สุดท้ายอ๋าวหรานก็ถูกคนอุ้มเหมือนเด็กผู้หญิงโดยมีสายตามากมายจ้องมองตาม มีคำกล่าวไว้ว่าครั้งแรกไม่คุ้น ครั้งที่สองคุ้นเคย ครั้งที่สามหลับตาทำได้ นี่มันครั้งที่สองแล้ว อ๋าวหรานที่เหมือนจะเป็โรคชายชาตรีอยู่หน่อยๆ นั้นยังพอค่อนขอดและฝืนยอมรับแบบไร้เรี่ยวแรงได้ แต่สำหรับครั้งที่สาม... อ๋าวหรานสาบานว่าจะไม่ให้มีครั้งที่สามอีก!
เหตุผลหลักที่ทำให้อ๋าวหรานยอมประนีประนอมนั้นเป็เพราะ จิ่งฝานเ้าเด็กนี่ไม่ได้มีกล้ามเนื้อแน่นไว้อย่างเสียเปล่า อีกทั้งยังมีความสูงร้อยเก้าสิบนั่นอีก แรงมากอย่างกับวัว อ๋าวหรานถูกเขาอุ้มไว้ในอ้อมแขนเหมือนถูกห่วงเหล็กมัดก็มิปาน ถูกรัดไว้อย่างแ่า
เมื่อทั้งสองลงไปถึงล่างเวทีนั้น จิ่งฝานสั่งให้คนที่เหลือฝึกซ้อมต่อไป เขาจะพาอ๋าวหรานไปรักษาาแก่อน
หลังจากทั้งสองจากไปแล้ว ทุกคนที่นั้นก็มีสีหน้าอึ้งตะลึง
จิ่งรุ่ยถามจิ่งเซียงด้วยความสงสัย “พี่ชายเ้าเป็อันใดไป? รู้สึกว่าเขาแปลกๆ นะ”
จิ่งเซียง “ข้าก็ไม่รู้ รู้สึกว่าหลังจากเขาไปฝึกฝนกลับมาครั้งนี้ก็เหมือนจะเปลี่ยนไปเป็คนละคน เวลาส่วนใหญ่ก็ชอบอยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าคิดอันใดอยู่กันแน่?”
หยุดไปพักหนึ่งจิ่งเซียงก็พูดต่อ “อีกอย่าง พี่ชายข้าเหมือนจะห่างเหินกับพวกเราไปแล้ว”
จิ่งรุ่ย “หรือว่าถูกกระทบกระเทือนอะไรมา?”
จิ่งเซียงใบหน้าอมทุกข์ “ไม่รู้สิ”
จิ่งรุ่ยพูดปลอบใจว่า “ถึงแม้ลักษณะนิสัยจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่การกระทำยิ่งทำให้คนศรัทธามากขึ้น อย่างไรก็ยังคงเป็นายน้อยของเราตระกูลจิ่ง! เป็พี่ชายของเ้า”
จิ่งเซียงถอนหายใจตอบว่า “อืม”
......
จิ่งฝานพาอ๋าวหรานไปยังเรือนเล็กของตนเอง ที่พักของนายน้อยตระกูลจิ่งแน่นอนว่าอยู่ในระดับที่สูงส่งอลังการ เทียบกับเรือนไผ่หลังเล็กของอ๋าวหรานนั้นยังใหญ่กว่าหลายเท่านัก การตกแต่งทั้งหลังก็พิเศษเป็อย่างยิ่ง
ระหว่างทางที่เดินมาอ๋าวหรานหลับไปแล้ว เขาเหนื่อยแล้วจริงๆ แน่นอนที่สำคัญคือท่าทางของจิ่งฝานนั้นแปลกประหลาดมาก ทั้งสองคนติดอยู่ในสภาพนี้จนรู้สึกกระอักกระอ่วนแต่ก็ไม่ทราบว่าจะทำเช่นไรดี อ๋าวหรานเลยคิดเสียว่าถ้ามองไม่เห็นก็จะไม่วุ่นวายใจ นอนหลับให้เต็มอิ่มสักตื่นแล้วค่อยว่ากัน
จิ่งฝานอุ้มอ๋าวหราน ร่างกายของหนุ่มน้อยที่ถูกอุ้มอายุสิบหกยังไม่สูงมาก ค่อนข้างผอม อุ้มไว้ในอ้อมแขนก็ไม่รู้สึกอะไร อีกทั้งยังใจกว้างอย่างยิ่ง เขานอนหลับไปโดยไร้การป้องกันใดๆ ศีรษะพิงอยู่ที่ไหล่ มีผมสองสามเส้นถูกลมพัดไปตกลงบนริมฝีปากที่อ้าออกน้อยๆ เกรงว่าคงเป็เพราะได้รับาเ็ ริมฝีปากจึงซีดขาวเล็กน้อย ดูแล้วทั้งน่ารักและน่าสงสารอยู่นิดหน่อย
จิ่งฝานเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไร กำลังทำอะไร ทำได้เพียงตกตะลึงมองใบหน้าที่ขาวสะอาดบอบบางจนดูอ่อนเยาว์นิดๆ ดวงนี้
ลมสายหนึ่งพัดผ่านไป
จิ่งฝานที่จู่ๆ ก็ดึงสติกลับมาได้ก็ตื่นเต็มที่ รวบแขนแน่น จิตสังหารรุนแรง ในตาเหมือนมีคลื่นลมโหมกระหน่ำทำให้คนใยิ่ง
“อื้อ...”
ถูกเสียงงึมงำละเมอเบาบางนี้ทำให้เขาหยุดชะงัก จิ่งฝานรู้สึกล่องลอยเล็กน้อย แต่ก็ค่อยๆ ดึงจิตสังหารนั้นกลับมา ค่อยๆ กลับเข้าสู่ความสงบ
......
“ซี๊ด— เจ็บจะตายอยู่แล้ว!
ฝันหวานถูกขัดจังหวะ หันศีรษะไปมองตัวการร้าย
“ทนหน่อยเถอะ เดี๋ยวก็หาย”
“อา...” ตอนนี้เองจึงค้นพบว่าจิ่งฝานกำลังทายาให้ตนอยู่
“ต่อไปก็พักอยู่ที่เรือนข้าเถิด”
“อืม... ห๊า? ” อ๋าวหรานมองจิ่งฝานด้วยความสงสัย
จิ่งฝาน “ไม่ใช่ว่ากราบข้าเป็อาจารย์แล้วหรือ? อยากตั้งใจเรียนวิชาแพทย์ก็มาพักอยู่กับข้าที่นี่ มันสะดวกกว่า”
อ๋าวหรานตอบอย่างอึ้งตะลึงว่า “แบบนี้จะไม่ค่อยดีหรือเปล่า เ้าเป็นายน้อยตระกูลจิ่ง เรือนพักของเ้า...” คนนอกไม่สามารถเข้ามาได้โดยง่ายมิใช่หรือ?
จิ่งฝาน “ไม่เป็ไร เื่เล็กแค่นี้ข้าตัดสินใจเองได้”
อ๋าวหรานหันมามอง ดวงตาของเขาโค้งขึ้นเป็รอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นข้าขอรบกวนแล้ว”
รอยยิ้มเช่นนี้ ทำให้จิ่งฝานไม่อาจควบคุมแรงมือของตัวเองได้ไปชั่วขณะหนึ่ง
“อา...อาจารย์ ท่านเบามือหน่อย!” ถูกคนกดแรงๆ ทีหนึ่งลงบนปากแผล ต่อให้อ๋าวหรานจะอดทนสักแค่ไหน ก็ยังอดประท้วงท่านอาจารย์ที่เพิ่งจะกราบไปหมาดๆ สักหน่อยไม่ได้
“มือพลาด” จิ่งฝานชะงักครู่หนึ่งจึงตอบ การลงน้ำหนักมือก็เบาลงแล้ว
าแบนร่างกายของอ๋าวหรานค่อนข้างเยอะ จิ่งฝานค่อยๆ ทายาอย่างละเอียด เปลือยท่อนบนอยู่ แต่ชายชาตรีน้อยอ๋าวหรานก็ไม่ได้ใส่ใจ ทั้งสองคนก็พูดคุยตอบโต้กันเล็กน้อยไปมาแบบนี้
อ๋าวหราน “พวกเราเรียนเื่สมุนไพรก่อนหรือเื่จุดก่อน?”
จิ่งฝาน “เรียนพร้อมกัน”
“อ้อ...” อ๋าวหรานที่เฉลียวฉลาดมาโดยตลอดรู้สึกสงสัยในสติปัญญาของตนเองนิดหน่อย คำถามที่ไม่ใช้สมองพวกนี้เขาถามออกไปได้อย่างไร?
อ๋าวหรานหันศีรษะไปมองขวดยาในมือของจิ่งฝานแวบหนึ่ง ขวดดินเผาสีขาว สลักเสลาอย่างงดงาม ด้านในมียาสีเขียวคล้ำบรรจุอยู่
“เ้าทายาอะไรให้ข้า?”
จิ่งฝานตอบว่า “ยาสมานแผล สรรพคุณตรงตามชื่อ ใช้รักษาพวกาแภายนอกโดยเฉพาะ ทาทุกวันเช้าเย็น สามวันก็เห็นผลแล้ว แผลเล็กๆ ครึ่งเดือนก็หาย ถ้าแผลใหญ่อย่างมากก็สองเดือน และไม่เหลือแผลเป็อะไรเอาไว้”
อ๋าวหรานนอนราบไปบนเตียง ฝืนยกตัวขึ้นเล็กน้อย ถามอย่างตั้งใจว่า “ยานี้ทำยากหรือเปล่า? แพงมากใช่ไหม?”
จิ่งฝานมองดูคนตรงหน้าที่่เอวคอดลงไป มือของเขาวางอยู่เส้นโค้งที่คอดลงไปนั้นพอดี รู้สึกว่านิ้วแข็งค้างไปเล็กน้อย
อ๋าวหราน “หื้ม?”
จิ่งฝาน “อ่า...อืม ใช่ ยาสมานแผลค่อนข้างแพงกว่ายารักษาแผลทั่วไปอยู่จริงๆ ส่วนประกอบยาก็คือสมุนไพรสำหรับทารักษาาแภายนอกที่เห็นได้ทั่วไป นอกจากสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ใช้รักษาแผลเป็ที่ชื่อว่า ‘ชีฮวา’ ที่ค่อนข้างมีราคาอยู่เล็กน้อย”
อ๋าวหรานพูดอย่างสงสัยว่า “แค่เพราะเพิ่มสมุนไพรชีฮวาเข้าไป ยานี้ก็ดีกว่ายาทั่วไปหรือ?” อ๋าวหรานรู้สึกว่าแค่เพิ่มสมุนไพรรักษาแผลเป็เข้าไปน่าจะไม่ถึงขนาดทำให้ยาได้ผลดีขนาดนี้กระมัง?
จิ่งฝาน “ไม่ใช่ สมุนไพรชีฮวามีสรรพคุณแค่ช่วยขจัดแผลเป็ ถึงจะบอกว่ามีราคา แต่ก็หาได้ทั่วไป ต่อให้เป็แค่คนธรรมดาทั่วไปก็ซื้อได้ ส่วนเหตุหลักที่ยานี้มีราคาแพงนั้นเป็เพราะมันถูกสกัดออกมาได้รวดเร็วกว่า วิธีสกัดสมุนไพรอันสำคัญนี้เป็สูตรเฉพาะที่ตระกูลจิ่งของเราคิดขึ้น ที่อื่นไม่มี”
อ๋าวหรานเข้าใจแล้ว “ความบริสุทธิ์สูงสินะ?”
จิ่งฝานอึ้งไปนิดหนึ่ง อดยิ้มตอบไม่ได้ “ถูกต้อง เป็เช่นนั้น”
จิ่งฝาน “ความบริสุทธิ์ วิธีพูดเช่นนี้ไม่เลว”
อ๋าวหรานยิ้มเบาบาง