“ไม่เป็ไรนะ พวกเขาไม่้าเ้า แต่ป้า้า ป้าเป็ชาวบ้าน ฐานะยากจน ไม่รู้ว่าเ้าจะยินดีกลับไปกับป้าหรือไม่?” ป้าสองจ้าวปลอบใจนางอีกสักพักก่อนที่จะพูดขึ้น
สตรีสาวพยักหน้า
นางเป็สตรีสาวตัวคนเดียว หากไม่มีคนรับไว้จะไปที่ใดได้เล่า?
ที่สำคัญคือ…
ที่สำคัญคือบุรุษคนนั้นช่วยชีวิตนาง ทั้งยังััร่างกายนางเพราะเหตุนี้…
“ข้ากลัวก็แต่ท่านป้าจะรังเกียจข้า…” สตรีสาวสะอื้น
ก่อนหน้านี้ตกลงไปในแม่น้ำเย็นะเื นางใขวัญหาย
ลอยๆ จมๆ น้ำเย็นไหลเข้าปอด…นางไม่อยากััความรู้สึกที่ใกล้ตายอีกแล้ว
นางกลัวความตาย
กลัวเจ็บ
“ข้าจะรังเกียจเ้าได้อย่างไร… เ้าเป็เด็กดีขนาดนี้… เ้าชื่อกระไรหรือ?”
“ท่านป้า…ข้าชื่อเสิ่นอวิ้นเ้าค่ะ”
“ช่างเป็ชื่อที่ไพเราะยิ่งนัก…ต่อจากนี้ข้าจะเรียกเ้าว่าอาอวิ้นแล้วกัน” ป้าสองจ้าวยิ้ม ได้ปลอบใจสตรีสาวไปตลอดทาง อารมณ์ที่ขุ่นมัวในใจนางเองก็สลายไปไม่น้อย
รถม้ามาถึงตัวเมือง จ้าวสุ่ยเซิงให้เงินแม่ไปหนึ่งตำลึง ให้นางช่วยซื้อเสื้อผ้าให้สตรีสาว
“ท่านป้า…” เสิ่นอวิ้นร้องเรียกป้าสองจ้าว จ้าวสุ่ยเซิงหันมามองเช่นกัน เขาเพิ่งได้มีโอกาสมองเสิ่นอวิ้นอย่างละเอียด สีหน้านางยังคงซีด แต่ใบหน้ารูปไข่งดงามมาก ต่างจากสตรีสาวในหมู่บ้านทุกคน แค่มองก็รู้ว่าเป็สตรีสาวที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็อย่างดี
มือที่จับม่านรถม้าของนางทั้งเรียวและขาวราวกับต้นหอมน้ำ
ใบหน้าจ้าวสุ่ยเซิงแดงระเรื่อ เขารีบมองไปทางอื่น ผิดจริยาอย่าดู
“ข้า…ข้าอยากถามท่านว่าช่วยซื้อเส้นด้ายและผ้าแพรให้ข้าได้หรือไม่… ข้า…ข้าพอจะมีฝีมือด้านการเย็บปักอยู่บ้าง… ท่านป้ารับข้าไว้…ข้าจะอยู่โดยไม่ตอบแทนท่านไม่ได้ ถ้าหาก…หากเป็เศษผ้าก็ได้เช่นกัน ข้าสามารถเย็บกระเป๋าเงินขาย…”
เสิ่นอวิ้นประหม่ามาก นางรู้ว่าคำขอกะทันหันของตัวเองอาจทำให้ป้าสองจ้าวลำบากใจ แต่…นางไม่อยากอาศัยคนอื่นโดยไม่ตอบแทนจริงๆ
“ท่านแม่ รับนี่ไปขอรับ!” จ้าวสุ่ยเซิงหยิบเงินก้อนหนึ่งออกมายัดใส่มือแม่ตัวเองจากอกเสื้อ “บ้านเราไม่มีอุปกรณ์เย็บปัก ท่านซื้อมาทีเดียวเลย”
ป้าสองจ้าวมองลูกชายคนรองของตัวเอง เห็นหูเขาแดงไปหมดก็รู้ว่าคงชอบแม่นางคนนี้เข้าเสียแล้ว
เพราะอย่างไรแม่นางคนนี้ก็หน้าตาดีจริงๆ นั่นแหละ
ตามหลักแล้ว ลูกชายนางไปถูกเนื้อต้องตัวอีกฝ่ายก็ควรรับผิดชอบ เพียงแต่…นางยังไม่รู้นิสัยใจคอแม่นางคนนี้ ยังไม่กล้าพูดเื่นี้
เพราะต้องบอกก่อนว่าถ้าแต่งภรรยาผิดคน นั่นเท่ากับทำชีวิตลูกพังไปทั้งชีวิต
ดังนั้น ในฐานะมารดา ถึงจะเห็นใจผู้อื่นอย่างไร ความเห็นใจก็ส่วนเห็นใจ เมื่อไรที่พัวพันถึงลูกตัวเอง…อย่างไรก็ต้องเห็นลูกตัวเองสำคัญเป็อันดับหนึ่ง
“ได้…” ป้าสองจ้าวตอบตกลง ไปซื้อชุดเสื้อกับกระโปรงแยกกันที่ทำจากผ้าฝ้ายหนึ่งชุด จากนั้นซื้อผ้าฝ้ายละเอียดกับผ้าฝ้ายธรรมดาจากร้านผ้าที่อยู่ติดกันมาสองผืน นางไม่รู้ว่าการปักเย็บต้องใช้สิ่งใดบ้าง เสี่ยวเอ้อร์แนะนำสิ่งใดมาก็ซื้อตามหมด
ทั้งยังซื้อผ้าสีเหลืองมาผืนหนึ่ง เสี่ยวเอ้อร์บอกว่าผ้าแพรสีอ่อนประเภทนี้เหมาะกับการปักเย็บที่สุด
ทั้งหมดนี้รวมกับเกือบสิบตำลึง
แต่ป้าสองจ้าวที่ปกติเป็คนขี้เหนียวกลับไม่ได้รู้สึกดายเงินแต่อย่างใด ตรงกันข้าม…ความตึงเครียดของนางคลายลงมาก
หากหลินหวั่นชิวอยู่ที่นี่ก็จะรู้ว่าเกิดกระไรขึ้นกับป้าสองจ้าว รู้ว่านี่คือการระบายความเครียดด้วยการซื้อของ
เสิ่นอวิ้นคิดไม่ถึงว่าป้าสองจ้าวจะซื้อมาให้มากมายขนาดนี้
แม้ของพวกนี้จะมีค่าเพียงไม่กี่ตำลึงสำหรับนาง ทว่า…อีกฝ่ายเป็สตรีชาวนา เงินจำนวนนี้จึงถือว่ามากสำหรับอีกฝ่าย
นางพูดว่า “ท่านป้า ไว้ข้าขายงานปักได้แล้วจะคืนเงินที่ซื้อของวันนี้ให้ท่าน”
“ตกลง” ป้าสองจ้าวไม่ได้ปฏิเสธ หนึ่งคือนางรักเงิน สองคือขนาดนางไปมากับหลินหวั่นชิวบ่อยๆ ยังต้องแบ่งแยกเื่เงินให้ชัดเจนจะได้ไม่มีปัญหา
เสิ่นอวิ้นได้ยินป้าสองจ้าวตอบตกลงก็โล่งอก
กลับถึงอำเภอ จ้าวสุ่ยเซิงบังเอิญเจอคนรู้จัก
อีกฝ่ายเป็พนักงานในบ่อน
“โอ้ สุ่ยเซิงเองหรือ เ้ากำลังจะไปที่ใด?” อีกฝ่ายหยุดรถแล้วถาม
“ส่งท่านแม่ข้ากลับหมู่บ้าน”
“บังเอิญเลย! บนรถมีที่ว่างหรือไม่? ข้าฝากคนกลับไปด้วยได้หรือไม่ ช่วยพาท่านป้าของข้าไปส่งที่ตำบลจีกง”
“ท่านป้าเ้ามาผู้เดียวหรือ?” จ้าวสุ่ยเซิงถาม
“ใช่ แค่คนเดียว”
“ได้สิ เ้านำทางไปเลย” จ้าวสุ่ยเซิงพูด
พวกเขาถูกพามาที่ตรอกแห่งหนึ่ง จอดรถนอกบ้าน ท่านป้าคนหนึ่งกำลังรออยู่หน้าประตู “มาแล้วหรือ”
“ท่านป้า นี่คือเพื่อนที่บ่อนของข้า ชื่อจ้าวสุ่ยเซิง เขาจะกลับหมู่บ้านพอดี ข้าจึงวานให้ช่วยแวะส่งท่านที่ตำบล”
“โอ้ มีน้ำใจยิ่งนัก ขอบคุณมากนะ! ลงมาดื่มน้ำก่อนเถิด”
“ท่านแม่ ท่านจะพักดื่มน้ำร้อนก่อนหรือไม่ขอรับ?” จ้าวสุ่ยเซิงหันไปถามในรถม้า เดินทางในฤดูหนาวค่อนข้างเย็น โดยเฉพาะเสิ่นอวิ้นที่เพิ่งตกน้ำมา
“ได้ เช่นนั้นพวกเราพักดื่มน้ำแล้วค่อยกลับ”
ป้าสองจ้าวลงจากรถ ทักทายฟู่เหรินคนนั้นตามมารยาท ขอขิงจากนาง ฟู่เหรินมีน้ำใจนำน้ำตาลแดงมาให้ด้วย ป้าสองจ้าวขอบคุณอีกฝ่าย
เพราะน้ำตาลเป็ของราคาแพง
“ไอ๊หยา ไม่ต้องเกรงใจ ไม่เช่นนั้นข้าไม่กล้านั่งรถม้าพวกเ้าแล้วนะ” ฟู่เหรินยิ้ม
ป้าสองจ้าวต้มน้ำขิงใส่น้ำตาลให้เสิ่นอวิ้นดื่ม บังคับให้จ้าวสุ่ยเซิงดื่มหนึ่งถ้วย เขาทั้งถอดเสื้อทั้งนั่งตากลมมาตลอดทาง นางกลัวว่าเขาจะไม่สบาย
“นังแพศยา! เสื้อผ้าของข้า! นี่เป็ผ้าไหมเสฉวนเชียวนะ!” ทันใดนั้น มีเสียงหวีดแหลมของสตรีดังมาจากข้างบ้าน
ป้าสองจ้าวที่เพิ่งไปเก็บชามในห้องครัวได้ยินแล้วต้องผงะ สีหน้าเปลี่ยนแปลงรุนแรง
จ้าวสุ่ยเซิงหาบันไดมาทาบกับกำแพงแล้วปีนขึ้นไปดู
ภาพที่เห็นเกือบทำให้เขากระอักเืด้วยความโมโห
สตรีที่สวมเครื่องประดับระยิบระยับและกำลังสั่งสอนสาวใช้อย่างน่าเกรงขามไม่ใช่จ้าวหงฮวาแล้วจะผู้ใด?
อีกทั้งคนที่กำลังนอนเอนอยู่ด้านข้าง…ต่อให้มอดไหม้เป็ขี้เถ้าก็จำได้!
เขาปีนลงบันไดด้วยสีหน้าดำทะมึน ป้าสองจ้าวรีบเข้ามาถาม “ใช่หงฮวาหรือไม่?”
จ้าวสุ่ยเซิงพยักหน้า “ใช่ขอรับ นางสุขสบายดี!” ท่านแม่กินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวันเพื่อตามหานาง วันนี้ถึงกับยอมคุกเข่าให้คนอื่น
แต่นางล่ะ?
นางมาพักอยู่ในอำเภอ ทั้งยังสุขสบายมีคนรับใช้
เสียงก่นด่าทุบตีและเสียงร้องไห้ของสาวใช้ดังข้ามมาจากกำแพง ป้าสองจ้าวปีนขึ้นไปดูเช่นกัน เห็นลูกสาวตัวเองกำลังสั่งสอนสาวใช้อย่างน่าเกรงขาม
สาวใช้คุกเข่าบนพื้น ถูกลูกสาวตัวเองเตะอย่างไรก็ไม่กล้าตอบโต้ ทำแค่ร้องไห้อย่างเดียว
ที่สำคัญที่สุด คนที่นอนเอนอยู่บนเก้าอี้ใต้ชายคาก็คือโจวเอ้อร์เหนิง!
ลูกสาวนางหนีตามโจวเอ้อร์เหนิง!
นางมาอยู่กับโจวเอ้อร์เหนิงแต่ยังกล้าสาดน้ำสกปรกใส่หวั่นชิว!
ภายในใจป้าสองจ้าวเย็นยะเยียบ
เย็นจนชาไปหมด
“ท่านแม่ พวกเราไปกันเถิด” จ้าวสุ่ยเซิงยกมือประคองข้างบันได กลัวแม่ตัวเองร่วงตกลงมา
“ไป…ไปกัน นับจากวันนี้ บ้านจ้าวของเราไม่มีลูกสาวคนนี้อีกแล้ว”
น้ำตาร่วงหยดราวกับสร้อยไข่มุกที่ขาดสะบั้น หัวใจป้าสองจ้าวเหมือนถูกมีดแทง
“ท่านแม่…” จ้าวสุ่ยเซิงเป็ห่วงมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้