อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จื่อซวินเอ๋อคาดไม่ถึงคือปฏิกิริยาที่รุนแรงของฉินอวี่ ดวงตาที่งดงามของนางจ้องมองฉินอวี่ เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์เหมือนก่อนหน้า และเอ่ยออกมา “ซวินเอ๋อก็เพียงแค่สงสัยเท่านั้นเอง...” และในใจกลับคิดเป็อย่างอื่น ดูเหมือนว่าความคิดนั้นคงจะยากที่จะนำมาใช้แล้ว นางมั่นใจได้เลยว่า ขอเพียงนางควบคุมคนใกล้ชิดที่อยู่เื้ัคนผู้นี้ได้ หาก้าอะไรแล้วเอามาไม่ได้ นั่นคงไม่ใช่ความ้าของจื่อซวินเอ๋อ
“หวังว่าเ้าจะแค่อยากรู้นะ!” ฉินอวี่พูดอย่างเ็า แม้ว่าเขาเป็เพียงแขกที่ผ่านเข้ามาคนหนึ่ง แต่เขาก็ไม่มีวันยอมให้ใครทำลายเจตนารมณ์ของตระกูลฉิน หากเป็เื่คนอื่นฉินอวี่จะไม่ยุ่งเกี่ยวเลย แต่ฉินอวี่จะไม่มีวันยอมให้ผู้ใดทำร้ายฉินเสวี่ยเป็อันขาด
จื่อซวินเอ๋อยิ้มหวานและยิ้มปกปิดการข่มขู่ก่อนหน้านี้ จากนั้นจึงหยิบกระดาษที่ฉินอวี่เขียนขึ้นมา หลังจากดูมันครู่หนึ่ง ก็พูดว่า “เอาล่ะ ข้าสามารถช่วยเ้ารวบรวมวัตถุดิบยาทั้งหมดนี้ได้ ข้าประเมินราคาดูแล้ว ราคาอยู่ที่ประมาณสามร้อยศิลาิญญา และยังมีเศษเหลืออีกสี่ร้อย ไม่ทราบว่าสหายเฉิน้าเป็ศิลาิญญาหรือจะเปลี่ยนเป็วัตถุดิบยาอื่นๆ หรือไม่?”
“วงแหวนมิติหนึ่งวง นอกนั้นขอเป็ศิลาิญญา ครึ่งหนึ่งขอเป็ศิลาิญญาระดับล่าง อีกครึ่งหนึ่งขอเป็ศิลาิญญาระดับกลาง” วัตถุดิบที่ฉินอวี่้านั้นมีจำนวนมาก หากส่งตรงไปยังตระกูลฉิน คงเป็ที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากเกินไป
“สหายเฉิน ไม่ทราบว่าจะให้ข้าติดต่อเ้าในภายหน้าได้อย่างไร?” จื่อซวินเอ๋อตอบไม่ตรงคำถาม
“ข้าจะยังมาที่นี่อีกสองสามครั้ง เอาล่ะ ช่วยข้าเตรียมเอาไว้ก็แล้วกัน” ฉินอวี่พูดจบ ก็ลุกขึ้นยืน
“สหายเฉิน ไม่ต้องกังวล แม้ว่าวัตถุดิบยาเหล่านี้จะไม่ใช่สิ่งมีค่ามากนัก แต่ปริมาณที่เ้า้าก็มากยิ่งนัก อาจจะต้องใช้เวลารวบรวมกว่าครึ่งวัน หากสหายเฉินสนใจ ซวินเอ๋อพาสหายเฉินเดินชมร้านขายยาได้นะ ลองดูว่าเ้าสนใจของชิ้นไหนบ้างหรือไม่?” จื่อซวินเอ๋อลุกขึ้นช้าๆ พูดด้วยท่าทางงดงามอ่อนหวาน นาง้าจะรู้ว่าส่วนตัวของฉินอวี่มีความลึกลับมากเพียงใด
ฉินอวี่หรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า เขาไม่้าจะเป็ศัตรูกับจื่อซวินเอ๋อ ในแดนของสตรีผู้นี้มีความลึกลับยิ่งนัก อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนอย่างมาก หากผูกมิตรไว้ได้ให้ผูกมิตรอย่างเต็มที่ มิฉะนั้น หากไปยั่วยุคนเช่นนี้ในสถานการณ์เช่นนี้ คงมีเื่วุ่นวายตามมาไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อฉินอวี่รับคำ รอยยิ้มบางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนแก้มที่ขาวผ่องของจื่อซวินเอ๋อ และเป็รอยยิ้มที่เรียกได้ว่างามล่มเมือง
“ก่อนหน้านี้ซวินเอ๋อมิได้มีเจตนาอื่นใด เพียงแค่อยากรู้ที่มาเกี่ยวกับสหายเฉินจริงๆ อย่างไรก็ตาม เม็ดยาพลังปราณนั้นมีบันทึกไว้เพียงในตำราโบราณเท่านั้น น้อยมากที่จะมีคนได้ไว้” จื่อซวินเอ๋อเดินไปพูดไป และพาฉินอวี่เดินออกจากห้อง
ฉินอวี่ตอบอย่างเรียบเฉย “ด้วยเพราะมีเื้ัของ ‘หมื่นสรรพสิ่ง’ ก็ควรจะมีใบปรุงยาของเม็ดยาพลังปราณสิ?” ฉินอวี่ถามอย่างหยั่งเชิง ั้แ่แดนเซียนอู่ถูกหลินอวี่ทำลายไป และเสี่ยเอ๋อได้รวบรวมกลับขึ้นมาใหม่ จะต้องมีสิ่งของที่สูญหายไปเป็จำนวนมากแน่นอน และฉินอวี่ก็คาดเดากองกำลังที่อยู่เื้ัร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่งได้อย่างชัดเจน
“เอ๊ะ? สหายเฉิน คิดว่ามีอะไรอยู่เื้ัร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่งหรือ?” จื่อซวินเอ๋อยิ้มหวาน และสังเกตได้ว่าฉินอวี่กำลังหยั่งเชิงตนเองอยู่เช่นกัน นางจึงเริ่มอยากรู้มากขึ้น
“หากข้าเดาไม่ผิดละก็ น่าจะเป็สำนักกุยหยวน” ฉินอวี่กล่าวด้วยกล่าวด้วยความคิดเห็นเล็กน้อย
หมื่นสรรพสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่การเปลี่ยนแปลงไม่อาจแยกออกจากสำนัก การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดหวนคืนสู่สำนัก นอกจากนี้จื่อซวินเอ๋อก็เข้าสู่ขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่หนึ่งได้ั้แ่อายุยังน้อย ดังนั้น ฉินอวี่จึงเดาออกว่าผู้อยู่เื้ัร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่งคือสำนักกุยหยวน
ในอดีต ฉินอวี่ก็เคยได้ยินชื่อของสำนักกุยหยวนมาก่อน และจนถึงทุกวันนี้ ยังมีเื่ราวที่เกี่ยวข้องกับสำนักกุยหยวนในตำราโบราณของหอตำราตระกูลฉิน ซึ่งแสดงภูมิหลังที่ลึกซึ้ง
จื่อซวินเอ๋อตกตะลึงอยู่ในใจ มองไปทางฉินอวี่อย่างจริงจัง นางนึกไม่ถึงว่าฉินอวี่จะสามารถคาดเดาสำนักผู้อยู่เื้ัของร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่งได้ อย่างไรก็ตาม ร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่งมีการดำเนินกิจการมายาวนาน นอกจากผู้มีอำนาจเ่าั้แล้ว น้อยคนนักที่จะรู้ว่ามีสำนักกุยหยวนอยู่เื้ั ดังนั้น นางจึงนึกไม่ถึงว่าในเมืองหลักของคนทั่วไปเช่นนี้จะมีคนคาดเดาได้ถูกต้อง
เป็ไปได้หรือไม่ว่า คนผู้นี้มาจากสำนักใหญ่? หรือเขาจะแสร้งทำเป็อ่อนแอให้เราตายใจจริงๆ? จื่อซวินเอ๋อเริ่มเต็มไปด้วยความสงสัย
“นักปรุงยาจื่อ ที่ด้านล่างมีสหายจากสกุลหลงมาขอพบท่าน”
ในขณะนี้ ผู้าุโซึ่งออกมาต้อนรับฉินอวี่ในตอนแรกได้เดินขึ้นมาชั้นบน และกล่าวอย่างเคารพ
“ข้ารู้แล้ว” จื่อซวินเอ๋อรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อนางถูกขัดจังหวะ จากนั้นนางจึงหันไปหาฉินอวี่และพูดว่า “หากสหายเฉินไม่รังเกียจ ลงไปพบสหายเก่าแก่กับซวินเอ๋อหน่อยเป็อย่างไร?”
ฉินอวี่ยังไม่ทันตอบรับ แต่ก็ยอมรับไปโดยปริยาย
ทั้งสองเดินลงไปที่ยังชั้นล่างของอาคารเคียงข้างกัน แต่กลับมองเห็นชายหนุ่มและหญิงสาวหลายคนกำลังพูดคุยกันอยู่ในร้านขายยา สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่มีประกายแสงอันเยือกเย็นปรากฏขึ้นในดวงตาก็คือ หนึ่งในนั้นมีคนคุ้นเคยอย่างมากอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเป็คนที่เขาที่เขาทั้งเกลียดทั้งกลัวเป็ที่สุดในความทรงจำของร่างเดิม คนผู้นั้นคือพี่ชายคนรองของฉินอวี่ บุตรชายคนรองแห่งตระกูลฉิน นามว่าฉินเฟิง!
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงในเวลานี้ไม่ได้จำความเย่อหยิ่งและโอหังอีกต่อไป ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนน้อมถ่อมตน และยืนอยู่ข้างหลังฝูงชนด้วยความเคารพ
หัวหน้าของกลุ่มคนเหล่านี้เป็ผู้หญิงที่สวยและผอมเพรียวสองคน คนหนึ่งอยู่ในชุดสตรีฝ่ายในสีชมพู อีกคนหนึ่งสวมชุดกระโปรงสีขาว ด้านหลังมีคนหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งและเด็กน้อยคนหนึ่ง ท่าทางของพวกเขาดูแปลกมาก มีความสงสัย ความประหลาดใจ และเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ศิษย์พี่หญิงจื่อ นึกไม่ถึงว่าท่านจะมาเมืองหลักเทียนอู่จริงๆ” ขณะที่ฉินอวี่และจื่อซวินเอ๋อกำลังเดินลงบันได ดวงตาของหญิงสาวในชุดสีขาวก็เปล่งประกาย และพูดด้วยความประหลาดใจ
“หลิงเอ๋อ ไม่เจอกันนานเลยนะ” จื่อซวินเอ๋อเดินย่างก้าวอย่างช้าๆ และมีรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าที่สวยงามของนาง
เมื่อชายหนุ่มที่ติดตามผู้หญิงทั้งสองเห็นจื่อซวินเอ๋อ พวกเขาแต่ละคนต่างประหลาดใจราวกับได้พบเทพธิดา ดวงตาของพวกเขาจ้องมองตรงไปที่จื่อซวินเอ๋อ และใบหน้าของพวกเขาก็ตกอยู่ในความหลงใหลในทันที
“ศิษย์พี่หญิงจื่อ ท่านมาถึงเมืองหลักเทียนอู่ก็ไม่บอกหลิงเอ๋อสักคำ และไม่ให้หลิงเอ๋อได้ทำการต้อนรับตามหน้าที่ของเ้าบ้านเลย” หญิงสาวที่ชื่อว่าหลิงเอ๋อคนนั้นก้าวออกมาข้างหน้าและคว้ามือของจื่อซวินเอ๋อ พูดด้วยเสียงที่อ่อนหวาน และเมื่อสายตาของนางหันมามองฉินอวี่ เมื่อมองใกล้ๆ อีกครั้ง นางจึงพูดอย่างตกตะลึง “เอ๊ะ... ศิษย์พี่หญิงจื่อ ผู้นี้คือ?”
“ผู้นี้คือสหายเฉิน เขาเป็คนแคว้นอู่เช่นกัน” จื่อซวินเอ๋อพูดพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน พูดจบ นางก็หันไปกะพริบตาให้ฉินอวี่
ฉินอวี่เหลือบมองจื่อซวินเอ๋ออย่างเฉยเมย และแอบเยาะเย้ยในใจ ยังไม่หยุดอีก? ยังคิดจะหยั่งเชิงอีก?
“คนของแคว้นอู่? พี่เฉิน ข้าชื่อหลงหลิง ยินดีที่ได้รู้จักท่านพี่เฉิน” หญิงสาวที่ชื่อหลิงเอ๋อพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน น้ำเสียงดูคมชัดและไพเราะน่าฟัง
ฉินอวี่พยักหน้าเล็กน้อยเป็คำตอบ เขาคาดเดาตัวตนของหลงหลิงผู้นี้ได้อยู่ในใจของเขา ในแคว้นอู่ ผู้ใช้สกุลหลงมีเพียงจักรพรรดิแห่งแคว้นอู่เท่านั้น เมื่อรวมกับรูปลักษณ์ที่น่าเคารพนับถือเช่นนี้ หญิงสาวสองคนนี้จะต้องเป็องค์หญิงแห่งแคว้นอู่
“พี่หลิงเอ๋อ เขายังไม่พ้นชั้นที่หนึ่งของขั้นยุทธ์เลยนะ... ทำไมจึงเรียกเขาว่าพี่ล่ะ? เขายังไม่ดีเท่าข้าเลยนะ...” เด็กน้อยที่อยู่กับหลงหลิงพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ เขาเป็อายุประมาณสิบสองหรือสิบสามปีเท่านั้น แต่กลับดูเป็ผู้ทรงเกียรติและสง่าผ่าเผยน่าเกรงขาม
“หลงเฟย เงียบเดี๋ยวนี้นะ” หลงหลิงหันศีรษะอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม
เด็กชายคนนั้นที่ชื่อว่าหลงเฟยแลบลิ้นออกมาทันที และก้มหน้าลงด้วยความไม่พอใจ
จากนั้นหลงหลิงก็ละสายตาออกมา และมองไปทางฉินอวี่ “พี่เฉิน น้องชายของข้ายังเด็กและไร้เดียงสา หวังว่าพี่เฉินจะไม่ถือสา”
ฉินอวี่ส่งสายตามองหลงหลิง และพยักหน้าเล็กน้อย เขารู้ว่าหลงหลิงผู้นี้เพียงแค่ทำให้จื่อซวินได้เห็นเท่านั้น เพียงแต่ การขอโทษนี้เป็การขอโทษเพื่อตนเอง ไม่ใช่เพื่อจื่อซวินเอ๋อ เห็นได้ชัดเจนว่าหลงหลิงผู้นี้มีอุบายไม่ใช่น้อย และนางเองก็ไม่ได้คำนึงถึงความสัมพันธ์ของตนเองและจื่อซวินเอ๋อเลย
“พี่เฉิน นี่คือน้องสาวของข้าชื่อหลงอวี่” หลงหลิงรีบเปลี่ยนเื่ และแนะนำให้ฉินอวี่ได้รู้จัก
“หลงอวี่? องค์หญิงสิบสามแห่งแคว้นอู่?” ฉินอวี่มองหลงอวี่อย่างแปลกใจ เขานึกไม่ถึงว่านี่คือองค์หญิงสิบสามที่ร่างเดิมถึงกับถวิลหาทุกค่ำเช้า เมื่อมองพิจารณาอย่างละเอียด นางคือหญิงงามที่อยู่ในความทรงจำของร่างเดิม อย่างไรก็ตาม ร่างเดิมนั้นทำได้แต่เพียงแอบชื่นชมนาง มากที่สุดก็ทำได้เพียงแอบมอง ยังไม่เคยได้พบเจอหน้ากันมาก่อน เมื่อพบกันในวันนี้ ฉินอวี่เองก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลงอวี่
ใบหน้าของนางงดงามวิจิตร ห่อหุ้มร่างกายด้วยอาภรณ์จีนสีชมพูอ่อน ผ้าคลุมไหมสีขาวเผยให้เห็นไหล่อันงดงามและคออันงามระหง รอยจีบของกระโปรงที่กระทบแสงดุจดั่งแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาบนพื้นดิน ห่างออกไปไกลกว่าสามฉื่อ เส้นผมอันงดงามของนางถูกม้วนรัดขึ้นไป ปักปิ่นรูปผีเสื้อไว้บนศีรษะ มีผ้าไหมสีเขียวพันอยู่รอบอก ตบแต่งใบหน้าอย่างงดงาม แต่งเติมสีอย่างเบาบาง ใบหน้าแดงละเอียดลออดูน่ารักราวกับกลีบดอกไม้ ทั่วทั้งร่างของนางเปรียบเหมือนผีเสื้อโบยบินในสายลม เหมือนน้ำแข็งที่สดใส
ต้องบอกเลยว่า หลงอวี่ผู้นี้เป็หญิงสาวที่มีความงดงามพร้อมในทุกด้าน แม้ว่าจะไม่เท่ากับจื่อซวินเอ๋อ แต่ร่างกายยังคงมีความเป็เด็กอย่างเด็กแรกรุ่น ไม่ได้มีความพิเศษอันใด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่ต้องแปลกใจคือ องค์หญิงสิบสามผู้นี้มีระดับการฝึกฝนในขั้นยุทธ์ชั้นที่สองเท่านั้น
“หลงอวี่คารวะพี่เฉิน” เมื่อฉินอวี่มองไปยังหลงอวี่ หลงอวี่ก็มองดูฉินอวี่เช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้นางสงสัยคือ สายตาของพี่เฉินคนนี้ ดูเหมือนกำลังจ้องมองตนเอง หรือว่า เขาจะรู้จักตนเอง? ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นี้อยู่เพียงขั้นยุทธ์ชั้นที่หนึ่ง เหตุใดพี่หญิงจะต้องให้ความเคารพเขาด้วย?
ในเวลานี้ เหล่าหนุ่มสาวที่ด้านหลังองค์หญิงทั้งสอง ต่างประสานมือแสดงความเคารพ
“หวังอวี่คารวะพี่เฉิน”
“หลิวอวี้คารวะพี่เฉิน”
“ฉินเฟิงคารวะพี่เฉิน” ฉินเฟิงที่เป็คนสุดท้าย ยกมือขึ้นแสดงความเคารพเช่นกัน
ฉินอวี่เหลือบไปที่ฉินเฟิง และพูดอย่างเรียบเฉย “เ้าเป็บุตรชายคนรองของตระกูลฉินใช่หรือไม่?”
ร่างกายของฉินเฟิงสั่นเล็กน้อย คิ้วของเขาก็ดูมีความสุขในทันที และพูดอย่างประจบสอพลอ “ใช่ขอรับ... หากเห็นว่าฉินเฟิงมีความสามารถจะทำได้ก็...”
“ได้ยินมานานแล้วว่าบุตรชายคนที่สองของตระกูลฉินโอหังอวดดี และดูไร้เหตุผล เมื่อข้าได้พบวันนี้ ดูเหมือนไม่เป็ดั่งคำร่ำลือ”