แต่ผ่านไปไม่นานบรรดาผู้แข็งแกร่งก็พบว่าการทดสอบที่ความยากระดับนรกนั้นก็คือการทดสอบที่ไม่สามารถผ่านไปได้ เมื่อผู้แข็งแกร่งทั้งหมดค่อยๆถูกฆ่าไปที่ละคนทีละคนจนหมดในขณะที่การทดสอบยังผ่านไปได้ไม่ถึงครึ่ง พวกเขาก็ยอมแพ้ และพวกเขายังยอมรับและเชื่อว่าไม่มีทีมไหนที่จะสามารถผ่านการทดสอบนี้ไปได้ ระดับนรก เดิมทีก็หมายถึงความสิ้นหวังที่ไม่มีหวังอยู่แล้ว
ดังนั้นบรรดาผู้แข็งแกร่งที่มีระดับถึงเลเวล 10 แล้วจึงเริ่มให้ความสนใจกับการทดสอบระดับฝันร้ายแทน ระดับฝันร้ายหมายถึงการทำให้คนหวาดกลัว และการทดสอบในระดับนี้ก็ครบเครื่องทั้งสองคำที่ประกอบกันเป็ “ฝันร้าย” บรรดาผู้แข็งแกร่งยังคงพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าการพ่ายแพ้ของระดับฝันร้ายไม่ได้ทำให้พวกเขายอมแพ้ เพราะทุกครั้งพวกเขาจะคืบหน้าไปหนึ่งก้าวเสมอ และมองเห็นความหวังขึ้นมาทีละนิดๆ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงเวลาที่เดินมาจนถึงจุดสิ้นสุดของการทดสอบระดับฝันร้ายจริงๆ
แต่นั่นมันสำหรับยอดฝีมือที่ยืนอยู่บนยอดความของแข็งแกร่งเท่านั้น แต่สำหรับผู้เล่นธรรมดาที่ไม่มีไอเทมแข็งแกร่งและทุนสนับสนุนแล้วการทดสอบระดับยากก็ยังคงเป็แม่น้ำสายใหญ่ที่ยากจะก้าวข้ามไป
เมื่อเริ่มต้นหมายเลข 12000
กลุ่มผู้เล่นมากมายเดินเข้าๆออกๆเมืองเริ่มต้นเป็คลื่นมหาชนเพื่อไปเก็บเลเวล เสียงเรียกลูกค้ามากมายดังขึ้นไม่หยุดจากทุกตรอกซอกซอยของเมืองเริ่มต้น เนื่องจากระดับของผู้เล่นนับวันก็ยิ่งเข้าใกล้เลเวล 10 มากขึ้นทุกที หัวข้อในการสนทนาต่างๆจึงเป็ไปในทางที่เกี่ยวกับการทดสอบเปลี่ยนอาชีพของเมืองเริ่มต้น แม้ว่าจะมีวิธีการทดสอบแบบเดี่ยว แต่หลังจากลองทดสอบดูแล้วความแข็งแกร่งแบบกลุ่มก็ถูกเปิดประเด็นขึ้นมาเป็อย่างแรก
ณ มุมถนนที่ไม่โดดเด่นแห่งหนึ่งของเมืองเริ่มต้น ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งนิ่งเงียบอยู่นานบนก้อนหินก้อนหนึ่ง เขานิ่งเงียบราวกับประติมากรรมอันสมบูรณ์แบบ ชายหนุ่มคนนั้นมีดวงตาคมและท่าทางเ็าชวนให้หญิงสาวใจเต้นแรง เขาเป็ผู้เล่นคนหนึ่งที่มีอาชีพนักฆ่า เสื้อผ้าของเขากระชับกับร่างกายและมีลวดลายเป็เส้นสีทอง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือชายหนุ่มที่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหนก็ล้วนกลายเป็จุดรวมสายตาของผู้คน แต่ถ้าหากได้สบตากับเขาก็จะยิ่งรู้ว่าทั้งหมดของผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เสน่ห์เหลือร้าย และเขาก็เป็มนุษย์อย่างแน่นอน
ชายคนหนึ่งที่มีรูปร่างสูงเดินเข้ามาถึงข้างกายเขาอย่างเงียบเชียบแล้วก้มหัวลงต่อหน้าเขา สายตาของชายคนนั้นมองไปที่ปลายเท้าของตัวเอง ถ้าเวลานี้มีใครมองไปด้านหน้าที่สายตาของเขาก็จะพบว่ามันเป็สายตาที่เต็มไปด้วยความเลื่อมใสที่กำลังจ้องมองพระเ้า
“อิ่ง มาพร้อมกันแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นช้าๆถามออกไปอย่างใจเย็น
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของเขาที่จ้องมองมา หัวของอิ่งก็ก้มต่ำลงไปอีกหลายส่วนโดยอัตโนมัติ “นายน้อย ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วครับ ทั้งสิบสองคนนี้เรียกได้ว่าเป็สิบสองคนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเริ่มต้นหมายเลข 12000 เลยครับ ไอเทม และการใช้อุปกรณ์ก็ได้ถูกเตรียมไว้อย่างปลอดภัยแล้วครับ ครั้งนี้พวกเราเชื่อมั่นว่าจะต้องผ่านการทดสอบระดับฝันร้ายได้อย่างแน่นอนครับ”
ชายหนุ่มพยักหน้า พูดออกมาเสียงเย็น “พวกเราพ่ายแพ้มาแล้วสี่ครั้ง ครั้งที่แล้วจะเป็ครั้งสุดท้ายที่เราจะพ่ายแพ้ ครั้งนี้พวกเราไม่มีข้ออ้างที่จะแพ้อีกต่อไป ไปเถอะ พวกเราต้องผ่านการทดสอบนี้ก่อนกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้าให้ได้ นี่เป็โอกาสดีที่จะได้กดความหยิ่งผยองของพวกมันลงไป”
“ครับ” อิ่งตอบกลับมา หลังจากนั้นก็ลังเลที่จะพูดต่อ “นายน้อย มีข่าวที่ไม่ค่อยดีเื่นึงครับ”
“หื้ม?” ชายหนุ่มหน้าบึ้งตึง
“เฟิงอิ่งที่เมืองเริ่มต้นหมายเลข 15000 ส่งข่าวมาว่า เ้านรกมีด์ตอบรับการเข้าร่วมการทดสอบระดับฝันร้ายกับกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้าไปแล้วครับ ผมกังวลว่า....”
“กังวลว่าเ้านรกมีด์จะเข้าร่วมกับกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้างั้นสิ?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วฉับ แล้วหัวเราะขึ้นมาเบาๆทันที “อิ่ง นายคิดมากเกินไปแล้ว คนอย่างเ้านรกมีด์ไม่ยอมเข้าร่วมกองกำลังไหนหรอก เพราะมันจะทำให้เขาขาดอิสระ ที่เขาร่วมมือกับกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้าก็เพราะจะยืมพลังของพวกมันผ่านการทดสอบระดับฝันร้ายเท่านั้นแหละ”
อิ่งพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “นายน้อยพูดถูกครับ ความแข็งแกร่งของพันธมิตรแดนเทพของเรานั้นต่อให้เ้านรกมีด์จะเข้าร่วมกับกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้าก็ไม่ใช่เื่ที่จะต้องใส่ใจ แม้ว่าซาอู๋จิ้นจะสานต่อตำนานเ้านรกมีด์ของเขาใน World of Fate ได้ แต่เขาก็ยังเป็แค่คนคนหนึ่ง.....ครั้งนี้ก็ยังจำเป็ต้องยืมพลังของกิลล์ปีกแห่งท้องฟ้าเพื่อผ่านการทดสอบระดับฝันร้ายอีก”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นส่ายหน้าน้อยๆ “นายพูดก็ไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูกอยู่ดี พลังของคนหนึ่งย่อมอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าคนเป็ล้าน แต่เมื่อเทียบกับคนทั่วไป มีอยู่สามคนที่นายพยายามอย่าไปหยามน้ำหน้าพวกเขาจะดีกว่า......นายเข้าใจไหมว่าคนที่ฉันพูดถึงคือใคร?”
“ผม......เข้าใจแล้วครับ” สีหน้าของอิ่งเคร่งเครียดขึ้นทันที คนที่สามารถทำให้หัวหน้าพันธมิตรแดนเทพให้ความสำคัญได้นั้น นอกจากสามคนนี้แล้วก็ไม่น่าจะมีคนอื่นอีกแล้ว
าาปีศาจไร้พ่ายเทียนโม่เซี่ย เ้านรกดาบ์ซาอู๋จิ้น อาชูร่าเ้าเสน่ห์ปีศาจจันทร์สีเื สามผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองหัวเซี่ยและตำนานของโลกแห่งเกมออนไลน์ ไม่ว่าใครในหนึ่งคนนี้ก่อเื่อะไรไว้ก็ตามผลที่ตามมาก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนหน้าซีด
“โดยเฉพาะเทียนโม่เซี่ยคนนั้น.........แม้ว่าฉันจะไม่เคยประมือกับพวกเขาทั้งสามคน แต่ไม่ว่าจะเป็ใน Atlas หรือ Killing God ฉันเชื่อว่าฉันมีพลังมากพอที่จะไม่พ่ายแพ้ให้กับซาอู๋จิ้นและปีศาจจันทร์สีเื แต่ไม่เคยมีความมั่นใจว่าจะชนะเทียนโม่เซี่ยเลย” ชายหนุ่มขมวดคิ้วพูดออกมา เสียงราบเรียบนั้นหากไปถึงหูของคนอื่นคงจะต้องใกลัวจนหน้าซีดเป็แน่
มีความมั่นใจว่าจะไม่พ่ายแพ้ให้กับซาอู๋จิ้นและปีศาจจันทร์สีเื คนคนนี้แท้จริงแล้ว.......
จ้างเสิน หัวหน้าพันธมิตรแดนเทพ เนื่องจากมีกองกำลังอันยิ่งใหญ่จึงไม่เคยต้องเป็คนลงมือเอง พลังของเขานั้นแข็งแกร่งมาก มีคนแค่จำนวนจำกัดไม่กี่คนที่รู้จักเขามากที่สุดถึงจะเข้าใจชัดเจน
อิ่งพูดออกมาด้วยใบหน้าละอาย “นายน้อยครับ ตอนนี้ยังคงไม่มีข่าวว่าเทียนโม่เซี่ยกับปีศาจจันทร์สีเือยู่ที่ไหนเลยครับ”
“ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก” จ้างเสินยืนขึ้น มุมปากยกยิ้มคลุมเครือ “พวกเขาเป็พวก ที่ไหนคนน้อยก็ไปที่นั่น ถ้าพวกเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครหาพวกเขาพบหรอก สิ่งที่ฉันสนใจก็คือสมาคมพ่อค้าเดือนเจ็ดมีความเคลื่อนไหวบ้างหรือเปล่า”
อิ่งส่ายหน้า “ไม่มีครับ ่นี้พวกเราจับตาดูอยู่ตลอด แต่กลับไม่มีข่าวคราวใดๆเกี่ยวกับสมาคมพ่อค้าเดือนเจ็ดเลยครับ”
จ้างเสินครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา “หลิ่วชีเยว่ไม่มีทางเก็บตัวเงียบหรอก ไม่รู้ว่าครั้งนี้เธอจะทำให้พวกเราใยังไงบ้าง.......พวกเราไปกันเถอะ”
อิ่งตามติดจ้างเสินไปทางด้านหลัง ท่าทางของจ้างเสินแม้ว่าจะดูสงบนิ่งอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อพูดถึง “หลิ่วชีเยว่” อิ่งยังคงจับสังเกตได้ถึงความหลงใหลจากสายตาของเขา หลิ่วชีเยว่.......หญิงสาวที่ใครต่อใครต่างยกย่อง ผู้มีใบหน้างดงามราว์สร้าง และร่างกายยั่วยวนราวปีศาจ อีกทั้งยังชอบใช้วิธีการราวกับมารร้าย เธอคือผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้จ้างเสินแสดงสีหน้าแบบนี้ออกมา