บทที่ 3 อาบน้ำแร่แช่น้ำนมในมิติ
หลังจากเสียงฝีเท้าของสามแม่ลูกจางหายไปจนสิ้นเสียง ความเงียบสงัดก็โรยตัวเข้าปกคลุมห้องเก็บฟืนเก่าคร่ำคร่าแห่งนี้อีกครั้ง ความเงียบที่ใครบางคนอาจมองว่าวังเวง แต่สำหรับหลินซีแล้ว มันคือเสียงดนตรีแห่งชัยชนะในยกแรก
เด็กสาวลากโต๊ะไม้ตัวเก่าที่มีขาโยกเยกไปขวางประตูลงกลอนไว้อีกชั้นอย่างแ่า พลางแค่นหัวเราะในลำคอเบาๆ
“กระต่ายเ้าเล่ห์ย่อมมีสามโพรง แต่คนโง่เขลามักมีทางตายเพียงทางเดียว พวกแกคิดจะขังฉันไว้ในกรงขังแห่งความกตัญญู ฝันไปเถอะ”
เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครเข้ามารบกวนได้อีก หลินซีทรุดตัวลงนั่งหน้ากระจกบานเล็กที่แตกร้าว ซึ่งตั้งอยู่บนหีบไม้ปลายเตียง
ภาพสะท้อนในกระจกมัวหมองนั้นช่างน่าเวทนา
หญิงสาวในวัยสิบเก้าปี วัยที่เปรียบดั่งดอกไม้แรกแย้มที่ควรจะผลิบานอวดสีสัน แต่สิ่งที่ปรากฏกลับเป็ร่างที่ผอมโซจนเห็นไหปลาร้าปูดโปน ผิวพรรณเหลืองซีดแห้งกร้านราวกับใบไม้ร่วงที่ถูกเหยียบย่ำ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงพันกันเป็ก้อน และที่สำคัญ กลิ่นตัวเหม็นอับจากการไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันผสมกับกลิ่นเืแห้งกรัง
"์ นี่ฉันหรือศพเดินได้กันแน่? สภาพดูไม่ได้ยิ่งกว่าขอทานข้างถนนเสียอีก"
หลินซีพึมพำอย่างหัวเสีย นิ้วมือเรียวแตะลงบนแก้มที่ตอบจนเห็นโหนกกระดูก ิัหยาบกร้านสากระคายราวกับกระดาษทรายเบอร์หยาบ รอยฟกช้ำม่วงคล้ำจากการถูกทุบตีประดับอยู่ตามท่อนแขนและลำคอ ตัดกับผิวสีเหลืองซีดเซียวอย่างน่ากลัว
สำหรับอดีตหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษผู้รักสวยรักงามและดูแลตัวเองเป็เลิศอย่างเธอ การต้องมาติดอยู่ในร่างที่ทรุดโทรมเช่นนี้ถือเป็ความอัปยศขั้นสูงสุด ยิ่งกว่าการพ่ายแพ้ในสนามรบเสียอีก
"ไม่ได้การ ขืนปล่อยไว้แบบนี้ อย่าว่าแต่จะไปตบตีสั่งสอนใครเลย แค่เดินออกจากบ้านหมายังเมิน"
หลินซีตัดสินใจทันที เธอหลับตาลง จิตสมาธิดิ่งลึกเชื่อมต่อกับมิติส่วนตัว
เพียงพริบตาเดียว ร่างกายและจิติญญาของเธอก็หายวับไปจากห้องเก็บฟืนอันอับชื้น เข้าสู่พื้นที่ที่สว่างไสวและเต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย
[ยินดีต้อนรับสู่โซนที่พักอาศัยระดับ VVIP]
หลินซีเดินตรงไปยังห้องน้ำสุดหรูในโซนที่พักอาศัย พื้นหินอ่อนสีขาวลายเมฆนำเข้าจากอิตาลีเย็นเฉียบเมื่อัักับฝ่าเท้าเปลือยเปล่า อ่างอาบน้ำจากุซซี่ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง ราวกับบัลลังก์แห่งการชำระล้าง
มือเรียวหมุนก๊อกน้ำทองคำ น้ำอุ่นอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียสไหลซู่ออกมาพร้อมไอน้ำที่ลอยกรุ่น
แต่แค่น้ำเปล่าคงไม่พอสำหรับสภาพผิวที่แห้งแล้งขนาดนี้
หลินซีเดินไปที่ชั้นวางของในโซนซูเปอร์มาร์เก็ต กวาดตามองอย่างผู้มีชัย ก่อนจะหยิบ นมสดพาสเจอร์ไรซ์เกรดพรีเมียม ออกมาห้าแกลลอนใหญ่ ตามด้วยน้ำผึ้งป่าเดือนห้า และน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบพันปี
หากเป็คนในยุค 80 เห็นภาพนี้ คงต้องอกแตกตายด้วยความเสียดาย นมสดและน้ำผึ้งเป็ของล้ำค่าที่คนธรรมดาแทบไม่มีปัญญาซื้อมากิน แต่หลินซีกลับเทพวกมันลงในอ่างอาบน้ำอย่างไม่ไยดี ราวกับเทน้ำทิ้ง!
ซู่...
สีขาวข้นของนมผสมผสานกับความใสของน้ำร้อน กลายเป็น้ำนมสีนวลเนียน กลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้งและกุหลาบฟุ้งกระจายไปทั่วห้องน้ำหรูหรา กลบกลิ่นคาวเืและกลิ่นอับจนหมดสิ้น
หลินซีปลดเปลื้องเสื้อผ้าเก่าขาดวิ่นที่ส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวออกจากกาย ชุดชั้นในที่เป็เพียงผ้าฝ้ายหยาบๆ สีตุ่นถูกโยนลงตะกร้าอย่างรังเกียจ
เมื่อปราศจากอาภรณ์ปกปิด เรือนร่างที่แท้จริงของหญิงสาวก็ปรากฏแก่สายตา
แม้จะผอมโซจนเห็นซี่โครง แต่โครงร่างของเ้าของเดิมนั้นจัดว่างดงามอย่างน่าประหลาด
ไหล่ลาดมนได้รูป ไหปลาร้าลึกชัดเจนที่ดูเซ็กซี่เย้ายวน เอวคอดกิ่วที่เล็กจนแทบจะโอบรอบด้วยสองมือ ท่อนขายาวเรียวที่แม้จะดูอ่อนแอแต่ก็เหยียดตรงสวยงาม
สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสกปรกมอมแมม คือ หยกเนื้อดี ที่รอวันเจียระไน
"ช่างน่าเสียดาย ดอกไม้ที่งดงามขนาดนี้ กลับถูกเลี้ยงดูมาอย่างวัชพืช"
หลินซีถอนหายใจเบาๆ ปลายนิ้วลูบไล้รอยแผลเป็จางๆ ที่หน้าท้องและแผ่นหลัง หลักฐานแห่งความทารุณที่ตอกย้ำความแค้นในใจ
เธอก้าวเท้าลงไปในอ่างน้ำนม
ความร้อนผะแ่โอบล้อมผิวกาย ความนุ่มนวลของน้ำนมแทรกซึมเข้าสู่รูขุมขนที่แห้งผาก หลินซีหลับตาพริ้ม ส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ ด้วยความสุขสม
"อืม..."
ความรู้สึกผ่อนคลายแล่นพล่านไปทั่วร่าง กล้ามเนื้อที่ตึงเครียดค่อยๆ คลายตัวลง
เธอหยิบฟองน้ำขัดตัวเนื้อละเอียด ชุบน้ำนมจนชุ่ม แล้วเริ่มขัดถูร่างกายอย่างพิถีพิถัน
คราบไคลสีดำสกปรกที่สะสมมานานหลุดลอกออกมาเป็แผ่นๆ น้ำในอ่างเริ่มขุ่นมัว แต่ผิวพรรณที่ซ่อนอยู่ข้างใต้นั้นกลับเริ่มเปล่งปลั่งขึ้น
ขัด... ขัด... และขัด...
ราวกับกำลังขัดล้างความอัปยศอดสูในอดีตทิ้งไป
เมื่อคราบสกปรกหลุดออกจนหมด สิ่งที่ปรากฏคือผิวเนื้อที่ขาวจัดราวกับหิมะแรกฤดูหนาว แม้จะยังดูซีดเซียว แต่ความเนียนละเอียดนั้นยากจะหาใครเปรียบ เป็ความงามแบบผิวหยวกกล้วย ที่หาได้ยากยิ่งในหมู่สาวชาวบ้านที่ต้องตากแดดตากลม
หลินซีแช่น้ำอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง จนกระทั่งผิวเริ่มอมชมพูระเรื่อด้วยเืฝาด เธอจึงลุกขึ้นจากอ่าง หยดน้ำเกาะพราวไปตามเรือนร่างที่โค้งเว้า หยดน้ำนมไหลรินผ่านยอดอกสีหวาน ผ่านหน้าท้องแบนราบ ลงสู่เรียวขาขาวผ่อง
ภาพสะท้อนในกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำมิติตอนนี้ ช่างแตกต่างจากเด็กสาวหน้าเตาผิงเมื่อครู่ราวฟ้ากับเหว
หญิงสาวในกระจกดูเปราะบางน่าทะนุถนอม แต่แววตากลับทรงพลังดุจราชินี
"นี่สิ ถึงจะสมกับเป็หลินซี"
เธอเช็ดตัวจนแห้งสนิท ก่อนจะเดินนวยนาดราวกับนางแบบบนแคทวอล์กไปยังโซนเครื่องสำอางและสกินแคร์ระดับไฮเอนด์ที่เรียงรายอยู่บนชั้นวางกระจกใส
มือเรียวเอื้อมไปหยิบ บอดี้โลชั่นสูตรเข้มข้นผสมทองคำเปลว ขวดหรูออกมา กดเนื้อครีมสีขาวมุกวาววับลงบนฝ่ามือ กลิ่นหอมละมุนของดอกคามิเลียและวานิลลาลอยฟุ้งแตะจมูก สร้างบรรยากาศผ่อนคลายดุจอยู่ในสปาชั้นนำ
หลินซีค่อยๆ ชโลมเนื้อครีมลงบนผิวที่เพิ่งผ่านการขัดสีฉวีวรรณ ััเย็นฉ่ำของโลชั่นซึมซาบลงสู่ผิวเนื้อที่กระหายน้ำอย่างรวดเร็ว ปลายนิ้วเรียวยาวลูบไล้ไล่ั้แ่ข้อเท้าเล็กบาง ขึ้นมาตามปลีน่องที่เริ่มมีน้ำมีนวล ผ่านหัวเข่ามนสวย และวนเวียนนวดคลึงที่ต้นขาด้านในอย่างแ่เบาเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
ความเงางามของน้ำมันระเหยในโลชั่นเคลือบผิวที่ขาวซีดให้ดูเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวาขึ้นทันตาเห็น ผิวพรรณที่เคยหยาบกร้านดั่งเปลือกไม้ บัดนี้เริ่มคืนสภาพกลายเป็ดั่งผ้าไหมเนื้อดีที่นุ่มลื่นน่าัั
เธอไล่มือขึ้นมานวดวนที่หน้าท้องแบนราบที่ยุบลงไปจนเห็นขอบกระดูกเชิงกรานเซ็กซี่ ก่อนจะเลื่อนมือผ่านเอวคอดกิ่ว ขึ้นมากอบกุมความนุ่มหยุ่นที่หน้าอก
แม้ร่างเดิมจะขาดสารอาหารจนผอมแห้ง แต่ทว่าส่วนที่ควรมีกลับไม่ด้อยไปตามร่างกาย ทรวดทรงความเป็สาวเริ่มฉายแววคัดตึง ยอดอกสีหวานชูชันรับััจากปลายนิ้วที่ทาบทาครีมลงไป ความรู้สึกวูบวาบแล่นพล่านจนขนอ่อนลุกชัน
"ผอมไปหน่อย แต่ทรงสวยใช้ได้ ถ้าขุนให้อ้วนกว่านี้อีกนิด รับรองว่าพวกผู้หญิงในเมืองหลวงต้องมองค้อนจนคอเคล็ดแน่"
หลินซียิ้มพึงพอใจให้กับเงาสะท้อนในกระจก ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าในโซนมอลล์
ถึงเวลาเลือกเกราะชั้นในชิ้นใหม่
เธอมองข้ามกางเกงในผ้าฝ้ายสีขาวแบบป้าๆ ที่คนยุคนี้นิยมใส่ แล้วเลือกหยิบ ชุดชั้นในลูกไม้สีดำสนิท ดีไซน์เย้ายวนแต่กระชับสรีระออกมา
บราเซียลูกไม้ไร้โครงที่โอบอุ้มหน้าอกได้อย่างนุ่มนวล ตัดกับผิวขาวจัดราวกับหิมะแรกฤดูหนาวอย่างน่ามอง กางเกงในเข้าชุดเว้าสูงโชว์โคนขาเรียวยาว ขับเน้นสะโพกให้ดูผายออกอย่างมีเสน่ห์
เมื่อสวมใส่เสร็จสิ้น หลินซีหมุนตัวหน้ากระจกบานใหญ่
ภาพที่ปรากฏคือหญิงสาวที่ดูภายนอกบอบบางน่าทะนุถนอม แต่ภายใต้ร่มผ้ากลับซ่อนความร้อนแรงและงดงามเอาไว้อย่างมิดชิด เหมือนดั่งกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมคมไว้ใต้กลีบดอกอันอ่อนนุ่ม
"สวย สวยมาก"
แต่ทว่า ในความเป็จริง เธอยังไม่สามารถเดินเฉิดฉายในชุดนี้ออกไปข้างนอกได้
หลินซีถอนหายใจยาว ก่อนจะจำใจหยิบเสื้อผ้าชุดเดิม เสื้อคอกลมสีตุ่นๆ ที่มีรอยปะชุนตรงข้อศอก และกางเกงขายาวสีกรมท่าที่ซีดจางจนเกือบเป็สีเทา ขึ้นมาสวมทับลงไป
ผ้าหยาบๆ บดบังความงดงามของเรือนร่างและชุดชั้นในราคาแพงจนมิดชิด
ผ้าขี้ริ้วห่อทอง คงเป็คำนิยามที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้
หลินซีหวีผมที่สระและเป่าจนแห้งสนิท ผมยาวสลวยสีดำขลับทิ้งตัวลงคลอเคลียแผ่นหลัง เธอมัดมันรวบขึ้นเป็หางม้าง่ายๆ เผยให้เห็นลำคอระหงและใบหน้าที่สะอาดสะอ้าน แม้จะไม่ได้แต่งหน้า แต่ผิวที่ได้รับการบำรุงอย่างดีก็ทำให้เธอดูโดดเด่นออกมาจากเด็กสาวชาวบ้านทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
"เอาล่ะ ได้เวลาออกไปเผชิญหน้ากับความจริงแล้ว"
เธอสูดหายใจลึก ดึงสติและจิตสังหารกลับมาสวมทับเป็หน้ากากอีกชั้น ก่อนจะเพ่งจิตเพื่อออกจากมิติ
วูบ!
บรรยากาศเย็นสบายหายไป แทนที่ด้วยความอบอ้าวของห้องเก็บฟืน
หลินซียืนอยู่กลางห้อง ร่างกายเบาสบายและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน อาหารที่กินเข้าไปเริ่มแปรรูปเป็พละกำลัง สมองปลอดโปร่งพร้อมรับมือกับทุกเล่ห์เหลี่ยม
เธอเดินไปปลดกลอนประตูที่ขัดไว้ แล้วผลักบานประตูไม้เก่าๆ ให้เปิดออกกว้าง
แอ๊ด...
แสงตะวันสายสาดส่องเข้ามาปะทะใบหน้า หลินซีก้าวเท้าออกมาสู่ลานบ้านด้วยท่วงท่าที่เปลี่ยนไป
ไม่ใช่การเดินก้มหน้าก้มตาอย่างขลาดกลัวอีกต่อไป แต่เป็การก้าวเดินที่มั่นคง สง่างาม และเต็มไปด้วยความมั่นใจของราชินีที่กำลังเดินตรวจตราอาณาจักรของตนเอง
และเป้าหมายแรกในวันนี้ คือการทวงคืนทุกสิ่งที่ควรจะเป็ของเธอ!
