เสว่อู๋เหินรู้สึกอัดอั้นตันใจและคับแค้นใจเป็อย่างมาก
อดีตเคยเป็นายน้อยใหญ่ของตระกูลเสว่ว่าที่หัวหน้าตระกูลเสว่รุ่นต่อไป นายน้อยของเมืองเพียวเสว่ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดล้วนเป็จุดสนใจของเหล่าผู้คน ไม่ว่าจะบ่ายหน้าไปทางไหนทุกคนล้วนให้การต้อนรับ แต่ตอนนี้ต้องมาหมกตัวอยู่แต่ในหอเล็กๆ แห่งหนึ่งภายในนครแห่งเทพ มิหนำซ้ำยังถูกบอกว่าภายในระยะเวลาห้าปีห้ามออกไปข้างนอก หาไม่แล้วละก็จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
หอที่พักอยู่เป็หอของถูเชียนจวิน แม้จะไม่ใหญ่มากแต่สภาพแวดล้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ล้วนครบครัน มีบ่าวรับใช้และหญิงสาวพร้อมเสร็จสรรพ การอยู่กินไม่เป็ปัญหา
นายน้อยที่เคยชินกับอาหารชั้นดี เสื้อผ้าสวยหรู และชอบเที่ยวสนุกหาความสำราญอย่างเขา ถูกบอกว่าต้องหมกตัวอยู่ข้างในนี้เพียงเท่านั้นห้ามออกไปภายนอกเป็ระยะเวลาถึงห้าปี แล้วอย่างนี้เขาจะทนอยู่กับชีวิตประจำวันที่จืดชืดจำเจไร้รสชาติที่ราวกับตกนรกเช่นนี้ได้อย่างไร?
เพียงแต่เขารู้ดีว่าถึงจะทนไม่ไหวก็จำเป็จะต้องทน เพราะว่า...ขอเพียงแค่เขาเดินออกไปจากหอที่พักแห่งนี้ จะถูกหน่วยสอดแนมของทั้งสี่ตระกูลและของเมืองัพบเห็นเข้า จากนั้น...ใครก็ช่วยเหลือเขาไม่ได้อีกต่อไป
ตอนที่อยู่บนเกาะแห่งความมืดมิดถูเชียนจวินได้มอบภารกิจให้เขาชิ้นหนึ่งเพื่อเป็ใบเบิกทางมาสู่นครแห่งเทพ ภารกิจคือต้องช่วยสังหารเย่ชิงหาน
เมื่อได้รับคำสั่งเขาไม่มีอาการลังเลใดๆ ยังไม่ต้องพูดถึงคำสั่งของถูเชียนจวิน เอาแค่ความแค้นส่วนตัวของเขากับเย่ชิงหานก็เพียงพอที่จะให้เขาลงมือแล้ว ดังนั้น ครั้งแรกที่เจอกับเย่ชิงหานจึงได้ปล่อยแมลงอำพรางในทันที จากนั้นนำลูกแก้วผลึกบอกตำแหน่งมอบให้เยาขาข่าและหมันก้านผ่านทางทูตของนครแห่งเทพ เขาคิดว่าแค่สังหารเย่ชิงหานอาศัยกำลังของทั้งสองเผ่าคงง่ายดายไม่ต่างกับการเหยียบมดตัวหนึ่งให้ตาย
เพียงแต่...ไม่คาดคิดว่าเย่ชิงหานจะหนีรอดไปได้ แถมยังโชคดีได้พบเจอกับของดีที่เปลี่ยนแปลงโชคชะตาอีก คนเดียวสามารถสยบกองทัพเป็หมื่นแสนและยังสามารถสังหารเยาขาข่าได้ในพริบตา
หลังจากที่ได้รับข่าวเขาก็ไม่ได้ลังเลรีบทำการหลบหนีเป็เวลาหลายคืนวันติดต่อกัน จากนั้นอาศัยนอนพักหลบอยู่ภายในถ้ำเป็เวลาครึ่งปีรอจนกระทั่งศึกใหญ่ตัดสินสุดท้ายเริ่มขึ้น เขาไม่ได้เดินทางเข้าไปภายในทุ่งหญ้าสีเืแต่เดินทางกลับไปยังค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราว หลังจากศึกใหญ่ตัดสินสุดท้ายจบลงทุกคนที่อยู่บนทุ่งหญ้าสีเืจะถูกเคลื่อนย้ายไปนครแห่งเทพโดยตรง ส่วนค่ายกลเคลื่อนย้ายที่อยู่ค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวก็จะเปิดขึ้นเป็เวลาหนึ่งเดือน ผู้ที่ไม่ได้อยู่ที่ทุ่งหญ้าสีเืสามารถใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวเคลื่อนย้ายส่งไปยังเกาะเทพา จากนั้นค่อยเคลื่อนย้ายส่งไปยังนครแห่งเทพอีกทีหนึ่ง
หลังจากผ่านการเคลื่อนย้ายไปมาหลายรอบ ในที่สุดวันก่อนเสว่อู๋เหินก็มาถึงนครแห่งเทพ เขาแสดงของที่เป็หลักฐานยืนยันที่ถูเชียนจวินมอบไว้ให้จึงถูกคนพามาที่หอถูเซียนโดยตรง
เขาคิดว่าตนเองปฏิบัติตามสิ่งที่ถูเชียนจวินสั่งให้ทำทุกอย่างและเสียสละอย่างมากมาย ตอนนี้น่าจะถึงเวลาที่จะได้รับความสำคัญและการดูแลจากถูเชียนจวินกลับมาบ้าง น่าจะเปลี่ยนสถานะให้ตนเองกลายเป็หนึ่งในสมาชิกของหอถูเซียนเพื่ออาศัยอยู่ในนครแห่งเทพ และมอบเคล็ดวิชาระดับสูงหรือสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์อะไรประมาณนั้นให้ตนเอง...เพียงแต่ว่าแม้แต่หน้าของถูเชียนจวินตนเองยังไม่ได้เจอก็ถูกพามายังที่นี่โดยตรง และยังบอกกับเขาอีกว่าภายในระยะเวลาห้าปีห้ามออกไปข้างนอกเป็อันขาด มิฉะนั้นแล้วจะต้องตายโดยที่ใครก็ไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้
เขาไม่รู้ว่ามันเกิดเื่อะไรขึ้น เขารู้สึกกลัวและเป็กังวล เขาอยากที่จะออกไปจากหอแห่งนี้ ออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็กลัวว่าจะต้องตายจริงๆ จนกระทั่งเช้าของวันนี้ถูเชียนจวินส่งคนนำข่าวมาบอกเขาถึงต้นสายปลายเหตุของเื่ราวทั้งหมดเขาถึงได้เข้าใจสิ่งต่างๆ อย่างถ่องแท้
ถูเชียนจวินถูกจองจำเป็ระยะเวลาห้าปี เื่ราวที่ตนเองทำไว้ทุกอย่างถูกเปิดเผยออกมาทั้งหมด เย่ชิงหนิวให้รางวัลสมบัติล้ำค่าระดับวิเศษคุณภาพระดับสูงแก่ผู้ให้เบาะแสนำจับตนเองได้ ถูเสินเว่ยจัดหาหอที่พักให้ตนเองอยู่หลบซ่อนตัวเช่นนี้คิดว่าคงเพราะเห็นแก่หน้าถูเชียนจวิน
เื่ราวทั้งหมดถูกเปิดเผย เขตปกครองเทพาไม่มีที่ให้ตนเองยืนอีกต่อไปแล้ว แม้ไม่รู้ว่าทางตระกูลจะพลอยได้รับผลกระทบไปด้วยหรือไม่ แต่รู้อย่างหนึ่งว่าหากตนเองปรากฏตัวขึ้นในเขตปกครองเทพาจักต้องตายอย่างแน่นอน จุดนี้ความจริงเขารู้ั้แ่แรกแล้วและเตรียมตัวเตรียมใจยอมรับผลที่จะตามมาไว้แล้ว แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือ...แม้กระทั่งนครแห่งเทพก็ยังไม่มีที่ให้เขายืนและปกป้องคุ้มครองเขาไม่ได้แม้กระทั่งต้นไม้ใหญ่อย่างถูเชียนจวินที่คิดอยากจะพึ่งพิงมาตลอดยังถูกจองจำถึงห้าปี และเห็นได้ชัดว่าถูเสินเว่ยไม่คิดที่จะสนใจนายน้อยตกอับอย่างเขา แค่จัดหาที่พักให้เขาอยู่อาศัยหลบซ่อนตัวก็นับว่าเป็การเห็นแก่หน้าของเขามากเกินพอแล้ว
ตนเองกลายเป็สุนัขเร่ร่อน ตระกูลเสว่ก็ไม่แน่ว่าอาจจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย ถูเชียนจวินถูกจองจำ ตนเองสภาพก็ไม่ต่างจากถูกจองจำ อนาคตเลือนราง หนทางมืดมน...
เื่ราวมันกลับกลายเป็เช่นนี้ได้อย่างไร? มันไม่น่าจะเป็เช่นนี้ได้? นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เขา้า ไม่ใช่ชีวิตที่เขาคาดหวังเอาไว้ ดังนั้นตลอดหนึ่งวันเต็มๆ ดวงตาหยินหยางของเขาได้แผ่ไอพลังที่เต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจและความคับแค้นเดือดดาลอันเกรี้ยวกราดออกมาปกคลุมไปทั่งทั้งหอที่พัก!
.................................
เย่ชิงหานอารมณ์ดีเป็อย่างมาก เรียกได้ว่าสดชื่นเบิกบานใจก็ว่าได้
อยู่ดีๆ ก็ได้นอนกับเย่ชิงอู่ พยายามจัดการกับเื่ราวที่เกิดขึ้นตลอดทั้งบ่ายจนสามารถจัดการให้จบลงได้ด้วยดี แม้เย่ชิงอู่ไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน แต่เย่ชิงหานก็สามารถรับรู้ได้จากรายละเอียดปลีกย่อยเล็กน้อยด้านอื่นๆ ว่า... ความจริงแล้วเย่ชิงอู่ไม่ได้รู้สึกต่อต้านเขา หรืออาจจะพูดได้ว่ารู้สึกชอบเขาเสียด้วยซ้ำไป
อยู่ดีๆ ก็ได้ภรรยาที่เป็สาวงามระดับพระกาฬมาคนหนึ่ง แถมยังเป็ชนิดที่เพียบพร้อมไปด้วยพลังฝีมือและอำนาจบารมีอีกด้วย แน่นอนว่ามันทำให้เขาอารมณ์ดีเป็อย่างมาก เดิมทีแล้วความรู้สึกของเขาที่มีต่อเย่ชิงอู่โดยมากจะเป็ความรู้สึกขอบคุณและเลื่อมใสเสียมากกว่า แต่หลังจากเมื่อคืนวานที่ได้สนิทชิดเชื้อกันแบบเนื้อแนบเนื้อ ตอนนี้เมื่อมองนางกลับมีแต่ความชอบเพียงเท่านั้น ใบหน้าเด็กสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของนาง ลักษณะท่าทางขมวดคิ้วยิ้ม อีกทั้งรูปร่างราวกับนางมารยั่วสวาท ผู้ชายคนไหนเห็นแล้วไม่ชอบก็คงเป็พวกขันทีไม่มีเดือยเท่านั้นแหละ...
ตอนที่อยู่ตระกูลเย่ ครั้งแรกที่เจอเย่ชิงอู่ก็ถูกเสน่ห์ของนางทำให้เคลิบเคลิ้มไปเหมือนกัน แต่แน่นอนว่าในตอนนั้นตนเองเป็แค่เพียงขยะ สาวงามระดับนางสำหรับเขาจึงทำได้แค่เพียงแหงนมองเพียงเท่านั้น ส่วน่ที่อยู่ในงานประลองาระหว่างเขตปกครองตนเองก็ไม่มีเวลามาคิดถึงเื่นี้ เหตุการณ์ที่ตีนเขายอดเขาขาดพลังฝีมือรุดหน้าอย่างรวดเร็ว เื่ราวภายในใจเบาบางลงไปแต่ใน่เวลานั้นตนเองและเยว่ชิงเฉิงกำลังปลูกต้นรักกันพอดีจึงไม่มีจิตใจที่จะไปหันมองหญิงอื่นอีก
เมื่อคืนวานดื่มเหล้าเมามายอย่างหนัก กลับห้องมาหลับฝันว่าได้ร่วมรักกับเถ้าแก่เนี๊ยอั้นเยว่ แต่กลับเป็เหตุให้ตนเองได้กายของเย่ชิงอู่มาครองอย่างไม่คาดคิด ในเมื่อ์ประทานโอกาสอันดีเช่นนี้มาให้ตนเองไฉนเลยจะปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ที่จะเอานางมาครองให้ได้ เขาเชื่อว่าขอเพียงเย่ชิงอู่ไม่ได้รู้สึกต่อต้านหรือรังเกียจเขา การได้นางมาครองเป็แค่เื่ของเวลาเพียงเท่านั้น ได้ร่างกายมาครองแล้วส่วนเื่หัวใจไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องถูกเขาพิชิตลงได้เช่นเดียวกัน...
“เ้าเดรัจฉานน้อยกำลังคิดอะไรอยู่? ยิ้มเสียเคลิบเคลิ้มเชียว?”
ตอนนี้เย่ชิงหานอยู่ภายในสวนแห่งหนึ่งในสวนที่พักตระกูลเย่ เขากำลังครุ่นคิดว่าจะทำเช่นไรถึงจะจัดการกับเย่ชิงอู่ให้อยู่ในกำมือได้อย่างแท้จริง ไม่คาดคิดว่าด้านข้างจะมีเงาร่างคนๆ หนึ่งปรากฏออกมา
“หืม? อ้อ...ท่านผู้าุโสูงสุดนี่เอง ไม่มีอะไรหรอกข้าแค่กำลังคิดถึงบางเื่เกี่ยวกับงานประลองาระหว่างเขตปกครองที่ผ่านมา! ท่านมาหาข้ามีธุระอะไรรึ?” เย่ชิงหานรีบหมุนตัวกลับไป เมื่อมองเห็นเย่ชิงหนิวกำลังเดินเข้ามาช้าๆ ถึงกับออกอาการสะดุ้งใ ในใจกลัวว่าเื่ของเย่ชิงอู่จะถูกเขารู้เข้าจึงรีบเอ่ยปากถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
“อืม ข้าอยากจะมาถามเ้าว่าเมื่อตอนบ่ายทำไมถึงได้เลือกสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีประโยชน์ชิ้นนั้น?” ดูจากลักษณะแล้วเย่ชิงหนิวไม่ได้รู้เื่ของเขาและเย่ชิงอู่ แต่กลับถามถึงเื่ที่หอเฝินเซียนขึ้นมาแทน
“เอ่ออ...เื่นี้ ข้าได้รับการส่งกระแสเสียงมาจากเสี่ยวเฮย มันบอกว่าสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้เป็สุดยอดของล้ำค่า!” เย่ชิงหานเมื่อเห็นว่าเย่ชิงหนิวไม่ได้เอ่ยถึงเื่ของเย่ชิงอู่ทั่วทั้งร่างพลันผ่อนคลายลงในทันที รีบพูดอธิบายบอกออกไป
เย่ชิงหนิวคิ้วขมวดขึ้นพร้อมกับถามขึ้นด้วยความแปลกใจเล็กน้อย “อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเ้าบอก? อืม เ้าเอาเกราะแขนระดับศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้นออกมาให้ข้าดูอย่างละเอียดหน่อย หรือว่าจะเป็สุดยอดของล้ำค่าจริงๆ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้