สาวใช้ทั้งสี่นั่งล้อมเป็วง ส่งเสียงกระซิบกระซาบไม่รู้ว่ากำลังคุยกันเื่อะไร
“เลิกพูดเถอะ นายหญิงกลับมาแล้ว”
หางตาของป๋ายซ่าวมองเห็นหลินเมิ้งหยาก่อนเป็คนแรกส่งสัญญาณผ่านทางสายตากับเพื่อนของตนเอง ก่อนที่ทุกคนจะปิดปากสนิท
“นายหญิง? เป็อะไรหรือเ้าคะ? ท่านอ๋องไม่อยู่อย่างนั้นหรือ?”
ป๋ายจีรีบเข้ามาต้อนรับ แต่กลับได้เห็นหลินเมิ้งหยาที่กำลังเหม่อลอย
แม้จะเดาไว้อยู่แล้ว แต่ก็อดที่จะไม่เอ่ยถามไม่ได้
“อ๋อ ท่านอ๋องไม่อยู่จวนน่ะ”
ฝืนยิ้ม อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนที่เขาจะไปเขาเอ่ยว่าเขาแล้วแต่การตัดสินใจของนาง
ราวกับว่า เขาไม่ได้ล้อเล่น
หยักยิ้มขมขื่น หลงเทียนอวี้เคยล้อเล่นเสียที่ไหน
“อันที่จริง นายหญิงเ้าคะ ท่านอ๋อง...”
ป๋ายจีพูดตะกุกตะกัก ก่อนจะเงียบไปนางรู้สึกว่านายหญิงของตนเองกำลังโศกเศร้าเหลือเกิน
แต่ถ้าหากไม่พูดออกมา นายหญิงอาจจะยิ่งเสียใจ
“เป็อะไรไป? มีอะไรก็พูดออกมาเถิด”
หลินเมิ้งหยาลูบไล้ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ของตนเอง อารมณ์มัวหมองเสมือนท้องฟ้ากำลังจะถล่มทลายมิเหมาะกับนางเลยแม้แต่น้อย
เพราะเหตุนี้ แม้หัวใจจะรู้สึกทุกข์ทรมานมากขนาดไหนแต่มุมปากมิเคยเผยความเ็ปออกมาให้เห็น
ตัดสินใจ ป๋ายจีเอ่ยออกมาอย่างระมัดระวัง
“วันนี้เป็วันที่ท่านอ๋องต้องไปรับองค์หญิงิเยว่เข้าจวนหนู่ปี้ได้ยินคนรับใช้พูดกันว่าท่านอ๋องได้ออกคำสั่งเอาไว้ว่าองค์หญิงิเยว่จะเดินทางมาถึงจวน่เวลาอาหารเย็นเ้าค่ะ”
หัวใจ...เสมือนกระจกที่กำลังแหลกละเอียดจนกลายเป็ผุยผง
หลินเมิ้งหยาได้ยินเสียงหัวใจสลายของตนเอง
“อ๋อ ที่แท้ก็เป็แบบนี้นี่เองเตรียมตำหนักขององค์หญิงิเยว่เรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเร็วขนาดนี้
หลงเทียนอวี้คงอดใจรอไม่ไหวแล้วสินะ
“ทางด้านพระสนมเต๋อเฟยสั่งให้คนไปจัดการแล้วเ้าค่ะได้ยินว่าให้เตรียมตำหนักชิงหยุนเก๋อที่อยู่ข้างตำหนักฉินหวู่เ้าค่ะ”
อันที่จริงพระสนมเต๋อเฟยส่งคนมาแจ้งเื่นี้แล้ว
แต่เพราะนายหญิงขังตัวเองอยู่แต่ในห้องดังนั้นนางจึงเพิ่งรู้เื่นี้
“เช่นนั้นหรือ? แบบนั้นก็ดีป๋ายจื่อ ป๋ายซู พวกเ้าไปตามเสี่ยวอวี้มา พวกเราออกไปเดินเล่นด้านนอกกันเถิดได้ยินมาว่าที่ป๋ายเซียงโหลวออกอาหารชนิดใหม่มา พวกเราไปลองชิมดูกันเถิด”
นับั้แ่วันที่แต่งงานจนกระทั่งตอนนี้หลินเมิ้งหยาเพิ่งจะรู้ว่าสินเดิมของนางมีค่อนข้างมาก
หรืออาจพูดได้ว่านางนับเป็หญิงสาวที่ร่ำรวยมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
ในเมื่อปราศจากซึ่งความรักแล้วเช่นนั้นนางจะใช้เงินเพื่อชดเชยความ้าของตนเอง
“เ้าค่ะ! นายหญิง ข้าอยากกินขนมที่ร้ายจินอวี้จายด้วย ได้หรือไม่เ้าคะ?”
คนแรกที่ฉีกยิ้มกว้างคือป๋ายจื่อยื่นแขนเข้าไปหยิกแขนของป๋ายซ่าวหนึ่งที ก่อนจะส่งสัญญาณผ่านทางสายตากับนาง
ป๋ายซ่าวเข้าใจได้ในทันทีคิดไม่ถึงเลยว่าคนสมองช้าที่สุดอย่างป๋ายจื่อจะคิดหาวิธีทำให้นายหญิงอารมณ์ดีขึ้นมาได้
“ไม่ได้ ไม่ได้ ข้าเองก็จะไปด้วย นายหญิงอย่าลำเอียงสิเ้าคะทุกครั้งนายหญิงมักพาเพียงป๋ายจื่อกับป๋ายซูออกไปกินของอร่อยกันข้าเองก็อยากไปด้วย”
หลินเมิ้งหยาฉีกยิ้มกว้าง โบกมือเล็กๆ ไปมาก่อนจะประกาศด้วยความอารมณ์ดี
“ไปทั้งหมดเลยแล้วกัน ป๋ายซ่าวจงไปเตรียมกล่องให้เต็มคันรถวันนี้ข้าจะพาพวกเ้าไปละลายทรัพย์!”
ในเมื่อหลงเทียนอวี้กล้าแต่งชายารองเข้ามาเช่นนั้นนางก็ไม่จำเป็ต้องเห็นใจเขาอีก
ในเมื่อได้ข้ามภพมายังอดีตแล้วนางจะไม่มีวันแบ่งสามีหรือความรักกับใครเด็ดขาด!
ขณะเดียวกัน ชายที่ถูกตราหน้าว่าหลายใจอย่างหลงเทียนอวี้กำลังแสดงสีหน้าเคร่งขรึม
ทั้งที่เขามาเพื่อปฏิเสธฮ่องเต้ิแต่ใครจะรู้เล่าว่าเมื่อวันก่อนจะมีอ้างว่ามาจากจวนและคุยกับฮ่องเต้ิว่าเขาจะมารับองค์หญิงิเยว่กลับไปในวันนี้
แม้ว่างานแต่งของทั้งสองจะยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างแน่นอนก็ตาม
แต่ไม่รู้ว่าฮ่องเต้ิกำลังคิดอะไรเขาไม่สนใจแม้แต่ชื่อเสียงของลูกสาวตนเอง
เกรงว่า ข้าวสารจะถูกหุงเป็ข้าวสุกไปเสียแล้ว
“ท่านอ๋อง ของใช้ขององค์หญิงถูกตระเตรียมเอาไว้เสร็จแล้วตอนนี้พร้อมที่จะกลับจวนแล้วขอรับพระองค์คิดว่าควรแจ้งพระชายาให้ตระเตรียมอาหารเย็นเอาไว้ก่อนหรือไม่?”
หลินขุยเอ่ยทูลอย่างระมัดระวัง หลงเทียนอวี้ชำเลืองสายตาเ็าทางเขา
ชายชาตรีที่ผ่านศึกามาอย่างโชกโชนยังอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทิ้ม
“เ้ารู้เื่นี้หรือไม่?”
ส่ายหน้าอย่างเอาเป็เอาตาย ศีรษะของหลินขุยเกือบจะหลุดออกจากบ่าเพราะแรงส่าย
์เป็พยาน เขาไม่รู้เื่นี้จริงๆ พอหลงเทียนอวี้พาเขามาถึงที่นี่เขาถูกตามให้เข้ามาขนของขององค์หญิงิเยว่ทันที
ท่านอ๋องและพระชายารักกันปานจะกลืนกิน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่เคยได้ยินเื่ที่ว่าท่านอ๋องจะรับองค์หญิงแห่งซีฟานมาเป็พระชายารองเลยด้วย
ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาเองก็งงงวยเหลือเกิน
“ไปตรวจสอบมาว่าใครเป็คนสร้างเื่นี้!”
ยืนอยู่ภายในห้องโถงแห่งอี้จ้าน สีหน้าเคร่งขรึมของหลงเทียนอวี้เจือไว้ซึ่งความโกรธเกรี้ยว
เขาไม่มีวันยอมให้ใครก็ตามมาควบคุมชีวิตของเขา
หากเขารู้ว่าใครบังอาจตัดสินใจแทนเขาแล้วละก็
คนคนนั้นจะต้องรับผิดชอบต่อความโกรธเกรี้ยวของเขา!
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง กระหม่อม...”
หลินขุยเหลือบมองหลงเทียนอวี้อย่างลำบากใจองค์หญิงิเยว่พยายามเป็อย่างมากที่จะไปอยู่จวนอวี้
ยิ่งไปกว่านั้นฮ่องเต้ิยังเตรียมการส่งตัวลูกสาวของตนเองเอาไว้แล้ว
ได้ยินคนของซีฟานเอ่ยว่าสินเดิมขององค์หญิงมีมากถึงสามคันรถ
ซ้ำยังมีสาวใช้หน้าตางดงามอีกสิบแปดคนและทหารร่างกำยำอีกสามสิบหกคน
เหล่าข้าทาสบริพารดังกล่าวยืนคลาคล่ำชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้นล้วนชะเง้อคอมองพลางส่งเสียงซุบซิบ
“อันที่จริงข้าพอจะเดาได้แล้ว ทั้งของ ทั้งคนห้ามมิให้เข้าไปในจวนเด็ดขาด ข้าจะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ิเ้าจงรอฟังคำสั่งข้าอยู่ที่นี่”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”
หลินขุยถวายคำนับ หลงเทียนอวี้ปรับสีหน้าของตนเอง
แม้จะะเิอารมณ์ออกไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ถึงกระนั้นเขาไม่มีทางรับิเยว่มาเป็ชายารองอย่างแน่นอน
ก้าวเท้ายาวๆ เดินไปยังห้องของฮ่องเต้ิและองค์ชายรัชทายาททุกคนมองมาทางเขาเป็ตาเดียว
แม้จะไม่ชิน แม้จะไม่ชอบ แต่หลงเทียนอวี้พยายามควบคุมตัวเอง
“ฮ่าๆ ลูกเขย ลูกสาวของข้าถูกเลี้ยงจนเคยตัวหากต่อไปภายภาคหน้าทำสิ่งใดไม่เหมาะไม่ควร เ้าช่วยสั่งสอนนางด้วย”
การแต่งงานของหูเทียนเป่ยจบลงไปแล้ว
ส่วนหูลู่หนานก็เอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ ไม่รู้ว่าฮ่องเต้ิกำลังคิดอะไรอยู่เขาจึงพยายามยัดเยียดลูกสาวของตนเองให้แต่งงานกับเขา
“เื่นี้ยังต้องปรึกษากันก่อนพ่ะย่ะค่ะข้ามีชายาเอกอยู่ข้างกายแล้ว หากแต่งงานพาองค์หญิงเข้าเรือนเกรงว่าองค์หญิงจะอับอาย”
คำพูดเชิงปฏิเสธของหลงเทียนอวี้ทำให้ความมิพึงพอใจถูกวาดขึ้นในดวงตาของฮ่องเต้ิ
แต่ไม่นานก็กลับมาปกติดังเดิม
“เ้าจงสบายใจเื่นี้เถิด ข้าเคยเจอคุณหนูสกุลหลินแล้ว ฉลาดงดงาม ชาติตระกูลไม่เลว หากเยว่เอ๋อร์ได้เป็รอง ก็นับว่ามิใช่เื่เสียหายอันใด”
คำพูดของฮ่องเต้ิทำให้ิเยว่หลุบตาต่ำเพราะความเขินอาย
แม้ว่าหากแต่งงานเข้าไปก็จะได้เป็เพียงชายารอง
แต่ด้วยความชาญฉลาดและความสวยงามของนางนางจะต้องได้รับความรักและเอ็นดูจากหลงเทียนอวี้อย่างแน่นอนเพียงแต่ต้องใช้เวลาเท่านั้น
“เสด็จพ่อ หม่อมฉันกับพี่หลินมีวาสนาต่อกันยิ่งนักเชื่อว่าจะต้องมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันได้อย่างแน่นอน”
คำพูดของิเยว่เปี่ยมไปด้วยความเคารพนับถือ
หูเทียนเป่ยนั่งเงียบกริบ สายตามิเห็นด้วย
“ในเมื่อฮ่องเต้ิตัดสินใจเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้เพียงแค่...การเข้าไปอยู่ในจวนอวี้คราวนี้ขอให้นับว่าเป็แขกเท่านั้นเสด็จพ่อของข้ายังคงประชวร องค์หญิงิเยว่มีสถานะสูงส่ง เื่นี้จะต้องทูลเสด็จพ่อให้ทรงทราบและได้รับอนุญาตจากพระองค์ก่อนฝ่าาได้โปรดเห็นแก่ความกตัญญูของข้าด้วย”
หากลองประชันเล่ห์เหลี่ยมกันแล้ว หลงเทียนอวี้มิเคยแพ้พ่ายให้กับผู้ใด
แต่เพราะอุปนิสัยของเขามักจะเ็าและเย่อหยิ่งเขาไม่มีทางยอมเป็รองง่ายๆ
หากเอ่ยว่าไม่อนุญาต ก็เท่ากับเขาพยายามยุยงหลงเทียนอวี้อกตัญญูต่อบิดา
แต่ถ้าหากอนุญาต ความเปลี่ยนแปลงก็จะมหาศาล
“เื่นั้น...”
“เสด็จพ่อ เอ๋อร์เฉินคิดว่าควรอนุญาตพ่ะย่ะค่ะ”
ขณะที่ฮ่องเต้ิกำลังจะปฏิเสธหูเทียนเป่ยที่นั่งเงียบมาโดยตลอดพลันเอ่ยออกมา
หันไปมองหน้าลูกชายตัวเองสายตาของฮ่องเต้ิแสดงให้เห็นถึงความไม่พึงพอใจ
แต่เพราะหูเทียนเป่ยเป็คนรอบคอบ อีกทั้งยังรู้จักหลงเทียนอวี้ดีที่สุดบางทีเขาอาจมีเหตุผลก็เป็ได้
“ได้ อ๋องอวี้กตัญญูยิ่งนัก เปิ่นหวังซาบซึ้งใจเหลือเกินเช่นนั้นค่อยทูลฮ่องเต้เื่การแต่งงานของพวกเ้าวันหลังเถิด ิเยว่ เหตุใดจึงไม่รีบกลับจวนกับท่านอ๋องเล่า”
สีหน้าของิเยว่เปลี่ยนไป ทั้งที่การไปจวนอวี้ในคราวนี้เป็โอกาสอันดี
แต่เสด็จพ่อกลับปล่อยให้ท่านพี่กับอ๋องอวี้พูดเอาชนะได้นางไม่อาจตัดใจได้ ดังนั้นแววตาจึงวาวโรจน์เพราะความโกรธเกรี้ยว
ฮ่องเต้แห่งต้าจิ้นไม่ได้ออกว่าการนานกว่าครึ่งปีแล้ว ไม่รู้ว่าเหตุใดต้องทูลพระองค์ก่อน
“ในเมื่อเป็แขก ข้าเห็นว่าไม่จำเป็ต้องพาสาวใช้ไปมากมาย ได้ยินมาว่าฮ่องเต้ิจะเสด็จกลับซีฟานในไม่ช้าเช่นนั้นคงไม่จำเป็ต้องเอาของไปมากมายนัก”
ในเมื่อ้าส่งิเยว่เข้าไปที่จวนของเขา เช่นนั้นหลงเทียนอวี้จึงต้องเสนอเงื่อนไข
สีหน้าของฮ่องเต้ิเคร่งขรึม พยักหน้าลง
ั์ตาเผยให้เห็นแสงเปล่งประกายบางอย่าง
ขอเพียงหลงเทียนอวี้พาิเยว่กลับไปด้วยตนเองก็เพียงพอแล้ว
“ขอบพระทัยฮ่องเต้ิ ตอนนี้ดึกมากแล้ว เช่นนั้นกระหม่อมขอทูลลา”
พูดจบ หลงเทียนอวี้เดินออกไปจากห้องทันที
“ท่านอ๋อง รอหม่อมฉันด้วย”
ทั้งโกรธทั้งอับอาย หันไปถลึงตาใส่หูเทียนเป่ยหนึ่งครั้งก่อนจะรีบวิ่งตามหลงเทียนอวี้ไป
ห้องขนาดใหญ่จึงเหลือเพียงฮ่องเต้ิและหูเทียนเป่ย
ยกชาขึ้น ในสายตาของคนภายนอกฮ่องเต้ิผู้นี้เป็เพียงคนหยาบคายและไร้จริยธรรม
แต่ใครจะรู้เล่าว่า อันที่จริงเขาได้ศึกษาตำรับตำราั้แ่เด็กอีกทั้งยังเรียนศิลปะการต่อสู้จนช่ำชอง ไม่แพ้ฮ่องเต้แห่งต้าจิ้น
อย่างเช่น ชาในมือของเขา คนของอี้จ้านล้วนคิดว่าเขาเป็พวกชอบร่ำสุราหนักดังนั้นจึงนำเพียงชาดอกมะลิดาษดื่นมาชงให้
ดมกลิ่นอันน้อยน้อย ก่อนจะจิบลงไปโดยที่สีหน้ายังคงเหมือนเดิม
“เสด็จพ่อกำลังโกรธที่ข้าพูดแทรกใช่หรือไม่?”
ในราชวงศ์แห่งซีฟาน คนที่เหมือนเขาที่สุดดูจะเป็หูเทียนเป่ยผู้นี้
