เสวียนเทียนยิ้มขึ้นมานิดๆ บอกว่า “ที่เทือกเขาดงอสูร ข้าได้วิชาปราณฝึกร่างมาชุดหนึ่งร่างกายแข็งแกร่งขึ้น พละกำลังก็มากขึ้น เมื่อครู่ข้าใช้กำลังเพียงแปดส่วนเท่านั้น”
แค่พละกำลังแปดส่วนก็โจมตีกลับฝ่ามือที่ใช้พลังเก้าส่วนของหวงิซานให้ถอยได้ทำให้เขาถอยไปถึงเจ็ดก้าว ความสามารถระดับนี้ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามถึงไม่ใช่จะไม่มี แต่ก็นับนิ้วได้
“ดี!”
หวงหย่วนเฉิงเอ่ยชมเสียงดัง พูดขึ้นว่า “เทียนเอ๋อร์มีเ้าอยู่ใยต้องกลัวตระกูลหนิว เฉิง จางทั้งสามตระกูลอีก ถอนการคุ้มกันคืนนี้เหลือเทียนเอ๋อร์ไว้คนเดียวในจวน รอให้คนของตระกูลหนิว เฉิงจางทั้งสามตระกูลเข้ามา พวกเราซ่อนตัวในที่ลับ หากเป็การต่อสู้ตัวต่อตัวก็ปล่อยให้เทียนเอ๋อร์คนเดียวจัดการยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นสามของอีกฝ่าย สังหารคนหนึ่งไม่ว่าน้อยสังหารสองคนไม่ว่ามาก ถ้ากำจัดได้ทั้งหมดก็ยิ่งดี หากอีกฝั่งรุมโจมตีเข้ามาพวกเราก็ลุยออกไป ไม่มียอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นสามคอยขวาง ตระกูลหนิว เฉิงจางทั้งสามตระกูล มาแล้วอย่างหวังว่าจะได้กลับไป”
นายใหญ่ตัดสินใจแล้วเสวียนเทียนเองก็มีความสามารถนี้ แม้ว่าจะอันตรายอยู่บ้างแต่เสวียนหงกับหวงเยว่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
เสวียนหงรู้ดี ดอกไม้ในห้องอุ่นย่อมเติบโตเป็เพียงยอดฝีมือธรรมดาหากคิดจะกลายเป็ผู้แข็งแกร่งแถวหน้าแห่งแผ่นดินเสินโจว ต้องเผชิญพายุลมฝนผ่านการขัดเกลา ระหว่างทางถึงแม้จะอันตรายแต่ก็เป็เส้นทางที่จำต้องเดินผ่านเพื่อเติบโต
เพราะเหตุนี้เมื่อเสวียนเทียนจะเข้าเทือกเขาดงอสูรเพียงลำพัง เสวียนหงจึงไม่ได้ขัดขวาง
บิดามารดาของเสวียนเทียนไม่คัดค้านคนอื่นย่อมไม่อาจพูดอะไรได้ ค่ำคืนนั้นเสวียนเทียนจะอยู่ในจวนต่อต้านตระกูลหนิวเฉิง จางสามตระกูลเพียงคนเดียว สมาชิกที่เหลือของตระกูลซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ แผนการกำหนดลงแล้ว
หวงหย่วนเฉิงหยิบ ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’สามต้นบนโต๊ะขึ้นมา ใบหน้าชราเผยรอยยิ้มโล่งใจ พูดว่า “เทียรเอ๋อร์เป็ทหารลับของเรา มีเทียนเอ๋อร์อยู่ ศึกค่ำคืนนี้หาใช่หายนะของพวเราตระกูลหวงแต่เป็จุดเปลี่ยนใช้โอกาสนี้โจมตีทำลายตระกูลหนิว เฉิง จางทั้งสามตระกูล เมื่อถึงเวลาทั้งอำเภอเป่ยโม่ทุกสิ่งที่พวกเราตระกูลหวงพูดถือเป็เด็ดขาด กิจการจำนวนมากได้รายได้มากมายมหาศาล ถ้าบริหารดีๆ คงมีเงินซื้อหาโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็ให้พวกเราได้ฟื้นพลังกลับไปยังขั้นสุดของชั้นเบิกนภาได้อย่างไม่มีปัญหาแต่ตระกูลหนิว เฉิง จางสามตระกูลมีผลประโยชน์อยู่กับตระกูลเติ้งตระกูลขั้นแปดแห่งอำเภอหนานเหย่ทางทิศใต้หากพวกเรากำจัดตระกูลหนิว เฉิง จางทั้งสามตระกูลก็เท่ากับว่าตัดเส้นทางทำเงินของตระกูลเติ้งตระกูลเติ้งย่อมไม่นั่งมองอยู่เฉยๆ ตระกูลหวงหากคิดยันตระกูลเติ้งให้อยู่อย่างน้อยก็ต้องมีผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหกสองคน ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’สามต้นนี้ แบ่งให้กับิซาน ฉีซาน คุนซานสามคนเถอะให้อาการาเ็ของพวกเขาหายเร็วขึ้น ใช้พลังกดอาการาเ็น้อยลงอีกหน่อยหลังจากนี้สามวันห้าวัน ขอเพียงมีสองคนสามารถปลดผนึกพลังได้ถึงชั้นเบิกนภาขั้นหกพวกเขาย่อมไม่กล้าลงมือกับพวกเราง่ายๆ ถึงตอนนั้นเสนอผลประโยชน์กับตระกูลเติ้งเสียหน่อยสร้างความสัมพันธ์อีกนิด เป็หลักประกันให้ตระกูลหวงตั้งหลักที่อำเภอเป่ยโม่อย่างมั่นคงแน่นอน”
“ท่านพ่อทั้งหมดให้พวกเราสามพี่น้อง แล้วท่านจะทำอย่างไรเล่า?” หวงิซานกับหวงฉีซานพูดขึ้นมาพร้อมกัน
หวงคุนซานยืนขึ้นมา “ท่านพ่อ พลังวัตรของข้าต่ำที่สุดค่อยๆ รักษาไปก็ได้ ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’ นี้ ท่านพ่อใช้เถิดพลังวัตรของท่านพ่อฟื้นคืนถึงจะต้านไม่ให้คนนอกดูถูกตระกูลหวงของพวกเราได้”
หวงหย่วนเฉิงโบกมือ เอ่ยว่า “ข้าแก่แล้ว คิดอยากฟื้นฟูอาการาเ็ไม่ง่ายเช่นนั้น‘หญ้าปลูกเืกลั่นโลหิต’ ให้ข้าก็ไม่ได้มีประโยชน์มากนักคุนซาน เ้ายังอายุน้อย ร่างกายยังดี อาการาเ็ฟื้นเร็วกว่าตอนนี้ต้องให้พวกเ้าเปิดผนึกพลังวัตรชั้นสูงขึ้นให้เร็วขึ้นถึงจะทำให้ตระกูลเติ้งเกรงกลัวได้ อาการาเ็ของข้ากับคนอื่นรอให้ตระกูลหวงครองทั้งอำเภอเป่ยโม่ได้แล้ว หาโอสถวิเศษรักษาอาการาเ็ซื้อโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็ แล้วค่อยๆ รักษาไปก็ได้”
พูดจบ หวงหย่วนเฉิงก็หยิบ ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’โยนให้แก่หวงิซาน หวงฉีซาน หวงคุนซาน
ทั้งสามคนรับ ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’ ไปอยากพูดบางอย่างแต่ก็หยุดไป
หวงหย่วนเฉิงมองเสวียนเทียนแล้วพูดว่า “เทียนเอ๋อร์ ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’เป็เ้านำกลับมาแต่แม่ของเ้าไม่ได้ส่วนแบ่ง เ้าไม่ว่าอะไรใช่ไหม!”
“ท่านตามองสถานการณ์เป็สำคัญเทียนเอ๋อร์จะมีความเห็นได้อย่างไร!” เสวียนเทียนส่ายศีรษะ
ตอนนี้พวกเขาล้วนใช้พลังวัตรกดอาการาเ็ไว้ดังนั้นดูเหมือนไม่ได้รับาเ็ แต่พลังวัตรลดลงฮวบฮาบ ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’ไม่อาจทำให้อาการาเ็ของพวกเขาหายดีดังเดิมจนหมดได้แต่เพียงรักษาให้หายดีส่วนหนึ่งจากนั้นพวกเขาก็จะใช้พลังมากดอาการาเ็น้อยลง พลังวัตรยิ่งแข็งแกร่งขึ้นพลังที่ปลดผนึกออกมายิ่งแข็งแกร่ง พลังวัตรก็ฟื้นฟูได้ยิ่งเร็วขึ้น
พลังแต่เดิมของหวงเยว่คือชั้นปฐีขั้นหนึ่งด้อยกว่าพี่ชายทั้งสามอยู่ไม่น้อย ใช้ ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’ ต้นหนึ่งความสามารถและพลังวัตรที่ปลดผนึกออกมาได้ย่อมเทียบไม่ได้กับหวงิซาน หวงฉีซาน หวงคุนซานทั้งสามคน
หลังทุกอย่างจัดการได้ลงตัวคาดว่ากำลังคนของตระกูลหนิว เฉิง จางคงอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านหวงปั้วแล้วตระกูลหวงถอนกำลังคนคุ้มกันรอบนอกจวนไป จัดการให้คนทั้งหมดแฝงตัวอยู่ในที่ซ่อน
คนที่อยู่ในที่แจ้ง ทั้งจวนตระกูลหวงมีเสวียนเทียนแค่ผู้เดียวในมือเขาถือกระบี่ขุนเขาหนัก ยืนอยู่ตรงลานว่างหน้าโถงใหญ่
ลานแห่งนี้กว้างราวสามสิบเมตร ยาวราวห้าสิบเมตรกว้างขวางมาก ต่อให้คนร้อยคนเข้ามาก็ยังจุลง
หนึ่งคนหนึ่งกระบี่ ยืนอยู่กลางลานรอคอยการมาเยือนของตระกูลหนิว เฉิง จาง ทั้งสามตระกูล
เวลานี้เป็กลางเดือนพอดีแสงจันทร์ยามราตรีเพียงพอ สาดแสงลงมาสว่างไปทั่วผืนดิน
ดวงจันทร์ส่องสว่าง ค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างเชื่องช้า
ทันใดนั้น หูของเสวียนเทียนก็ขยับนิดหน่อยได้ยินเสียงลอยมาเลือนราง
เป็เสียงกีบเท้าม้าย่ำลงบนถนนปูแผ่นหินของหมู่บ้านหวงปั้วท่ามกลางยามดึกที่เงียบสงัดเสียงดังก้องผิดธรรมดา
ชาวบ้านของหมู่บ้านหวงปั้วไม่น้อยตื่นขึ้นมาจางฝันยามนิทรามองผ่านหน้าต่างเห็นฝูงม้าฝูงหนึ่งดำทะมึนข่มขวัญมุ่งตรงไปยังสุดขอบตะวันออกของหมู่บ้านที่นั่นเป็จวนของตระกูลหวง
หนิวเจิ้นซานนำตระกูลหนิว เฉิง จางสามตระกูลรวมถึงตระกูลดังหลายตระกูลที่เข้าข้างตระกูลหนิวในอำเภอเป่ยโม่รวมทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าคนบนหลังม้า ไม่คิดจะหลบซ่อนเดินผยองผ่านถนนในหมู่บ้านหวงปั้วตรงไปยังจวนตระกูลหวง
การเคลื่อนไหวของตระกูลหนิว เฉิง จางทั้งสามตระกูลหวงสามารถรู้ได้ในทันที ความเคลื่อนไหวของตระกลหวง ตระกูลหนิว เฉิงจางทั้งสามก็ย่อมรู้ชัดเช่นกัน
ในหมู่บ้านหวงปั้วนี้มีสายลับที่สามตระกูลทิ้งไว้คอยสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของตระกูลหวง รู้ว่าตระกูลหวงไม่ได้หนีไป
กลับกันตระกูลหวงก็รู้แล้วว่าพวกเขากำลังมาหนิวเจิ้นซานไม่ได้แอบลอบโจมตีแต่อย่างใด เขามั่นใจในตนเองมาก้าใช้พลังอันเด็ดขาด ถอนรากถอนโคน กำจัดตระกูลหวงเสีย
เสียงฝีเท้าม้าดังกุบกับยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆไม่นานขบวนม้ากว่าร้อยตัวก็มาถึงนอกจวนตระกูลหวง
“หืม? จะเล่นลูกไม้อะไรหรือตระกูลหวงไม่รู้ข่าวที่พวกเราจะมา? ถึงกับไม่ป้องกันแม้แต่นิด”
หนิวเจิ้นซานโบกมือทีหนึ่งกองทัพม้าร้อยกว่าตัวก็หยุดลงบนถนนห่างจากจวนตระกูลหวงไปสามสิบกว่าเมตรเมื่อเห็นตระกูลหวงไร้การป้องกัน หนิวเจิ้นซานก็ขบคิดไม่ตกขึ้นมา
หนิวเจิ้นเยว่ก็เช่นกัน กระตุ้นม้ามาถึงข้างกายหนิวเจิ้นซานพูดว่า “ท่านพี่คงไม่ใช่ตระกูลหวงไม่รู้ข่าว ยังคงนอนหลับอุตุอยู่หรอกนะ?”
หนิวเจิ้นซานพูดว่า “ต่อให้ไม่รู้ข่าวก็ควรมีคนเฝ้าเวรยามกลางคืน หรือว่าจะซุ่มซ่อนอยู่ข้างใน?”
หนิวเจิ้นเยว่หัวเราะด้วยท่าทีดูถูก พูดว่า “ต่อให้ตระกูลหวงดักซุ่มอยู่อย่างนั้นแล้วเป็เช่นไร เผชิญหน้ากับพลังอันแข็งแกร่ง พวกเขาก็เป็ดั่งไข่ไก่ส่วนพวกเราเป็ก้อนหิน ไม่ว่าพวกเขาจะซุ่มซ่อนอย่างไร พวกเราบดทับลงไปไข่ไก่ย่อมแตกละเอียด กลายเป็ไข่เละ”
หนิวเจิ้นซานยิ้มขึ้นมาน้อยๆในใจของเขาก็คิดเช่นนี้ ที่ขบคิดเป็เพียงความคุ้นชินที่ติดเป็นิสัยเท่านั้น
หนิวเจิ้นซานสั่งขึ้นว่า “ลงม้า เงียบไว้ อย่าส่งเสียงลอบเข้าตระกูลหวง”
“ในเมื่อเล่นซ่อนแอบถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เล่นกับเขาเสียหน่อย” หนิวเจิ้นซานคิดขึ้นในใจ
คนร้อยกว่าคนลงจากหลังม้า ตระกูลหนิว เฉิง จางสามตระกูลภายใต้การนำของผู้นำตระกูลแบ่งออกไปสามทางลอบเข้าไปยังจวนตระกูลหวง
ทว่าเมื่อพวกเขาลอบปีนกำแพงข้ามมาถึงเพิ่งรู้ว่าในจวนตระกูลหวงว่างเปล่าไม่มีใครสักคน มีแต่เด็กหนุ่มอายุน้อยผู้หนึ่ง มือถือกระบี่เล่มหนึ่งหนึ่งคนหนึ่งกระบี่ กำลังรอคอยพวกเขาอยู่
เด็กหนุ่มอายุน้อยผู้นั้นดูแล้วอายุราวสิบสี่สิบห้าปีหน้าตาหล่อเหลาคมคาย สง่างามผิดธรรมดา อายุไม่มาก แต่ก็สูงเมตรเจ็ดสิบห้าแล้วกระบี่ในมือหนาสี่จื่อ ยาวราวหนึ่งเมตรสอง ทั้งยาวและใหญ่กว่ากระบี่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด
เด็กหนุ่มผู้นี้ก็คือเสวียนเทียนกระบี่ในมือก็คือกระบี่ขุนเขาหนัก
“หวงเทียน? ที่แท้เ้ายังไม่ตาย?กลับมาจากเทือกเขาดงอสูรแล้ว?”
บรรดาคนที่อยู่บนกำแพงเช่นหนิวเจิ้นซานหนิวเจิ้นเยว่ จางกู่เฟิง จางกู่ซง เฉิงหยวนอู่ เฉิงหยวนกง ทั้งหมดมองเสวียนเทียนด้วยความคาดไม่ถึง
คนของทั้งสามตระกูลคิดว่าเสวียนเทียนตายแล้วถอนคนที่เฝ้าตรงปากทางเทือกเขาดงอสูรกลับตั้งนานแล้ว
เสวียนเทียนเพิ่งกลับมาถึงตระกูลหวงอีกทั้งยังแอบลอบเข้มา นอกจากคนตระกูลหวง คนนอกล้วนไม่รู้ คนของตระกูลหนิว เฉิงจาง ย่อมไม่รู้ว่าเสวียนเทียนกลับมาแล้ว ดังนั้นพอเห็นเสวียนเทียนจึงประหลาดใจไม่น้อย
“คนตระกูลหวงหดหัวไม่ออกมาให้เด็กหัวขนคนเดียวยืนอยู่ข้างนอก คิดจะเล่นลูกไม้อะไร?” ทุกคนขบคิดไม่แตก
แต่ในเมื่อมีคนอยู่ก็แสดงว่าตระกูลหวงรู้ว่าพวกเขาจะมาแล้วจะหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนโจรทั้งที่เ้าบ้านรู้ย่อมไม่จำเป็
หนิวเจิ้นซานข้ามกำแพงไปก่อนเป็คนแรกลงมาที่ลานกว้าง โบกมือครั้งหนึ่ง ผู้ฝึกยุทธ์ที่มาก็ทยอยข้ามกำแพงเข้ามา
หนิวเจิ้นซานอยู่ด้านหน้า หนิวเจิ้นเยว่จางกู่เฟิง เฉิงหยวนอู่สามคนอยู่ด้านหลัง สายตาฉายแววครุ่นคิดพลางมองไปทางเสวียนเทียน
เสวียนเทียนเผชิญหน้ากับคนร้อยกว่าคนสีหน้าไม่เปลี่ยน ยังคงนิ่งสงบไม่เดือดเนื้อร้อนใจ
หนิวเจิ้นซานเป็ต้น หยุดอยู่ห่างเสวียนเทียนไปยี่สิบกว่าเมตรหนิวเจิ้นซานหัวเราะเสียงดังขึ้นมา เอ่ยว่า “หวงเทียน เ้าเด็กเดรัจฉานนี่ดวงแข็งเสียจริงยังรอดจากเทือกเขาดงอสูรกลับมาได้ แต่วันนี้ ชีวิตเ้ามาถึงปลายทางแล้ว ฮ่าๆๆๆ...คนตระกูลหวงเล่าซ่อนตัวหดหัวเป็เต่าในกระดอง ให้เ้าเด็กหัวขนแซ่หวงคนเดียวมาอยู่ข้างนอกทำอะไร?”
“หรือว่าตระกูลหวงกลัวรู้ว่าพวกเราเกลียดเ้าเด็กนี่เข้ากระดูกดำ ตั้งใจส่งมาให้พวกเราฆ่าคลายแค้นจะได้ไว้ชีวิตพวกเขา?” จางกู่เฟิงพูดขึ้นอย่างคิดไม่ถึง
หนิวเจิ้นเยว่หัวเราะในลำคอ “ฮึ! ฆ่าเ้าเด็กเดรัจฉานนี่แล้วก็ยังต้องฆ่าล้างตระกูลหวงอยู่ดี คนที่กล้าเป็ปรปักษ์กับตระกูลหนิวมีแต่ตายสถานเดียวเท่านั้น วันนี้คนเดียวก็ไม่เว้น”
“ฮ่าๆๆๆ...!” คนไม่น้อยผสมโรงหัวเราะขึ้นมา
สีหน้าของเสวียนเทียนไม่เปลี่ยนสายตากวาดมองหนิวเจิ้นซานและหนิวเจิ้นเยว่เป็ต้น เอ่ยว่า “รับมือฝูงขยะอย่างพวกเ้าตัวข้าหนึ่งคนหนึ่งกระบี่ก็พอแล้ว!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้