเดือนพลันปรากฏแสงงามแปลกเวียนวนอยู่ล้อมรอบ มีความรู้สึกราวกับผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วนปกคลุมอยู่
“ท่วงทำนองฐานะไร้สิ้นสุด ห้าคำนี้มันหมายความว่าไรกันแน่นะ?”
เ่ิูพึมพำกับตัวเอง เริ่มจะใคร่ครวญอีกครา
แต่กลับไม่พบเลย ทว่าตอนที่เขาเอื้อนเอ่ยถึงท่วงทำนองฐานะไร้สิ้นสุดนั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า การเปลี่ยนแปลงนอกเหนือความคาดหมายก็บังเกิด
คัมภีร์ทองแดงที่ทั้งเก่าแก่และขรึมขลังเยียบเย็นขึ้นมาเฉยๆ เนื้อพื้นผิวหยาบกระด้างยามสาดส่องด้วยแสงจันทร์ เปล่งแสงดั่งระลอกน้ำยับย่นเวียนวนอย่างแช่มช้า
ประหนึ่งคำทั้งห้าจากปากเขา นำพาพลังใกล้เคียงกับคำสาปออกมา สิงสู่เข้าไปในเนื้อในคัมภีร์ทองแดง เลือนหายไม่ขาดสาย
“นี่มัน...”
เ่ิูเพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์
และยังไม่ทันจะได้ตอบโต้อันใดนั้นเอง เพียงมือััผะแ่ หนังสือลึกลับนั้นพลันหายวับไปกับตา
“อะไรกันเนี่ย?”
เด็กหนุ่มใแทบะโ
เื่นี้มันเื่ประหลาดระดับภพชัดๆ มองซ้ายมองขวาจนแน่ใจ อย่างไรหนังสือนั่นก็สาบสูญไปแล้วแน่ๆ ทั้งห้องนอนก็ไร้ร่องรอย ราวกับว่ามันไม่เคยมีมันอยู่มาก่อน
สรุปแล้วเกิดอะไรกันขึ้น?
เวลาไม่ทันอึดใจดี เื่ประหลาดก็มาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง
เ่ิูรู้สึกได้ว่าในสมองเขามีของเหลวร้อนไม่ทราบที่มากำลังพรั่งพรู ยังไม่ทันมีปฏิกิริยาใดตอบสนองอีกเช่นกัน พลันมีแสงสว่างเจิดจ้าส่องเข้าตา ตามด้วยภาพนภาแต่งแต้มด้วยดวงดารามากมาย
“เื่บ้าอะไรกันเนี่ย?”
ใจเขาเต้นโครมคราม สันนิษฐานได้ในเวลาต่อมาว่าเื่ทั้งหมดที่พบพานนี้ ต้องมีเอี่ยวกับคัมภีร์ทองแดงขลังนั่นเป็แน่ เมื่อครู่ที่จู่ๆ สมองก็ร้อนนั่น พอมาเห็นภาพนี้ กลับกลายเป็...
หรือจะกลายเป็ว่านภาเต็มไปด้วยดาวนี้ จะเป็ห้วงความคิดของตัวเขาเอง?
เ่ิูชักจะคลำหาเบาะแสได้บ้างแล้ว
กล่าวกันว่านักยุทธ์เมื่อผ่านเข้าระดับอาณาเนื้อฟ้าแล้วนั้น จักสามารถมองเห็นจุดตันเถียนและห้วงคิดภายในกายตนได้ ทั้งสองสิ่งนี้เป็รากฐานสู่ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ และห้วงความคิดของนักยุทธ์ส่วนมากจักแสดงออกมาในรูปของท้องฟ้าดั่งทะเลดาวที่แสนกว้างไกล
และแล้วความประหลาดอย่างที่สามก็เข้ามาทักทายเขาอีกครั้ง...
เพียงเห็นท่ามกลางนภาดาวมีแสงสว่างวับวาม แสงทองแดงหลั่งรวม แต่ละเส้นๆ ถักทอเป็ริ้วลายชวนพิศวง ราวกับเทพเ้ารังสรรค์โลกและสรรพสิ่งก็ไม่ปาน คัมภีร์ขนาดั์ถูกแสงงามส่องแสงออกมาให้เห็นแก่สายตา
“นั่นคือคัมภีร์ทองแดงนี่! ท่วงทำนองฐานะไร้สิ้นสุด!”
หลังตกตะลึงอีกรอบก็รับรู้ขึ้นมาว่า ของที่ปรากฏล่องลอยอยู่ตรงหน้านี้ เป็หนังสือที่สาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อครู่แน่นอน ทว่าเมื่อเทียบกันกับตอนที่มันเย็นะเืนิ่งสงัดในมือเขาตอนนั้นแล้ว ยามนี้กลับเหมือนมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็ริ้วรอยบนหน้าปกหรือคำใหญ่ๆทั้งห้า ล้วนแล้วแต่เปล่งชีวิตชีวาสว่างไสวเป็ระลอก
“ที่แท้คัมภีร์ทองแดงนี่ก็มาอยู่ในห้วงความคิดข้านี่เอง น่าพิศวงจริงๆ นะนี่ ว่ากันตามจริงแล้ว ข้ายังเข้าอาณาน้ำพุิญญาได้ไม่เต็มตัวดี หนำซ้ำยังไม่ถึงอาณาเนื้อฟ้า ไม่มีทางมองเห็นห้วงความคิดตัวเองได้ แล้วนี่ทำไม...”
เื่ราวเหนือธรรมชาตินี้ช่างน่าเคลิบเคลิ้มชวนมองยิ่ง
เ่ิูยามนี้ก็มิอาจยืนยันได้ ว่าเื่ตรงหน้านี้ดีหรือร้าย ดีที่คัมภีร์ทองแดงพราวโรจน์ตรงหน้านี้ มิได้มีท่าทีเป็สัตว์ร้ายตัวฉกาจ
“ไม่รู้ว่าหนังสือเล่มนี้ จะเปิดได้หรือเปล่านะ...”
สมองเด็กหนุ่มผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา คล้ายจะรู้คำขอของเขา หนังสือเล่มั์ตรงหน้าพลันเปิดออกเองอัตโนมัติ ไร้เสียงไร้การบอกกล่าว
ราวกับภาพเสมือนจริงดั่งถอดแบบ เปิดเผยให้เ่ิูได้ชมต่อหน้า
ไม่เพียงแต่มีตัวอักษรเท่านั้น ยังมีภาพอยู่อีกด้วย
เป็ภาพงดงามตระการตายิ่งนัก มีสมรภูมิรบระหว่างมารและเทพ กำเนิดของวิเศษอัศจรรย์ ยอดขุนพลสำแดงเวทย์ กระทั่งทิวทัศน์ยามิญญาลอยล่องอยู่เกลื่อนฟ้า...
รูปเหล่านี้มีพลังบางอย่างชวนให้คนมองสติแทบหลุดออกจากร่างทุกคราไป และยังมีคำอธิบายประกอบเป็อักษรอยู่ด้วย
อักษรยุคเทพมาร
“ความหมายของอักษรพวกนี้...อืม เหมือนจะเป็ดัชนี ท่วงทำนองฐานะไร้สิ้นสุดน่าจะเป็ภาพประกอบ...เป็ภาพของยุคเทพมารทั้งหมด หมายความว่า...”
เ่ิูมองดูอย่างแน่วแน่
เขาที่ตรงไปหอสมุดคลังแสงในกลางวันแสกๆ เพื่อจะเปิดหนังสือสมุดภาพอักษรแปลก พอรู้อักษรของยุคเทพมารบ้างคร่าวๆ ตอนนี้ที่เพ่งสมาธิพลิกอ่านแต่ละหน้าไป ก็อ่านเข้าใจเสียส่วนหนึ่งล่ะ
“แบ่งออกเป็สามประเภท...ฐานะเทพมาร ฐานะเทพนักรบ...และยัง เอ้อ เหมือนจะหมายความถึงฐานะภูตผีนะ!”
เ่ิูพอเข้าใจขึ้นมาบ้าง
เพียงแค่ดัชนีของสมุดภาพเล่มนี้สีซีดจางเต็มที่ เทียบกับสีสันเปี่ยมชีวิตชีวาโชติ่เป็ว่าเล่นของปกคัมภีร์ทองแดงนั่นแล้ว ต่างกันฟ้ากับเหว ไม่รู้ว่าหน้าต่อไป จะยังมีอะไรให้ดู...
เด็กหนุ่มคิดไป ปลุกใจตัวเองไป ้าอ่านเนื้อหาหน้าต่อๆ ไปของคัมภีร์ทองแดงให้จงได้
เพียงแต่คราวนี้นั้น ไม่ว่าเขาจะคิดจะอ่านอย่างไร หนังสือก็ไม่เปิดให้เขาอีกเลย
และเมื่อเขาคิดอยากจะผนวกรวมกับหนังสือ แค่เติมเจตนาลงไปด้วย หนังสือก็ปิดพรึบในพริบตา
พอคิดจะให้เปิด มันก็พลิกหน้ากระดาษให้
ปิดอีก
เปิดอีก
เ่ิูได้ข้อสรุปแล้ว เขาพลิกเปิดได้แค่หน้าแรกเท่านั้น หน้าอื่นหมดสิทธิ์...หรือนี่จะเป็ผลจากระดับพลังของเขาด้วย?
มองด้วยตาแล้วเด็กหนุ่มยังไม่อาจหยั่งรู้ประโยชน์และอานุภาพของหนังสือเล่มนี้ชัดเจนนัก แต่ในซอกหลืบที่แอบซ่อนนั้น เขาคิดว่าความขลังลึกลับของหนังสือนี้ยังห่างไกลจากความคาดการณ์ของตัวเองนัก ของที่หลงเหลือจากยุคเทพมาร ย่อมเลิศเลอไร้ใดเปรียบแน่แท้
ยามใจแน่วแน่หมุนอีกครั้ง เขาก็หลุดจากความคิดของตัวเอง
ดวงตาพลันมองเห็นสภาพในห้องนอนเดิมๆ ของตนอีกครั้ง ความรู้สึกเมื่อยล้าเมื่อครู่หายสนิทเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็อุบัติเหตุเช่นนี้ได้ แต่ว่า ที่มาของคัมภีร์ทองแดงนี้เกินกว่าจะเรียกว่าความลับแล้ว ถึงมันจะเข้าห้วงความคิดข้าไปโดยพลการ แต่ก็นับว่าเป็เื่ดี ไม่ต้องห่วงว่าใครจะจับได้”
เ่ิูเป็เด็กหนุ่มช่างมองโลกในแง่ดีนัก เื่ใดก็ตามแต่เขามองในด้านดีเสมอ
ปล่อยเื่คัมภีร์ทองแดงไว้มุมหนึ่งก่อน เขาพักผ่อนลมหายใจเล็กน้อย เริ่มฝึกฝนต่อไป
จะยามทิวาหรือราตรี สำหรับเ่ิูแล้ว มันไม่แตกต่างกันเลยสักนิด