ติง! ติงๆ! ติงๆ! ติงๆๆๆ…!
ติ๊ง! ติ๊งๆ! ติ๊งๆ! ติ๊งๆๆๆ…!
นักกู่ฉินทั้งเมือง ต่างร่วมใจกันบรรเลงเพลงเปย่ ไปพร้อมกู่ไห่อีกครั้ง ก่อนจะโจมตีไปยังเมฆมืดบนท้องฟ้าอย่างสุดพลัง...
เกิดเสียงดังสนั่นสะท้านฟ้าะเืดิน เพลงเปย่เปลี่ยนเป็พลังโจมตีอันมหาศาล อย่างหาที่เปรียบมิได้!
เมื่อผู้คนทั้งเมืองบรรเลงบทเพลงไปพร้อมกัน จึงทำให้พลังของจิติญญาแห่งการต่อสู้ของพวกเขา หลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกัน พลังอันมหาศาล ประหนึ่งอสูรั์ พุ่งตรงไปยังเมฆครึ้มบนท้องฟ้าอย่างเต็มกำลัง!
ตูม…!
เสียงะเิดังกึกก้อง พร้อมการสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ราวกับท้องฟ้ากำลังจะถล่มทลาย เมฆามรณะพลันสั่นคลอนขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังมีรอยร้าวเพิ่มมากขึ้น ทำให้ทุกคนเริ่มที่จะเห็นแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ที่ส่องผ่านรอยแยกของกลุ่มเมฆมืดดำ
นี่ไม่ใช่แค่แสงแดด แต่เป็ดั่งแสงแห่งความหวังของผู้คนทั้งเมือง เหมือนกับแสงแห่งชัยชนะของพวกเขา หลังจากที่พยายามยืนหยัดต่อสู้กับชะตากรรมอันเลวร้ายมาด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม รอยแยกนั้นกลับถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำอีกครั้ง พลัน ลมพายุอันรุนแรงก็เคลื่อนเข้ามายังเมืองอิ๋นเยวี่ย
กู่ฉินในมือของเซียนหว่านเอ๋อร์สั่นเทาเล็กน้อย ก่อนที่มันจะสะท้อนพลังกลับไปยังเ้าของทันที เมื่อรับรู้ได้เช่นนั้น ใบหน้าของนางก็ค่อยๆ แดงก่ำ เพราะทุกอย่างไม่เป็ไปตามที่คาดหวัง
“เป็ไปไม่ได้! เหยื่ออธรรมของข้านั้น ไร้ที่ติ ยากที่จะมีใครเอาชนะได้... ทั้งเพลงที่ชนะ ยังเป็เพลงใหม่ที่เพิ่งแต่งขึ้นมาอีก? ข้าไม่เชื่อ... ไม่เชื่อ...!” ดวงตาของเซียนหว่านเอ๋อร์แข็งกร้าว กู่ฉินในมือสั่นไหวไปตามอารมณ์ของผู้เป็เ้าของ
เสียงกู่ฉินดังขึ้น เหยื่ออธรรมถูกบรรเลงอีกครั้ง เมฆดำก็เคลื่อนเข้ามาปกคลุมทั่วทุกพื้นที่อีกครา ยิ่งมวลเมฆหนาเท่าใด ัร้ายสีดำก็ยิ่งพลิ้วไหวท่ามกลางมวลเมฆมืดมากขึ้น มันอ้าปากส่งเสียงคำรามลงไปยังเมืองเบื้องล่าง ช่างดูน่าครั่นคร้ามนัก
“ลองอีกสักครั้ง!” กู่ไห่ะโเสียงดัง
“ได้เลย...!” นักกู่ฉินทั้งเมืองะโออกมาอย่างพร้อมเพรียง
ผู้คนทั้งหลาย ต่างรู้สึกตื่นเต้นยินดี เมื่อมีความหวังอีกครั้ง
โชคชะตา? หาใช่ไม่อาจควบคุมได้ ขอเพียงมีความมุ่งมั่นตั้งใจ แม้จะหนักหนาเพียงใด เ้าก็จะกุมชะตากรรมของตนได้
ติง! ติงๆ! ติงๆ! ติงๆๆๆ…!
ติ๊ง! ติ๊งๆ! ติ๊งๆ! ติ๊งๆๆๆ…!
เสียงกู่ฉินจากทั่วเมือง ได้สอดประสานกับเสียงกางฉินของกู่ไห่อีกหน ด้วยความมั่นใจที่มากขึ้น พลันทำให้จิติญญาของพวกเขายิ่งกล้าแข็ง พลังเล็กๆ แต่เมื่อรวมกันเป็หนึ่งเดียว ก็ย่อมต่อกรกับภัยร้ายได้
หากเมฆมืดแห่งโชคชะตา เปรียบเสมือนัร้ายสีดำ จิติญญาแห่งการต่อสู้ของพวกเขา ที่หลอมรวมเป็หนึ่งนี้ ก็เป็ดั่งัเทพสีทอง
“ย๊าก……!”
“ย๊าก.......!”
ัทั้งสองต่างคำรามลั่น ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ราวกับจะปลดปล่อยพลังออกมาเป็ครั้งสุดท้าย จึงไม่มีใครยอมใคร
“ทำลายสิ้น!”
ตูม...!
การต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่าง์และแดนดิน… นี่เป็การต่อสู้ระหว่างความเป็และความตาย
จิติญญาแห่งการต่อสู้อันน่าเกรงขาม ประหนึ่งัเทพสีทอง ที่พุ่งปะทะกับัอธรรมสีดำตัวใหญ่ พลังของพวกเขาพุ่งเข้าไปยังใจกลางของเมฆครึ้มที่ปกคลุมเมือง
ตูมๆ!
ด้วยพลังอันมหาศาลของจิติญญานักสู้ เมฆมืดนั้นจึงถูกทะลวงจนเป็ช่องโหว่ขนาดมหึมา ใหญ่เกินกว่าที่จะฟื้นคืน
เมื่อเกิดช่องว่าง แสงอาทิตย์จึงแทรกเข้ามา ส่องประกายเจิดจ้าทั่วทุกบริเวณ ขับไล่ความมืดมิดออกไป ผู้ฝึกตนที่สายตาเลือนรางหรือมืดบอด พลันกลับมามองเห็นชัดเจนอีกครั้ง
“ข้าเห็นแล้วๆ... กู่ไห่! เ้าทำสำเร็จแล้ว!” หลงหว่านชิงะโด้วยความดีใจ
ผู้คนเกินครึ่ง เริ่มที่จะฟื้นตัวจากการถูกครอบงำจิตใจ
ชัยชนะเป็ของชาวเมืองอิ๋นเยวี่ย ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน ต่างกู่ร้องด้วยความยินดี
...
“พรวด!”
ที่ฝั่งตรงกันข้าม เซียนหว่านเอ๋อร์ที่ถูกพลังสะท้อนกลับ กระอักโลหิตทันที
“ไม่! เป็ไปไม่ได้ เหยื่ออธรรมของข้า เป็เพลงที่สมบูรณ์แบบที่สุด… มันสมบูรณ์แบบที่สุด!” เซียนหว่านเอ๋อร์ถลึงตามองกู่ไห่ อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง
“กู่ไห่สามารถทำลายเหยื่ออธรรมของข้าได้? ไม่! เ้าเด็กที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของข้าคนนี้ จะทำลายเหยื่ออธรรมได้อย่างไร?”
...
“ขอบคุณท่านกู่!”
“ขอบคุณท่านกู่! ข้ามองเห็นแล้ว ประสาทััทั้งห้าของข้า กำลังค่อยๆ ฟื้นตัว!”
“เปย่ของท่านกู่ ทำให้ข้ารู้สึกได้ถึงพลังของจิติญญาแห่งการต่อสู้!”
เสียงขอบคุณจากผู้คนทั้งหลาย ดังขึ้นจากทั่วสารทิศ
“การต่อสู้ยังไม่จบ! พวกเ้าก็จะเฉลิมฉลองกันแล้วหรือ? เรายังต้องทำลายอารมณ์ของบทเพลงเหยื่ออธรรม ที่ยังหลงเหลืออยู่ให้หมดสิ้น!” กู่ไห่ร้องบอก
เสียงของเขากระจายไปทั่วทุกบริเวณ ผ่านค่ายกลขยายเสียงและการดีดกู่ฉินของท่านเ้าบ้านาุโ
“ได้เลย...!”
นักกู่ฉินทั้งเมืองต่างพร้อมใจกันขานรับ เสียงของพวกเขาดังกระหึ่มทั่วเมืองอิ๋นเยวี่ย
...
ณ หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า
บัดนี้ หอกู่ฉินถูกเหล่าผู้ฝึกตนบุกเข้าทำลาย จนพังราบเป็หน้ากลอง
คุณชายอานและเจียงเทียนอี้ค่อยๆ ฟื้นตัวจากการถูกครอบงำประสาทััทั้งห้า
เจียงเทียนอี้กวาดตาไปทั่วบริเวณหอกู่ฉิน ซึ่งพังพินาศจนไม่น่ามอง ก่อนมองไปยังฝั่งตรงข้าม ที่กู่ไห่กำลังร่วมแรงร่วมใจกับเหล่าผู้ฝึกตนอยู่ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“ตอนนี้ หอกู่ฉินของเราคงจะจบสิ้นแล้วจริงๆ... หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน? ฮ่าๆ! เขาไม่เพียงแต่ซื้อหอกู่ฉินของพวกเรา แต่ต่อให้เราเปิดร้านขึ้นมาใหม่เพื่อแข่งขัน ก็ไม่อาจทำได้... นี่ไม่ต่างอะไรกับการที่หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าสิ้นชื่อเลย ใช่หรือไม่?” เจียงเทียนอี้กล่าวอย่างหมดหวัง
คุณชายอานมองดูกู่ไห่ด้วยแววตาวาวโรจน์
...
เพลงเปย่ ถูกบรรเลงขึ้นอีกครั้ง
ด้วยการนำทางของท่านแม่ทัพอย่างกู่ไห่ กองทัพนักกู่ฉินกว่าครึ่งล้านจึงบรรเลงตามอย่างไม่ลังเล พวกเขาได้ร่วมแรงร่วมใจกันอีกครั้ง เพื่อขจัดทุกข์ภัยให้สิ้นซาก
ติง! ติงๆ! ติงๆ! ติงๆๆๆ…!
ติ๊ง! ติ๊งๆ! ติ๊งๆ! ติ๊งๆๆๆ…!
พลังแห่งจิติญญาของพวกเขา ได้หลอมรวมกันเป็หนึ่ง และส่องประกาย ราวกับัสีทองที่กำลังทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าอีกครา
ไม่นานหลังจากนั้น เมฆมืดแห่งโชคชะตา ที่เคยลอยปกคลุมผืนฟ้าก็เลือนหาย
พลังที่คล้ายกับัทองพุ่งตรงไปยังท้องฟ้า และปราดเข้าปะทะอีกฝ่าย จนเกิดลมพายุพัดกระหน่ำทั่วบริเวณ จากนั้น เมฆมืดที่เคยปกคลุมเมืองอิ๋นเยวี่ย ก็พลันสูญสลาย
ห้วงอารมณ์ของบทเพลงเหยื่ออธรรม ถูกทำลายสิ้น
ทุกอย่างกลับมาเป็ปกติ เสียงโห่ร้องที่ดังกึกก้อง นักกู่ฉินทั่วเมืองอิ๋นเยวี่ยต่างะเิความดีใจออกมา
...
ณ ลานเล็กๆ ไม่ไกลจากหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า
ซือหม่าฉางคงที่ยืนเอามือไพล่หลัง เมื่อเห็นภาพการปะทะกันเมื่อครู่ จึงได้แต่ทอดถอนใจ
“กู่ไห่? ข้าคงจะประเมินเ้าต่ำไป มิใช่เป็เพียงอัจฉริยะทางการค้าเท่านั้น แต่ยังเป็อัจฉริยะด้านดนตรีอีกด้วย นักกู่ฉินกว่าครึ่งล้านฟังในสิ่งที่เ้าบอก? เ้าเป็แม่ทัพหรืออย่างไร? ถึงได้ระดมกองทัพนักกู่ฉินกว่าครึ่งล้าน เพื่อเข้าต่อกรและทำลายภัยร้ายในครั้งนี้? หากว่าเ้าเป็ผู้บัญชาการในสนามรบ คงจะสามารถทำลายกองทัพ ที่มีกำลังพลนับพันคนได้” ซือหม่าฉางคงกล่าว พลางถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน
...
ขณะเดียวกัน ที่นอกหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย เหล่าปรมาจารย์กู่ฉินต่างก็โห่ร้องด้วยความยินดีเช่นกัน
“ทำลายมันได้แล้ว… ฮ่าๆ! จิติญญาแห่งการต่อสู้ของข้า สามารถทำลายพลังของเหยื่ออธรรมได้!”
“ใช่! เมฆมืดนั่นถูกพวกเราโจมตีจนย่อยยับ!”
“ข้ารู้สึกว่าการบรรเลงกู่ฉินของข้านั้น... ช่างเต็มไปด้วยจิติญญาแห่งการต่อสู้!”
“ข้าก็เช่นกัน! การบรรเลงกู่ฉินของข้านั้น เคยสื่ออารมณ์ได้เพียงเล็กน้อย แต่ตอนนี้ กลับสามารถส่งห้วงอารมณ์ออกมาได้ ข้ารู้สึกว่าตัวเองทะลวงผ่านระดับพลังแล้ว!”
“เศร้าจริงๆ! นี่ช่างเป็บทเพลงอันแสนเศร้า!”
ด้านนอกหมู่บ้าน ปรมาจารย์กู่ฉินต่างกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง จนเหล่าศิษย์ของหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย ที่อยู่ในหมู่บ้าน ต่างก็รู้สึกแปลกใจ
เวลานี้ ทุกคนกำลังใจเต้นรัวอย่างหาที่เปรียบมิได้ พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองดูเมฆมืดบนท้องฟ้า ที่แตกออกเป็เสี่ยงๆ ก่อนจะสลายหายไป
“ท่านเ้าบ้านาุโ พวกเราทำลายพลังของเหยื่ออธรรมได้แล้วขอรับ!” อวิ๋นโม่มองท่านเ้าบ้านาุโด้วยความตื่นเต้น
ท่านเ้าบ้านยกยิ้มบางๆ พลางเอ่ย “ตอนนี้ พวกเ้าคงจะเข้าใจแล้วใช่หรือไม่?”
“ขอรับ! ท่านเ้าบ้านเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ว่ากางฉินนั้นบรรเลงได้ดี แต่ยากที่เพลงกางฉินจะเป็ที่รู้จัก เดิมทีข้าก็ยังไม่เข้าใจเท่าใดนัก ว่าการเล่นกางฉินที่ไร้ซึ่งการสื่ออารมณ์เช่นนี้ เหตุใดท่านเ้าบ้านจึงต้องสนใจ จนสั่งให้ข้าไปส่งบัตรเชิญให้เขา ตอนที่กู่ไห่บรรเลงแคนอนด้วย
แต่ในที่สุด ตอนนี้ข้าก็เข้าใจแล้ว ว่าบทเพลงของเขานั้น สามารถผสานเข้ากับจิตใจ เพื่อกระตุ้นจิติญญาของมนุษย์ เป็พลังที่ไร้ซึ่งรูปร่าง!” อวิ๋นโม่พูดเสียงเรียบ
“ใช่! แม้กู่ไห่จะเล่นกางฉิน โดยไร้ซึ่งการสื่ออารมณ์ก็จริง แต่แล้วอย่างไรเล่า? หากเขาเล่นกางฉินได้ดี ต่อให้เป็เพียงนักกางฉินก็สามารถเอาชนะปรมาจารย์กู่ฉินที่แท้จริงได้ แม้จะบรรเลงได้ไม่ดีเท่าใดนักก็ตาม และสาเหตุที่ปรมาจารย์กู่ฉินพ่ายแพ้ ก็เป็เพราะพวกเขาเอาแต่ไล่ตามหลักการนั่นเอง” ท่านเ้าบ้านเอ่ย
“ขอรับ!”
“ไป! เอาบัตรเชิญไปส่งสองใบ สำหรับผู้ที่ประพันธ์เพลงเปย่ และเหยื่ออธรรม!” ท่านเ้าบ้านาุโสั่งเสียงเรียบ
“หืม? ท่านเ้าบ้าน จะส่งบัตรเชิญไปให้ผู้ประพันธ์บทเพลงเหยื่ออธรรมด้วยหรือ? ส่วนกู่ไห่ ข้าก็ส่งบัตรเชิญไปให้เขาแล้วมิใช่หรือ?” อวิ๋นโม่ถามอย่างไม่เข้าใจ ในความคิดของผู้าุโตรงหน้า
“ผู้ประพันธ์บทเพลงเหยื่ออธรรม มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมงานประลองกู่ฉิน ความตั้งใจเดิมของนาง คือ้าประลองกู่ฉินกับข้า ซึ่งข้าก็ไม่คิดว่ากู่ไห่จะเข้ามาหยุดยั้งมันเสียก่อน
ส่วนกู่ไห่นั้น แม้จะมอบบัตรให้แล้ว แต่บัตรนี้สำหรับผู้ประพันธ์บทเพลงเปย่ ซึ่งก็เหมาะสมแล้ว ที่เราจะมอบบัตรอีกใบให้เขา!” ท่านเ้าบ้านกล่าวเสียงเรียบ
“ขอรับ!”
...
ณ หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า
“พรวด!”
ห้วงอารมณ์ของเหยื่ออธรรมนั้นแข็งแกร่งมาก ดังนั้น ในวินาทีที่เมฆมืดถูกทำลายจนสิ้น พลังอันมหาศาลนั้น จึงสะท้อนกลับมายังผู้เป็เ้าของแทน
ผ้าคลุมหน้าถูกย้อมไปด้วยหยาดโลหิตสีแดงสด บริเวณนิ้วของเซียนหว่านเอ๋อร์ก็ปริแตก มีซึมเืเล็กน้อย
นางเหลือบมองไปยังระเบียงฝั่งตรงข้าม ด้วยความไม่ชอบใจ และไม่อยากจะเชื่อต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
กู่ไห่สามารถยับยั้งเพลงของนางได้!
…
หลงหว่านชิงคว้าแขนของกู่ไห่ด้วยความดีใจ ตอนนี้ใบหน้าหญิงสาวเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ และรอยยิ้มกว้าง
มู่เฉินเฟิงลอบมองกู่ไห่อย่างไม่ละสายตา หาใช่ด้วยความเหยียดหยามเหมือนในอดีต แต่เป็สายตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง และชื่นชมลึกๆ
เหตุการณ์เมื่อครู่ ทำให้คนทั้งเมืองต่างรู้สึกหวาดกลัว ทว่าเพราะเพลงเปย่ของกู่ไห่ และการร่วมใจของนักกู่ฉิน ทำให้จิติญญาแห่งการต่อสู้ของทุกคน สามารถยับยั้งพลังของเหยื่ออธรรมได้ อีกทั้งผู้คนยังยอมทำตามคำสั่งของกู่ไห่ ผู้เป็ดั่งแม่ทัพแห่งกองกำลังของผู้เล่นกู่ฉินด้วย
นักกู่ฉินทั้งเมืองยอมถูกบัญชาการ? เมื่อแม่ทัพออกคำสั่ง ทุกคนจึงกล้าที่จะเข้าไปต่อสู้
“ขอบคุณท่านกู่!”
“ขอบคุณท่านกู่!”
“ท่านกู่ พลังของเพลงเปย่นั้นแข็งแกร่งยิ่ง ตอนนี้ข้าสามารถทะลวงผ่านระดับพลังได้แล้ว... ขอบคุณท่านกู่!”
ใต้ระเบียงมีแต่เสียงขอบคุณจากทั่วสารทิศ ไม่เพียงแต่ผู้คนที่ห้อมล้อมหอกู่ฉินนี้เท่านั้น แต่บัดนี้ชาวเมืองอิ๋นเยวี่ย ต่างก็รู้สึกซาบซึ้งใจต่อกู่ไห่เป็อย่างมาก
กู่ไห่ละมือจากกางฉิน ก่อนลุกขึ้นยืน มองเหล่าผู้ฝึกตนรอบด้านด้วยรอยยิ้ม
…
“ฮึ่ม! เ้าคนชั่วช้า!” เซียนหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม แค่นเสียงอย่างเคืองโกรธ
เพราะตอนนี้นางเสียเปรียบกู่ไห่ จึงทำให้ไม่ชอบใจเป็อย่างมาก
ยอดฝีมือด้านกู่ฉินอย่างตน กลับมาพ่ายแพ้ต่อคนที่ไม่อาจสื่ออารมณ์เพลงได้ อย่างนั้นหรือ? นี่เป็เื่ที่เกินกว่าจะยอมรับได้!