ยามที่เหยียนอู๋อวี้ทราบข่าวว่าเต๋อเฟยเริ่มตรวจสอบเื่ที่เจิ้งเจี๋ยอวี๋ลักลอบคบชู้อย่างละเอียดก็เป็เช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว นางเพิ่งเข้าตำหนักเฟิ่งชัยมาได้ไม่กี่วัน นางจึงไม่มีคนสนิทในวังหลวง ข่าวบางอย่างล่าช้ากว่าคนอื่นเล็กน้อย นางอยากใช้งานคนของฮองเฮาอวิ๋นในปีนั้น ทว่าก็กลัวว่าจะเป็การแหวกหญ้าให้งูตื่น จึงทำได้เพียงยอมช้าไปหนึ่งก้าว
ทันทีที่ได้ข่าว นางกำนัลพลันวิ่งมารายงานอีกครั้ง เป็นางกำนัลของตำหนักอี้คุนมาเชิญเหยียนเป่าหลินไปเรือนเตี๋ยฟางและบอกว่าไทเฮา้าตรวจสอบเื่นี้ด้วยตนเองจึงให้นางสนมทุกคนไปที่นั่น
เมื่อคืนกลางดึก หลังจากได้รับราชโองการ เต๋อเฟยพลันส่งขันทีไปเรือนเตี๋ยฟางที่เจิ้งเจี๋ยอวี๋อาศัยอยู่ทันที พวกเขาค้นจนทั่วเรือน ข้าวของทุกอย่างถูกวางที่ลานกว้างหน้าเรือนเตี๋ยฟางเพื่อใช้ยืนยัน
ยามนี้ไทเฮา้าเรียกนางไปด้วย เกรงว่าพวกนางสนมทุกคนคงต้องไปกันหมดเช่นกัน ไทเฮาเพียงแค่อยากเชือดไก่ให้ลิงดู แม้เจิ้งเจี๋ยอวี๋ตายไปแล้ว ทว่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่กลับต้องจริงจังมากกว่านี้
เหยียนอู๋อวี้แต่งองค์ทรงเครื่องตนเองให้เรียบร้อยแล้วรีบไปที่นั่น
ภายในเรือนเตี๋ยฟาง นางกำนัลและขันทียังง่วนอยู่กับการตรวจสอบข้าวของเครื่องใช้ แม้เจิ้งเจี๋ยอวี๋ไม่ได้เป็ที่โปรดปราน ทว่าสิ่งของที่ทิ้งไว้กลับมีไม่น้อย สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนยังไม่พบสิ่งใด
นางสนมหลายคนมาถึงในเรือนแล้ว เมื่อเห็นเหยียนอู๋อวี้จึงไปยืนอยู่ด้านข้างทันที มีเพียงฮวารั่วซีที่เดินไปจับมือเหยียนอู๋อวี้พลางกล่าวเสียงนุ่ม “เมื่อคืนฝ่าาค้างที่ตำหนักเฟิ่งชัย ลำบากน้องหญิงดูแลแล้ว”
ทันทีที่สิ้นเสียงนาง เหยียนอู๋อวี้พลันสังเกตเห็นว่ามีสายตาแหลมคมหลายคู่พุ่งมาที่ตนเอง คำพูดของฮวารั่วซีกำลังเตือนพวกเขาว่าซ่งอี้เฉินโปรดปรานนาง เหยียนอู๋อวี้ไม่ได้รีบร้อน นางกลายเป็เป้าหมายแห่งความเกลียดชังของสตรีทุกคนในวัง เมื่อวานนางก็ได้รับของขวัญจากไทเฮา ต่อให้นางประจบสอพลอก็คงไม่มีความสุขนัก มิสู้แสดงท่าทีมั่นคงดีกว่า ซ่งอี้เฉิน้าให้นางเป็เป้าธนูมิใช่หรือ? นางเพียงแค่ทำดีเล็กน้อยก็ได้รับความโปรดปรานจากเขาแล้ว บางทีอาจจะยังใช้ประโยชน์ได้บ้าง
คิดเช่นนั้น นางจึงก้าวไปข้างหน้า ถอนสายบัวคำนับฮวารั่วซี พร้อมกล่าวว่า “ขอบพระทัยซูเฟยที่ทรงห่วงใย เมื่อวานฝ่าาเหนื่อยยิ่งนัก หม่อมฉันจึงดูแลทั้งคืน” เมื่อเอ่ยออกมาเช่นนี้ สายตาอิจฉาริษยาด้านหลังจึงยิ่งรุนแรงกว่าเดิม
ความเ็าเคลื่อนผ่านในดวงตาของฮวารั่วซี นางกล่าวเสียงอ่อนโยน “เช่นนี้น้องหญิงยิ่งต้องพักผ่อนให้มาก จริงสิ หลายวันก่อนไทเฮาพระราชทานบัวหิมะเทียนซานมาให้ กลับไปข้าจะให้มั่วหนงส่งไปให้น้องหญิงบำรุงเสียหน่อย”
เหยียนอู๋อวี้รีบกล่าวขอบคุณในความเมตตา นางมองฮวารั่วซีพลางกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “ขอบพระทัยพี่หญิง กลับไปข้าจะลองถามหมอหลวงซางดูว่าบัวหิมะนี้เหมาะกับข้าหรือไม่”
ฮวารั่วซีบีบผ้าในมือพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นยิ่งดี”
เหยียนอู๋อวี้ละสายตาไปจากมือของนางพลางแย้มยิ้ม
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น เต๋อเฟยพลันประคองไทเฮาเข้ามาในเรือน ทุกคนรีบคุกเข่าถวายความเคารพ ไทเฮาค่อยๆ นั่งลงบนบัลลังก์หงส์ซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้าอย่างดีแล้วบอกให้ทุกคนลุกขึ้น จากนั้นจึงกล่าวว่า “เดิมทีเมื่อวานเป็วันเกิดอายเจีย วันนี้ไม่ควรมาจัดการเื่วุ่นวาย แต่ถ้าอายเจียยอม ภายหลังกฎเกณฑ์ในตำหนักหลังคงพังไม่เหลือชิ้นดีเป็แน่”
ทุกคนไม่กล้าส่งเสียง พวกนางเพียงแค่ก้มศีรษะฟังโอวาท
“วันนี้จะมีการตรวจสอบเรือนของเจิ้งเจี๋ยอวี๋ต่อหน้านางสนมทุกคน นางทำเื่โสมมอันใด อายเจียจะไม่เอ่ยถึงแล้ว หากพวกเ้ารู้ความจริงก็รายงานมา ตามหาชายชู้ผู้นั้นให้เจอ อายเจียจะตกรางวัลให้อย่างงาม หากรู้ความจริงแล้วไม่รายงาน อายเจียพบเข้าภายหลัง ไม่ว่าจะเป็ผู้ใด อายเจียจะไม่เกรงใจทั้งนั้น!”
เมื่อไทเฮาเอ่ยถึงประโยคสุดท้าย เสียงของนางยิ่งเด็ดขาดเป็เท่าตัว
ไทเฮากุมอำนาจมานานหลายปีเพียงนี้คงฝึกปล่อยพลังน่าเกรงขามทั้งที่ยังไม่ได้โกรธมานานแล้ว ครั้นเสียงนี้เปล่งออกมา นางสนมบางคนตัวสั่นเทิ้ม ขาดแต่ไม่ได้เป็ลมไปก็เท่านั้น
เหยียนอู๋อวี้ยืนก้มศีรษะหลุบตาลงต่ำ ภายในใจไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย
หลายปีก่อนนางอาจเคยกระทำสิ่งที่ขัดต่อความรู้สึกตนเองเพื่อเอาใจไทเฮา ยามนี้นางเป็เพียงเป่าหลินตำแหน่งต่ำต้อย หากไทเฮาไม่ทรงเอ่ยปากก็ยังไม่ถึงคราวที่ตนเองจะก้าวออกไปข้างหน้า ต่อให้เมื่อวานได้รับรางวัล ทว่าสุดท้ายแล้วมันก็เป็เพียงแค่รางวัล รางวัลในแต่ละวันของไทเฮาดุจดังน้ำไหล ปิ่นปักผมอันเล็กๆ ไม่นับว่าเป็อันใด?
นางสนมทั้งหลายก้มศีรษะเงียบกริบ ไม่มีผู้ใดกล่าวสิ่งใด ครู่หนึ่งในเรือนพลันมีเสียงฝีเท้าของนางกำนัลและบ่าวรับใช้ไม่กี่คน ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด ภายในห้องพลันปรากฏหัวหน้าขันทีผู้หนึ่งถือหนังสือเดินไปข้างหน้าพลางกล่าวด้วยความนอบน้อม “ทูลไทเฮา สิ่งของถูกจัดเก็บทั้งหมดแล้ว สิ่งของที่ไม่ใช่ของในวังหลวงถูกบันทึกไว้ในหนังสือแยกต่างหาก ไทเฮาโปรดตรวจสอบ”
แม่นมซูรับคำสั่งไทเฮาแล้วก้าวไปข้างหน้ารับหนังสือมาเปิดอ่านหนึ่งรอบ จากนั้นจึงเปิดอ่านสิ่งของที่ไม่ใช่ของในวังหลวงอีกหนึ่งรอบแล้วเงยหน้ากล่าวกับขันที “ไปเอาสิ่งของที่มาจากนอกวังมา”
ขันทีรีบตอบรับ นางกำนัลและขันทีด้านหลังจึงยกถาดหลายใบเข้ามา ้าเป็สิ่งของกระจุกกระจิกจำพวกแหวน ปิ่นปักผมและกระดุมหยก ไม่มีสิ่งใดแปลกตา แม่นมซูกวาดสายตามองสิ่งของบนถาด สุดท้ายหยุดอยู่บนมือนางกำนัลน้อยผู้หนึ่ง “เ้าหยุดก่อน นำจี้หยกออกมาดูเสีย”
นางกำนัลยื่นจี้หยกที่มีขนาดเพียงนิ้วมือ ว่ากันตามตรงมันไม่ใช่ของล้ำค่าอันใด คิดดูแล้วต่อให้นำเข้ามาจากนอกวังก็ไม่นับว่าแปลกอันใด ทว่าแม่นมซูกลับถือจี้หยกเดินไปเบื้องหน้าไทเฮาพลางกล่าวว่า “จี้หยกนี้แกะสลักจากหยกชิงเทียน มิได้ทำขึ้นในราชวงศ์นี้ มีเพียงในแคว้นชิวจือเท่านั้นเพคะ”
ไทเฮาหันศีรษะมองจี้หยกในมือแม่นมซูพลางกล่าวเสียงเย็น “เงื่อนใจเดียวนี้เล่า?”
“เงื่อนใจเดียวไม่ได้มาจากแคว้นชิวจือ แต่เป็วิธีผูกทั่วไปของแคว้นหูหลัวเพคะ” แม่นมซูกล่าว “คนทั่วไปจะไม่ใช้เงื่อนใจเดียว เจิ้งเจี๋ยอวี๋ทำเื่ต่ำช้าเช่นนั้น ต้องไม่ใช้เงื่อนใจเดียวในทางที่ถูกที่ควรแน่เพคะ”
ไทเฮาเงยหน้ามองขันทีด้านข้างพลางเอ่ยถาม “เจอจากที่ใด?”
ขันทีรีบก้าวออกมาตอบ “ทูลไทเฮา พบจากในถุงปักดิ้นติดตัวของเจิ้งเจี๋ยอวี๋พ่ะย่ะค่ะ” เขาเอ่ยพลางนำถุงปักดิ้นมาให้ทันที
แม่นมซูมองปราดหนึ่ง สีหน้านางพลันเปลี่ยนเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวเสียงต่ำ “วิธีปักและวัสดุของถุงปักดิ้นก็เป็เอกลักษณ์เฉพาะของแคว้นหูหลัวเช่นกันเพคะ”
ไทเฮาครุ่นคิดหนึ่งรอบพลางกล่าว “ดูเหมือนเจิ้งเจี๋ยอวี๋จะเป็คนจากเมืองหลวง”
“ทูลไทเฮา ยามอยู่ห้องส่วนตัวเจิ้งเจี๋ยอวี๋ไม่เคยออกไปเมืองหลวงเลยเพคะ” แม่นมซูเอ่ยพลางวางถุงปักดิ้นเบื้องหน้าไทเฮา จากนั้นจึงกล่าวเสียงต่ำ “ไทเฮาโปรดดูตัวอักษรที่ปักบนถุงปักดิ้น”
ไทเฮารับมาดู ก่อนจะโยนลงบนพื้นทันที ภายในดวงตาบังเกิดโทสะ
เหยียนอู๋อวี้เหลือบมองถุงปักดิ้นเงียบๆ แม้ด้านข้างถูกดินเหลืองกลบไปแล้วครึ่งหนึ่ง ทว่าสองคำ้าก็พอแยกแยะได้เลือนรางว่า ‘ซวี่หรง’
ซวี่หรง นางขบคิดชื่อนี้ภายในใจเงียบๆ ดวงตาพลันเผยรอยยิ้มออกมา
สิ่งที่แม่นมซูเอ่ยเมื่อครู่เดิมทีก็ไม่นับว่าเป็เื่แปลกอันใด หูหลัวกับชิวจือเป็แคว้นเล็กๆ เป็แคว้นบรรณาการของราชวงศ์นี้ ทุกปีมีการถวายบรรณาการเพื่อแสดงความจงรักภักดีมาตลอด โดยเฉพาะหูหลัวที่มีบุรุษรูปงามมากมาย พวกเขามีจมูกโด่งตาลึก อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าหล่อเหลาดุจดั่งมีดแกะสลัก หล่อเหลาคมสันยิ่งนัก เนื่องจากสตรีตระกูลสูงศักดิ์จำนวนมากไล่ตาม ประมุขแคว้นหูหลัวจึงเอาใจราชวงศ์ด้วยการเพิ่มบุรุษรูปงามไว้ในบรรณาการของปีนี้ด้วย
บุรุษรูปงามหลายสิบคนถูกองค์หญิงกับเหล่ากุ้ยเหรินแย่งชิงไปจนหมด บังเอิญยิ่งนักที่ข้างกายองค์หญิงใหญ่ก็มีอยู่หนึ่งคน ยามนี้ผู้ที่อาศัยอยู่ที่เรือนเล็กในตำหนักขององค์หญิงใหญ่มีนามว่าซวี่หรง
เช่นนี้จะไม่ให้ผู้คนคิดไปไกลได้อย่างไร
นามของบุรุษบำเรอที่องค์หญิงใหญ่เลี้ยงดูในเรือนเล็กปรากฏอยู่บนถุงปักดิ้นไม่ใช่เื่น่าแปลก ที่แปลกคือมันเป็ถุงปักดิ้นติดตัวของเจิ้งเจี๋ยอวี๋ และด้านในยังมีหยกชิ้นหนึ่งซ่อนอยู่อีกด้วย
ความหมายชัดเจนในตัวมันเองโดยไม่จำเป็ต้องเอ่ยให้มากความ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้