การมีท่านลุงเป็เศรษฐีให้ความรู้สึกแบบไหน?
เดิมทีเฉียวเยว่ก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้รู้แล้ว นางนั่งขัดสมาธิบนเตียงเตา มองหีบใบใหญ่ตรงหน้า ด้านในมีแก้วแหวนเงินทองจำนวนไม่น้อย กำไลวงเล็ก หยกหรูอี้แบบแขวนอันเล็ก แล้วก็ตะเกียบเงินชิ้นเล็กๆ น่ารักเป็ที่สุด
นางหยิบแมลงปอทองคำน้อยฝีมือประณีตชิ้นหนึ่งขึ้นมาประดับบนศีรษะเองอย่างเงอะงะ แล้วเงยดวงหน้าน้อยซึ่งมีรอยยิ้มพร่างพรายแต่งแต้มถามว่า "ท่านแม่ ข้าสวยหรือไม่?"
ไท่ไท่สามพยักหน้า "สวย"
จะว่าสวยก็สวยอยู่ เพียงแต่ดวงตาของบุตรสาวของนางลุกวาวเจิดจรัสอย่างลุ่มหลงเกินไปหน่อย
"เฉียวเยว่ ของเหล่านี้ แม่เก็บให้เ้าดีหรือไม่?"
หากซานหลางเห็นเข้า เกรงว่าจะไม่พอใจ เขาไม่ชอบที่บุตรสาวเห็นแก้วแหวนเงินทองแล้วตาโต
เฉียวเยว่ตั้งกำแพงระแวดระวังทันที นางปิดหีบแล้วกางแขนทั้งสองกอดไว้ แต่หีบใบใหญ่เบ้อเร่อเด็กเล็กๆ คนหนึ่งอุ้มไหวเสียที่ไหน
ถึงกระนั้น นางยังคงเอ่ยอย่างเด็ดขาด "ของเหล่านี้เป็ของข้า เป็ของข้าทั้งหมด ข้าเก็บเองได้"
ซูซานหลางเข้าห้องมาเห็นท่าทางละโมบในทรัพย์สินของบุตรสาวตัวน้อย พริบตานั้นพลันรู้สึกทนดูไม่ได้
เขาวางตัวบริสุทธิ์สูงส่งสง่าผ่าเผยมาโดยตลอด เคยมีนิสัยเช่นนี้เสียที่ไหน
"ซูเฉียวเยว่ นี่เ้าจะทำอะไร" เขาหันไปกำชับไท่ไท่สาม "นำของไปเก็บให้หมด อย่าให้ยายหนูได้รับผลกระทบมากไปกว่านี้ บุตรสาวของข้าซูซานหลางแม้มิใช่เซียนหญิงผู้อยู่เหนือโลกียวิสัย แต่จะให้มัวหมองเพราะของเหล่านี้ไม่ได้"
เฉียวเยว่หัวเราะเยาะ รู้สึกว่าบิดาของนางสมองเลอะเลือน
ด้วยเกรงว่าของรักของหวงจะถูกชิงไป นางจึงปีนขึ้นไปหย่อนก้นนั่งทับบนหีบเสียเลย แล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง "วิญญูชนไม่แย่งชิงของรักของผู้อื่น ท่านพ่อ ท่านมิใช่วิญญูชน"
น้ำเสียงของซูซานหลางเย็นะเื "ข้าไม่ใช่วิญญูชน ข้าเป็บิดาเ้า"
เฉียวเยว่เห็นบิดาไม่ใช่คนคุยง่าย ก็ทำตาปริบๆ "พี่สาวกับฉีอันก็มีของขวัญเหมือนกัน พวกท่านจะคิดเอาแต่ของของข้าไปไม่ได้"
ไท่ไท่สามเอ่ยอย่างละมุนละม่อมแฝงไปด้วยรอยยิ้ม "พวกเขามอบให้ข้าเก็บหมดแล้ว"
คนที่รักเงินทองมากที่สุดในบ้านก็มีอยู่คนเดียวนี่แหละ!
เฉียวเยว่รู้สึกว่าพี่สาวของนางเป็ตัวอย่างที่ไม่ดี!
นางยังคงเถียงอย่างมีเหตุผล "แต่ข้าอยากจัดการเอง ข้าจะไม่ทิ้งของซี้ซั้ว และไม่มอบให้ใครส่งเดชเป็อันขาด"
จนถึงวันนี้ เฉียวเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความคิดของบิดาอย่างถ่องแท้ เขากลัวว่านางจะมอบสิ่งของให้ผู้อื่นเสียที่ไหน ของนอกกายเหล่านี้จะให้ใครสำคัญด้วยหรือ ซูซานหลางเพียงกลัวว่าบุตรสาวของตนจะหลงติดกลิ่นอายรสนิยมชั้นต่ำต่างหาก
"เฉียวเยว่เด็กดี เ้าชอบเครื่องประดับชิ้นไหนสามารถขอกับมารดาเ้าได้ แต่ของเหล่านี้ไม่อาจเก็บไว้ที่นี่ เ้าดูตนเองสิ มองเพชรนิลจินดาจนดวงตาจะถลนออกมาอยู่แล้ว นี่หรือบุตรสาวของข้าซูซานหลาง? จวนของพวกเราหาได้ขาดสิ่งของเหล่านี้เสียหน่อย สตรีชนชั้นสูงมิควรมัวหมองด้วยของสามัญเหล่านี้"
ซูซานหลางลองคุยกับบุตรสาวด้วยเหตุผล แต่การใช้เหตุผลคุยกับนางก็ไม่ใช่เื่ง่าย เด็กน้อยคนนี้ฉลาดแกมโกงเป็ที่สุด ไม่รู้ว่าไปเรียนมาจากไหน
เหอะๆ ว่ากันว่าหลานกับลุงมักจะคล้ายกัน แปดส่วนคือคล้ายท่านลุงของนาง
พี่ชายคนโตของภรรยาผู้นั้นเป็คนมีแผนการ ความคิดล้ำลึกเหนือสามัญ ไม่ว่าจะเป็เื่ใดก็จะไม่ใช้วิธีเฉกเช่นคนทั่วไป เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เคยเลือกวิธีการ
เมื่อคิดเยี่ยงนี้ ร่างกายของเขาพลันหลั่งเหงื่อเย็น เขากลัวจริงๆ ว่ากระต่ายอ้วนตัวน้อยของเขาคนนี้จะเป็เหมือนท่านลุงของนาง
"เฉียวเยว่เด็กดี มานี่ พ่อขอคุยกับเ้าหน่อย"
เฉียวเยว่ตั้งท่าระแวดระวัง "ท่านอย่าพยายามล้างสมองข้าดีกว่า ข้าขอปฏิเสธที่จะรับการล้างสมองจากท่าน"
ซูซานหลาง "..."
เขารู้สึกว่ากรามของตนเองบดเข้าหากันกรอดๆ ไยจะไม่นึกอยากตีเด็ก ต้องบอกว่าบุตรสาวของเขาคนนี้ ถึงจะเป็เทพ์ลงมาเองยังถูกยั่วโมโหจนตายได้
"ท่านพ่อ นี่คือของที่ท่านลุงให้ข้า เมื่อเป็ของข้าแล้ว จะเอาไปไว้ที่ห้องของพวกท่านได้อย่างไร มันไม่สะดวกต่อการใช้งานของข้าในแต่ละวัน อีกอย่างท่านดู ท่านดู กำไลอันกระจิริดแค่นี้ ให้ท่านก็ใช้ไม่ได้"
เฉียวเยว่งัดเหตุผลสารพัดมากล่าวอ้าง ดวงหน้าเล็กจ้อยกลมป่องปฏิเสธที่จะมอบของอย่างเด็ดขาด
เด็กดื้อมีเยอะ แต่ดื้อขนาดนี้น้อยนักที่จะได้พบเห็น
"เ้าเป็แค่เด็กผู้หญิง โลภในทรัพย์สินเงินทองเช่นนี้ดีจริงหรือ?" ซูซานหลางสุดจะทนแล้ว "ในบ้านเคยให้เ้าขาดสิ่งของเหล่านี้ั้แ่เมื่อไร?"
เฉียวเยว่กะพริบตาถี่ๆ ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดบิดานางถึงทำเช่นนี้ นางพรูลมหายใจเฮือก ตบเอกน้อยๆ ของตนเองอย่างเอาจริงเอาจัง "ท่านพ่อ นี่ไม่เรียกว่าละโมบทรัพย์สินเงินทอง ท่านนี่สอนเด็กไม่เป็จริงๆ สิ่งที่ควรปลูกฝังให้เด็กั้แ่ยังเล็กคือความคิดในการจัดการทรัพย์สินเงินทอง เด็กจะได้ไม่กลายเป็คนซื่อไร้สมอง สิ่งใดล้วนไม่นำพา เติบโตไปก็จะถูกหลอกได้ง่าย"
ซูซานหลางรู้สึกว่าตนเองโมโหจนจะหายใจไม่ออกแล้ว
"จุดนี้... ท่านไม่อาจเทียบกับท่านลุงได้"
ในที่สุดความอดทนเส้นสุดท้ายในใจของซูซานหลางก็ขาดผึง เขาอุ้มบุตรสาวตัวน้อยขึ้นไปแล้วยกมือฟาดก้นของนางหนึ่งที "ข้าว่าแล้วคุยกับเ้าด้วยเหตุผลไม่ได้เื่ ควรตีก้นไปเลยดีกว่า"
"หวา... ซูซานหลางตีเด็ก คนไม่ดี คนไม่ดี คนไม่ดีตีเด็กแล้ว ท่านย่า... ช่วยด้วย"
นางโก่งคอร้องะโสุดเสียง
ข้างนอกก็ย่อมจะได้ยิน ฉีอันคิดจะวิ่งเข้าไปในห้อง แต่ถูกอิ้งเยว่คว้าตัวไว้ นางเอ่ยอย่างใจเย็น "เ้าจะทำอันใด?"
ฉีอันแกว่งกำปั้นน้อยๆ "ข้าจะไปช่วยเฉียวเยว่ ท่านพ่อแย่มาก รู้แต่จะตีเด็ก"
นี่เรียกว่าตีที่ไหน ซูซานหลางแค่ตบก้นเบาๆ ทีเดียวเท่านั้นเอง
หากออกแรงจริงๆ นางจะร้องะโท้าทายเช่นนี้ได้หรือ?
อิ้งเยว่เอ่ยเสียงเรียบ "เด็กตัวกะเปี๊ยกเท่าเต้าหู้สามก้อนอย่างเ้า ทะเล่อทะล่าเข้าไปเดี๋ยวได้ถูกตีไปอีกคน เฉียวเยว่เคยเล่า 'บันทึกการเดินทางสู่ชมพูทวีป [1] ' ให้เ้าฟังแล้วมิใช่หรือ"
ฉีอันพลันนึกขึ้นได้ "จริงด้วยสิ ข้าต้องไปหาเทพ์มาช่วยมารน้อย"
หลังจากนั้นก็วิ่งตื๋อออกไป
เมื่อฉีอันไปเชิญทัพหนุนกลับมาถึง ตนเองก็ไปหลบด้านหลังของอิ้งเยว่
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินเสียงเฉียวเยว่ร้องไห้ลั่นห้อง ก็ปวดใจแทบไม่ไหว รีบเข้าไปทันควัน "นี่พวกเ้าทำอะไรกัน"
ซูซานหลางกำลังอบรมบุตรสาวอย่างระอาใจ มารดาเขาก็มาอีกแล้ว
"ท่านแม่"
เฉียวเยว่รีบพูดทันที "ท่านย่า ท่านลุงมอบของขวัญให้ข้าหีบหนึ่ง ท่านพ่อกับท่านแม่ข้าจะเก็บของไปให้ได้ ซ้ำยังจะตีข้าอีกด้วย"
เฉียวเยว่ะโฟ้องรวดเดียวจบประโยคไม่มีหยุดพัก
ฮูหยินผู้เฒ่าแยกแยะอยู่สักพักถึงเข้าใจว่านางพูดถึงเื่อะไร เห็นดวงหน้าน้อยน่าสงสารของนางก็เ็ปหัวใจสุดประมาณ ถลึงตาโกรธใส่บุตรชาย แล้วกอดเฉียวเยว่ไว้ "เฉียวเฉียวไม่ร้อง"
หลังจากนั้นก็กล่าวอย่างโมโหโทโส "เดี๋ยวนี้พวกเ้าสองสามีภรรยานับวันก็ยิ่งไม่ได้เื่ เฉียวเยว่เป็เด็กดีถึงเพียงนี้ พวกเ้าจะเอาอะไรอีก ซานหลาง ่นี้เ้าว่างมากใช่หรือไม่ถึงมีเวลามาตีบุตร ช่างเก่งกล้าเสียเหลือเกิน"
ซูซานหลางรู้สึกไม่เป็ธรรมอย่างยิ่ง แทบจะกระอักเืออกมาจริงๆ เขาพยายามสงบจิตใจ "ท่านแม่ ท่านคิดดู เฉียวเฉียวยังเล็ก หากไม่ควบคุมนางเสียแต่บัดนี้ โตไปเห็นเงินทองก็จะยิ่งตาโต นี่คือสิ่งที่ลูกผู้ดีมีสกุลพึงกระทำหรือขอรับ"
เพื่อสู้กับเื่นี้ เขาวิตกกังวลมากจริงๆ
เฉียวเยว่ะโเสียงดัง "แต่ชอบเงินก็ไม่ผิดเสียหน่อย ตนเองเห็นมาเยอะแล้ว เติบโตขึ้นถึงจะไม่ถูกเงินเพียงเล็กน้อยและถ้อยคำเสนาะหูของคนถ่อยหลอกเอาได้"
"พรืด"
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะอย่างอดไม่ได้ "ยายหนูคนนี้นี่!"
เฉียวเยว่ซบใบหน้าบนซอกคอของฮูหยินผู้เฒ่า "ท่านย่า บิดาข้าสมองเลอะเลือน"
ซูซานหลางหน้าดำทะมึน "สมองข้าแจ่มแจ้งเกินไปต่างหาก ถึงไม่จับพวกเ้าสองพี่น้องตีไปเสียพร้อมกัน ปล่อยให้สายลับไปขอกำลังเสริมมาช่วย" แม้ว่าเขาจะปราดเปรื่องเพียงใดก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็เช่นนี้
เขาเว้นจังหวะครู่หนึ่ง ก่อนพูดเสริม "เื้ัยังมีกุนซือหัวแหลมอีกคน"
อิ้งเยว่เอ่ยเสียงเรียบ "อย่างไรเสียการตีคนก็ไม่ถูกต้อง"
ซูซานหลางจนปัญญาจริงๆ "ข้าหวังดีกับพวกเ้า บิดาอย่างข้าจะทำร้ายพวกเ้าลงคอเชียวหรือ?"
"การบังคับผู้อื่นให้เดินตามทางที่ตนเองกำหนดก็ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว นี่เป็การกระทำที่เผด็จการไร้เหตุผล นอกจากนี้... ฮึ่ม อย่านึกว่าข้าไม่รู้ ท่านแค่อยากได้กำไลอันจิ๋วของข้า นี่คือของที่ท่านลุงมอบให้ ย่อมเป็ของข้า ปรกติท่านก็เอาของของข้าไปหมด เดี๋ยวนี้ยิ่งหนักข้อขึ้นทุกวัน" เด็กหญิงตัวน้อยโกรธจนแก้มป่อง
พอเห็นบุตรชายซึ่งไม่เคยบันดาลโทสะมาก่อนถูกบุตรสาวยั่วโมโหจนแทบกระอักโลหิตอยู่เป็ระยะ ไม่รู้เพราะเหตุใดฮูหยินผู้เฒ่าถึงรู้สึกว่าน่าสนใจ เหมือนว่าบุตรชายของตนจะดูมีกลิ่นอายความเป็มนุษย์มากขึ้นกว่าเดิม
นางอมยิ้มกล่าวว่า "เอาล่ะๆๆ ไม่มีใคร่ชิงของของเ้าไปได้ แต่จะเก็บไว้ให้ในคลังสมบัติ ส่วนกุญแจให้เ้าถือดีหรือไม่?"
ในที่สุดเฉียวเยว่ก็พยักหน้า "ท่านย่ามีใจกระจ่างเที่ยงธรรม ให้การอบรมบุตรหลานดีเยี่ยมที่สุด ไม่เหมือนท่านพ่อ"
ซูซานหลางเหลืออด "เ้าอยากก้นลายใช่หรือไม่"
เฉียวเยว่รีบปิดก้นน้อยๆ ของตนเองทันควัน พลางฟ้อง "ท่านย่า ท่านพ่อข่มขู่ข้า"
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะ "เอาล่ะ เอาล่ะ ซานหลาง เ้าอย่าเอาแต่ตีบุตร ห้าขวบไม่เล็กแล้ว อย่างไรเสียก็เป็สตรี มีเด็กผู้หญิงห้าขวบที่ไหนยังถูกบิดาตีก้นบ้าง แค่ตีมือก็มากพอแล้ว"
ดวงตากลมโตของเฉียวเยว่กลอกกลิ้งไปมา "ท่านย่า ท่านทราบหรือไม่เหตุใดบิดาข้าถึงตีก้น"
ฮูหยินผู้เฒ่าคล้อยตามคำพูดของนาง "เพราะเหตุใดหรือ?"
เฉียวเยว่ยู่ปาก "ก็เพราะก้นมีเนื้อเยอะกว่า บิดาข้าเฉียบแหลมยิ่งกว่าลิง ต้องตีข้ายับเยินแน่ๆ "
ซูซานหลางบดกรามอีกครั้ง "ท่านแม่ ท่านส่งนางให้ข้า ส่งให้ข้า! คอยดูว่าข้าจะไม่ตีก้นเ้าให้ลายไปข้าง ข้าจะทำให้นางรู้เสียบ้าง บุตรสาวบ้านไหนแสบเหมือนอย่างนาง ทั้งวันคิดแต่จะก่อเื่ซุกซน สามวันไม่ตีก็ขึ้นไปรื้อกระเื้ัคา ข้าคิดว่าคงสอนนางดีๆ ไม่ได้แล้ว"
"ท่านย่า!"
แท้จริงแล้วเฉียวเยว่เพียงแค่เปล่งเสียงร้องได้ แต่มิได้หลั่งน้ำตาสักหยด
ฮูหยินผู้เฒ่าทนความปวดใจไม่ไหว ตวาดเสียงเข้ม "เ้าสาม อย่าให้มันเกินไปนัก"
หลังจากนั้นก็ลูบดวงหน้าน้อยของเฉียวเยว่ พลางปลอบโยน "เฉียวเยว่ไม่ร้อง มา คืนนี้ไปนอนกับย่า"
"ข้าก็จะไปนอนกับท่านย่าด้วย" ฉีอันรีบะโออกมา เขาไม่มีทางอยู่เผชิญหน้ากับไฟโทสะสามจั้งของบิดาอย่างแน่นอน
ฮูหยินผู้เฒ่าปล่อยมือจากเฉียวเยว่ แล้วจูงคนละข้าง "ดี ดี ดี ไปนอนกับย่าให้หมด"
หลังจากนั้นก็ออกคำสั่ง "เอาสมบัติของเฉียวเยว่ไปเก็บ ลั่นแม่กุญแจไว้ แล้วส่งลูกกุญแจมา"
"ข้าก็จะเก็บเองเหมือนกัน" ฉีอันร้องขอบ้าง
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้ม "อื้ม ของฉีอันก็เหมือนกัน พวกเ้าลองคิดดีๆ ถึงเฉียวเยว่จะยุ่งวุ่นวายไปบ้าง แต่คำพูดของนางใช่ว่าไร้เหตุผล อย่าคิดว่าเด็กยังเล็ก ต้องผิดไปเสียทุกเื่"
เฉียวเยว่ยืดอก "ถูกต้อง"
ซูซานหลางอับจนปัญญาอย่างถึงที่สุด
ผลลัพธ์สุดท้ายของเื่คือสองพี่น้องได้แขวนกุญแจเล็กคนละดอกแล้วเดินตามฮูหยินผู้เฒ่ากลับไปเรือนหลัก
เฉียวเยว่พาฉีอันร้องเพลงเสียงดัง "ข้ามีลาน้อยตัวหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยขี่มัน อยู่มาวันหนึ่งข้าเกิดครึ้มใจขี่มันไปตลาด..."
ชาติก่อนนางเป็เด็กกำพร้า เข้าใจความสำคัญของเงินอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าในจวนนี้จะไม่ทำให้นางต้องลำบาก แต่การได้เห็นว่าตนเองมีทรัพย์สินเงินทองเท่าไรก็กลายเป็ความสุขทางใจของนางไปแล้ว
ความสุขเช่นนี้พวกท่านยังจะ่ชิงไปได้อย่างไร
เพียงแต่บิดาของนางต้องโกรธมากแน่ๆ
เฉียวเยว่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาเท้าคาง "ท่านย่า ท่านพ่อต้องโกรธแน่เลย ข้าควรคิดหาวิธีง้องอนท่านพ่อหรือไม่? ชายหนุ่มที่ชมชอบโคลงกลอนบทกวีมักมีจิตใจเปราะบางอยู่ด้วย"
"พรืด" ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะขบขันอย่างไม่อาจสะกดกลั้นอีกครา
...
[1] บันทึกการเดินทางสู่ชมพูทวีป คือหนึ่งในสี่ของวรรณกรรมเอกของประเทศจีน เป็เื่เล่าเกี่ยวกับการเดินทางไปแสวงบุญที่ชมพูทวีปของพระถังซัมจั๋ง ซึ่งมีลูกศิษย์สามคนร่วมเดินทางได้แก่ซุนหงอคง ตือโป๊ยก่าย และซัวเจ๋ง ระหว่างทางก็พบกับมารปิศาจใหญ่น้อยที่คิดหมายจะกินเนื้อของพระถังซัมจั๋งตลอดทาง เปรียบดั่งอุปสรรคระหว่างการเดินทางไปแสวงบุญ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้