ในที่สุดหลงโม่หรานก็ปรากฏตัว เย่เฟิงกัดฟันแล้วค่อยๆ ฝืนยืนขึ้นโดยมีหลงหว่านเอ๋อร์คอยพยุง ชายหนุ่มเงยหน้ามองหลังคาบ้านหลังหนึ่งที่มีเงาร่างทั้งสามปรากฏอยู่
หลงโม่หราน หลงจื่อ และหลงชิง
เย่เฟิงไม่คิดว่าตัวเองจะาเ็จากการรีบร้อนสังหารหลงอู่เหริน ตอนนี้สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตแล้ว ถ้า้าหลบหนีไป ความเร็วของเขาย่อมเทียบกับหลงโม่หรานไม่ได้แน่
“แกฆ่าคนตระกูลหลง รอดูได้เลยว่าฉันจะจัดการกับแกยังไง อย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอดไปได้อีก!” สีหน้าของหลงโม่หรานโกรธเกรี้ยวขณะที่ดวงตาจ้องเย่เฟิงและหลงหว่านเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างกัน นอกจากนี้ มือข้างหนึ่งยังกุมกระบี่เล่มที่เขามักแขวนไว้ข้างเอว
นอกจากหลงโม่หรานก็มีหลงชิงยืนอยู่ด้วยท่าทีไม่แยแส สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เื่ของเขาอยู่แล้ว แต่สำหรับหลงจื่อนั้น คิ้วของเขาขมวดแน่นเมื่อมองเย่เฟิงราวกับขบคิดบางอย่าง
เย่เฟิงโบกมือเบาๆ ส่งผลให้วิชาอำพรางหายไป แต่ยังคงสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าไว้อยู่ ในที่สุดตอนนี้ รูปลักษณ์ของเย่เฟิงและหลงหว่านเอ๋อร์ขณะสวมหน้ากากก็ปรากฏต่อหน้าทุกคนในบริเวณนี้
“นั่นมัน... หว่านเอ๋อร์?” หลงชิงที่ไม่สนใจสิ่งใดที่นี่พลันตื่นตระหนก ภายใต้ผลของวิชาอำพรางตา เขาไม่อาจจดจำหลงหว่านเอ๋อร์ได้เลย แต่เมื่อทั้งสองคนกลับสู่รูปลักษณ์เดิม แม้จะมีหน้ากากปิดบังใบหน้า ไม่ว่าใครในตระกูลหลงก็ล้วนจดจำหญิงสาวได้
“บัดซบ” เมื่อเห็นดังนั้น สีหน้าของหลงโม่หรานพลันเปลี่ยนเป็มืดครึ้ม ลูกสาวของเขาร่วมมือกับคนนอกสังหารคนในตระกูลหลง สิ่งนี้ทำให้ชายวัยกลางคนรู้สึกโกรธอย่างถึงที่สุด
สำหรับหลงอู่เหรินนั้น แม้จะเป็คนที่มีความสำคัญน้อยที่สุดในตระกูล แต่ก็ถือเป็สะพานเชื่อมระหว่างตระกูลหลงกับโลกสังคมเมือง ชายร่างอ้วนคนนี้เป็ผู้นำเงินเข้าสู่ตระกูลและยังมีความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลมากมายอีกด้วย เงินทุนมากมายของตระกูลหลงล้วนแต่มีหลงอู่เหรินเป็ผู้จัดการ แต่ชายร่างอ้วนกลับตายอย่างอนาถแบบนี้ หลงโม่หรานจะยอมรับได้หรือ? ต่อให้สังหารเย่เฟิงเสียวันนี้ ก็ยังยากที่จะลบความโมโหในใจออกไปได้!
“ฉันจะขวางเขาเอง นายรีบหนีไปเร็ว” ใจของหลงหว่านเอ๋อร์ตื่นกลัวเมื่อเห็นเย่เฟิงถูกหลงโม่หรานจับได้คาหนังคาเขา พ่อของเธอต้องสังหารเขาอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าเธอสามารถถ่วงเวลาไว้ได้สักเล็กน้อย ชายหนุ่มก็ยังมีโอกาสหนีรอดไปได้
ต่อให้ต้องตายภายใต้เงื้อมมือของพ่อ เธอก็ไม่เสียใจเลยสักนิด ขอแค่เย่เฟิงยังมีชีวิตต่อไป แล้วจดจำเธอไว้…
“อย่ามาพูดบ้าๆ ฉันจะไม่ทิ้งเธอเด็ดขาด”
สายฟ้าผ่าลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับพายุฝนที่ยังโหมกระหน่ำ เย่เฟิงซึ่งสวมหน้ากากพร้อมกับฉากหลังเช่นนี้ ทำให้ชายหนุ่มดูน่ากลัวราวกับยมทูต น่าเสียดายที่กระบี่ครึ่งหนึ่งยังปักอยู่ที่อกของเขาพร้อมกับเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเื สองสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าาแของเขาเข้าขั้นร้ายแรงมาก
เนื่องจากท่วงท่าสุดท้ายของเพลงกระบี่บุปผาเหมันต์ฝ่าสายลมล้อมจันทรา ‘หยาดน้ำค้างแห่งบุปผาร่วงโรย’ เส้นลมปราณบริเวณหน้าอกของเย่เฟิงจึงถูกทะลวงอย่างสาหัส และเขายังไม่สามารถรักษามันได้ใน่เวลาสั้นๆ นี้
ฉึก!
ชายหนุ่มใช้มือดึงปลายกระบี่ที่หน้าอกออก ทำให้เืสาดกระจายลงบนพื้น ก่อนยกขาข้างหนึ่งเหยียบศีรษะของหลงอู่เหรินอย่างแรงจนจมลงในพื้นทราย จากนั้นเงยหน้ามองหลงโม่หรานที่ยืนอยู่บนหลังคา
สภาพอากาศทวีความเลวร้าย สายฟ้าแลบและเสียงฟ้าร้องทำให้หัวใจของชายหนุ่มเตรียมพร้อมอย่างรับรู้สถานการณ์ในตอนนี้ดี
ชิ้ง!
เย่เฟิงชูมือขึ้นพร้อมกับกระบี่สีทองปรากฏในมือ เขาชี้มันไปยังหลงโม่หรานก่อนเอ่ยปาก “ให้ผมได้โจมตีท่าหนึ่ง หากคุณรับมันไว้ได้ ผมจะยอมจำนนโดยไม่ขัดขืน!”
“ฮ่าๆๆๆ!” หลงโม่หรานเหมือนได้ยินเื่ตลกที่แสนจะไร้สาระ ทำให้เขาหัวเราะลั่น “ถึงตอนนี้แล้วแกยังมีหน้ามาตั้งเงื่อนไขกับฉันอีกเหรอ? แต่ก็ช่างเถอะ หากมันเป็คำขอสุดท้ายก่อนที่แกจะตาย ฉันจะสนองให้เอง”
ด้วยความแข็งแกร่งที่มี ชายวัยกลางคนจึงมั่นใจในตัวเองมาก อย่าว่าแต่ท่าหนึ่งเลย ต่อให้โจมตีมาเป็สิบท่า ชายสวมหน้ากากนั่นก็ไม่มีทางทำให้เขาระคายแม้แต่น้อย ด้วยพร์ที่เขามีในตอนนี้ ต่อให้เป็สวีเซียวหยู่ที่มีระดับพลังลมปราณถึงแปดสิบปี ก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกเกรงกลัวได้ แล้วกับอีแค่เด็กหนุ่มสวมหน้ากากคนหนึ่ง มันจะทำอะไรเขาได้?
ในวันนี้ หลงโม่หรานมั่นใจแล้วว่าชายสวมหน้ากากไม่มีทางหนีรอดไปได้อีก การทำให้มันขายหน้าก่อนตายก็ถือเป็เื่ที่สมควรแล้ว!
“นายรีบหนีไปเร็ว!” หลงหว่านเอ๋อร์เห็นเย่เฟิงในสภาพนี้ก็ร้อนใจเกินจะทนไหว
“ไม่เป็ไร เชื่อใจฉันนะ” ประกายสายตาเย็นเยียบพลันปรากฏในดวงตาของชายหนุ่ม เขาดันหญิงสาวออกไปอีกด้านหนึ่ง จากนั้นหันไปเผชิญหน้ากับหลงโม่หราน
ท่ามกลางพายุฝนและท้องฟ้าคำราม การเผชิญหน้าของพวกเขาทำให้ทุกคน ณ ที่นี้แทบลืมหายใจ!
ในเวลานี้เย่เฟิงรู้สึกถึงอุณหภูมิ สายฝน สายฟ้าแลบ และเสียงฟ้าร้อง สิ่งเหล่านี้ให้ความรู้สึกราวกับตนอยู่ในโลกเทวะ ในสภาพอากาศเลวร้ายเช่นนี้ ผู้ฝึกวิถีเซียนมากมายสามารถสำเร็จวิชาเซียนในระดับที่สูงขึ้นได้!
‘ถ้าใช้กระบี่สยบัขั้นแรกจะเป็สีฟ้า อำนาจการทะลุทะลวงของมันจะสูงกว่าการฟันปกติถึงสิบเท่า แต่ถ้ารวบรวมพลังธรรมชาติมาใช้จนบรรลุขั้นที่สอง พลังของมันจะสูงขึ้นเป็ร้อยเท่า!’
ลาวาเร่าร้อน! น้ำแข็งเย็นเยือก! พายุโหมกระหน่ำ! สายฟ้าคำราม!
พลังธรรมชาติทั้งปวงจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน!
เคราะห์ดีที่พายุฝนเกิดขึ้นในวันนี้ ถ้าเขาใช้กระบี่พลังปราณที่หลอมรวมพลังธรรมชาติเข้าด้วยกัน การเอาชนะหลงโม่หรานก็ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้
ฟุบ!
กระบี่สีทองชี้ไปยังหลงโม่หรานอีกครั้ง คนทั้งสองยืนเผชิญหน้ากันในระยะห่างเกือบสิบเมตร
ทันใดนั้นสายฟ้าก็ผ่าลงมาใส่บ้านหลังหนึ่งใกล้ๆ แต่เย่เฟิงยังคงยืนนิ่งโดยไม่สนใจสิ่งใด แม้ทั่วร่างจะเปียกชุ่มด้วยสายฝน อีกด้านหนึ่ง หลงหว่านเอ๋อร์กุมมือทั้งสองข้างแน่นด้วยความกังวลถึงที่สุด
ถ้าเย่เฟิงตายขึ้นมา แล้วเธอจะทำอย่างไร?
ผู้มีพร์สองคนเผชิญหน้ากันยามค่ำคืน โดยเป็สถานการณ์ชี้เป็ชี้ตาย
หลงหว่านเอ๋อร์ยืนนิ่งท่ามกลางสายฝนเทกระหน่ำ หยาดน้ำตาผสมกับน้ำฝนไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้าง อย่างไรก็ตาม หญิงสาวไม่คิดจะเข้าไปห้ามเย่เฟิง ลึกๆ ในใจ เธอยังเชื่อว่าเขาจะสามารถเอาชนะหลงโม่หรานได้ แม้ความเป็ไปได้จะต่ำมากแค่ไหนก็ตาม...
หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ล้อมรอบด้วยฝูงชนที่รวมตัวกันภายใต้ชายคาบ้าน พวกเขาจับจ้องเย่เฟิงและหลงโม่หรานตาไม่กะพริบ คนแทบทั้งหมดต่างรู้สึกเสียดายที่ชายหนุ่มสวมหน้ากากคนนี้ คนที่สามารถสังหารหลงอู่เหรินได้อย่างง่ายดาย จะต้องพบจุดจบเพราะความหุนหันพลันแล่นของตัวเอง
ไม่มีใครคิดว่าเขาจะสามารถสังหารหลงโม่หรานได้! เพราะปัจจุบันนี้ ที่แถบทะเลจีนตะวันออก อาจกล่าวได้ว่าหลงโม่หรานคือผู้แข็งแกร่งที่สุด ไม่มีใครกล้าหันอาวุธไปที่เขา ถ้าเกิดชายสวมหน้ากากสามารถสร้างาแให้ชายวัยกลางคนได้ เขาจะไม่เสียหน้าท่ามกลางผู้ฝึกวรยุทธ์มากมายที่นี่หรือ?
ในเวลานี้ เด็กหนุ่มจากตำหนักไท่จี๋ซึ่งถูกเย่เฟิงช่วยเหลือกำลังจ้องสถานการณ์ตรงหน้าพร้อมลอบกัดฟัน
ส่วนหญิงงามทรงเสน่ห์อย่างชูชูซึ่งยืนอยู่ใต้ชายคาบ้านปรากฏร่องรอยความกังวลบนใบหน้าสวย ดวงตาของเธอจับจ้องเย่เฟิงแน่นิ่ง ตอนนี้ผู้หญิงอ่อนแอไร้วรยุทธ์อย่างเธอไม่สามารถช่วยพลิกสถานการณ์ได้เลย แต่ชูชูก็ยังหวังว่าชายหนุ่มจะสามารถสังหารหลงโม่หรานได้ แล้วหลังจากนั้น เธอและหลงหว่านเอ๋อร์จะได้เป็อิสระจากตระกูลหลง ถึงอย่างนั้น ความเป็ไปได้ก็ต่ำจนแทบจะเป็ศูนย์…
ฟึบ!
ร่างของเย่เฟิงเริ่มเคลื่อนไหวโดยฉับพลัน ชุดสีดำของเขาโบกสะบัดในอากาศพร้อมกับหยดน้ำกระจายออกไปเล็กน้อย ชายหนุ่มกวัดแกว่งกระบี่สีทองกลางอากาศ ก่อขึ้นเป็รังสีกระบี่สีน้ำเงินรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
เปรี้ยง!
พลังชี่ดึงดูดสายฟ้าให้ผ่าลงมาหลอมรวมกับรังสีกระบี่ หมู่บ้านเล็กๆ พลันสว่างจ้าราวกับแสงจากดวงตะวัน ทำให้ผู้คนโดยรอบรวมทั้งหลงโม่หรานและเย่เฟิงต้องหลับตาไว้
ทั้งหมู่บ้านชาวประมงล้วนปกคลุมด้วยแสงสว่างสีขาวโพลน!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้