“นี่!” ซูเฟยเฟยตามมาดักหน้าเย่เทียนเซี่ยอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้สีหน้าของเธอกลับปรากฏความกังวลและพ่ายแพ้หมดรูปออกมา “คุณเป็ลูกผู้ชายหรือเปล่า!”
“ฉันเป็ลูกผู้ชายหรือเปล่า....... เธออยากจะลองพิสูจน์ดูไหมล่ะ?” เย่เทียนเซี่ยแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมา
“คุณ......” ใบหน้าซูเฟยเฟยแดงก่ำขึ้นมาทันที เธอเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับจ้องมองเขาแล้วพูดออกมา “คุณว่าฉันสวยหรือเปล่าล่ะ? อย่างฉันเนี่ยถือว่าเป็สาวสวยหรือเปล่า”
“อืม” สายตาของเย่เทียนเซี่ยมองเธอจนทั่วั้แ่หัวจรดเท้า อีกทั้งยังหยุดมองหน้าอกของเธออยู่พักใหญ่ด้วย ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดออกไปอย่างจริงจัง “จริงๆแล้วเธอก็เป็สาวสวยที่มองแล้วเจริญหูเจริญตาคนนึง”
“แล้วคุณ.....”
“แต่เธอจะสวยไม่สวยแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันเหรอ? ไปล่ะ!” ไม่ต้องรอให้ซูเฟยเฟยพูดออกมาอีกเป็คำที่สามเย่เทียนเซี่ยก็ตัดประโยคหลังของเธอซะก่อน จากนั้นก็โบกมือลาแล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เขาเดินจากไปเป็จังหวะพอดี ไม่ช้าไม่เร็ว
“นี่! นี่!!” ซูเฟยเฟยรีบก้าวขาตามเขาไป แต่แล้วทุกอย่างก็เริ่มแปลกไป เย่เทียนเซี่ยที่อยู่ตรงหน้าของเธอเดินจากไปแบบไม่ได้รีบร้อนชัดๆ ดังนั้นเธอจึงรีบก้าวเข้าไปหาเขา แต่ความเร็วและระยะห่างที่ไกลออกไปของเย่เทียนเซี่ยกลับทำให้เธอเหมือนอยู่ในความฝัน ราวกับว่าเขาก้าวขาไปเพียงก้าวเดียวก็เท่ากับคนธรรมดาก้าวไปเป็สิบก้าว เพียงเวลาผ่านไปไม่นานเขาก็หายไปภายใต้ความมืดมิดต่อหน้าต่อตาของเธอ...... และครั้งนี้เขาไม่ได้ทำอมยิ้มตกลงมาจากกระเป๋าโดยไม่ตั้งใจอีกแล้ว
“เย่เทียนเซี่ย! เย่เทียนเซี่ย.......... คุณมันน่ารังเกียจ..... คนเลว! พรุ่งนี้ฉันจะตามไปถึงบ้านคุณเลย คอยดูเถอะ ฮึ้ย!!” ซูเฟยเฟยมองตามทางที่เย่เทียนเซี่ยเพิ่งเดินจากไปก่อนจะกระทืบเท้าน้อยๆลงกับพื้น ดวงตาคู่สวยของเธอแทบจะลุกเป็ไฟ แต่ไหนแต่ไรมามีแต่เธอที่เป็ฝ่ายปฏิเสธคนอื่น นี่เป็ครั้งแรกที่เธอถูกคนๆนึงจู่โจมเข้าแบบนี้
ชายสองคนเดินเข้ามาหาซูเฟยเฟยอย่างระมัดระวังก่อนจะหยุดลงข้างกายของเธอ ชายที่ยืนอยู่ทางขวาถามออกมา “คุณหนู...... เมื่อกี้คุณหนูบอกว่าจะไปอยู่บ้านของเขา....นี่...... คุณหนู คุณหนูคงไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้นจริงๆใช่ไหมครับ”
“แน่นอนว่าตั้งใจ! ฮึ้ย!” ซูเฟยเฟยะโออกมาเสียงดัง เธอเดินตามทางที่เย่เทียนเซี่ยจากไปด้วยความโกรธ
“แต่ว่า...... คุณหนูครับ นี่มันไม่ค่อยดีเลยนะครับ แม้ว่าเขาจะมีรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น อีกทั้งยังช่วยชีวิตคุณหนูไว้ แต่ข้อมูลของเขาก็ยังไม่แน่ชัด ถ้าเป็อย่างนี้พวกคุณทั้งสองคน....... จะเร็วไปหรือเปล่าครับ........” คนๆนั้นยังคงพูดออกมาอย่างระมัดระวัง
“เร็วอะไรกันล่ะ! นี่นายคิดว่าฉันจะแต่งกับเขาหรือไงห๊ะ....... ฮึ้ย! ฉันบอกนายไว้เลยนะ เพราะเขาเก่งกว่าพวกนายเป็ร้อยเท่าพันเท่า! ถ้าฉันไปอยู่กับเขาก็ไม่ต้องกังวลเื่อะไรทั้งนั้น เวลาออกไปข้างนอกก็แค่ลากเขาออกไปด้วยก็พอแล้ว เพราะมีพวกไร้ประโยชน์อย่างพวกนายอยู่เวลาไปไหนมาไหนฉันถึงต้องกลัวอยู่ทุกวันไงเล่า! ไปได้แล้ว! ฉันจะกลับไปเก็บของ!”
บอดี้การ์ดทั้งสองคนถูกฝึกมาให้ก้มหน้ารับคำสั่ง ความสามารถของพวกเขาในการคุ้มกันนั้นแน่นอนว่าต้องสุดยอดมากกว่าพวกยอดฝีมือแน่ แต่คนที่ถูกส่งมาปองร้ายคุณซูลั่วและคนรอบกายของเขาก็ล้วนเป็สุดยอดของพวกยอดฝีมืออย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งอัตราความถี่ในการถูกโจมตีก็สูงมากจนคนทั่วไปไม่อาจจินตนาการได้ ดังนั้นไม่ใช่ว่าความสามารถของพวกเขาไม่เพียงพอ แต่เป็เพราะความเสี่ยงอันเกิดมาจากคุณซูลั่วซึ่งเป็พ่อของเธอนั้นมีมากเกินไปต่างหาก
“แต่ว่า จริงๆแล้วเขาก็เป็แค่วัยรุ่นชายธรรมดาที่อายุไล่เลี่ยกับคุณหนู คุณหนูของเราออกจะสะสวย ถ้าเขาทำอะไรกับคุณหนู....... คุณหนูจะขัดขืนได้เหรอครับ เื่นี้ยัง.......”
“เขาจะกล้าเหรอ!” ซูเฟยเฟยะโออกมาเสียงดัง แก้มของเธอพองลมออกมาอย่างไม่พอใจ “นายดูเมื่อกี้สิ เขาซ่อนตัวจากฉันไม่ทันแล้วล่ะ...... จะซ่อนก็ซ่อนไป ชักจะเริ่มโมโหแล้วนะ!”
“........” บอดี้การ์ดทั้งสองคนถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่รีบซอยเท้าตามพลังเธอไปติดๆ คุณหนูผู้ดื้อรั้นคนนี้ดูเหมือนจะตัดสินใจทำเื่บ้าๆลงไปจริงๆซะแล้ว
ที่มุมมืดมุมหนึ่งเย่เทียนเซี่ยยังคงมองตามซูเฟยเฟยขึ้นรถยนต์ที่ไม่สะดุดตาคันหนึ่งแล้วขับออกไป เขามองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ไร้เมฆหมอก ครุ่นคิดว่าตกลงวันนี้เป็วันดีหรือวันซวยกันแน่
“ซูเฟยเฟย...... เฮ้อ นี่มันจะเป็ความยุ่งยากหรือเทพแห่งโชคลาภเดลิเวอรี่มาถึงบ้านกันแน่นะ”
แต่ปัญหานั้นยังไม่ใช่เื่สำคัญที่สุดในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ........ จริงๆแล้วเย่เทียนเซี่ยยังไม่ได้จากไป เขาไม่ได้ใจดีถึงขนาดรอปกป้องซูเฟยเฟยจนกระทั่งเธอจากไปหรอก แต่เป็เพราะ........ อมยิ้มทั้งหมดห้าสิบแท่งที่ซื้อมาด้วยความยากลำบากถูกซูเฟยเฟยเก็บลงกระเป๋าไปนั่นต่างหาก
เขาใช้มือกดลงไปบนพื้น จากนั้นพื้นที่เคยแข็งแกร่งก็แตกออก ก้อนซีเมนต์ที่มีขนาดไม่เล็กนักสองสามก้อนถูกหยิบขึ้นมา หนึ่งในนั้นถูกเย่เทียนเซี่ยถือไว้ในมือก่อนจะขว้างออกไป
เกิดเป็เสียง “ปั้ง” ดังขึ้นเบาๆ กล้องวงจรปิดซึ่งอยู่ในทิศทางที่เศษคอนกรีตนั้นพุ่งไปถูกทำลายในทันที ต้องขอบคุณซูเฟยเฟยที่เตือนเขาเื่นี้
จากนั้นเขาก็เดินไปที่ด้านหน้าเครื่องซื้อของอัตโนมัติอีกครั้ง เขายัดเงินเข้าไปด้านในให้พอกับจำนวนที่้า จากนั้น........เขาก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนว่าอมยิ้มหมดแล้ว
เย่เทียนเซี่ยถอนหายใจออกมาทันที เขารู้สึกหมดคำพูดจะทวงถามกับ์
————
————
นอกจากคนบ้าแล้วใครๆก็รู้สึกกลัวการอยู่ตัวคนเดียว เพราะธรรมชาติของคนจะปฏิเสธความโดดเดี่ยว แม้แต่เย่เทียนเซี่ยก็ไม่เว้น แต่ั้แ่เธอคนนั้นจากไปเขาก็อยู่คนเดียวมาโดยตลอด จริงๆแล้วเขาก็พอมีเพื่อนอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่เคยให้พวกนั้นมาที่บ้านของเขาเลยสักครั้ง ไม่แม้แต่จะให้ติดต่อเขามาด้วย
ไม่ใช่เพราะว่าเขาชอบอยู่คนเดียว แต่เขาเพียงหาคนที่จะสามารถอยู่กับเขาได้เหมือนเธอไม่เจอก็เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะจมตัวเองอยู่กับความเงียบงันและไม่เคยแสดงความเศร้าหรือความคิดถึงคนที่จากไป
แต่อยู่ดีๆกั่วกัวก็เข้ามาในโลกของเขาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว เมื่อมองไปยังสองมือว่างเปล่าของตัวเอง เขาก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว....... เขาที่ตั้งใจออกมาเพื่อซื้ออมยิ้มให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง สำหรับเขาแล้วนี่เป็เื่ที่คาดไม่ถึงเลยจริงๆ อย่างน้อยตัวเขาเมื่อก่อนก็คงไม่มีทางคิดว่าตัวเองจะมีวันนี้แน่ๆ
แม้ว่าจะปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็งานที่น่าขายหน้า และทำลายภาพลักษณ์ของเขา แต่........เมื่อคิดถึงท่าทางน่ารักน่าชังตอนที่กั่วกัวกินอมยิ้มขึ้นมา เขาก็ยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ครั้งนี้เขาไม่สามารถซื้ออมยิ้มกลับไปให้เธอได้ ในใจของเขาจึงรู้สึกกังวลอยู่นิดๆ กลัวว่าจะได้เห็นท่าทางขัดเคืองและไม่พอใจของเธอ
ทั้งที่ยังไม่ถึงสิบวันแท้ๆ ทำไมเขาถึงมีความรู้สึกแบบนี้ได้นะ.......... เด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นเข้ามาในโลกของเขาโดยไม่ตั้งใจจริงๆน่ะเหรอ?
ความรู้สึกนี้ มันดีจริงๆนะ...............
ถ้าอยู่ดีๆเธอหายไป...............
เขาก็คง........ เขาคง........ รับไม่ไหวจริงๆ
เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วเปิดประตูเข้าไป เย่เทียนเซี่ยก็ได้ยินเสียงสดใสของกั่วกัวดังขึ้นมาจากทางห้องน้ำ
“อาบน้ำๆ ข้ารักการอาบน้ำ อาบน้ำๆ ข้ารักการอาบน้ำ อาบน้ำๆ ข้ารักการอาบน้ำ......... เอ๋? กลิ่นของนายท่าน! อัยหย๊า! นายท่านกลับมาแล้ว! จะได้กินอมยิ้มอีกแล้ว!”
หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงน้ำสาดกระเซ็นเบาๆ
“...............” เย่เทียนเซี่ย