คุณชายรองตระกูลจางหรือจางิหวัง ก่อนหน้านี้ได้ทำการร่ายบทเวทย์อัญเชิญสัตว์อสูรรับใช้ในพันธะของตนออกมากลางสนามประลองเเห่งนี้ปรากฏเป็สัตว์อสูรรูปร่างใหญ่โตที่มีความสูงราวสามเมตร สัตว์อสูรในพันธะที่ถูกอัญเชิญออกมาของคุณชายจางิหวังมีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับวัวขนสีน้ำตาลทองสว่างไสว มีดวงตาสีแดงกล่ำที่เเสดงให้เห็นถึงท่าทางความดุร้ายออกมาอย่างเปิดเผยราวกับว่าไม่้าปกปิดแม้เเต่เพียงนิด
ทั่วทั้งร่างกายของสัตว์อสูรตัวดังกล่าวนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยมัดกล้ามที่ส่งกลิ่นอายถึงความเเข็งแกร่งของสัตว์อสูรมายาออกมาให้ได้ัั นอกจากนั้นแล้วยังส่งเสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามประลองพร้อมกับกำหมัดขึ้นทั้งสองข้าง และทุบตีที่อกของตัวเองไปมาพร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วทั้งบริเวณ
ด้วยความที่เป็ถึงสัตว์อสูรมายา ดังนั้นเพียงเเค่เสียงคำรามที่ร้องออกมาก็สามารข่มขวัญผู้คนที่อยู่โดยรอบของสนามประลอง อีกทั้งยังส่งผลทำให้ม่านพลังเกราะป้องกันที่ถูกร่ายกำกับไว้ในสนามประลองถึงกับสั่นไหวไปมา หากว่าบทเวทย์ป้องกันที่ใช้ในสนามประลองดังกล่าวไม่ได้อยู่ในระดับสูง หรือไม่ได้มีการร่ายกำกับไว้หลายชั้นคงถูกทำลายลงไปนานเเล้วและส่งผลกระทบต่อผู้ฝึกตนที่มีพลังิญญาระดับต่ำหรือชาวบ้านที่ไม่ได้เข้าสู่วิถีผู้ฝึกตนอย่างแน่นอน
อสูราาอสุภอัคนีของจางิหวังพุ่งทะยานเข้าโจมตีลู่ซีด้วยความเกรี้ยวกราดทันทีเมื่อได้รับคำสั่งจากนายของตน เเต่ถึงอย่างนั้นก็ตามมันไม่สามารถเข้าถึงตัวของลู่ซีเพียงนิดได้ เนื่องจากในตอนนี้นั้นอสูรวิฬาร์อัสนีสีชาดได้เอาตัวเข้ามาขวางตรงด้านหน้าเพื่อรับการโจมตีดังกล่าว พร้อมกับหลอกล่อให้ออกไปต่อสู้ในบริเวณพื้นที่ว่างถัดไปไม่ไกลสักเท่าใดนัก
โฮก!
ตู้ม! ตู้ม!
สัตว์อสูรทั้งสองเข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด สร้างความตื่นตาตื่นใจกับผู้คนที่อยู่ในสนามประลองไม่น้อย งานประลองครั้งนี้นับได้ว่าเป็งานประลองที่รวบรวมผู้ฝึกตนจากทั่วสารทิศให้เข้ามาร่วมงานทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็องศ์ฮ่องเต้ผู้ปกครองของเเต่ละแคว้น องค์ชายหรือองค์หญิงที่เป็ผู้ฝึกตนและบรรดาเหล่าเชื้อพระวงศ์จากแคว้นต่าง ๆ รวมไปถึงเ้าสำนักน้อยใหญ่ที่ได้ส่งศิษย์ของตนให้ลงเเข่งขันในการประลองครั้งนี้เพื่อสร้างชื่อเสียงแก่สำนักของตน และหากผู้ฝึกตนคนใดที่ฉายแววความเเข็งแกร่งอาจจะถูกชักชวนเข้าสำนักด้วยเช่นกัน
โดยพื้นฐานผู้ฝึกตนทุกคนจะมีสัตว์อสูรในพันธะในกันทั้งสิ้นเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าในการฝึกตน แต่หากพูดตามตรงแล้วนับว่าหาได้ยากยิ่งนักที่ผู้ฝึกตนต่างจะมีสัตว์อสูรมายาในพันธะของตน เนื่องจากว่าสัตว์อสูรที่ระดับนี้หาได้ยากยิ่งนัก
การเลื่อนระดับของสัตว์อสูรในพันธะจำเป็ต้องใช้ทรัพยากรฝึกตนเพิ่มขึ้นมากถึงสองเท่าขึ้นไป หรืออาจจะเป็จำนวนที่มากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ เพราะว่าต้องเป็การใช้ทรัพยากรการฝึกตนเพื่อเพิ่มพลังิญญาทั้งส่วนของตัวผู้ฝึกตนผู้ซึ่งเป็นายเเห่งพันธะเอง
และสัตว์อสูรในพันธะก็ต้องเพิ่มพลังิญญาควบคู่กันไป อีกทั้งระดับพลังผู้ฝึกตนที่เป็นายเเห่งพันธะอสูรจะต้องมีระดับพลังิญญาที่อยู่ในระดับที่สูงและเเข็งแกร่งเป็อย่างมาก เพราะว่าสัตว์อสูรนั้นจะเเข็งแกร่งและเลื่อนระดับได้เร็วขึ้นก็เป็ไปตามระดับพลังิญญาของผู้ฝึกตนที่เป็นายเเห่งพันธะ
ดังนั้นเมื่อการประลองของแคว้นในรอบเเรกของผู้ฝึกตนราชทินนามขุนนางิญญา นอกจากที่ผู้ผ่านเข้ารอบทั้งหมดสิบคนสุดท้ายที่กำลังตัดสินเพื่อหาผู้ชนะในรอบเเรกนี้เพียงเเค่ห้าคนเท่านั้นที่จะก้าวเข้าสู่รอบถัดไป
แม้อาจจะดูว่าเป็เพียงระดับพลังิญญาที่ไม่ค่อยสูงเท่าใดนัก เเต่ในการลงสนามประลองของเเต่ละคู่นั้นกลับมีความโดดเด่น ตื่นตาตื่นใจไม่น้อยเลยทีเดียวทั้งในเื่ของวรยุทธ เคล็ดวิชากระบี่ประจำตระกูลที่หารับชมได้ยาก
อีกทั้งบทเวทย์ระดับสูงต่าง ๆ ที่ถูกนำมาใช้ในการประลองในครั้งนี้ ผู้ฝึกตนเเต่ละคนนั้นนับว่าต่างพากันทุ่มเทแรงกายแรงใจกันไปไม่น้อยเเล้วนั้น ยังมีสัตว์อสูรระดับสูงประเภทต่าง ๆ ที่หายาก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ถูกอัญเชิญลงต่อสู้ในสนามประลองในเเต่ละคู่เเข่งขันที่ผ่านมา
ตรงกลางสนามประลองที่พวกเขากำลังรับชมกันอยู่เป็การต่อสู้ของสัตว์อสูรมายาถึงสองตัวที่มีความโดดเด่นทั้งในเื่ของรูปลักษณ์ภายนอก พละกำลังที่แตกต่างกันนั้นต่างพุ่งเข้าต่อสู้กันอย่างสมศักดิ์ศรี นับได้ว่าเพียงเเค่การประลองในรอบเเรกเพื่อหาตัวเเทนห้าคนเเรกเพื่อผ่านในรอบถัดไป
พวกเขาที่รับชมอยู่ยังรู้สึกตื่นเต้นเอาใจช่วยผู้เข้าเเข่งขันทุกคน และคิดอยู่ในใจว่า พวกเขาทั้งหลายนั้นคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจเข้ามาร่วมรับชมการประลองในครั้งนี้ จนแทบอดใจรอกันไม่ไหวที่จะได้เห็นการประลองของผู้ฝึกตนราชทินนามจักรพรรดิิญญาในรอบถัดไปนั้นว่าจะทำให้พวกตนรู้สึกตื่นเต้นมากเพียงใด จะได้เห็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่านี้อีกหรือไม่...
โฮก!!
อสูราาอสุภอัคนีคำรามออกมาเสียงดัง จนผู้คนโดยรอบสนามประลองต้องยกมือขึ้นปิดหูเอาไว้ ม่านปราการป้องกันไม่อาจปิดกันได้ทั้งหมดจนต้องเสริมความแข็งแกร่งให้มากขึ้นกว่าเดิม แรงโจมตีถูกปล่อยออกมาด้วยความรวดเร็ว จึงทำให้อสูรวิฬาร์อัสนีสีชาดต้องล่าถอยออกมาตั้งหลักอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวของอสูรวิฬาร์อัสนีสีชาดจะแฝงไปด้วยบางสิ่งอย่าง จนทำให้อสูราาอสุภอัคนีนั้นนิ่งงันไปในที่สุด
'เ้าหมีควายหน้าโง่!!' เสียงของอสูรวิฬาร์อัสนีสีชาดดังขึ้นในหัวของอสูราาอสุภอัคนี
'นี่เ้าเป็ใครกันทำไมถึงเข้ามาอยู่ในหัวของข้าได้?' อสูราาอสุภอัคนีเมื่อได้ยินเสียงในหัว จึงเอ่ยถามออกมาด้วยความหัวเสียในทันที
'ข้าเป็ใครเ้าไม่ต้องรู้ เอาเป็ว่าเ้าจงยอมให้ข้าบดขยี้เล่นเสีย ฮ่าฮ่าฮ่า...' เสียงของอสูรวิฬาร์อัสนีสีชาดดังขึ้นในหัวของอสูราาอสุภอัคนีราวกับว่า้าก่อกวนประสาทให้ลดการระวังตัว
'นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมข้าถึงขยับตัวไม่ได้กัน ออกมานะ!! เ้าหมาในชั้นต่ำเ้ากล้าใช้ลูกไม้สกปรกกับข้างั้นรึ!!!!' อสูราาอสุภอัคนีะโขึ้นอย่างหงุดหงิดโมโหเป็อย่างมากด้วยเพราะไม่คิดว่าอสูรวิฬาร์อัสนีสีชาดจะใช้เล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้
'ฮ่าฮ่าฮ่า....' เสียงหัวเราะของอสูรวิฬาร์อัสนีสีชาดขึ้นอย่างมาอย่างมีความสุขราวกับได้หยอกเหย้าเล่นกับเหยื่อก่อนที่จะลงมือจัดการ
ความสามารถของสัตว์อสูรวิฬาร์อัสนีสีชาดนั่นคือการสะกดจิต โดยปกติแล้วหากว่าคู่ต่อสู้ฝ่ายตรงข้ามเป็เพียงสัตว์อสูรระดับต่ำกว่าอสูรนภาเป็ต้นไปคงไม่เปลืองเเรงถึงเพียงนี้ เเต่ด้วยเพราะสัตว์อสูรอสุภอัคนีเป็ถึงสัตว์อสูรมายาขั้นที่มีระดับพลังิญญาเทียบเท่าเช่นเดียวกัน จึงทำให้เป็เื่ยากไม่น้อยเลยทีเดียวในการที่อสูรวิฬาร์อัสนีสีชาดจะสามารถสะกดจิตอสูราาอสุภอัคนีได้เช่นนี้
เเต่เพราะว่าอีกฝ่ายไม่สามารถจัดการอารมณ์และควบคุมสติได้มากพอ ดังนั้นในยกแรกนี้อสูรวิฬาร์อัสนีสีชาดจึง่ชิงความได้เปรียบมาได้อย่างง่ายดาย ผู้รับชมในสนามประลองได้เห็นคืออสูราาอสุภอัคนีหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะจึงทำให้ผู้ที่เฝ้ามองเหตุการณ์การต่อสู้ของทั้งสองสัตว์อสูรมายาทั้งสองต่างพากันเเปลกใจเป็อย่างมาก รวมไปถึงคุณชายรองจางิหวังก็เเปลกใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว
เปรี้ยง!
ตู้ม! ตู้ม!
อสูรวิฬาร์อัสนีสีชาดส่งพลังโจมตีอสูราาอสุภอัคนีที่ในตอนนี้ยังคงยืนนิ่งเป็เป้าโจมตีอย่างง่ายดาย ปรากฏเป็าแหลายเเห่งพร้อมกันหลายจุดเลยทีเดียว
โฮก!
เสียงร้องดังอย่างเ็ปของอสูรอสุภอัคนีดังขึ้นทันที เมื่อความเ็ปที่เกิดขึ้นนั้นเป็สิ่งที่เกิดขึ้นโดยที่มันไม่สามารถหลบหนีหรือป้องกันได้
เปรี้ยง!
ตู้ม! ตู้ม!
อสูรวิฬาร์อัสนีสีชาดส่งการโจมตีไปอีกครั้ง ซึ่งก็เช่นเดิมที่อสูราาชอสุภอัคนียังคงยืนนิ่งรับการโจมตีดังกล่าวจนร่างกายใหญ่โตนั้นไม่สามารถฝืนยืนขึ้นได้จนล้มลงฟื้นอย่างรุนแรง สร้างความใแก่ผู้รับชมงานประลองนี้ยิ่งขึ้นไปอีก
'เ้าวัวโง่ ตราบใดที่เ้ายังอยู่ภายใต้การสะกดจิตของข้าก็ไม่อาจจะหลุดพ้นได้โดยง่ายหากว่าข้าไม่้า...' เสียงของอสูรวิฬาร์อัสนีสีชาดดังขึ้นในหัวของอสูราาอสุภอัคนีอีกครั้ง
ด้วยเพราะภายใต้ของอำนาจการสะกดจิต อสูราาอสุภอัคนีจะไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งที่มีอำนาจสะกดไว้ได้ นอกจากที่มันจะรู้สึกเ็ปไปทั่วร่างกายอย่างถึงที่สุด ความคั่งแค้นใจยิ่งเพิ่มทวีขึ้นเป็อย่างมาก สายตาที่จดจ้องไปยังอีกฝ่ายนั้นราวกับว่าอยากจะฆ่าให้ตายอย่างทรมานไปให้สิ้น
คราเเรกสัตว์อสูรในพันธะของจางิหวัง พวกตนคิดว่าคงได้เปรียบทั้งในเื่ของความเเข็งแกร่งน่าเกรงขามเนื่องจากเป็ถึงสัตว์อสูรมายา เเต่สิ่งที่ได้เห็นในตอนนี้กลับกลายเป็ว่าสัตว์อสูรในพันธะของคุณชายรองจางิหวังกลับยืนนิ่ง และถูกสัตว์อสูรในพันธะของคุณชายลู่ซีโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่เอาเเต่ยืนนิ่งไม่แม้เเต่จะโต้กลับหรือป้องกันเสียด้วยซ้ำ
'เกิดอะไรขึ้น ทำไมสัตว์อสูรในพันธะของคุณชายรองจางิหวังถึงได้เอาเเต่ยืนนิ่งรับการโจมตีจากสัตว์อสูรในพันธะของคุณชายลู่ซีอย่างเดียวเล่า??'
'ดูเหมือนกับว่าอสูรในพันธะของคุณชายลู่ซีค่อยทวีความรุนแรงในการโจมตีขึ้นเรื่อย ๆ หากเป็เช่นนี้ต่อไปสัตว์อสูรในพันธะของคุณชายรองจางิหวังคงได้สิ้นเป็แน่....'
'สัตว์อสูรในพันธะของคุณชายลู่ซีเเข็งแกร่งถึงเพียงนี้อย่างนั้นรึ?'
'สัตว์อสูรเผ่าพันธุ์วิฬาร์นั้นจะมีความสามารถแฝงเร้น คือสามารถสะกดจิตคู่ต่อสู้ได้เห็นทีว่าสัตว์อสูราาอสุภอัคนีคงตกอยู่ภายใต้การสะกดจิตไปแล้วถึงได้เอาเเต่ยืนนิ่งเช่นนี้...'
พรึบ!
วูบ!
จางิหวังสังเกตเห็นในความผิดปกติที่เกิดขึ้นนี้ ไม่รอช้าจึงทำการเรียกสัตว์อสูรในพันธะของตนเข้าสู่มิติจิตโดยทันที
จางิหวังพุ่งทะยานเข้าโจมตีลู่ซีอีกครั้ง โดยที่หมายหมั่นว่าจะต้องเป็ฝ่ายชนะอีกฝ่ายให้ได้ เคล็กวิชากระบี่ ทักษะเชิงยุทธ์ต่างถูกเรียกใช้ออกมาอย่างครบถ้วน
พรึบ!!
เพล้ง!!! เพล้ง!!!
ถึงแม้ว่าการโจมตีของจางิหวังจะหน่วงดุดันและรุนแรงมาก แต่ด้วยเพราะระยะเวลาที่ผันผ่านมาถึงครึ่งชั่วยามแล้ว ย่อมเกิดร่องรอยของความเหนื่อยล้าอย่างปฏิเสธไม่ได้ จึงส่งผลให้การเคลื่อนไหวที่ช้าลงจนเห็นได้ชัด และเคล็ดวิชากระบี่ของเขานั้นสามารถพลิกแพลงเข้ากับเพลงกระบี่ของอีกฝ่ายได้มากถึงหกเจ็ดส่วนแล้ว ลู่ซีจึงสามารถเข้าโจมตีถึงตัวของจางิหวังได้อย่างง่ายดาย
"ข้าคงประมาทเ้ามากเกินไป แต่นั่นก็ดีแล้ว ข้าคงต้องเรียกใช้พลังเวทย์เสียที..."
"บ่าวรับใช้ชั้นต่ำเช่นเ้าอย่าหวังว่าจะเอาชนะข้าได้ง่าย ๆ คุณชายจากตระกูลใหญ่เช่นข้าไม่มีทางที่จะแพ้เ้าอย่างแน่นอน!!!" เมื่อพูดจบจึงร่าบบทเวทย์โจมตีลู่ซีในทันที ด้านหลังของจางิหวังปรากฏเป็วงแหวนเวทย์สีเขียวซ้อนกันสามชั้นเเสดงถึงราชทินนามขุนนางิญญาขั้นสูง พร้อมกับสร้างหอกวารีนับไม่ถ้วนโดยรอบตัวพร้อมกับผายมือส่งการโจมตีดังกล่าวไปยังด้านหน้าของตนในทันที
อัญเชิญบทเวทย์โจมตีวารีอนันต์สังหาร!
ตู้ม!
ลู่ซีได้ร่ายบทเวทย์ป้องกันขึ้นเพื่อรับการโจมตีดังกล่าว แน่นอนว่าด้วยบทเวทย์ป้องกันนี้ได้ถูกหนิงอ้ายเขียนใหม่และยกระดับเป็บทเวทย์ระดับสูง
ดังนั้นนอกจากที่บทเวทย์ป้องกันนี้จะสามารถตั้งกับการโจมตีของอีกฝ่ายได้แล้วยังสะท้อนการโจมตีบางส่วนกลับไปยังจางิหวังอีกด้วย ผู้คนโดยรอบสนามประลองเห็นเช่นนั้นก็เเปลกใจไม่น้อย เพราะคุณชายทั้งสองต่างโจมตีกันอย่างรุนเเรงอย่างมากราวกับว่ามีเื่ขุ่นเคืองกันมาก่อนเสียอย่างนั้น
อัญเชิญบทเวทย์ป้องกันปราการม่านบรรพกัณฑ์!
ตู้ม!
การโจมตีของเวทย์ปราณธาตุน้ำได้ปรากฎขึ้นเป็ะุน้ำขนาดใหญ่ และระดับของบทเวทย์คือระดับสูงเช่นเดียวกับเวทย์ป้องกันของลู่ซี เมื่อพลังเวทย์ทั้งสองสายปะทะกันจึงทำให้เกิดเสียงดังสะท้อนไปทั่วทั้งสนามประลอง ก่อนที่จะสลายหายไปในทันที
แรงปะทะของสองบทเวทย์เมื่อครู่ ได้สร้างความตื่นตะลึงสนใจแก่ผู้ที่รับชมเป็อย่างมาก ด้วยเพราะต่างไม่คิดว่าคุณชายทั้งสองจะถือครองบทเวทย์ระดับสูงและสามารถบัญชาการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์เช่นนี้
'ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาเสียแล้ว คุณชายทั้งสองล้วนเป็สุดยอดฝีมือที่แท้จริง...'
'ข้าก็คิดเห็นเป็เช่นนั้น และที่สำคัญคุณชายทั้งสองยังสัตว์อสูรมายาในพันธะอีกด้วย'
'ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้วใครจะเป็ฝ่ายชนะ สำหรับข้า การได้มาเห็นฝีมือของเหล่าต้นกล้ารุ่นเยาว์เหล่านี้ ก็รู้สึกดีใจไม่น้อย...'
เสียงของผู้คนต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มากไปกว่านั้นจุดสนใจของพวกเจายังคงเป็ใจกลางของสนามประลองที่คุณชายทั้งสองยืนอยู่ ต่างร่วมลุ้นกันว่าท้ายที่สุดแล้วใครจะเป็ผู้ชนะในการประลองรอบนี้
''ข้าเสียเวลามานานมากเเล้วหมดเวลาเล่นสนุกเสียที!!'' ลู่ซีเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าการประลองครั้งนี้ตนเสียเวลาไปนานมากเเล้ว การปล่อยให้หนิงอ้ายต้องนั่งอยู่ข้างสนามประลองคนเดียวคงไม่ดีเท่าไหร่เขาจึงอยากจะจบการประลองในตอนนี้เสียที
อัญเชิญบทเวทย์ยันต์มหาเขตแดนอัสนีลงทัณฑ์!
วูบ!
ลู่ซีกางมือออกพร้อมกับร่ายบทเวทย์ระดับเทวะที่หนิงอ้ายได้เขียนขึ้นมาให้แก่เขาโดยเฉพาะ แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่เคยทดลองว่าจะมีความรุนแรงมากเพียงใด เเต่ด้วยเพราะเป็ถึงบทเวทย์ระดับเทวะที่ถูกเรียกใช้เป็ครั้งแรก ดังนั้นลู่ซีจึงตั้งใจลดความรุนแรงของบทเวทย์นี้ให้เหลือเพียงเเค่ครึ่งเพราะหากว่าจางิหวังได้รับาเ็จนถึงขั้นเสียชีวิต เมื่อคำนวณดูเเล้วย่อมไม่คุ้มค่าที่จะลงมือเช่นนั้นอย่างแน่นอน
วูบ!
พรึบ!
วงเวทย์อักขระของบทเวทย์ระดับเทวะปรากฏขึ้นในสนามประลอง และขยายอาณาเขตคลอบคลุมจางิหวังไว้ไม่ให้สามารถหลบหนีหรือร่ายบทเวทย์ป้องกันได้ เนื่องจากหนิงอ้ายมองว่าบทเวทย์ยันต์เขตแดนนั้นควรที่จะแฝงกลิ่นอายความเเข็งแกร่งที่สามารถกดทับให้ผู้ที่อยู่ในเขตแดนจนไม่สามารถขยับหรือร่ายบทเวทย์ใดขึ้นมาได้ คล้ายกับเป็หุ่นเชิดไร้ชีวิตที่ยืนอยู่นิ่งรอการลงทัณฑ์
จางิหวังยอมรับว่าเขาค่อนข้างที่จะใไม่น้อย เพราะการที่จะร่ายบทเวทย์ยันต์เขตแดนนั้น นับได้ว่าค่อนข้างที่จะใช้พลังิญญาที่ค่อนข้างสูงในการใช้เเต่ละครั้ง เขาที่เคยฝึกฝนการต่อสู้อยู่บ่อยครั้งและเคยฝึกฝนกับฝ่ายตรงข้ามจะมีการใช้บทเวทย์เขตแดน เเต่เขายังสามารถที่จะร่ายบทเวทย์อื่น ๆ ได้เพื่อตั้งรับการโจมตีดังกล่าว
เเต่ในครั้งนี้เขาไม่สามารถทำสิ่งใดได้ทั้งสิ้น ราวกับทั้งร่างกายถูกสะกดข่มให้ยืนนิ่งไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ภายในอาณาเขตของบทเวทย์เขตแดนนี้เขาัักลิ่นอายของบทเวทย์ระดับเทวะอ่อนจางแต่ยังคงััได้อยู่บ้าง เมื่อคิดได้ดังนี้ก็ยิ่งเเปลกใจไม่น้อย เพราะว่าลู่ซีในอดีตนั้นเป็เพียงบ่าวรับใช้คนสนิทของอดีตพี่ชายตนนั่นคือจางหนิงอ้าย จากสภาพความเป็อยู่ในก่อนนี้ที่ตระกูลจางนับว่าไม่สามารถที่จะสนับสนุนการฝึกตนให้เเข็งแกร่งก้าวะโเช่นนี้ อีกทั้งหากบทเวทย์เขตแดนนี้เป็บทเวทย์ระดับเทวะจริงนับว่าน่าใ เพราะว่านอกจากที่จะมีราคาสูงที่มหาศาลแล้วยังหาได้ยากยิ่งใช่ว่าผู้ใดจะสามารถครองครองบทเวทย์ระดับเทวะได้
ลู่ซีระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยแม้ว่าจะมีเหงื่อเม็ดเล็กไหลซึมตามไรผม ภายนอกยังคงเเสดงท่าทีสบาย ๆ เเต่ว่าภายในรู้สึกราวกับว่าถูกดูดพลังิญญาอย่างมหาศาลในการร่ายบทเวทย์เขตแดนเพื่อให้คงสภาพก่อนที่จะสั่งการ เมื่อเห็นว่าเขตแดนอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แล้วจึงเอ่ยสั่งการในทันที
ลงทัณฑ์!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
สายฟ้าที่เกิดจากบทเวทย์ระดับเทวะที่เกิดขึ้นในเขตแดนดังกล่าว แม้ว่าจะถูกลดความรุนแรงไปเเล้วเกินครึ่ง เเต่สิ่งที่ผู้คนในสนามประลองได้เห็นนั้นกลับยิ่งทำให้รู้สึกใและเเปลกใจเป็อย่างมากเพราะไม่คิดว่าคุณชายลู่ซีจะลงมือได้หนักถึงเพียงนี้
การปรากฎขึ้นของบทเวทย์เขตแดนระดับเทวะนี้ ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมโดยรอบสนามประลองนี้เป็อย่างมากเลยทีเดียว...
ตระกูลจาง
"กรี้ด!!!!!! ิเอ๋อร์ลูกเเม่" หวงลู่เอินส่งเสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อเห็นว่าบุตรชายคนรองนั้นถูกโจมตีโดยที่ไม่สามารถโต้ตอบหรือป้องกันตัวเองได้แม้เเต่เพียงนิด
"ท่านพ่อบ่าวชั้นต่ำคนนั้นมันทำเกินไปแล้วนะขอรับ!!" คุณชายใหญ่จางเหยากวงเอ่ยขึ้นกับบิดาของตนในทันที เขารู้สึกโกรธเป็อย่างมากที่น้องชายของตนนั้นถูกกระทำเช่นนี้
"เ้ากับมารดาเ้าไปสงบสติอารมณ์เสียอย่าเสียมารยาท!! คนที่อ่อนแอกว่าย่อมพ่ายแพ้เป็เื่ธรรมดา..." จางเลี่ยงหวงเอ่ยเตือนสติบุตรชายของตนเพราะนี่คือการประลองไม่มีสิ่งใดที่อีกฝ่ายนั้นกระทำผิดกฎในการประลอง
หวงลู่เอินรวมไปถึงอนุคนอื่นที่ได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกหงุดหงิดเป็อย่างมากที่ลู่ซี บ่าวรับใช้ของอดีตคุณชายใหญ่หนิงอ้ายมากไปด้วยฝีมือเช่นนี้
"ท่านแม่..." จางเหยากวงเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งสายตาไม่ยินยอมชอบใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
"ใจเย็นก่อนเถิดเหยาเอ๋อร์ มารดาฝากดูอาการของน้องชายเ้าด้วย เื่อื่นนอกจากนี้มารดาจะเป็ผู้จัดการเอง..." หวงลู่เอินเอ่ยขึ้นกับบุตรชายของตนที่นั่งอยู่ข้างกัน
"ขอรับท่านแม่..." จางเหยากวงตอบรับคำมารดาก่อนที่จะเอ่ยขอแยกตัวไปดูอาการของจางิหวังน้องชายของตนในทันที...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้