ตัดฉากมาที่จวนสกุลสวี...
เมื่อโจวชิงหวารู้ว่านายท่านหนีพาหนีเจียเอ๋อร์มาขออภัยนายท่านสวีกับฮูหยินถึงจวน ก็รีบตามมาทันที
โทสะของชายหนุ่มพลุ่งพล่าน ปลายนิ้วชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นๆ แม้รู้ดีว่า ถึงจะกังวลกับเื่ที่ยังมาไม่ถึงไปก็เท่านั้น แต่ก็อดวิตกมิได้ ด้วยเกรงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน
เขาแจ้งความประสงค์ที่หน้าประตูจวนราชครู ว่าตนมาขอพบหนีเจียเอ๋อร์ พ่อบ้านสกุลสวีจึงออกมารับรอง และนำชายหนุ่มเข้าไปด้านใน
...
อีกด้านหนึ่ง
แม้หนีเจียเอ๋อร์จะแสดงสีหน้าเรียบเฉย แต่ในสมองกลับครุ่นคิดวุ่นวาย ด้วยรู้นิสัยของสหายที่คบหากันมาแต่เยาว์วัยผู้นั้นดี
นับจากเกิดเหตุครั้งก่อน พวกเขาก็มิได้ติดต่อกันอีก หากความสัมพันธ์กลับมิได้ห่างเหิน ทว่าปัญหาที่ประสบในยามนี้ ย่อมไม่อาจให้สหายของนางต้องพาลเดือดร้อนไปด้วย
เพราะนายท่านกับนายหญิงสกุลสวีนั้น รักในชื่อเสียงและหน้าตายิ่งนัก ถึงสวีเพ่ยหรานจะเป็บุตรนอกสมรส แต่ถูกเลี้ยงดูโดยฮูหยินสวี ดังนั้น เมื่อผู้ที่สกุลสวีคิดจะรับเข้าตระกูลผ่านการแต่งงาน อย่างหนีเจียเอ๋อร์ กลับปฏิเสธการสู่ขอ พวกเขาย่อมไม่อาจยอมรับได้
แต่เื่นี้ หญิงสาวก็ไม่อาจทำอันใดได้ จำต้องปล่อยให้ฮูหยินสวีฟาดหัวฟาดหาง เพื่อระบายโทสะ
นางอดมิได้ที่จะนึกถึงนายท่านสวี บุรุษผู้สง่างาม แต่กลับเกรงกลัวภรรยา... ช่างน่าสมเพชนัก!
ไม่นาน หนีเจียเอ๋อร์ก็ขอตัวออกมา และเดินเล่นในสวนอย่างอ้อยอิ่ง
หญิงสาวยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ เส้นผมและเสื้อผ้าปลิวไสวไปตามสายลม พร้อมกลีบดอกไม้ ขณะที่กำลังเพลิดเพลินอยู่นั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “คุณหนู จะรับชาหรือไม่ขอรับ?”
หนีเจียเอ๋อร์หันไปมอง พบว่าบ่าวผู้หนึ่งกำลังถือถาดชาเข้ามา นางจึงพยักหน้า บ่าวรับใช้ก็รีบชงชาให้ ไอน้ำหอมกรุ่นพลันอบอวลขึ้นมาจากถ้วยชา ไม่ต่างจากทะเลดอกไม้
“คุณหนู ชาขอรับ” เด็กรับใช้ผู้นั้นใช้มือสองข้างประคองถ้วยชา ส่งมาให้ด้วยความนอบน้อม
หนีเจียเอ๋อร์ยื่นมือออกไปรับ ยังไม่ทันไรก็รู้สึกได้ถึงััอันแ่เบาที่หลังมือ จึงหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเยียบเย็น โดยไม่คิดจะยกชาขึ้นมาดื่ม
“มีอะไรหรือขอรับคุณหนู หรือว่าชาจะร้อนเกินไป?” บ่าวรับใช้เงยหน้าขึ้นมามอง ด้วยแววตาวาววับ
น่าเสียดาย มืออันนุ่มนวลดันถูกชักกลับไปเสียก่อน ตนยังไม่ทันได้ลูบไล้ให้หนำใจเลย
ขณะที่มองหน้าเด็กรับใช้ หนีเจียเอ๋อร์ก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาพันรอบมือ ก่อนเงื้อขึ้น หมายจะฟาดอีกฝ่าย แต่ก็ถูกรั้งเอาไว้เสียก่อน
โจวชิงหวาสั่นศีรษะ “อย่า! เดี๋ยวมือของเ้าจะสกปรกเปล่าๆ”
เขายิ้มเย็น จนแม้แต่อากาศในเดือนพฤษภาคมก็ยังหนาวเหน็บ
พอเห็นชายหนุ่มเข้ามาใกล้ บ่าวรับใช้ก็พยายามจะหลบหนี
แต่โจวชิงหวาย่อมไม่ปล่อยให้เป็เช่นนั้น เขาเตะอีกฝ่ายจนล้มกลิ้งไปกับพื้น... เสียงกระดูกหักดังกร๊อบ
“เ้าช่างบังอาจนัก!” ชายหนุ่มเหยียบไปที่ท้องของเด็กรับใช้ แล้วค่อยๆ ขยี้เท้า
“นายท่าน โปรดไว้ชีวิตด้วย...” บ่าวผู้นั้น อ้อนวอนขอความเมตตาไม่ขาดปาก
โจวชิงหวากล่าวอย่างเหยียดหยาม “หากอยากมีชีวิตอยู่ ก็บอกมา ว่าใครเป็ผู้บงการ?”
เด็กรับใช้กลอกตาไปมา เหงื่อเย็นๆ ผุดพราย “ไม่มีใครบงการขอรับ นายท่านโปรดเมตตาด้วย”
“ไม่พูดหรือ?” ชายหนุ่มเพิ่มแรงกดที่เท้า จนเืไหลรินออกจากปากอีกฝ่าย
“พอเถอะ!” หนีเจียเอ๋อร์ส่ายหน้า พลางคว้าแขนเสื้อของเขา
โจวชิงหวาหันมามอง สายตาอันเยือกเย็นนั้น ทำให้นางถึงกับสั่นสะท้าน แต่แล้วแววตาของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีที่เห็นหญิงสาว
ชายหนุ่มยิ้ม พลางเอ่ยกับเด็กรับใช้ “ตอนนี้ ข้าใช้กำลังแค่สามส่วนเท่านั้น ถ้าเ้าอยากให้ข้าออกแรงเพิ่มละก็...”
ยังพูดไม่ทันจบ บ่าวรับใช้ก็รีบบอก “ผู้ที่บงการข้าน้อย คือ...”
เขากำลังจะเปิดปาก แต่กลับมีเสียงะโขัดขึ้นมาเสียก่อน “พวกเ้ากำลังทำอะไรกันอยู่?”
พอหันไปมอง ก็พบว่าเป็นายท่านสวี ที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าเ็าราวกับน้ำค้างแข็ง
หนีเจียเอ๋อร์ปล่อยแขนเสื้อชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว พลางมองไปยังนายท่านสกุลสวี กำลังจะเอ่ยปากอธิบาย แต่อีกฝ่ายกลับโพล่งขึ้นมาว่า “มีใครอยู่บ้าง นำตัวบ่าวผู้นี้ไปโบยสามสิบครั้ง แล้วไล่ออกจากจวนเสีย!”
เมื่อเห็นท่าทีของหนีเจียเอ๋อร์ โจวชิงหวาพลันรู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงได้แต่เดินตามไปเงียบๆ
จากนั้น คนทั้งสามก็กลับมายังห้องโถง นายท่านสกุลหนีรู้สึกยินดีที่เห็นพวกเขาปรากฏตัวขึ้น
นายท่านสวีนั่งลง แล้วกล่าวว่า “ถึงการแต่งงานครั้งนี้ จะเป็ความประสงค์ของผู้ใหญ่ แต่ข้าไม่นึกเลย ว่าแม่นางน้อยจะมีคนที่ชอบพอกันอยู่แล้ว”
ได้ยินเช่นนั้น นายท่านหนีก็รู้ว่าสหายกำลังเข้าใจผิด จึงอธิบายว่า “ชิงหวาเป็บุตรแม่นมของเสี่ยวเอ๋อร์ ทั้งสองจึงเติบโตมาดุจพี่น้อง”
นายท่านสวีคลี่ยิ้ม “ไม่ต้องปิดบังหรอก ชายหญิงรักกัน ไม่ว่าสิ่งใดก็กีดขวางมิได้ ขอแค่เสี่ยวเอ๋อร์ชอบก็พอ เ้ายังคิดจะปิดข้าอีก”
เมื่อเห็นว่าสหายไม่เชื่อ นายท่านหนีก็ได้แต่ขมวดคิ้ว ก่อนมองไปยังหนีเจียเอ๋อร์ “เมื่อครู่ เกิดอะไรขึ้น?”
หญิงสาวจึงตอบ “ไม่มีอันใดเ้าค่ะ แค่บ่าวรับใช้คนหนึ่งทำตัวรุ่มร่าม พี่ชิงหวาจึงสั่งสอนไปสองสามที เพื่อให้หลาบจำเท่านั้น”
ประเด็นก็คือนายท่านสกุลสวี กลับคิดว่าชิงหวาและเสี่ยวเอ๋อร์ใกล้ชิดกันเกินความสัมพันธ์ฉันเพื่อน จนเกิดความเข้าใจผิดขนานใหญ่
แต่นายท่านสกุลหนีกลับหัวเราะ และหยอกล้อ “อ้อ! เพราะบ่าวรับใช้ไม่ดีนี่เอง”
แม้เขาจะคิดว่านี่เป็เพียงเื่เล็กน้อยที่ไม่ควรใส่ใจ แต่นายท่านสวีกลับมิได้คิดเช่นนั้น “ผู้าุโหนี บุตรสาวของเ้ามีคนที่ผูกสมัครรักใคร่อยู่แล้ว แต่กลับไม่บอกกันสักคำ ซ้ำยังปฏิเสธการสู่ขอจนข้าเสียหน้า คราวนี้ยังมากล่าวหาบ่าวในเรือนอีก นี่เรียกว่าการขออภัยหรือ?”
ถึงฮูหยินสกุลสวีจะมิได้แสดงอาการขุ่นเคือง ต่อข้อเสนอที่อีกฝ่ายจะชดเชยให้แทนการแต่งงาน ทว่ากลับพุ่งโทสะไปที่นายท่านสกุลสวี จนเขาถึงกับสะดุ้งเฮือก ดังนั้นจึงพาลโมโห ที่ถูกนายท่านสกุลหนีหยามิ่เมื่อครู่
“ไม่สำคัญว่าสิ่งที่เกิดขึ้น จะเป็เพราะบ่าวในบ้านของข้าหย่อนการอบรมหรือไม่ ท่านเสนาบดีโปรดกลับไปเถิด เื่ในวันนี้ หามีผู้ใดติดใจเอาความ”
นายท่านหนีมิได้แสดงสีหน้าอันใด นอกจากยิ้ม แล้วเอ่ยว่า “พวกท่านโกรธเคืองด้วยเื่แค่นี้ ช่างใจคอคับแคบจริงๆ”
นายท่านสวีผุดลุกขึ้น “มาหาว่าข้า นายท่านสวีผู้นี้ใจแคบหรือ? เ้าก็มิได้เพิ่งรู้จักข้าวันนี้นี่ ข้ายังมีธุระสำคัญ ขอตัวก่อน!”
ว่าแล้ว ก็เดินจากไป ดุจสายลมเย็นะเืพัดผ่าน
ใบหน้าของนายท่านสกุลหนีเปลี่ยนเป็สีแดง รีบจูงหนีเจียเอ๋อร์ออกจากเรือน โดยมีโจวชิงหวาเดินตามมาเงียบๆ
...
หากภาพวาดอันงดงาม เกิดจากสุนทรียภาพในหัวใจ ยามนี้ สวีเพ่ยหรานคงไม่อาจสร้างสรรค์ผลงานใดออกมาได้
ชายหนุ่มมองลายเส้นที่ตนวาด ก่อนโยนพู่กันทิ้ง ซ้ำยังผลักภาพเขียนจนล้มระเนระนาด เศษกระดาษหล่นเกลื่อนพื้น
พอหนีจวิ้นหว่านเข้ามา ก็ได้ยินเสียงตวาดทันที “บอกแล้วว่าอย่ามารบกวนมิใช่หรือ?”
ที่ผ่านมา นางไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแข็งกร้าวของเขามาก่อน หญิงสาวจึงเบิกตากว้าง หันไปหยิบกระดาษจากพื้นขึ้นมาปัด ก่อนถามด้วยรอยยิ้ม “ภาพวาดงดงามขนาดนี้ ทำไมท่านพี่หรานถึงโยนทิ้งเล่าเ้าคะ?”
“วาดไม่สวย ก็ต้องทิ้งสิ!” สวีเพ่ยหรานสั่นศีรษะ พลางเสยผมอย่างหงุดหงิด
หนีจวิ้นหว่านมองกระดาษวาดรูป แล้วอดพูดมิได้ “จะวาดภาพ ต้องใจเย็นดั่งสายน้ำ หากวันนี้ยังวาดไม่ได้ วันหน้าท่านพี่หรานค่อยวาดใหม่ก็ได้นี่เ้าคะ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “ใกล้ถึงวันเกิดของเสี่ยวเอ๋อร์แล้ว ข้าจะวาดภาพสวยๆ ให้นาง เ้าไม่ต้องเป็ห่วง ข้าสบายดี”
ได้ยินเช่นนั้น หนีจวิ้นหว่านก็กัดฟันกรอดด้วยความขุ่นเคือง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้