ยามนี้จวนหลัวที่ตั้งอยู่ต้นถนนไม่ว่าใครก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว
จวนเงียบเชียบปิดสนิท กระทั่งประตูเล็กก็ไม่เว้น
ผู้ที่้าเดินทางมาเยี่ยมเยียน ก็ได้แต่พากันกลับไป
ราชสำนักแคว้นเชินยามนี้มีเื่ให้ซุบซิบมากมายนัก
อืม เื่หลักๆ ก็คงเป็เื่ความรักลับๆ ของฮ่องเต้
พระสนมหรงจากตระกูลหลัวเป็เพราะประทุษร้ายต่อพระสนมเอกของฮ่องเต้จึงได้รับโทษปะา
สำหรับวังหลังเื่แก่งแย่งเหล่านี้เดิมทีก็ไม่ได้แปลกอะไร เหล่าขุนนางในราชสำนักก็ค่อนข้างจะคุ้นชินเสียแล้ว
ทว่ากลับไม่คาดคิดว่าพระสนมหรงจากตระกูลหลัวเพียงเพิ่งจะสิ้นใจ ก็มีฮูหยินหลัวอีกคนโผล่มา
ว่ากันว่าฮูหยินหลัวนางนี้แต่เดิมต้องเข้ามาคัดตัวเป็สนมคนหนึ่ง ทว่าภรรยาของใต้เท้าหลัวเพื่อจะแย่งชิงผลประโยชน์ให้ลูกสาวตน จึงได้สมคบคิดกับเหล่าโจรให้มาชิงตัวลูกสาวของภรรยาคนก่อนไป จากนั้นจึงได้ส่งตัวลูกสาวแท้ๆ ของตนให้มาเป็สนมแทน
ไม่คาดคิดว่า์จะยุติธรรมให้คนได้ใช้กรรมไวถึงเพียงนี้ ฮูหยินหลัวในที่สุดก็กลับมาจากทุ่งหญ้าห่างไกล ทั้งยังสร้างจวนของตัวเองขึ้นมา มัดใจฝ่าาได้อยู่หมัด
เื่นี้นับว่าเป็ความผิดของตระกูลหลัว หากในปีนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนตัวบุตรสาว ก็ไม่แน่ว่าอาจจะไม่มีฮองเฮาจ้าวในวันนี้
เื่นี้ย่อมไม่ใช่ข่าวลือไร้มูลเหตุ เพราะยามนี้บรรดาศักดิ์ของฮูหยินหลัวผู้เป็มารดาของพระสนมหรงก็ถูกปลดลงแล้วเช่นกัน
กระทั่งคุณูปการของฮูหยินหลัวอู๋เลี่ยงยังถูกนำมาพิจารณาอีกครา
ยามนี้ฮูหยินหลัวคือผู้ดูแลโรงทอผ้าขนสัตว์ เป็สตรีม่ายไม่มีบุตรเป็ของตนเอง ยามนี้รับเลี้ยงเด็กชายไว้สี่คน เด็กชายทั้งสี่กำลังจะเข้าเรียนในสำนักเชิน
อีกทั้งท่านราชครูก็ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งยังเป็อาจารย์สอนหนังสืออยู่ในจวนของแม่นางหลัว
ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เห็นว่าเื่นี้ราวกับหมากกระดานใหญ่ตาหนึ่ง
ทว่าฮ่องเต้เวินเมื่อรู้ว่าท่านราชครูแท้จริงแล้วซ่อนตัวอยู่ในจวนหลัว กลับรู้สึกว่าเื่นี้เป็ชะตาฟ้าลิขิต
แคว้นเชินมีขุนนางมากมาย อีกทั้งคนเหล่านี้ต่างก็หลายใจ กระทั่งเหล่าเสนาบดีก็ล้วนแล้วแต่มีสตรีที่รู้ใจถึงสี่ห้าคน ขอเพียงไม่กระทบกระทั่งกับภรรยาเอกหรือลูกหลาน ก็นับว่าเป็เกียรติและชื่อเสียงอันดีงามทั้งนั้น
กระทั่งฮ่องเต้ที่บัดนี้กระทั่งองค์ชายน้อยก็มีแล้ว บ้านเมืองก็สงบสุข ฮ่องเต้แม้จะหลายใจไปสักหน่อย เหล่าขุนนางก็ไม่ได้ตาบอดจนมองไม่เห็น แต่พวกเขาก็มองว่ามันเป็แค่เื่ตลกเื่หนึ่งเพียงเท่านั้น
มีเพียงขุนนางเล็กๆ บางส่วนที่คิดจะหาผลประโยชน์จากเื่นี้อยู่ กำลังมองหาลู่ทางว่าจะอาศัยผลประโยชน์จากฮูหยินหลัวได้หรือไม่
ฮองเฮาจ้าวก็ได้ยินข่าวลือเื่นี้แล้ว นางเองก็ไม่คิดเลยว่าฝ่าาจะหลงรักแม่ม่ายคนหนึ่งได้ ทั้งยังไม่ได้ตรึกตรองให้ดี รีบมอบบรรดาศักดิ์ฮูหยินให้นางทันที
คาดไม่ถึงว่าพระสนมหรงแม้ตายไปแล้วก็ยังเหลือลูกไม้เช่นนี้เอาไว้ ช่างไม่อาจดูแคลนใครได้เลยจริงๆ
ฮองเฮาจ้าวที่ยืนอยู่ในสวนหงส์ เมื่อได้ยินนางกำนัลรายงานข่าวเื่ราชครูที่ระหกระเหินไปถึงพื้นที่ห่างไกล ต้องถูกเหล่าโจรจับตัวไปอยู่บนเขากับฮูหยินหลัวที่เคยเป็ฮูหยินของหัวหน้าโจรมาก่อน ทั้งยังไม่อาจให้กำเนิดบุตรได้
ฮองเฮาจ้าวกำเมล็ดข้าวขึ้นกำหนึ่งแล้วโปรยลงพื้น นกยูงที่ขนขาดๆ หายๆ เ่าั้ก็พลันกรูเข้ามาทันที นกยูงที่เคยงดงามดั่งหงส์ ยามนี้ถูกเลี้ยงดูจนคล้ายกับไก่อ้วน
องค์หญิงอีเหรินก็ได้ยินข่าวลือนี้แล้วเช่นกัน ทั้งนางยังได้รับรู้ทุกรายละเอียดอันแสนย่ำแย่ นางรู้ว่าพระมารดายามนี้จะคงต้องอยู่ลำพังในสวนหงส์อย่างแน่นอน
“เสด็จแม่ ท่านยังมีกะจิตกะใจมาให้อาการเ้าพวกนกโง่นี่อีกหรือ ท่านก็รู้ว่าเสด็จพ่อ…”
“องค์ชาย ห้ามพูดจาเลอะเทอะเชียว นี่ไม่ใช่นกโง่สักหน่อย นี่มันหงส์เชียวนะ แล้วเสด็จพ่อเป็อย่างไร…” ฮองเฮาจ้าวถามขึ้นด้วยท่าทีเป็ห่วง
“ด้านนอกร่ำลือกันไปทั่วแล้วว่าเสด็จพ่อไปต้องตาคหบดีหญิงนางหนึ่งเข้า ทั้งยังพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้สตรีนางนั้นเป็ฮูหยินอีก เสด็จพ่อทำเช่นนี้ได้อย่างไร!” องค์หญิงโกรธเกรี้ยวนัก สนมรักเพิ่งจะตายไป เขาก็เร่งหาคนใหม่มาแทนทันที เสด็จพ่อของนางช่างเป็ชายชั่วโดยแก่นแท้
ฮองเฮาเห็นสัญญาณจากนางกำนัล เมื่อมองไปนอกสวนก็เห็นสีเหลืองมาไวๆ ใบหน้างดงามก็พลันเปลี่ยนเป็รวดร้าวทันที “เสด็จพ่อของเ้าแค่โศกเศร้าจนเกินเหตุ อย่าได้โทษเขาเลย ถึงอย่างไรคนที่ท่านพ่อของเ้ารักที่สุดก็ยังเป็เ้า”
“แต่เสด็จแม่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเลี้ยงดูหลี่ผิงอัน ในขณะที่เสด็จพ่อยังมีใจไปหาสตรีอื่น ทำเช่นนี้ช่างเกินไปแล้ว ข้าไม่มีทางให้อภัยเขา” องค์หญิงน้อยไม่เห็นสัญญาณที่พระมารดาส่งมา เพียงแต่รู้สึกว่าโกรธยิ่งนัก จึงได้หันกายจากไปพร้อมโทสะ
ฮ่องเต้ค่อยๆ โผล่มาด้วยท่าทีเก้อกระดาก มองพระธิดาของตนที่จากไปราวกับสายลม เมื่อมองฮองเฮาที่ยังคงดูอ่อนโยนเหมือนเคยก็นึกกินปูนร้อนท้องขึ้นมา
เป็ฮองเฮาจ้าวที่เอ่ยขึ้นก่อน “ฝ่าา อีเอ๋อร์ยังเล็กนัก นางยังไร้เดียงสาตรงไปตรงมา ขอพระองค์โปรดทรงอย่าโกรธนางเลย”
“ข้าย่อมไม่โกรธนาง อาจ้าว ลำบากเ้าแล้ว ข้าเพียง…” ฮ่องเต้เวินไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดี เมื่อมองสตรีที่แสนอ่อนโยนตรงหน้า หากเขาเอ่ยปากว่าเขากำลังหลงรักหญิงสาวคนหนึ่งเข้า กระทั่งคนที่ไม่ฉลาดเื่ความรักเช่นเขาก็ยังรู้ว่ามันไม่เหมาะสมเท่าใดนัก
ทว่าเขาก็ยังไม่รู้ว่าควรกล่าวอะไร เขาก็ไม่ใช่คนทำตามใจเสียด้วย
ยามที่เขาหลงรักสตรีคนหนึ่งเข้าแล้ว ใจทั้งใจก็ย่อมจะทุ่มเทให้นางคนนั้น
“ฝ่าามิต้องตรัสสิ่งใดแล้วเพคะ อาจ้าวเข้าใจ หม่อมฉันได้ยินข่าวแล้ว ฮูหยินหลัวหากไม่ถูกมารดาเลี้ยงของนางสลับตัวไป เดิมทีก็ควรจะได้มารับใช้พระองค์เหมือนเช่นหม่อมฉันแล้ว เื่นี้เพียงแค่โชคชะตาเล่นตลกครั้งหนึ่งเท่านั้น” ฮองเฮาจ้าวกล่าวขึ้นอย่างทอดถอนใจ
ฮ่องเต้พยักหน้าตาม
เขาก็ไม่ได้อยากจะกล่าวมากความ แต่ฮูหยินหลัวเดิมทีก็ควรจะเป็สตรีของเขาอยู่แล้ว
……
องค์หญิงน้อยจากไปราวกับพายุกระโชก ไม่ว่าจะหันไปเห็นอะไรก็รู้สึกขวางหูขวางตา ทันใดนางก็คิดถึงท่านราชครูน้อยจ้งเยียนขึ้นมา
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางออกวิ่งราวกับสายลมไปทางตำหนักของราชครูน้อย
ราชครูน้อยไม่ได้เอาแต่เก็บตัวเงียบเช่นที่ผ่านมา
ปกติยามที่นางมาถึงตำหนักแห่งนี้ก็ััได้เพียงความเงียบงัน และพี่เยียนที่เอาแต่อ่านตำรา
ทว่าวันนี้เมื่อนางมาถึง นางกลับได้ยินเสียงจอแจดังมา
องค์หญิงน้อยได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว
เมื่อยิ่งเข้าใกล้ก็เห็นว่านางกำนัลกำลังปรุงอาหารอยู่
เมื่อแสงตะวันสาดส่อง เนื้อแผ่นบางๆ มีเกลือ และน้ำผึ้งทาไว้้า เนื้อแผ่นแดงๆ กำลังย่างอยู่บนเตา
คนที่ไม่สนใจอาหารจานไหนบนโลกอย่างจ้งเยียนยามนี้กำลังนั่งพับเพียบย่างเนื้ออยู่หน้าเตา
เหล่านางกำนัลย่างเนื้อไปก็ใบหน้าแดงก่ำ
ใบหน้าที่ขาวซีดอยู่ตลอดของจ้งเยียนพลันแดงระเรื่อ
องค์หญิงเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจเท่าไรนัก
“พี่เยียน ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือ”
องค์หญิงที่ไม่ได้พบกันมาเนิ่นนาน ยามนี้ก็ปรากฏกายแล้ว ทว่าเขากลับรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
เขายืนขึ้นอย่างตึงเครียด อืม เขากำลังย่างเนื้ออยู่
ศิษย์น้องของเขาตะกละตะกลาม เด็กนั่นชอบกินอาหารว่างทุกอย่าง เขาได้ยินว่าอีกไม่นานศิษย์น้องจะเข้าเรียนในสำนักเชินแล้ว ทางนั้นจัดการได้เข้มงวดนัก เขาจึงคิดว่าเขาพอจะย่างเนื้อส่งไปให้บ้างได้หรือไม่
เช่นนั้นจึงได้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น
เริ่มแรกเขาก็เพียงคิดจะย่างเนื้อส่งไปให้ ทว่าต่อมาเขาก็เพิ่งค้นพบว่าเื่นี้ก็สนุกสนานไม่เบา เมื่ออ่านตำราเหนื่อยแล้วก็คิดอยากจะทำอาหารสักหน่อย ทว่าการเล่นสนุกเช่นนี้ของเขากลับทำให้การอ่านตำรามีประสิทธิภาพขึ้น ทั้งยังราวกับว่าเรียนรู้มุมมองอื่นๆ ในตำราได้อย่างน่าประหลาดใจ
ยามนี้เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะขององค์หญิง ่นี้ในวังหลวงเกิดเื่ราวมากมายนัก พระสนมหรงสิ้นแล้ว นางสิ้นไปแล้ว แต่องค์หญิงยังสุขสบายดี เช่นนั้นจ้งเยียนจึงไม่ได้เดินทางไปหานางก่อน
“ท่านเป็อะไรไป ใครทำให้ไม่สบายใจหรือ” จ้งเยียนไม่ยินดีจะกล่าวถึงศิษย์น้องให้องค์หญิงฟัง จึงได้ถามขึ้นเช่นนี้
องค์หญิงไม่โปรดกลิ่นควัน จึงได้หมุนกายเดินจากไป ส่วนจ้งเยียนก็คอยเดินติดตามอยู่ด้านหลัง
ทว่าก่อนจ้งเยียนจะจากไปยังหันมากำชับเหล่านางกำนัล “ต้องดูไฟให้ดี อย่าย่างจนเกรียมเกินไป มันจะเกิดรสขมเอาได้”
องค์หญิงเมื่อได้ยินคำของจ้งเยียนก็รู้สึกโกรธยิ่งกว่าเดิม นางเศร้าใจถึงเพียงนี้ พี่เยียนไม่เพียงจะไม่ปลอบนาง ทว่ายังเอาแต่ย่างเนื้ออยู่ได้
นางจึงได้แต่เดินออกไปด้านนอกอย่างมีโทสะ คิดๆ แล้ว ในวังหลวงแห่งนี้ คนที่สนทนากับนางได้ก็มีเพียงคนเหล่านี้ เช่นนั้นนางจึงไม่จากไป เพียงแต่เดินอ้อมเข้าไปในห้อง
เมื่อก่อนยามที่องค์หญิงเสด็จมาที่ห้องนี้ เขามักจะรู้สึกตื่นเต้นทั้งยังเขินอายเหลือเกิน
ห้องที่แสนกว้างขวางยามนี้มีเพียงเขา และองค์หญิงยืนอยู่ ความใกล้ชิดนี้ไม่อาจเล่าให้คนด้านนอกล่วงรู้ได้
ทว่าเมื่อผ่านเื่ดอกไม้พิษในครานั้นมา จ้งเยียนก็ยังรู้สึกเ็ปนัก เขาจึงได้ระมัดระวังขึ้นมา ยามเข้ามาในห้องก็ไม่ได้ปิดประตู ทั้งยังไม่ได้ให้คนอื่นๆ ออกไป
เป็องค์หญิงที่ราวกับกำลังเสวยยาขม จึงได้ไล่คนอื่นๆ ออกไปเสีย
จ้งเยียนยังชอบองค์หญิงอยู่ บัดนี้มองนางฮึดฮัดนั่งลงบนเก้าอี้ เขาจึงรินน้ำแล้วส่งให้นาง
จึงเห็นว่านางยกน้ำขึ้นดื่มอย่างไม่เคลือบแคลงใดๆ
จ้งเยียนพลันเผยรอยยิ้มอ่อนโยน
จากนั้นจึงได้ยินองค์หญิงน้อยตรัสขึ้น “ข้าได้ข่าวเื่ท่านราชครูมา ที่แท้เขาก็เป็อาจารย์อยู่ในตระกูลหลัวให้นางหญิงปีศาจ ท่านว่าเขาจะมาแก้แค้นพวกเราหรือไม่”
