เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     กิจกรรมของ ‘หลานเฟิ่งหวง’ ที่เซี่ยเสี่ยวหลานจัดขึ้นได้ผลลัพธ์ดีทีเดียว

        เมื่อถุงน่องหนึ่งร้อยคู่ที่แถมไปใกล้หมด เครื่องแต่งกายฤดูใบไม้ผลิรอบนี้ก็จำหน่ายได้เกือบหมดเช่นกัน ต้นเดือนมีนาคม ในที่สุดอากาศภายในซางตูก็กลับมาอบอุ่น แดดออกเป็๞ครั้งคราว ยิ่งดึงยอดขายของร้านเสื้อผ้าขึ้น ภายใต้ปัจจัยกระตุ้นยอดการขายทวีคูณ ปริมาณจำหน่ายของเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิล็อตนี้ก็เพิ่มขึ้น ทุกคนในร้านต่างก็มีงานยุ่งไม่หวาดไม่ไหวทุกวัน เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นว่าสินค้าในร้านไม่เพียงพอแล้ว จำเป็๞ต้องเดินทางไปหยางเฉิงอีกรอบ

        ครั้งนี้ให้เฉินซีเหลียงเติมสินค้าโดยตรงไม่ได้ พอเข้าสู่เดือนมีนาคม เสื้อผ้าแบบใหม่เอี่ยมต่างๆ นานาของหยางเฉิงก็วางขายแล้ว มีตัวเลือกมากกว่าครั้งก่อนๆ แน่นอน ปลายฤดูเพิ่งเติมสินค้าแบบที่เคยขาย ขณะกำลังขายดีก็มีเสื้อผ้าแบบใหม่มากระตุ้นความสนใจของผู้บริโภค ช่างพอเหมาะพอเจาะอะไรเช่นนี้

        คราวนี้เธอจึงไม่ได้พาหลี่เฟิ่งเหมยหรือหลิวเฟินไป การค้าขายในร้านจะละทิ้งไม่ได้เลยเด็ดขาด

        เดิมทีหลิวเฟินอยากเพาะปลูกบนที่ดินที่ได้รับการแบ่งสรรด้วยตนเอง ทว่าพิจารณาสถานการณ์ธุรกิจตรงหน้านี้แล้ว เธอยังมีเวลาว่างที่จะเพราะปลูกด้วยตนเองเสียที่ไหน? แต่สภาพอากาศเริ่มอบอุ่น จะให้เธอปล่อยไร่นาแล้งร้างไว้ก็ไม่ได้ หลี่เฟิ่งเหมยจึงแนะนำว่าให้คนในหมู่บ้านเช่าเพาะปลูกแบบบ้านเธอเสียเลย

        “เ๹ื่๪๫นี้ควรจัดการให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน จะถ่อกลับไปตอนนี้อีกรอบก็คงไม่ได้ วานพ่อเทาเทาเขากลับไปเถอะ!”

        หลี่เฟิ่งเหมยพูดเสียจนหลิวเฟินรู้สึกเกรงใจ

        หลิวหย่งยังไม่ได้รับงาน ทว่าหลิวหย่งก็ไม่ได้ว่างทุกวัน เกษตรกรคนหนึ่งผู้รู้จักตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัว ทำบัตรยืมหนังสือผ่านกงหยางนักศึกษาศิลปะที่เซี่ยเสี่ยวหลานรู้จักคนนั้น ตอนนี้เขาเข้าห้องสมุดไม่ว่างเว้นแต่ละวัน ทุกคนในครอบครัวล้วนกำลังเรียนรู้ เซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวว่าสังคมกำลังก้าวหน้า มนุษย์ต้องเรียนรู้จนแก่เฒ่า อย่าหน่ายความรู้มาก เพราะอย่างไรก็จะได้ใช้ในไม่ช้าก็เร็ว

        สร้างเนื้อสร้างตัวในยุค 80 เหมือนกัน ทว่าคนทำธุรกิจอิสระบางคนสามารถสร้างธุรกิจเป็๲กลุ่มบริษัทใหญ่ บางคนผ่านไปอีกหลายสิบปีก็ยังใช้ชีวิตแค่พอถูไถ การสร้างตัวตอนแรกเริ่มคือความโชคดีที่เข้ามาในชีวิต ส่วนจะรักษากิจการให้รุ่งโรจน์ได้อย่างยั่งยืนได้หรือไม่ ผู้มีความรู้ย่อมเหนือกว่าผู้ที่ไม่มี!

        มีบางคนเป็๞ถึงเถ้าแก่แต่ก็ยังเรียนรู้พัฒนาตนสุดความสามารถ มีบางคนหลังจากร่ำรวยก็เริ่มซื้อรถ ซื้อบ้าน หรือเลี้ยงดูอนุภรรยา เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ตำหนิทัศนคติในการดำเนินชีวิตของคนประเภทหลัง ทว่าเธออยากให้ทั้งครอบครัวยกระดับสภาพแวดล้อมชีวิตมากกว่า มิใช่คนในครอบครัวต่างเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็๞หลังมือ

        ระหว่างสามีภรรยา ถ้าป้าสะใภ้หลี่เฟิ่งเหมยกลายเป็๲สตรีผู้ประสบความสำเร็จ และคนเป็๲ลุงอย่างหลิวหย่งยังย่ำอยู่ที่เดิม แ๲๥๦ิ๪คร่ำครึแบบชนบท ครอบครัวจะมั่นคงได้อยู่หรือ? ในทางกลับกัน หากวันไหนหลิวหย่งร่ำรวยและพบโลกกว้าง หลี่เฟิ่งเหมยยังเป็๲หญิงชนบทในพื้นที่ห่างไกล ทั้งสองคนสนทนากันไม่รู้เ๱ื่๵๹ ความสัมพันธ์ไม่เกิดปัญหาก็คงแปลก!

        ดังนั้นต้องก้าวหน้าพร้อมกัน พัฒนาไปพร้อมกัน

        นี่คือหลักความจริงระหว่างสามีภรรยา บุตรและบิดามารดาก็เป็๲เช่นนี้ เมื่อลูกมีอนาคตไกล อย่ารังเกียจที่พ่อแม่หัวโบราณ พวกเขาไม่มีปัจจัยและความกล้าในการลิ้มลองสิ่งแปลกใหม่ ควรใช้ความอดทนอีกหน่อยพาพวกเขาไปด้วยกัน ทั้งครอบครัวย่อมจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดียิ่งขึ้น ใครก็ไม่โดนสังคมคัดออกแน่นอน!

        พออายุมากขึ้น ระบบการคิดวิเคราะห์และสมรรถภาพความจำล้วนสู้คนหนุ่มคนสาวไม่ได้ พื้นฐานการศึกษาน้อย ความเข้าใจต่อเนื้อหาบนหนังสือก็ไม่พอ การ ‘ชาร์จแบตเตอรี่ [1] ’ ของหลิวหย่งหนนี้ ลำบากยากเย็นกว่าตอนทำงานเกษตรในชนบทเสียอีก สิ่งที่เขาเรียนรู้จำเป็๞ต้องมีความเป็๞มืออาชีพสูง หลิวเฟินและหลี่เฟิ่งเหมยพลิกอ่านนิตยสารแฟชั่นแบบนี้ เปรียบเทียบกันแล้วถือว่าง่ายดายยิ่งนัก... หลิวเฟินเห็นใจพี่ชายไม่น้อย จึงไม่เห็นด้วยที่จะให้เขาเดินทางกลับชนบท

        “ตอนบ่ายฉันไปเร็วหน่อย กลางคืนก็คงถึงหมู่บ้าน คุยเ๱ื่๵๹ช่วยเพาะปลูกกับคนอื่นเรียบร้อย เช้าตรู่ฉันจะขี่จักรยานกลับมาอีกที เสียเวลาแค่ครึ่งวันเท่านั้น”

        ครึ่งวัน หลี่เฟิ่งเหมยขายเสื้อผ้าและรับเงินคนเดียว ยังพอจัดการไหว

        ตอนนี้หลิวหย่งเรียนอย่างบ้าคลั่ง มักอ่านหนังสือจนดวงตาแดงก่ำ ท่าทางจริงจังยิ่งกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานที่จะสอบเกาเข่าเสียอีก หลิวจื่อเทาเลิกเรียนกลับบ้านยังไม่กล้ารบกวนบิดาด้วยซ้ำ เขาทำได้เพียงทบทวนบทเรียนด้วยตนเองอย่างว่านอนสอนง่าย ดังนั้นการสอบย่อยเมื่อวานซืนของหลิวจื่อเทานั้น ปรากฏว่าคะแนนของเขาเพิ่มขึ้นด้วย!

        ในเมื่อหลิวเฟินไม่อยากขัดความกระตือรือร้นของพี่ชายเธอ หลี่เฟิ่งเหมยก็ไม่บังคับ

        ขณะที่เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งขึ้นรถไฟเที่ยวไปหยางเฉิง หลิวเฟินก็ขี่จักรยานกลับชนบท—จักรยานสตรีมีขนาดกะทัดรัดสวยงาม ขอบวงล้อใหญ่ไม่เท่ารุ่น 28 นิ้ว และวิ่งเร็วไม่เท่ารุ่น 28 นิ้ว จักรยานสตรีใช้ขี่ในเมืองซางตูยังพอไหว แต่หากขี่บนทางดินโคลนของชนบท ต้องใช้จักรยานคันโตของหลิวหย่งอยู่ดี

        หลิวเฟินจะกลับชนบท ย่อมต้องนำของติดไม้ติดมือไปด้วย

        เธอรับอิทธิพลมาจากเซี่ยเสี่ยวหลาน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยเยือนบ้านใครมือเปล่า ธุระนี้มิใช่ต้องรบกวนเฉินวั่งต๋าจัดการหรอกหรือ หัวหน้าหมู่บ้านเฉินช่วยเหลือสองแม่ลูกจนได้ไร่นาและที่ดินปลูกบ้าน ถ้าที่ดินผืนนี้ของพวกเธอไม่มีแผนเพาะปลูกเอง ก็ควรแจ้งให้คนเขาทราบสักหน่อย

        แต่จะนำอะไรกลับไปให้เล่า?

        หลิวเฟินไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเข้าสังคมพวกนี้ เมื่อก่อนเธอไม่มีคุณสมบัติที่พอจะให้ของขวัญใคร ตอนเป็๲สะใภ้บ้านเซี่ยเธอไม่เคยแม้แต่จะได้จับเงินด้วยซ้ำ

        ย่าอวี๋พูดอะไรไม่ออกเลย

        “น้ำเต้าปากทึบ [2] หุ่นไม้ [3] แข็งทื่อ ต้องแทงสักทีถึงจะรู้จักสะดุ้ง ไม่รู้ว่ามีลูกฉลาดหลักแหลมได้อย่างไร”

        ยิ่งบุตรสาวปราดเปรื่อง ยิ่งสะท้อนความซื่อบื้อของผู้เป็๞มารดา ย่าอวี๋บ่นก็จริง ทว่าพอเจอคนซื่อที่ไม่สันทัดกระทั่งการสนทนากับผู้อื่นเช่นนี้ เธอจึงอดรู้สึกกังวลแทนหลิวเฟินอย่างช่วยไม่ได้

        “ในบ้านพวกเธอยังมีบุหรี่ไม่ใช่หรือ? หยิบบุหรี่ไปหนึ่งคอตตอน ซื้อน้ำตาลทรายสองถุง บะหมี่แห้งสองห่อ และเธอก็ไม่ต้องสนว่าหัวหน้าหมู่บ้านพวกเธอจะวานให้ใครช่วยปลูก ส่งของถึงแล้วต้องส่งเจตนาที่จะพูดด้วย รับผิดชอบให้เธอไม่ต้องพะว้าพะวงทุกปี... อยากรับที่นากลับมาปลูกเองเมื่อไร ธุระนี้หัวหน้าหมู่บ้านของพวกเธอจะจัดการให้เธอเอง”

        การเลี้ยงอาหารหรือมอบของขวัญล้วนคือความรู้

        แม้ย่าอวี๋จะไม่เข้าใจอย่างอื่น ทว่าเ๱ื่๵๹นี้จะไม่รู้เชียวหรือ

        หลิวเฟินกลับไปเอง จะจ้างคนในหมู่บ้านทำนา ‘ค่าเช่า’ ระหว่างนี้ควรคิดคำนวณอย่างไร? ถ้าจะบอกว่าไม่๻้๪๫๷า๹สิ่งใดเลย แต่พอที่ดินนี้ถูกใครนำไปเพาะปลูกหลายปีเข้าคนเขาย่อมไม่อยากคืนแล้ว ช่างเป็๞เ๹ื่๪๫ที่ดีขนาดไหน ที่ดินได้เปล่าซึ่งออกผลผลิตทุกปี อีกทั้งไม่ต้องส่งผลผลิตและค่าบำรุง เริ่มแรกคงขอบคุณหลิวเฟิน ภายหลังคงเฉยเมย

        ผู้อื่นซาบซึ้งเมื่อมอบที่ดินให้ แต่ชิงชังเมื่อขอที่ดินกลับคืน

        ย่าอวี๋เห็นเ๹ื่๪๫พวกนี้จนชินชา จึงบอกให้หลิวเฟินไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน ให้ ‘ค่าเช่า’ หรือไม่ และควรคิด ‘ค่าเช่า’ อย่างไร ล้วนรับผิดชอบโดยหัวหน้าหมู่บ้าน ไม่ใช่ว่าหัวหน้าหมู่บ้านมีความน่าเชื่อถือมากหรือ ธุระประเภทนี้ต้องมอบให้หัวหน้าหมู่บ้านจัดการอยู่แล้ว ไม่ว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะเจรจาได้เงื่อนไขอะไร หลิวเฟินแค่รอรับผลก็พอ

        หนึ่งปีใหม่ผ่านพ้นไป ความสัมพันธ์ระหว่างย่าอวี๋กับหลิวเฟินและลูกสาวดีขึ้นมาก

        พอได้ ‘ยุ่งเ๹ื่๪๫คนอื่น’ ย่าอวี๋ก็หยุดไม่ได้แม้แต่น้อย น้ำเสียงที่เธอพูดจายังคงไม่รื่นหู แต่ยอมแจกแจงอธิบายอย่างละเอียดแก่หลิวเฟิน หญิงชราทำความสะอาดถนนแล้วอย่างไร หลิวเฟินใช้ชีวิตมาเกือบสี่สิบปี ประสบการณ์ยังห่างไกลจากย่าอวี๋อยู่มากโข

        หลิวเฟินเองก็มีข้อดีที่ผู้อื่นไม่มีทางเปรียบได้ นั่นคือเธอเป็๲คนเชื่อฟัง!

        เมื่อก่อนคำพูดของใครเธอก็ฟังทั้งหมด โอนอ่อนผ่อนตามจนเป็๞นิสัย ตอนนี้เธอมีพัฒนาการแล้ว ใครดีต่อเธอ เธอก็ฟังคนนั้น

        ใครก็มีพื้นที่ในใจของเธอสู้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ แต่ขณะนี้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยู่นี่นา ย่าอวี๋พร่ำบอกสิ่งเหล่านี้เพราะความหวังดี หลิวเฟินจึงฟังเงียบๆ ปฏิบัติตามที่ย่าอวี๋บอก พอเธอขี่จักรยานกลับถึงหมู่บ้านชีจิ่ง ก็มุ่งตรงไปยังบ้านเฉิน

        เฉินวั่งต๋ายังไม่กลับมา หลิวเฟินเลยมอบข้าวของให้สะใภ้ใหญ่เฉินแทน

        สะใภ้ใหญ่เฉินรับปากเป็๲มั่นเป็๲เหมาะ ธุระนี้พ่อสามีของเธอจะจัดการให้เรียบร้อยแน่นอน จากนั้นเธอก็ดึงหลิวเฟินไปอีกทาง

        “พวกเธอเข้าเมืองไปราวหนึ่งเดือน น้องสาวเธอกลับบ้านแม่ตั้งสามหน ฉันเห็นท่าทางเขาร้อนรน ไม่รู้เหมือนกันว่าตามหาเธอด้วยธุระอะไร”


 

 

 

 

 

 

 

 

เชิงอรรถ

[1]充电 ชาร์จแบตเตอรี่ ในที่นี้หมายถึงการศึกษาเพื่อหาความรู้เพิ่มเติม

[2]闷葫芦 น้ำเต้าปากทึบ หมายถึง คนพูดน้อย

[3]木头人 หุ่นไม้ หมายถึง คนหัวช้า ทำหรือคิดไม่กระฉับกระเฉง 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้