บทที่ 20
เสียงโหวกเหวกดังมาจากห้องนั่งเล่นั้แ่่สายจนถึงตอนเที่ยง เดือนอ้ายได้แต่ยืนมองเพื่อนแฝดที่กำลังรับบทเป็พี่เลี้ยงเด็ก นาวินที่กำลังทำทำท่าเป็อัศวิน ส่วนเควินที่แกล้งเป็สัตว์ประหลาดหิน ลูกชายตัวน้อยก็กลายเป็เ้าชายไปอีก ซึ่งก็เป็แบบนี้มาั้แ่โทรเรียกมา
กว่าสาธยายความเสร็จให้ทั้งคู่เข้าใจก็กินเวลาไปแทบแย่ โชคดีที่ทั้งคู่เข้าใจเื่ราวทั้งหมดแทบยังเอ็ดเขาไปนิดหน่อยเื่ที่โดนรถชนแล้วไม่ยอมบอก อีกอย่างตอนเช้ามานี้ก่อนพี่อาทิตย์ไปทำงานก็มาเล่นกับตะวันสักพักแต่เหมือนเด็กน้อยจะไม่เข้าใจมุขผู้ใหญ่ของพี่อาทิตย์เท่าไหร่ สงสัยเขาต้องหาเวลาให้ทั้งคู่จูนเข้ากันใหม่
เดือนอ้ายเดินมาหาของสำหรับทำขนมในตู้เย็นก็พบว่าหมดแล้ว “เดี๋ยวค่อยให้คนออกไปซื้อแล้วกัน” ในเมื่อวันนี้นาวินกับเควินมานอนบ้านก็เลยตั้งใจจะทำขนมให้ทั้งคู่กิน รวมถึงตะวันด้วย แต่ของดันเสียได้
‘อย่าบุกเมืองหนูนะ!’
‘ข้าจะปกป้องเ้าชายเองขอรับ!’
‘ย้ากกกกกก’
เสียงการแสดงบทของคนในห้องนั่งเล่นนั้นทำให้เขาที่ได้ยินต้องหลุดขำออกมาเล็กน้อย นานมาแล้วที่ไม่ได้ได้เห็นสองแฝดได้ทำอะไรแบบนี้ เพราะทุกครั้งที่สองคนนี้เข้าหาเด็กทีไรก็วิ่งหนีสองคนนี้ตลอด มีแค่ตะวันนี่แหละคนแรกที่เข้าหาสองคนนี้ก่อนด้วยซ้ำ แปลกที่จูนกับพี่อาทิตย์ยากกว่า
ร่างเล็กยืนหั่นมะม่วงในครัวเสร็จก็จัดใส่จานแล้วรีบเดินไปที่ห้องนั่งเล่น ภาพที่เห็นต้องหน้าต้องรีบให้เอ่ยเสียงดุออกมาทันที“ตะวันลงมาจากขอบโซฟาเลยนะครับ เดี๋ยวตกขึ้นมาจะทำยังไง”
“แล้วนาวินกับเควินปล่อยให้เด็กขึ้นแบบนั้นได้ไง เท้าพลิกขึ้นมามันเจ็บนะ!” น้ำเสียงที่ใช้คนละเสียงเลยเชียวนาวินคิดในใจเควินรีบอุ้มตะวันลงจากโซฟามาตรงพื้น แม้ตะวันจะเป็เด็กแปดขวบแต่ว่าความสูงกับลำตัวนั้นเล็กกว่าคนทั่วไป
“โถ่อ้าย กู-เราก็ดูอยู่ไหม?” จากตอนแรกที่เผลอพูดกูใส่เพื่อนตัวเล็กก็ต้องรีบเปลี่ยนคำพูดทันควันเมื่อเห็นตาถลึงใส่แบบนั้นไม่คิดว่าเพื่อนจะเลี้ยงตะวันแบบนี้มาก่อน
นาวินรู้อยู่แล้วว่าเดือนอ้ายเป็คนที่ชอบเด็กมาก ไม่ว่าจะเด็กคนไหนที่เห็นหน้าเดือนอ้ายก็พร้อมที่จะวิ่งเข้าหา ยิ่งพอเห็นรอยยิ้มหวานก็เหมือนจะมีลูกผึ้งรุมตอมรังผึ้งอยู่ตลอด เด็กน้อยที่ชื่อตะวันนี่ก็เหมือนกัน ยิ้มทีก็ดูคล้ายกับเดือนอ้ายเหมือนกัน
“หม่ามี๊ไม่เล่นด้วยกันหรอคับ” เด็กน้อยถามพร้อมกับชูของเล่นเต็มมือก่อนที่ร่างเล็กจะเดินไปนั่งข้างๆ พร้อมกับวางถาดมะม่วงลง
“มาพักกินของว่างก่อน เดี๋ยวค่อยเล่นต่อนะครับ” ตะวันพยักหน้าตอบตกลงก่อนจะจิ้มมะม่วงกินอย่างตั้งใจ จังหวะนั้นก็หันมาเห็นสีหน้าเพื่อนแฝดที่กำลังยิ้มอยู่
“มองอะไรนัก เควินก็ยังเอากับเขาด้วยนะ”
“เห็นเพื่อนได้เลี้ยงลูกดีแล้วภูมิใจว่ะ” ฝ่ามือเล็กฟาดลงที่ไหล่เควินเบาๆ
“ถึงจะเป็แบบนั้น กูก็ยัง..” ยังรู้สึกผิดกับตะวันอยู่ไม่หาย นาวินลูบหัวเพื่อนตัวเล็กช้าๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาข้างหู “มึงทำหน้าที่ของมึงตอนนี้ได้ดีแล้ว กูเชื่อว่าพ่อเขาก็คงไม่อยากให้ลูกได้เจออะไรแย่ๆ หรอก”
“อื้อ” เดือนอ้ายมองเด็กน้อยที่ยังสนุกกับการกินด้วยรอยยิ้ม ตะวันเป็เด็กที่สมควรโตมาด้วยความรัก เด็กน้อยในวัยนี้ควรได้เล่นอย่างที่อยาก ได้กิน และได้เติบโตอย่างเต็มที่โดยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี
่เวลาเลยผ่านจนมาถึงตอนเที่ยงพอดี เดือนอ้ายทำอาหารให้ไว้รอแล้ว ทุกคนจึงรวมตัวกันที่โต๊ะกินตอนนี้ โดยที่เดือนอ้ายเอาแต่ป้อนข้าวตะวันอยู่แบบนั้น ทั้งที่ตะวันก็ขอว่าจะกินเองแต่เดือนอ้ายก็ยังไม่ยอม
“ตาวานอยากกินเองคับหม่ามี๊~”
“แต่ว่า- “
“โอ้ย! ให้หลานกินเองเถอะแม่คุณเนอะ ใช่ไหมครับตะวันๆๆ” นาวินรีบบ่นออกมาทันทีเมื่อเห็นสองแม่ลูกยึกยักอยู่ใย
“ใช่คับ ตาวานกินเองน้า”
“ก็ได้ครับ กินเยอะๆ นะคนเก่ง” ที่เดือนอ้ายป้อนเพราะเป็ห่วงที่เห็นว่าอีกคนจะกินน้อย ั้แ่ตะวันมาอยู่ที่นี่ก็กินนับคำได้
เมื่อกินทุกอย่างเสร็จเควินก็ขออาสาพาตะวันไปนอน จนตอนนี้มีแค่เขากับนาวินที่นั่งคุยกันอยู่สองคน ร่างเล็กมีสีหน้าตึงเครียดจนนาวินสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าเพื่อนมีอาการที่ไม่สบายใจแน่นอน “มึงกังวลใช่ไหม”
“อื้อ กูไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว กูมีตะวันมาด้วยเลยอดคิดมากไม่ได้”
“เื่นั้นไม่ต้องห่วง พวกกูจะดูแลอย่างดี”
“กูก็อดห่วงไม่ได้ อีกไม่กี่สัปดาห์ตะวันก็ต้องเข้าเรียนที่ใหม่แล้วด้วย” ร่างเล็กเป็ห่วงว่าอีกคนจะเป็ยังไงตอนอยู่ที่โรงเรียน
“เด็กแบบตะวันเข้ากับใครก็ได้มึง น่ารักขนาดนั้นอ่ะ”
“กูคงคิดมากจริงๆ นั่นแหละ”
“คิดมากได้แต่มึงอย่าเผลอกดดันตะวันจนลืมตัวนะ” เดือนอ้ายพยักหน้าลงยอมรับว่าตอนนี้เขาเองเริ่มรู้สึกว่ากำลังกดดันเด็กน้อยอยู่ เพราะความเป็ห่วงมันยังมีอยู่ล้นอก
“กูก็พยายามจะไม่เป็แบบนั้น ถ้ากูเผลอทำมึงช่วยเตือนกูที ถ้ากูไม่ฟังก็ตีกูเลยนะ”
“ฮ่าๆ นี่มึงเป็แม่คนจริงๆ แล้วสินะ” นาวินที่เห็นเดือนอ้ายสับสนแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเอ็นดูเพื่อนตัวเล็ก
“พอเลยๆ มึงเลิกขำกูได้แล้ว”
“แล้วนี่มึงเตรียมของยังอ่ะ กูจะได้บอกว่าให้เขามารับพรุ่งนี้ตอนกี่โมง”
“กูเตรียมเสื้อผ้าไว้แล้ว กินข้าวเช้าแล้วไปตอนสายก็ได้”
“แล้วไม่คิดจะลาแฟนก่อนหรอ~ หรือว่าบอกลาเมื่อคืนอิ่มแล้วววว” เสียงของนาวินลากยาวแบบทะเล้นจนโดนมือเล็กฟาดลงบนหลัง
“เล่นอะไรเนี่ย”
“ตีกูแรงอยู่นะ ก็เห็นว่าตอนเช้ามันหวานกันจริ๊งก็เลยอดแซวไม่ได้นี่หว่า”
“คนไม่มีแฟนไม่เข้าใจหรอกเนอะ”
“อ่อ ลอบกัดกูงี้ระวังนะจ้ะ” เขายิ้มให้กับนาวินเมื่อเห็นอาการวีน
“เออแล้วเดี๋ยวกูฝากไปซื้อของสดกับแป้งหน่อยได้ปะ”
“ได้ดิ กูว่าจะไปซื้อของอยู่ รอเควินมันลงมาก่อน”
พวกเขานั่งรอเควินลงมาด้านล่างอยู่นานสองนาน คาดว่าน่าจะเล่นกับตะวันจนอีกคนหลับไป เขายืมส่งเพื่อนแฝดไปซื้อของก็รีบกลับเข้ามาในบ้านทันทีก่อนจะเดินไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อเก็บของเล่นของตะวันใส่กล่องทั้งหมดจากนั้นค่อยมาเก็บผ้าที่ตากไว้
พอเห็นเสื้อผ้าตัวเล็กๆ ของตะวันก็ทำให้นึกถึงตัวเองในตอนเด็กที่มาช่วยแม่นมตากผ้าในตอนนั้น ความทรงจำในวัยเด็กของเขาไม่เคยมีพ่อแม่อยู่ในนั้นเป็ส่วนใหญ่ มีแต่แม่นมเท่านั้น พอไม่มีแม่นมก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว ความรู้สึกเหงามันทรมานจนเขาจำได้ดี เขาไม่อยากให้ตะวันรู้สึกแบบนั้นเลยจริงๆ
ร่างเล็กเก็บผ้าจนเสร็จก็เดินกลับเข้ามาในบ้านทันทีเพื่อเอาเข้าไปเก็บ หางตาเหลือบไปเห็นการ์ดมากมายที่รายล้อมไปทั่วเซฟเฮ้าส์ แม้จะไม่คุ้นชินเท่าไหร่แต่เดือนอ้ายรู้ดีว่ามันเป็สิ่งจำเป็ แม้ว่าเขาจะเคยคิดว่าชีวิตตัวเองก็คงไม่มีค่ามากเท่าไหร่นักแต่พอได้เคียงข้างพี่อาทิตย์มันก็ให้เขาเปลี่ยนความคิดตัวเองไปทันที
ไวกว่าความคิดก็รู้สึกแปลกๆ ถึงอะไรบางอย่างภายในบ้าน ร่างเล็กเดินไปตรงประตูเพื่อแง้มหน้าต่างดูอีกครั้งก็พบว่าการ์ดยังคงยืนอยู่ที่เดิม เท้าเล็กก้าวฉับไปทั่วบ้านเพื่อมองหาสิ่งที่ดูแปลกตาก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไป้าทันที
เดือนอ้ายเปิดประตูตรวจทุกห้องบนบ้านเพื่อเช็คให้ครบหมดทุกอย่าง รวมถึงห้องนอนที่ตะวันกำลังนอนหลับอยู่ ในห้องนั้นไม่ได้ดูมีอะไรผิดปกติไป ใบหน้าเล็กยังคงหลับตาอยู่แบบนั้น เสียงหายใจคงที่อย่างสบาย เขาจึงไม่อยากกวนเด็กน้อยเลยรีบเดินออกมา
ร่างเล็กเดินไปทั่วข้างล่างบ้านก็ยังรู้สึกแปลกๆ อยู่ดี สายตาเหลือบมองไปทั่วมุมห้องครัวก็ยังไม่เจออะไรผิดแปลก จนกระทั่งหยุดยืนที่ห้องนั่งเล่น ดวงตาจ้องไปที่โต๊ะทีวีพบกับตุ๊กตาเป็ดตัวหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เคยอยู่ในบ้านหลังนี้
เดือนอ้ายคว้าตุ๊กตาตัวมาทันทีพร้อมกับถือเพื่อที่จะไปหากรรไกรมาตัด ร่างเล็กเดินไปหยิบพร้อมกับตัดตัวตุ๊กตาออกจนนุ่นทะลักออกมาจนทำให้เห็นบางอย่างที่ติดอยู่ตรงหลังลูกกระตาของตุ๊กตาเป็ด ตัวกล้องเล็กจิ๋วนั้นมันถูกติดอยู่ตลอด เขาคิดว่ามันต้องเป็วันเดียวกันกับที่พยาบาลคนนั้นเข้ามาแน่ๆ
ร่างเล็กจะหันตัวหมุนไปหยิบโทรศัพท์แต่ทว่ากลับมีมือคล้องด้านหน้าหมายจะปิดผ้าเช็ดหน้าลงที่จมูก พอเห็นดังนั้นร่างเล็กรีบก้มตัวเตะไปที่ลำตัวของคนแปลกหน้าทันทีจนอีกฝ่ายล้มตัวลงกับพื้น อีกคนสวมโม่งสีดำจนเขาไม่ได้เห็นใบหน้า
“อย่าเข้ามานะ!” ร่างเล็กรีบตั้งท่าทันทีเตรียมสู้แต่พอเห็นอีกคนถือมีดก็ต้องกลืนน้ำลายลงอึกใหญ่
“ยอมมากับกูง่ายๆ แล้วมึงจะไม่เจ็บตัว”
“ไม่!” พูดจบร่างเล็กก็โดนบุกตัวเข้าหาที่จะเอามีดแทงแต่เดือนอ้ายหลบทัน ก่อนที่จะหมุนตัวเตะก้านคอของอีกคนทันทีแต่ทว่าเท้าเล็กกลับถูกจับเอาไว้แน่นแล้วเหวี่ยงลงกับพื้นอย่างแรง ทำให้เดือนอ้ายเสียการทรงตัวจนล้มลงไปกองกับพื้น
“หยุดนะ! ไม่! อื้อ!” ร่างเล็กถูกจับแขนสองข้างมัดไว้ก่อนที่ผ้าเช็ดหน้าจะปิดลงที่จมูกด้วยความเร็ว ร่างเล็กพยายามฝืนไม่ให้ตัวเองสูดดมสารนั่นจนกว่าจะดิ้นหลุดแต่ก็ทนไม่ไหวจนต้องเผลอหายใจเข้าไปเพราะขาดอากาศ สติของร่างเล็กก็ได้ดับวูบไปเลยในทันที
ความมืดมิดเป็สิ่งที่น่ากลัวสำหรับเดือนอ้ายมาโดยตลอดั้แ่เด็กและในตอนนี้ก็เป็เช่นนั้น ร่างเล็กไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเขาเองอยู่ที่ไหนกันแน่แต่ว่าดวงตาสองข้างถูกปิดไปด้วยผ้าสีดำ มือและเท้าถูกมัดไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บถึงเส้นเชือกที่ขูดกับข้อมือ เดือนอ้ายรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนรถ เขาพยายามหาทางรอดโดยการใช้หัวตัวเองถูกับขอบผนังด้านข้างให้ผ้าหลุดออก แต่เหมือนจะยากเสียจนตอนนี้เจ็บศีรษะแทน
เดือนอ้ายกัดฟันทนอย่างทรมานเพราะการกระทำของเดือนอ้ายมันไม่เป็ผลอะไรเลยสักอย่างเดียว ทั้งที่พยายามทุกวิถีทางแล้ว
จู่ๆ รถที่เคลื่อนที่ก็เกิดหยุดตัวลง และเขาก็ยังได้ยินเสียงคนเปิดประตูลงเดินลงออกไปก่อนจะเปิดประตูฝั่งร่างเล็กเดือนอ้ายถูกดึงออกมาก่อนจะโยนลงกับพื้นทันที สักพักผ้าที่ถูกปิดไว้ก็เปิดออกมา ร่างเล็กหันมองไปรอบด้าน ที่นี่คล้ายกับจะเป็โกดังร้างแห่งหนึ่งที่ไม่มีอะไรหลงเหลือนอกจากเศษไม้
ชายคนหนึ่งเดินมายืนเบื้องหน้าเขาพร้อมกับจ่อปืนมาทางเขาพอดี “มึงนี่มันหาเื่ใส่ตัวไม่เข้าท่า เดี๋ยวกูยิงแม่ง” ผู้ชายคนนี้ทำเหมือนกับจะยิงเขาแต่ก็มีอีกคนเข้ามาห้ามก่อน “เห้ยมึง! ลูกพี่สั่งว่าห้ามทำเกินคำสั่ง”
“ก็ดูหน้าแม่งดิ วอนตีนชิบหาย” สายตาเรียวจิกไปที่ผู้ชายสองคนตรงหน้า เดือนอ้ายกำลังโมโหเต็มที่ คนที่จับตัวเขามาก็คงพ้นหน้าไอ้พวกธิวาลัยสินะ
“พวกมึงไม่ตายดีแน่”
“มึงว่าไงนะ!”
“โง่หรือโง่วะ”
“มึงพูดเหี้ยอะไร!?”
“แล้วมึงเสือกไรล่ะ”
“ไอสัสนี่แม่ง!”
“กูบอกว่าพวกมึงไม่ตายดีแน่ได้ยินไหม? หรือต้องให้กูพูดอีกรอ-” ปืนพกถูกตบเข้าที่หน้าร่างเล็กอย่างแรงจนใบหน้าสวยหันไปตามแรง
“อย่ามาปากดีกับกู!”
“กูบอกว่าอย่าทำรุนแรงไงวะ!” เขาได้แต่ถอนหายใจกับพวกโง่สองตัวนึ้ เดือนอ้ายเบื่อเต็มทนจนต้องเอ่ยออก “ลูกพี่มึงเมื่อไหร่จะมาล่ะ รอพ่อมันตัดริบบิ้นรึไง?”
“ลูกพี่กูจะมากี่โมงก็เื่ของเขา มึงอย่าเสือก”
“แล้วมึงเสือกจับตัวกูมาทำเหี้ยไรล่ะไอควาย”
“ไอเหี้ยนี่แม่ง!!” ชายหนุ่มหมายจะเข้าไปทำร้ายร่างเล็กแต่อีกคนก็รีบล็อกตัวห้ามไว้ก่อน “ไม่เอามึง เดี๋ยวซวยกันหมด”
“จบงานนี้เมื่อไหร่ กูฆ่ามึงแน่อีนี่” เขากลอกตามองบนกับคำพูดของมัน ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนพวกนักเลงเมายาชัดๆ
เดือนอ้ายถูกมัดอยู่นานโดยมีผู้ชายสองคนนี้ที่เฝ้าอยู่ด้านหน้า ร่างเล็กมองไปด้านหลังก็พบว่ามีเศษไม่แหลมที่อยู่ด้านมือเล็กคว้าไม้มาไว้ในมือก่อนจะรีบขูดกับเชือก แม้ว่าจะใช้เวลานานแต่ก็คงสามารถทำให้เชือกมันหย่อนลงได้บ้าง สักพักก็มีเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านขวา เขาจึงหันไปมอง สักพักก็มีเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านขวาเขาจึงหันไปมอง
ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าอีกคนก็ไม่แปลกใจจริงๆ กับเื่ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ธาเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม ครั้งก่อนที่เคยใส่สูทตลอดสลัดคราบสูทออกโดยใส่แค่เสื้อฮาวาย เขามองเห็นแล้วอยากจะอ้วกกับวิธีสกปรกแบบนี้จริงๆ
“เจอกันอีกครั้งจนได้นะ”
“ใครอยากเจอ?”
“ผมคิดถึงแทบแย่เลยนะ”
“ส้นตีนจริงๆ ทำไมกูต้องมาเจอมึงวะ” เดือนอ้ายรังเกียจอีกคนจนไม่อยากเข้าใกล้ก็เลยขยับถอนแต่อีกคนไม่ให้จับตัวไม่ให้ขยับออก "ปล่อยกู!"
“ปากดีแบบนี้ั้แ่เมื่อไหร่กัน?” มือเรียวช้อนคางเล็กขึ้นจนใบหน้าสวยเชิดขึ้น เขามองอีกคนด้วยสีหน้ารังเกียจก่อนจะถุยน้ำลายใส่หน้าอีกคนทันที “รู้ไหมว่าทำแบบนี้มันทุเรศ สมควรแล้วที่เป็ได้แค่นี้”
“ไม่น่ารักเลยนะ แต่ก่อนไม่เห็นพูดแบบนี้นี่ครับ หรือว่าอาทิตย์มันไม่ได้สอนมารยาท?”
“มารยาทน่ะมี แต่สำหรับมึง กูไม่มีให้” ธายกยิ้มด้วยความสะใจ เ้าตัวพอจะดูออกว่าร่างเล็กนั้นหงุดหงิดแค่ไหน แต่พอเห็นอีกด้านที่เป็แบบนี้ก็ยิ่งทำให้ชอบมากกว่าเดิม
“งั้นก็ดีสิแบบนี้ ผมยิ่งชอบแบบอ้ายอยู่ด้วย ยิ่งเห็นตอนที่กำลังโมโหยิ่งได้อารมณ์..ใบหน้าสวยๆ ตอนโมโหมันดูสวยจนชักอยากทำมากกว่านี้แล้วสิ…” เขาสะบัดใบหน้าหนีออกจากฝ่ามืออีกคนอย่างแรง
“ไอ้โรคจิต!!” เขาอยากออกจากตรงนี้
“บอกให้นะ ครั้งนี้ไม่มีใครมาช่วยหรอก เพราะงั้นไปอยู่กับผมจะดีกว่านะครับ”
“ไม่! กูไม่อยู่!” เดือนอ้ายขยับตัวหนีออกห่างอีกคน แต่ยิ่งขยับอีกคนก็เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ร่างเล็กฉุกคิดขึ้นว่ามีเครื่องหนึ่งที่พี่อาทิตย์เคยให้มา แต่ว่าตอนนี้มันอยู่ที่กางเกง ร่างเล็กไม่สามารถหยิบขึ้นมาได้เลย มันคงจะมีแค่ทางเดียวรึเปล่านะ
“ถ้าอ้ายทำตัวดีๆ ผมอาจจะปล่อยไปก็ได้นะครับ..ผมไม่อยากใจร้ายกับคนสวยสะด้วย” ธานั่งคุกเข่าลงต่อหน้าเขาก่อนจะปลดเชือกด้านหลังให้จนหลุดออก มือหนากระชากมือซ้ายของร่างเล็กออกไปทันที “แหวนนี้มันดูขัดตานะครับ”
“ไม่นะ! ไม่ให้!” ร่างเล็กดึงมือออกจากมืออีกคน พยายามยื้อให้อีกคนเอาแหวนออกไป ร่างเล็กยื้อไว้จนสุดแรงแต่แล้วก็ต้องใกับเสียงตะคอกของอีกคน “ถอดเดี๋ยวนี้!!” เสียงะโของธาทำให้เดือนอ้ายรู้สึกกลัว
ธาจับแหวนกระชากออกจากนิ้วเดือนอ้ายอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ร่างเล็กพยายามยื้อไว้สุดแล้ว แขนสองข้างยังคงถูกรวบไว้กับอีกคน เขายังหาโอกาสที่จะกดปุ่มไม่ได้ “เท่ากับว่าตอนนี้อ้ายไม่ได้เป็ของใครแล้วนะ เพราะงั้นมาเป็ของผมเถอะ”
“ไม่!” ร่างเล็กหงายหลังยกเท้าสองข้างที่ถูกมัดขึ้นถีบไปที่ลำตัวอีกคนก่อนจะรีบกดปุ่มนั่นในกระเป๋ากางเกงทันที ร่างเล็กไม่รู้ว่ามันจะออกมาเป็สัญญาณส่งไปได้จริงไหม แต่ขอร้อง พี่อาทิตย์ ช่วยพาอ้ายออกไปจากตรงนี้ที