"จะไปอย่างนั้นหรือ?" ชายชราถลึงตามองพลางตวาดใส่อย่างไม่คาดคิด "เ้าเป็หนูลองยาของข้า เ้ากล้าคิดจะจากไปเชียวหรือ!"
"ความแค้นของครอบครัวและชาติบ้านเมือง ไม่ชำระมิได้" เมื่อจวินหวงนึกถึงพระบิดาและพระมารดาที่ต้องตายอย่างน่าอนาถ ในใจก็เ็ปราวกับถูกทิ่มแทง
"ได้! เ้าจะไปก็ไป!" ชายชรากระทืบเท้าด้วยความโมโห "ในกายของเ้าต้องพิษประหลาด ออกจากบ้านนี้ไปไม่ถึงสามวันเดี๋ยวพิษก็กำเริบตายแล้ว เ้ารีบๆ ไปเลย!"
จวินหวงนิ่งอึ้ง ประหวัดนึกขึ้นมาได้ว่าตอนอยู่บนหน้าผา ฮ่องเต้แห่งแคว้นตงอู๋ซัดอาวุธลับอาบยาพิษใส่ตน
์เหลือชีวิตไว้ให้แก่นาง แต่กลับให้นางมีเวลาเพียงไม่กี่วัน ในเมื่อหนี้แค้นไม่อาจชำระ นางมีชีวิตอยู่ไปจะมีประโยชน์อันใด?
คิดดังนั้นแล้ว จวินหวงก็อดรู้สึกตรอมตรมในหัวใจไม่ได้
"ฮ่าๆ กลัวล่ะสิ!"
ชายชราผมขาวกระหยิ่มใจ "ข้าจะบอกเ้าให้ นอกจากข้าแล้ว คนที่สามารถถอนพิษนี้มีแทบจะนับนิ้วได้ในใต้หล้าแห่งนี้ ถ้าไม่อยากตาย เ้าก็อยู่เป็หนูลองยาให้ข้าเสียดีๆ หากข้าพอใจก็อาจจะใจดีช่วยถอนพิษให้เ้าก็ได้"
จวินหวงจับใจความสำคัญในคำพูดของชายชราได้ ดวงตาพลันเห็นทางสว่าง "ท่านสามารถถอนพิษของข้าได้หรือ?"
"ก็ใช่น่ะสิ ไม่มีพิษใดในใต้หล้าที่ตาเฒ่าซานกุ่ยอย่างข้าจะแก้ไม่ได้" ผู้เฒ่าซานกุ่ยอวดโอ่ "แค่เ้ามาเป็หนูลองยาให้ข้า ข้าก็จะช่วยถอนพิษให้"
"ไม่ได้ ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ ข้ายังมีภารกิจที่ต้องทำ!"
"ไม่ได้ เกิดข้าถอนพิษให้เ้า แล้วเ้าหนีไปไม่กลับมาจะทำอย่างไร?" เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าซานกุ่ยมิได้โง่เขลา "เ้ามาเป็หนูลองยาให้ข้า ข้าก็จะช่วยเ้าถอนพิษ ไม่อนุญาตให้เ้าไปไหนทั้งนั้น!"
"ข้าจะเป็หนูลองยาให้ท่านหนึ่งเดือนก่อน หนึ่งเดือนให้หลัง ข้าจะออกไปทำธุระของข้า รอจนกว่าข้าจะจัดการธุระเรียบร้อย ขอเพียงข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าต้องกลับมาแน่นอน" จวินหวงจำใจต้องยอมประนีประนอม
ตอนนี้นางาเ็สาหัสยังไม่หายดี และยังไม่รู้สถานการณ์กองทัพข้าศึกนอกหุบเขา หากทะเล่อทะล่าออกไปย่อมอันตรายเป็แน่แท้ อยู่ใต้หน้าผาสักหนึ่งเดือนก็ใช่ว่าจะไม่ได้
ผู้เฒ่าซานกุ่ยเกาหัวยิก ในที่สุดก็ตัดสินใจอย่างแนวแน่ "รอเ้าทำธุระเสร็จไม่รู้ว่านานเท่าไร… หนึ่งปี ข้าให้เวลาเ้าแค่หนึ่งปี หนึ่งปีให้หลังหากเ้าไม่กลับมา เ้าตายแน่!"
"ตกลง" จวินหวงได้ยินเช่นนั้นก็ตอบตกลง
แสงจันทร์สุกสกาว เงาไม้เริงระบำพลิ้วไหว
จวินหวงนั่งพิงหัวเตียง ทอดสายตามองไปยังูเาที่ห่างไกลนอกหน้าต่าง ในความมืดสลัวอันเลือนรางนางมองเห็นพระพักตร์ที่อบอุ่นอ่อนโยนของพระมารดา
เพียงชั่วข้ามคืน บ้านเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ตัวนางจากองค์หญิงแห่งซีเชว่ผู้เป็ที่รักของทุกคน ต้องกลายมาเป็คนหัวเดียวกระเทียมลีบไร้บ้านจะให้กลับ
"เสด็จพ่อเสด็จแม่" นางพึมพำเสียงแ่เบา น้ำตาหลั่งรินออกมาเป็สายจากั์ตา "หวงเอ๋อร์จะเป็องค์หญิงแห่งซีเชว่ตลอดไป หวงเอ๋อร์จะต้องตามหาฮ่าวเอ๋อร์ให้พบ และแก้แค้นให้ซีเชว่ให้จงได้!"
ณ ใต้หน้าผา
กลางดึก หนึ่งบุรุษถือคบเพลิงนำไพร่พลเข้าไปตระเวนค้นหาภายใต้ผาชันด้วยตนเอง
"ท่านแม่ทัพ ทางนี้ขอรับ" จู่ๆ พลทหารนายหนึ่งร้องอุทาน
เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียง ชั่วพริบตาเงาร่างก็แวบมาปรากฏที่ข้างกายของผู้เอ่ยวาจาเสียแล้ว ภายใต้น้ำเสียงเย็นะเื ความตื่นเต้นถูกสะกดเอาไว้ "พบแล้วหรือ?"
"รายงานแม่ทัพ มีเพียงแค่สิ่งนี้..." พลทหารรู้สึกลังเลที่จะยื่นของสิ่งหนึ่งในมือส่งให้
นั่นคือเสื้อสีขาวอาบย้อมไปด้วยโลหิต แต่ทว่าเป็เนื้อผ้าชั้นดีเยี่ยม เพียงแค่มองปราดเดียวชายหนุ่มก็ดูออกว่านี่คือแพรพรรณที่มีเฉพาะในวังหลวงของซีเชว่เท่านั้น
ชายหนุ่มรับเสื้อไป นิ่งงันไปชั่วครู่แล้วถามเสียงหนักแน่น "พบที่ใด?"
"เรียนท่านแม่ทัพ ทางนั้นขอรับ" พลทหารชี้ไปที่ยอดของต้นไม้ใหญ่
ชายหนุ่มถือคบเพลิงเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดคราหนึ่ง บนกิ่งไม้และที่พื้นเต็มไปด้วยคราบเื โลหิตสีแดงสดภายใต้แสงจันทร์เสียดแทงั์ตาเป็พิเศษ
"ท่านแม่ทัพ ในูเาลึกมักมีสัตว์ป่าออกมาเพ่นพ่านมากมาย องค์หญิงซีเชว่น่าจะทรง..." พลทหารลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นสีหน้าย่ำแย่ของอีกฝ่าย จึงมิได้กล่าววาจาครึ่งหลังออกมา
ะโลงมาจากยอดผาสูงเยี่ยงนั้น ชายหนุ่มย่อมคาดเดาได้ว่าโอกาสรอดชีวิตของจวินหวงนั้นบางเบายิ่งนัก แต่หลังจากการคาดเดาของตนเองได้รับการยืนยันแล้ว ในหัวใจก็ยังคงเต็มตื้นไปด้วยความเสียใจ
ซีเชว่สิ้นแล้ว สายโลหิตสุดท้ายแห่งราชวงศ์ซีเชว่ก็ไม่มีอีกแล้ว สุดท้ายเขาก็มาช้าไปก้าวเดียว
"ท่านแม่ทัพ?" พลทหารเห็นชายหนุ่มนิ่งเงียบไปนาน จึงอดร้องทักขึ้นมาไม่ได้ในที่สุด
"กลับกันเถอะ" ชายหนุ่มปิดเปลือกตาลง ยามที่ลืมตาขึ้นแววตาก็เปลี่ยนเป็เฉยชาไปเสียแล้ว "หลังจากนี้สามวัน จัดพิธีศพขององค์ฮ่องเต้และฮองเฮาแห่งซีเชว่ที่วังหลวงซีเชว่ และให้ไว้อาลัยทั่วทั้งอาณาจักร"
ณ กระท่อมมุงหญ้าใต้หน้าผา
หนึ่งราตรีผ่านไป จวินหวงนึกว่าผู้เฒ่าซานกุ่ยจะเริ่มทดลองยาทันที แต่ไม่คิดว่าเขาจะเพียงโยนตำราแพทย์ไว้ให้จวินหวงสองสามเล่ม และไม่โผล่มาให้เห็นอีกแม้แต่เงา
แม้จะรู้สึกสงสัย แต่จวินหวงก็ไม่คิดไปถาม ตำราแพทย์เขียนด้วยลายมือ แม้ว่าจะบรรยายไว้อย่างละเอียดลึกซึ้ง แต่กลับเข้าใจง่ายเป็พิเศษ เวลาวันเดียวจวินหวงก็อ่านเข้าใจไปกว่าครึ่ง
จวบจนกระทั่งพลบค่ำ พระอาทิตย์ตกดินผู้เฒ่าซานกุ่ยถึงกลับมา
บนหลังของเขาแบกยาสมุนไพรมากระบุงใหญ่ พอเข้ามาถึงกระท่อมก็เหนื่อยจนล้มลงกับพื้น ปากก็บ่นพึมพำไม่หยุด "คนมันแก่แล้ว แก่แล้ว แก่แล้ว สองวันมานี้เหนื่อยยากจนสายตัวแทบขาด ต้องใช้หยูกยาบำรุงอีกกี่ขนานถึงจะฟื้นกลับมาล่ะเนี่ย"
จวินหวงยกน้ำถ้วยหนึ่งออกมาอย่างระมัดระวัง มองสมุนไพรในกระบุงแวบหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยความสงสัย "วันนี้ท่านไปเก็บสมุนไพรมาหรือ?"
"พูดจาไร้สาระ ไม่เก็บสมุนไพรแล้วจะทดลองยาได้อย่างไร" ผู้เฒ่าซานกุ่ยอารมณ์เดือดปุดๆ ถลึงตาใส่จวินหวงทีหนึ่ง แล้วคว้าแก้วน้ำจากมือของจวินหวงมาดื่มอึกๆ ลงไป
จวินหวงอดหางตากระตุกไม่ได้ ผู้เฒ่าซานกุ่ยกล่าวมีเหตุผลยิ่งนัก นางคิดหาคำพูดมาโต้แย้งไม่ออกจริงๆ
"วันนี้อ่านตำราแพทย์เป็อย่างไรบ้าง" เมื่อพักผ่อนเพียงพอแล้ว ในที่สุดผู้เฒ่าซานกุ่ยก็เริ่มมีอารมณ์ถามไถ่จวินหวงขึ้นมาบ้าง
"ก็พอจะเข้าใจบ้างแล้ว" จวินหวงกล่าวไปตามความสัตย์จริง
ตำราแพทย์ที่ไม่รู้ผู้ใดเขียนขึ้น แม้เนื้อหาจะมากมายนัก ทว่าในแต่ละบริบทกลับชัดเจนยิ่ง จวินหวงสมองดีมาั้แ่ไหนแต่ไร เวลาเพียงวันเดียวก็อ่านเข้าใจไปถึงเจ็ดแปดส่วน