ถูกคนหมายหัวอย่างนี้แล้ว ยังต้องมานั่งอดทน นี่มันไม่ใช่วิสัยของฉู่เฟิง
แม้แต่ฉากตายของเขายังถูกคนกำกับไว้เลย อยากถูกไฟช็อตตาย หรืออยากถูกไฟคลอกตาย แม้แต่จะตายยังหยามกันอย่างนี้
นี่ถ้าไม่เพราะฝึกกระบวนท่าที่เก้าสำเร็จ จุดจบเขาคงน่าสมเพช
สัญญาณเชื่อมต่อ เสียงผู้หญิงดังขึ้น
ยามราตรี ดาวพร่างพรายระยิบระยับ
ฉู่เฟิงยืนอยู่ในป่าผลไม้เงียบสงัด ใบหน้ามีแววใ นี่ไม่ใช่หลินนั่วอี ตอนนี้ที่นี่เงียบสงบ ไร้เสียงรบกวน เขาได้ยินอย่างชัดเจน
โทรผิดเหรอ? เขาก้มดูหน้าจอ มองแล้วมองอีก ก็ไม่ผิดนี่ นี่เป็หมายเลขติดต่อของหลินนั่วอี แล้วทำไมถึงเป็เสียงของคนอื่น?
“ผมขอสายหลินนั่วอีฮะ” เขาเอ่ยเรียบๆ
“ฉู่เฟิง คนที่อยู่ที่ไท่หังซานคนนั้นใช่ไหม?” ชัดเลย ผู้หญิงที่อยู่ปลายสายเห็นชื่อเขาปรากฏบนจอเครื่องมือสื่อสาร จึงเอ่ยเพื่อยืนยันว่าเป็เขา
“ใช่!” ฉู่เฟิงตอบ
“คุณอยู่ที่เมืองชิงหยางสินะ นี่นั่นไกลไปหน่อย แต่ก็เงียบสงบดี ห่างไกลความวุ่นวายของเมืองหลวง ไม่เลวเลย ดีกว่าที่เมืองเจียงหนิง1ทางนี้เสียอีก ถ้ามีความเพียรพยายามล่ะก็ ต้องสำเร็จอย่างแน่นอน” ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ
ฉู่เฟิงขมวดคิ้ว ผู้หญิงคนนี้หมายความว่ายังไง เธอเป็ใคร? ถึงแม้วิธีการพูดจะเนิบนาบ หากมีเค้าเผด็จการ
เมืองชิงหยางเป็แค่เมืองเล็กๆ ที่เชิงเทือกเขาไท่หังซาน แต่เมืองเจียงหนิงเป็เมืองใหญ่ ศิวิไลซ์อย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเป็มหานคร ศูนย์กลางของเจียงหนาน2เลยทีเดียว
จับสองเมืองนี้มาคู่กัน เปรียบเทียบได้เยี่ยมจริงๆ นี่คือการเตือนและบอกใบ้อะไรเขาอยู่ใช่ไหม?
แต่ฉู่เฟิงนิ่งเฉย พูดแค่ว่าเขามีบางเื่้าจะคุยกับหลินนั่วอี
“่นี้นั่วอีงานยุ่งมาก เทียนเสินเซิงอู้เองก็มีเื่สำคัญไม่น้อยที่รอให้เธอจัดการอยู่ คนที่รู้จักกับเธอเขารู้กันดี ดังนั้น่นี้เลยไม่มีใครมารบกวนเธอเท่าไหร่” เสียงผู้หญิงทางปลายสายอ่อนโยนนุ่มนวล
ฉู่เฟิงตะลึง ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจชะมัด ดูเหมือนนุ่มนวล พูดจาคล่องแคล่ว ทว่าหากพิจารณาดูให้ดีแล้ว คำพูดของเธอแฝงความหมายลึกซึ้ง
คำพูดเมื่อครู่ บ่งบอกสถานะของหลินนั่วอี อีกทั้งตีวงคนที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับเธอ พูดง่ายๆ ข้อมูลไม่หลุดออกมาสักนิด แถมยังซ่อนปลายหอกทิ่มแทงกลับมาอีก
ฉู่เฟิงคาดเดาว่า ผู้หญิงคนนี้น่าจะเกี่ยวพันใกล้ชิดกับหลินนั่วอี ไม่อย่างนั้นจะเข้าถึงเครื่องมือสื่อสารของเธอได้อย่างไร ฉู่เฟิงก็ไม่แข็งขืนดึงดัน เออออตามอีกฝ่าย
สุดท้าย ฉู่เฟิงหัวเราะ บอกเธอไปว่าไม่รบกวนแล้ว จากนั้นวางสาย
เขาวางเครื่องมือสื่อสารลง ตัดสินใจว่าทิ้ง่สักพักค่อยโทรไปใหม่ เครื่องของหลินนั่วอีไม่น่าตกอยู่ในมือของผู้หญิงคนนี้ตลอดเวลาหรอก
เื่นี้เหนือความคาดหมายของเขา แทนที่จะได้คุยกับหลินนั่วอี กลับได้เจอผู้หญิงคนนี้แทน เธอเกี่ยวข้องกับหลินนั่วอีแบบไหนกันแน่นะ?
เพียงแค่เสียง ไม่สามารถระบุอายุของเธอได้ ดีไม่ดีอาจเป็สาวน้อยอายุยี่สิบต้นๆ ก็ได้ หรือจะเป็ผู้หญิงสูงศักดิ์อายุสามสิบสี่สิบที่แต่งงานแล้วก็เป็ได้
อีกหนึ่งชั่วโมงให้หลัง ฉู่เฟิงโทรหาหลินนั่วอีอีกครั้ง
ปลายสาย เสียงเหนื่อยหน่ายของผู้หญิงลอยมา น้ำเสียงน่าฟัง หากก็มีแววเหยียด “นี่คุณยังโทรมาอีกหรือ?”
ฉู่เฟิงจนปัญญา ทำไมถึงยังเป็ยัยนี่อีกล่ะ?
“ทางที่ดีคุณอย่าติดต่อนั่วอีอีกเลย เธอยุ่งมากไม่มีเวลาหรอก คนเราก็ต้องรู้จักประมาณตนนะ!” ครั้งนี้ คำพูดคำจาของหญิงสาวตรงไปตรงมา น้ำเสียงหยิ่งยโส
“คุณคิดมากน่ะ ผมแค่มีธุระอยากคุยกับเธอให้ชัดเจนก็เท่านั้น” ฉู่เฟิงยังคงเฉย
“ธุระบางเื่ก็ไม่จำเป็ต้องเก็บมาคิด ยังไงก็เป็ไปไม่ได้ ฉันพูดอย่างนี้คุณเข้าใจใช่ไหม? กลับสู่โลกแห่งความจริงเถอะ ใช้ชีวิตอยู่ที่ชิงหยางนั่นแหละ ที่นั่นเหมาะกับคุณแล้ว” เสียงของหญิงสาวมีแววเ็า เห็นได้ชัดว่าเธอหมดความอดทน คำพูดคำจาไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป
“ดูท่าจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว” ฉู่เฟิงพูดตรงๆ แต่ถึงจะกล่าวเช่นนั้น หากก็ไม่มีความคิดที่จะอธิบาย
“ไม่มีเื่เข้าใจผิดอะไรทั้งนั้น ต่อไปนี้คุณอย่ามารบกวนนั่วอีอีก เธอมีชีวิตของเธอ คุณมีที่ทางของคุณ โลกที่อยู่มันคนละใบกัน ดูแลตัวเองให้ดีเถอะ! หากยังรั้นอีกล่ะก็ อย่าหาว่าไม่เตือนก็แล้วกัน บางทีตอนนี้คุณอาจจะไม่เข้าใจ แต่ฉันว่าอีกหน่อยคุณก็จะรู้เอง” น้ำเสียงของหญิงสาวกลายเป็เ็า
ฉู่เฟิงได้ยินพลันรู้สึกวาบอยู่ในใจ หากยังพูดอย่างไม่แยแส “จริงๆ แล้ว คุณคิดมากไปเอง ผม้าคุยกับนั่วอีเพราะ้าบอกเธอเื่แปลกๆ เื่หนึ่ง”
“อ้อ เื่อะไรล่ะ คุณบอกฉันไว้ก็ได้ ฉันจะแจ้งเธอเอง” เหมือนกับผู้หญิงคนนี้คาดไม่ถึงว่าเขาจะมามุกนี้
“วันนี้ มีค้างคาวตกลงมาที่นอกสวนของบ้านผม เืโทรมเต็มตัว” พูดถึงตรงนี้เขาก็หยุด คอยฟังปฏิกิริยาจากอีกฝ่าย
นั่นไง ผู้หญิงคนนั้นท่าทางจะใ เหมือนกับเธอลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันควัน นิ่งงันในพริบตา ไม่ส่งเสียงใดๆ
ชั่วอึดใจต่อมา เธอค่อยเอ่ยถามเสียงเรียบๆ “เื่ไร้สาระอย่างนี้น่ะหรือ ที่คุณอยากจะบอกเธอน่ะ?”
“ค้างคาวั์ตัวนั้นถึงจะาเ็ แต่ให้ยังไงมันก็ไม่ยอมเป็มิตรกับผม ดูแล้วมันไม่น่าจะมาจากเทียนเสินเซิงอู้ แล้วก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันด้วย” ฉู่เฟิงเอ่ย ไม่ช้าไม่เร็ว
ปลายสายเงียบไปเล็กน้อย พอผู้หญิงคนนั้นเอ่ยปากอีกครั้ง น้ำเสียงมีแววนุ่มนวล “ย่อมเกี่ยวกับเทียนเสินเซิงอู้แน่นอน รบกวนคุณช่วยมันหน่อยเถอะ อย่าให้มันเป็อะไร”
สายตาของฉู่เฟิงฉายแววเย็นเยียบ ผู้หญิงคนนี้รู้จักนายปีกปีศาจนั่น!
“ทำไมผมต้องช่วยมันด้วย ในเมื่อไม่รู้ว่ามันาเ็เพราะอะไร แถมยังไม่เป็มิตรกับผมตลอด รู้สึกอย่างกับว่ามันอยากจะฆ่าผมอย่างนั้นแหละ” เขาบอกไปอย่างนั้น
“คุณ....” หญิงสาวโมโห มาถึงตอนนี้เธอเย็นไม่ไหวแล้ว ไม่อาจใช้ท่าทีที่ใช้ก่อนหน้านี้คุยกับฉู่เฟิงได้ เธอรู้สึกได้ถึงโทสะที่พุ่งขึ้นมาเป็ริ้วๆ
“ฉันขอเตือนคุณ ถ้าเขาเป็อะไรไปล่ะก็ คุณจบไม่สวยแน่!” เธอพูดอย่างไม่อ้อมค้อม เริ่มข่มขู่
ฉู่เฟิงครุ่นคิด ดูท่าชายหนุ่มปีกปีศาจถือได้ว่าเป็ยอดฝีมือคนหนึ่ง มีค่าให้เธอกางปีกปกป้อง ไม่ใช่แค่ตัวเบี้ยที่จะเขี่ยทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้
ย้อนนึกดูโดยละเอียด ชายหนุ่มรูปงามคนนั้นก็เก่งกล้าสามารถจริงๆ หากไม่เป็เพราะเสียงร้องของวัวสีดำ การจะรับมือกับเขานับว่ายากยิ่ง
ตอนที่ชายหนุ่มกางปีกปีศาจปิดฟ้า แผดคลื่นเสียงสีดำที่ไม่แยกแยะมิตรหรือศัตรู อาณาบริเวณโดยรอบล้วนพินาศ แผ่นหินปูพื้นยังแตก พลังนั้นเป็ของจริงอย่างแน่นอน
“เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ ตัวเขาเองก็ใกล้จะตายอยู่แล้ว น่าจะอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งหรือสองวันหรอก” ยามที่ฉู่เฟิงกล่าวคำพูดนี้ สายตาก็มองไปทางมนุษย์พิเศษสองคนที่นอนแผ่อยู่ไกลๆ
“จะมีคนไปรับตัวเขา พวกาแคุณแค่ช่วยจัดการอย่างง่ายๆ ไปก่อน เื่อื่นไม่ต้องไปสนใจ!” หญิงสาวพูดอย่างเ็า จากนั้นก็วางสาย
ฉู่เฟิงวางเครื่องมือสื่อสารลง เผยรอยยิ้มเ็าที่มุมปาก เขาตกข้อมูลบางอย่างมาได้ แล้วยังจะต้องกลัวพวกเขาอีกหรือ?!
ฉู่เฟิงเอาโซ่เหล็กออกมา ล่ามมนุษย์พิเศษที่าเ็สาหัสทั้งสองคนอย่างแ่า ทิ้งไว้ในสวนไม่ใส่ใจอะไร แล้วกลับห้องเข้านอน
คืนนี้ช่างเงียบสงบ ไม่มีใครมาเยือนอีก
จนกระทั่งเที่ยงวัน ฉู่เฟิงกับหวงหนิวกินข้าวกันอิ่มหนำแล้ว ถึงมีคนมาเยือน บุกเข้ามาถึงในสวนกันเลยทีเดียว
“คุณคือฉู่เฟิง? คนอยู่ที่ไหน?” ที่มาเป็ชายวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบกว่าผู้หนึ่ง ใบหน้าค่อนข้างคล้ำ รูปร่างสูงปานกลาง ท่าทางฮึกเหิม แววตากร้าวแข็ง
“ผมคือฉู่เฟิง นั้นไง คนก็อยู่ตรงนั้นไม่ใช่เหรอ?” ฉู่เฟิงบุ้ยใบ้ ชี้ไปทางมุมกำแพงสวน
คนผู้นั้นพอมองเห็นมนุษย์พิเศษทั้งสองถูกล่าม รอยเืเกรอะกรัง อาการโคม่า ก็ขมวดคิ้วทันที จากนั้นเขาหันกลับมาทันควัน สายตาที่มองฉู่เฟิงเย็นเยียบ
“ดีมาก ฉันจะพาคนไป ส่วนนาย ก็ตายในกองเพลิงซะ!” ชายวัยกลางคนผู้นี้พูดด้วยความคั่งแค้น จบคำก็เหวี่ยงหมัดเข้าที่ขมับของฉู่เฟิง นี่มันคิดจะฆ่าเขาเลยนะ
ฉู่เฟิงสีหน้าเ็า เท้าทั้งสองยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน มือขวากำหมัด ส่งออกไปรับหมัดของอีกฝ่ายที่เหวี่ยงเข้ามาซึ่งๆ หน้า
“อ๊าก...”
ชายวัยกลางคนร้องโหยหวน ร่างทั้งร่างกระเด็น หมัดของเขาแตกยับเยิน อีกทั้งแขนก็บิดเบี้ยวจนผิดรูป อย่างกับไปชกเขาทั้งลูกมา
“แก...แปลกจริงๆ ด้วย ลงมือ!” เขาพูดอย่างมีโทสะ
ทันใดนั้น บนกำแพงสวนปรากฏปืนหลายกระบอก ติดตั้งเครื่องเก็บเสียงพร้อม ลูกะุพุ่งตรงเข้าปลิดชีพฉู่เฟิง
ั้แ่ฝึกกระบวนท่าที่เก้าสำเร็จ ฉู่เฟิงเกิดสัญชาตญาณอย่างหนึ่งขึ้น สามารถรู้สึกล่วงหน้าได้ถึงอันตราย จึงหลบได้อย่างทันท่วงที ความเร็วของเขาระดับไหนแล้ว เขาะโออกไปนอกกำแพง
ตึง ตึง ตึง...
แจกหมัดอย่างต่อเนื่อง มือปืนทั้งสี่ถูกชกจนกระดูกลั่นกรอบ เืพุ่งจากปาก ร่างปลิวกระเด็นไปกองอยู่บนพื้น
“แก...”
ชายวัยกลางคนตะลึง เขาอ้าปากกว้าง พ่นแสงสีขาวเหมือนกับใยแมงมุมออกมาพันตัวฉู่เฟิงไว้
ฉู่เฟิงหลบฉากอย่างรวดเร็ว คนผู้นั้นร่างกายบวมขยาย กระดูกเหมือนกับเคลื่อนที่ไม่หยุด แล้วงอกออกมาจากสองข้างของร่างกายเหมือนกับขาแมงมุม สีดำสนิททว่าแข็งอย่างยิ่ง เปล่งประกายแวววาวดุจโลหะ
เขาเหมือนกับแมงมุมสีดำตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ปากพ่นใยพุ่งเข้าจู่โจมอย่างรุนแรง ขาแมงมุมสีดำมืดเ่าั้กรีดพื้นเป็รอยลึก พอเจอก้อนหิน ก็บดขยี้ทันที เป็ภาพที่น่าสยดสยอง
หึ่ง!
ในอากาศเหมือนกับมีเสียงร้องเบาๆ เมื่อเขาพุ่งเข้ามา ขาแมงมุมพวกนั้นก็ยืดตรงประหนึ่งหอกรบสีดำที่แหลมคมอย่างยิ่งแทงเข้าใส่ฉู่เฟิง
แกรก!
น่าเสียดาย เมื่อเขาสร้างร่างเทพของหมัดปีศาจวัวแล้วปล่อยหมัดออกพุ่งทำลายขาแมงมุมที่มีสีดำปานโลหะ เพียงหมัดเดียวก็กระแทกเข้าที่ทรวงอกของเขา ทะลุทะลวงเป็รู เืไหลนองน่าสยดสยอง
ชายวัยกลางคนกรีดร้องโหยหวน ร่างร่วงลงกับพื้น ไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก
ฉู่เฟิงสงบนิ่งอย่างยิ่งมองดูพวกเขา คนพวกนี้ต่อให้ถูกอัดจนน่วมไปแล้ว แต่ก็ยังคงถูกเขาจับมัดรวมกันอยู่ดี
“หวงหนิว เอาพวกเขาเหวี่ยงเข้าไปในเขาา” ฉู่เฟิงบอก
หวงหนิวเอียงคอมอง ความหมายก็คือ ฉันไม่ไป!
“ผู้หญิงคนนั้นกับผู้ชายปีกปีศาจนั่นน่ะ เมื่อคืนวานไปคุ้ยหลุมที่นายขุดไว้แน่ะ พวกเขารู้ความลับของนายแล้วนะ” ฉู่เฟิงเอ่ย
พอได้ยินเท่านั้นแหละ หวงหนิวไฟลุกพรึ่บขึ้นทั้งตัว ขนวัวสีทองแต่ละเส้นลุกชัน มันโมโหเป็ฟืนเป็ไฟ เหมือนกับถูกคนส่องเห็นความลับสุดยอดของมัน วิ่งห้อตะบึงเป็บ้าเป็หลัง
“อย่ามาเอาเื่ฉัน พวกเขาต่างหากที่ขุด แกไม่เชื่อก็ไปสอบสวนเอง ไม่อย่างนั้น ทำไมแม่สาวชุดขาวถึงอ้วกไม่หยุดตอนเห็นแกล่ะ?” ฉู่เฟิงพูด
หน้าหวงหนิวเปลี่ยนไปสารพัดสี เดี๋ยวแดงเดี๋ยวม่วง อ้อ ถ้าเป็คนก็ต้องใช้คำว่า หน้าดำหน้าแดง ความลับถูกคนเห็นเข้า มันโมโหเป็ฟืนเป็ไฟ
ฟาดหัวฟาดหางอยู่สักพัก สุดท้ายมันลากคนกลุ่มนั้น วิ่งเหยียดไปยังูเามหึมา
“น่ากลัวจริงๆ ก็แค่ตอนทำธุระส่วนตัวดันมีคนมาเห็นเข้าเอง ถึงกับโมโหอย่างงี้ มันจะฆ่าคนปิดปากไหมหว่า?” ฉู่เฟิงพึมพำ
เขามองออกว่าหวงหนิวระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่ยอมให้คนอื่นเห็น เขาตัดสินใจละ ต่อไปไม่พูดเื่มูลวัวอีกแล้ว
คนพวกนั้นถูกมัดเป็พวงเดียวกัน แล้วถูกหวงหนิวลากไปในอึดใจ
พอมันกลับมา ฉู่เฟิงก็ไถ่ถามว่าเป็อย่างไรบ้าง
เหมือนกับว่าหวงหนิวกลับคืนสู่ความสงบแล้ว มันยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นปิดตา ร้องมอๆ อยู่หลายคำ ความหมายก็คือ ฉากจบโหดร้ายเกินไป มันไม่กล้าดู
ฉู่เฟิงไร้ซึ่งคำพูด เห็นกันอยู่ว่าแกนั่นแหละที่หายเข้าไปในูเานั่น โหดร้ายบ้านแกสิ!
ยามเย็น พอฉู่เฟิงฝึกมวยเสร็จ อาบน้ำแล้วอ่านหนังสืออยู่ในห้อง
คราวนี้ เขาไม่ติดต่อทั้งหลินนั่วอีและผู้หญิงคนนั้นอีก
ไม่นานนัก เครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้น อีกฝ่ายเป็คนติดต่อมาเอง เขาไม่รับสาย ยังคงอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้นอย่างออกรสออกชาติ
จนผ่านไปครู่ใหญ่ เครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขาจึงยอมคุยกับอีกฝ่าย
ยังคงเป็ผู้หญิงคนนั้น เสียงของเธอค่อนข้างแหลมสูง ถามฉู่เฟิงว่ามีคนไปรับตัวชายหนุ่มปีกปีศาจหรือไม่
“เจอแล้ว คราวนี้เจอแมงมุมหน้าคนตัวเบ้อเริ่มร่วงลงมาจากฟ้า เกือบตกลงมาตายหน้าบ้านผมแน่ะ” ฉู่เฟิงตอบอย่างสงบเสงี่ยม
*****************************************************
1 เจียงหนิง เป็หนึ่งในสิบเอ็ดอำเภอที่อยู่ในเมืองหนานจิง (นานกิง) มณฑลเจียงซู
2 เจียงหนาน เป็คำใช้เรียกดินแดนที่อยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียงทั้งหมด