หลงอวี้ย่อมรู้ถึงความสามารถของเฟิงหยางอยู่แล้ว
สภาพของเขาตอนนี้าเ็ไม่เบา การเอาชนะเฟิงหยางในตอนนี้แทบเป็ไปไม่ได้เลย แถมเฟิงหยางยังแข็งแกร่งกว่าหานเจี้ยนอีก ตอนที่หลงอวี้อยู่ที่ตระกูลเฟิงเขาเคยได้ยินข่าวลือว่ามันกำลังจะยกระดับวิถียุทธ์เป็ขั้นที่หกและกลายเป็ลูกศิษย์ระดับสูงของลัทธิสยบฟ้าในไม่ช้า
แต่หลงอวี้ก็ยังให้คนพาไปหาเฟิงหยางอีก แน่นอนว่าเขาย่อมต้องวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว
“ ศิษย์น้อง เ้าชื่อหลงอวี้สินะ ”
ชายเตี้ยหน้าดำผู้นั้นชวนคุยระหว่างนำทางเพื่อไม่ให้เงียบเกินไป
“ ได้ยินถานเยว่บอกว่า เ้ามาจากตระกูลเฟิงแห่งเมืองอวี้กวน ลูกศิษย์ฝ่ายธุรการประจำเดือนนี้คือเฟิงหยาง เป็คนตระกูลเฟิงพอดี หรือเ้าจะมีเื่กับเขาอยู่ใช่หรือไม่ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ยึดตราประจำตัวของเ้าไปแบบนี้ ”
หลงอวี้ไม่ได้ตอบกลับไป เขาไม่ได้มีนิสัยเปิดเผยข้อมูลให้กับคนแปลกหน้าอยู่แล้ว
ชายเตี้ยหน้าดำไม่ได้แปลกใจ เขาเพียงหัวเราะอย่างไม่ยี่หระและพูดต่อ
“ ฟังคำเตือนของศิษย์พี่สักคำเถอะ เ้าเฟิงหยางนั่นฝีมือไม่ธรรมดา มันใกล้จะได้เลื่อนขั้นเป็ลูกศิษย์ระดับสูงแล้ว เ้าเพิ่งเข้าลัทธิได้ไม่นาน ถ่อมตัวไว้หน่อยจะดีกว่า อย่าไปแข็งข้อกับมันเลย ไม่เช่นนั้นคนที่จะเสียหายย่อมต้องเป็ตัวเ้าเอง ”
“ ต่อให้เ้าไปหามัน มันก็ไม่มีทางคืนตราประจำตัวให้อยู่ดี แถมจะตอกเ้ากลับให้อับอายอีก แล้วเมื่อกี้นี้เ้าเพิ่งลบหลู่ถานเยว่ไป พี่ชายของนางไม่ปล่อยเ้าไปง่ายๆ แน่ ตอนนี้ฝีมือของถานเจียนอยู่ในสามอันดับแรกของลูกศิษย์ระดับสูงเชียวนะ อำนาจสูงเป็ที่สุด เ้าสู้พวกนั้นไม่ได้หรอก ฟังคำเตือนของข้าเถิด รีบหนีไปจากลัทธิสยบฟ้าเสีย จะได้ไม่เจ็บตัว พวกมันอาจเอาชีวิตเ้าถึงตายก็เป็ได้! ”
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หลงอวี้ก็ไม่ตอบกลับสักคำ ชายเตี้ยเห็นเช่นนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรอีก
ไม่นาน ทั้งสองที่เดินเลียบไปตามเส้นทางระหว่างูเาก็ได้มาถึงที่พักที่สภาพแวดล้อมหรูหรางดงาม หน้าประตูลานบ้านแขวนป้ายที่เขียนว่า
‘ หอธุรการระดับล่าง ’
ด้านหลังของทั้งสอง มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเดินตามมาติดๆ เห็นได้ชัดว่ามาเพื่อรอดูเื่สนุก
หลงอวี้ไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไร เพราะสิ่งที่เขาจะทำต่อจากนี้จำเป็ต้องมีคนมุงอยู่แล้ว
คนยิ่งเยอะก็ยิ่งดี
“ ศิษย์น้องหลงอวี้ หอธุรการที่เ้าตามหาคือที่นี่ ถ้าตราประจำตัวถูกยึดไป เ้าสามารถขอคืนจากฝ่ายธุรการได้ แต่เื่นี้ไม่เกี่ยวกับข้าแล้วนะ ”
ชายเตี้ยหน้าดำพูดพลางปลีกตัวไปอยู่ข้างๆ สีหน้าดูเ้าเล่ห์ ตั้งท่ารอดูเื่สนุกจากหลงอวี้
หลงอวี้เหลือบมองชายเตี้ยแวบหนึ่ง ไม่พูดแม้แต่คำเดียว จากนั้นก็ก้าวเท้าเข้าไปในหอธุรการอย่างไม่รอช้า
“ เฟิงหยาง เ้าจงออกมา! ”
หลงอวี้ส่งเสียงตะคอกดุดัน
เสียงะโนี้ทำเอาผู้คนที่ตามหลังมาพากันสะดุ้งโหยง เ้าหลงอวี้มันผลีผลามขนาดนี้ มันอยากตายนักหรือ?
“ นั่นใครกันทำไมไร้มารยาทเยี่ยงนี้ ”
เสียงพูดดุดันยิ่งกว่าดังมาจากที่พัก จากนั้นก็มีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งเดินออกมา รูปร่างหน้าตาคล้ายเฟิงลั่วเล็กน้อย
คนผู้นี้คือ ‘ เฟิงหยาง ’ เขามีรูปร่างใหญ่โต สีหน้าดูโมโหเดือดดาล สวมชุดลูกศิษย์ระดับล่างสีน้ำเงิน ตรงเอวมีหยกแผ่นหนึ่งแขวนไว้ น่าจะเป็ตราประจำตัวของฝ่ายธุรการ
ออกจากประตูมาพบกับหลงอวี้ เฟิงหยางก็หรี่ตาลงพูดด้วยน้ำเสียงเ็า
“ ที่แท้ก็ไอ้สวะนี่เองหรือ เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งแล้วหรือไร ถึงได้กล้ามาก่อเื่ที่หอธุรการเช่นนี้?แล้ว… สภาพน่าอนาถนั่นมันอะไร เพิ่งโดนสั่งสอนมาไม่เบาเลยสิท่า!”
ทันทีที่เฟิงหยางปรากฏตัว ฝูงชนที่มุงดูจากด้านหลังพลันรู้สึกว่าต้องมีเื่สนุกให้ดูแน่ ไม่ว่าใครก็รู้ว่าเฟิงหยางเป็พวกอารมณ์ร้อนและมุทะลุ การที่หลงอวี้กล้าเรียกเ้านั่นออกมาแบบนี้ เ้านั่นไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ แน่!
หลงอวี้จับจ้องร่างของเฟิงหยางเขม็ง ใบหน้าเ็าของเขาเผยรอยยิ้มดูแคลน
“ เฟิงหยาง เ้ายึดตราประจำตัวของข้าไป เพราะหวาดกลัวข้าสินะ ”
เขาพูดเข้าประเด็นทันที
เฟิงหยางได้ยินเช่นนั้นก็พลันโมโหเดือดดาล
“ เ้ามีสิ่งใดให้ข้าต้องกลัวด้วย? ”
“ เช่นนั้นหมายความว่า เ้าเป็คนยึดตราของข้าไปจริงๆ ”
หลงอวี้ก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าวพร้อมส่งเสียงหัวเราะอย่างเ็า
“ นั่น... ”
เฟิงหยางที่ได้ยินเช่นนั้น พลันมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นที่หน้าผาก เมื่อครู่นี้เขารีบร้อนจะแสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่ได้หวาดกลัว จนพลาดที่จะลืมปฏิเสธข้อกล่าวหาไป!!
ต้องรู้ว่า การยึดตราประจำตัวของผู้อื่นเป็เื่ผิดกฎ ตัวเขาที่ถูกคัดเลือกให้อยู่ฝ่ายธุรการนั้น หากผู้าุโของลัทธิรู้เื่เข้า จะต้องถูกลงโทษสถานหนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรืออาจถึงขั้นถูกหักทรัพยากรการฝึกลงไปไม่น้อยด้วย
“ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้ากลัวข้า ”
หลงอวี้ไม่ได้จี้ไปที่เื่นั้น เขาเพียงหัวเราะเย้ยหยัน
“ ทันทีที่ข้าได้ตราประจำตัวมาและได้ฝึกวิชาในหอวิทยายุทธ์แล้ว เ้าก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอีกต่อไป! เ้าว่าเื่ที่ข้าพูดมันจริงหรือไม่ ”
“ ผายลมอะไรของเ้า! ”
แววตาของเฟิงหยางกลายเป็อำมหิตขึ้นมาทันที
“ คนอย่างเ้ามีสิ่งใดให้ข้าต้องกลัว ต่อให้เ้าเข้าลัทธิสยบฟ้าได้ก็เป็แค่เศษสวะเหมือนเดิม เฟิงหยางผู้นี้หรือจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเ้า ”
“ เช่นนั้นนัดประลองเลยก็แล้วกัน เ้าคืนตราประจำตัวให้ข้า รอข้าไปหอวิทยายุทธ์กลับมาก่อนหนึ่งรอบ แล้วข้าจะมาประลองกับเ้า เฟิงหยาง เ้ากล้ารับคำท้าหรือไหม ”
หลงอวี้จ้องเขม็งไปที่เฟิงหยาง คำพูดแฝงด้วยน้ำเสียงสบประมาท
ทำให้เฟิงหยางเดือดดาลจนไม่อาจสงบได้
ไอ้สวะหลงอวี้นี่ เป็สวะในตระกูลเฟิงมาสิบกว่าปี พอมาลัทธิสยบฟ้ากลับโอหังอวดดีถึงเพียงนี้ ช่างน่าโมโหนัก
เฟิงหยางดูเหล่าลูกศิษย์จำนวนมากที่มุงดูอยู่นอกลานบ้าน ในใจคิดว่าหากไม่รับคำท้าละก็ เขาย่อมต้องถูกผู้คนมองว่าเป็แค่สวะที่ไม่กล้ารับคำท้าน่ะสิ?
แม้เฟิงหยางจะรู้ว่าเป้าหมายของหลงอวี้ครั้งนี้คือการทวงตราประจำตัวคืน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้อยู่ดี!
“ ข้ามีสิ่งใดต้องกลัว เป็เ้าเองที่หาเหาใส่หัว รับตราของเ้าคืนไป พอกลับจากหอวิทยายุทธ์แล้ว ข้าจะทำให้เ้าได้รู้ซึ้งว่า สวะอย่างเ้าในสายตาข้าไม่ได้ต่างไปจากสุนัขจรจัดแม้แต่น้อย! ”
เฟิงหยางกระแทกเสียงอย่างเ็า ควักตราประจำตัวของลูกศิษย์ระดับล่างแผ่นหนึ่งจากเสื้อ และโยนให้หลงอวี้
หลงอวี้ยื่นมือข้างหนึ่งไปรับไว้ ก่อนจะแสยะยิ้ม เรียบร้อยแล้ว...
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชายเตี้ยหน้าดำที่พาหลงอวี้มาส่งถึงกับอึ้งจนอ้าปากค้าง ตอนแรกเขาคิดว่าหลงอวี้จะมาหาเฟิงหยางเพื่อซัดกันสักตั้ง คิดไม่ถึงว่าหลงอวี้ใช้คำพูดไม่กี่คำก็สามารถทวงตราประจำตัวคืนได้แล้ว!
อีกทั้งหลงอวี้ยังมั่นใจในตัวเองถึงขั้นท้าประลองกับเฟิงหยางอีก หรือมันจะไม่รู้ว่าเฟิงหยางแข็งแกร่งกว่าหานเจี้ยนหลายเท่า?
แค่กลับมาจากหอวิทยายุทธ์ พลังของหลงอวี้คงเพิ่มขึ้นไม่เท่าไร เพราะวิทยายุทธ์ของลัทธิสยบฟ้าไม่ใช่สิ่งที่จะบรรลุกันได้ง่ายๆๆ
หลงอวี้มีพลังแค่นั้นกลับคิดจะเอาชนะเฟิงหยาง นี่ฝันลมๆ แล้งๆ ชัดๆ
ความคิดของชายเตี้ยหน้าดำตรงกับความคิดของคนอื่นที่มุงดู
แต่หลงอวี้นั้นเคยเอาชนะถานเยว่และหานเจี้ยนได้ แถมตอนนี้ยังท้าเฟิงหยางประลองอย่างไม่เกรงกลัว พวกเขาจึงไม่กล้าว่าอะไรหลงอวี้นัก
“ เดี๋ยวก่อนๆ เดี๋ยวๆๆๆ! ”
และตอนที่หลงอวี้กำลังจะจากไป เสียงพูดสดใสราวกับเสียงร้องของนกกระจิบจากสาวน้อยคนหนึ่งก็ดังขึ้น ดึงดูดสายตาของทุกคนไปทันที
เงาร่างสายหนึ่งในชุดลูกศิษย์ระดับล่างสีน้ำเงินแหวกฝูงชนออกมาอย่างรีบร้อน หลงอวี้เห็นสาวน้อยน่ารักนางหนึ่ง ทว่าทั้งชุดและใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนคราบดินโคลน สภาพสะบักสะบอมไม่ต่างจากเขา
นั่นใครกัน
คำถามนี้พลันปรากฏขึ้นในหัวของทุกคน
“ เ้าเองหรือ มาที่นี่ด้วยเหตุใดอีก หรือเปลี่ยนใจมาขอร้องข้าแทนแล้ว ”
พอเฟิงหยางเหลือบมองสาวน้อยผู้นั้นแวบหนึ่งก็หัวเราะเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบัง
“ ถุย ขอร้องกับผีน่ะสิ! ”
สาวน้อยทำเสียงถ่มน้ำลายอย่างก้าวร้าวหนึ่งที ก่อนจะตะคอกออกมา
“ ในเมื่อศิษย์น้องผู้นี้ท้าประลองกับเ้า เช่นนั้นข้าก็จะพนันด้วย เ้าจะว่าอย่างไรล่ะ?!เห็นเป็เช่นไร ”
เฟิงหยางได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้าเ้าเล่ห์ขึ้นมา
“ เ้าเองก็คิดจะใช้ไม้นี้หรือ? บอกเลยว่า ‘ อย่าหวัง ’! ”
“ แปลว่าเ้าไม่กล้าสินะ? ”
สาวน้อยน่ารักพูดดูแคลน
“ ที่แท้ เ้าก็กลัวจะแพ้ให้ศิษย์น้องผู้นี้จริงๆ เฟิงหยางผู้เป็ถึงฝ่ายธุรการ กลับขี้ขลาดตาขาวถึงเพียงนี้ ช่างน่าขันยิ่งนัก! ”
เฟิงหยางได้ยินเช่นนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีทันที
“ ผายลมหรือ! เ้าจะพนันอะไร? ไหนลองว่ามา เฟิงหยางผู้นี้ไม่กลัวนังหนูอย่างเ้าหรอก! ”
“ ก็พนันผลแพ้ชนะระหว่างเ้ากับศิษย์น้องผู้นี้ยังไงเล่า ”
สาวน้อยน่ารักยิ้มพลางชี้ไปทางหลงอวี้
“รอให้ศิษย์น้องผู้นี้ออกจากหอวิทยายุทธ์มาประลองกับเ้าก่อน หากเขาแพ้ ข้ายินยอมจะขอร้องเ้า แต่หากเ้าเป็ฝ่ายแพ้ ไม่เพียงแต่ต้องคืนตราประจำตัวให้ข้าเท่านั้น โอสถชิงหัวที่เ้าเพิ่งได้มาเม็ดนั้นก็ต้องยกให้ข้าด้วย เป็อย่างไร ”
“ หึ นังเ้าเล่ห์ เดิมพันเช่นนี้ไม่ยุติธรรมเลย! ”
เฟิงหยางหัวเราะอย่างเ็า
โอสถชิงหัวระดับกลางที่ลัทธิมอบให้เขาเมื่อไม่นานนี้มันล้ำค่ามาก จะเอามาเดิมพันเล่นๆ แบบนี้ได้อย่างไร?
“ อ้อ สงสัยเ้าจะกลัวศิษย์น้องผู้นี้จริงๆ สินะ เช่นนั้นก็ช่างเถอะ ”
สาวน้อยแสดงสีหน้าเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
“ เดี๋ยวก่อน ”
ใบหน้าของเฟิงหยางมีเส้นเืปูดโปน เขามองดูรอบๆ เห็นว่ามีผู้คนไม่น้อยกำลังซุบซิบนินทาทั้งยังชี้มาทางเขา เขาพลันรู้สึกว่าเสียหน้าเป็อย่างมาก จึงกระแทกเสียงเ็าใส่อีกฝ่าย “ ข้ารับการพนันครั้งนี้ก็ได้ แต่ถึงเวลานั้นเ้าอย่าผิดคำพูดก็แล้วกัน! ”
“ ฮิฮิ คนที่อย่าผิดคำพูดน่ะมันเ้าต่างหาก ข้ามั่นใจในตัวศิษย์น้องผู้นี้มากนะ!”
สาวน้อยน่ารักผู้นั้นหันไปแย้มยิ้มให้หลงอวี้
“ มันน่ะหรือ เ้าเลือกคนผิดแล้ว ”
เฟิงหยางเหลือบมองหลงอวี้แวบหนึ่ง สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความดูถูกอย่างเห็นได้ชัด
“ เ้านั่นตอนอยู่ในตระกูลเฟิงก็เป็แค่สวะตัวหนึ่ง ต่อให้เข้าลัทธิสยบฟ้าได้ก็ยังเป็สวะเหมือนเดิม น่าขันนัก ที่เ้าคาดหวังว่ามันจะโค่นล้มข้าได้ ! ”
“ เช่นนั้นหรือ? ข้าขอบอกเ้าไว้ก่อนว่า ศิษย์น้องผู้นี้เพิ่งเข้าลัทธิมาได้สองวัน เมื่อครู่ก็เอาชนะถานเยว่กับหานเจี้ยนได้ ถ้าได้เข้าไปฝึกวิชาในหอวิทยายุทธ์สักรอบละก็ ข้าคิดว่าเ้าไม่น่าจะใช่คู่ต่อสู้ของเขาเป็แน่ ”
คำพูดพร้อมเสียงหัวเราะของสาวน้อยทำให้เฟิงหยางถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
ชนะถานเยว่กับหานเจี้ยนได้แล้ว
เป็ไปได้อย่างไร! เ้าหลงอวี้นั่นเป็แค่สวะ จะชนะถานเยว่ได้อย่างไร ต่อให้ดวงดีชนะถานเยว่มาได้ ก็ไม่มีทางเป็คู่ต่อสู้ของหานเจี้ยนได้แน่!
เฟิงหยางทำสีหน้าไม่เข้าใจ หลงอวี้ที่บรรลุเป้าหมายแล้วไม่สนใจอีกฝ่ายอีกเขาหันหลังเดินจากไปทันที
สายน้อยผู้น่ารักพอเห็นเช่นนั้นก็รีบตามไป
“ ศิษย์น้อง เ้ารอข้าด้วยสิ! ”
สาวน้อยไล่ตามหลงอวี้ คิดจะเข้าไปแตะไหล่อีกฝ่ายเบาๆ
หลงอวี้ที่มีประสาทััไวได้หลบฉากและมองสาวน้อยด้วยสายตาระแวง
“ ไม่ต้องระแวงขนาดนั้นหรอกน่า ข้ากับเ้าลงเรือลำเดียวกันแล้วนะ! เ้าชื่อหลงอวี้สินะ ข้าชื่อ ‘ เลี่ยวเล่อเล่อ ’ เข้าลัทธิมาก่อนเ้าแค่สามวัน! ”
สาวน้อยน่ารักผู้นั้นแนะนำตัวพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ดูท่าทางอยากผูกมิตรกับหลงอวี้