“ญาติผู้พี่เหิง นี่ไม่ใช่เวลามาใส่อารมณ์กัน ตอนนี้เ้าไม่กลับไป อย่าบอกนะว่าภายในหนึ่งปีนี้ก็จะไม่กลับไป?”
กฎระเบียบของสถานศึกษาหนานอี๋เข้มงวด เมื่อไม่มีเหตุผลที่ดี เฉิงเหิงกล้าขาดเรียนหนึ่งปี ปีหน้าถึงจะสอบผ่านระดับสำนักศึกษาในรวดเดียวก็ไม่ต้องคิดจะกลับสถานศึกษาแล้ว
ไม่เพียงเฉิงชิงเกลี้ยกล่อมเขา คนอื่นๆ เองก็ร่วมด้วย เฉิงเหิงกลับยิ่งแข็งกร้าว กล่าวอะไรไปก็ไม่ยอมกลับหนานอี๋ไปพร้อมกับทุกคน
เฉิงชิงขยิบตาให้พี่ชายร่วมตระกูล
“ช่างเถอะ ญาติผู้พี่เหิงยากที่จะปลดเปลื้องตนเองเป็การชั่วคราว ไม่คิดที่จะร่วมเดินทางไปกับพวกเรา พวกเราก็ไม่ต้องไปบังคับเขาแล้ว ตอนนี้เขายังยินดีที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ มีบ่าวรับใช้ของบ้านห้าคอยดูแลอยู่ หากทำให้เขาหงุดหงิดใจจนย้ายออกไป จะไปหาคนเจอที่ใดอีก?”
พูดอีกก็ถูกอีก
ทุกคนมาเข้าร่วมการสอบระดับเมืองพร้อมกัน ยามมามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ผลลัพธ์หลังสอบเสร็จก็ไม่เลวเลย มีเพียงเฉิงเหิงคนเดียวที่ผิดหวังจากการสอบ ไม่แปลกที่ไม่ยินยอมเดินทางกลับกับพวกเขาด้วยกัน
ทุกคนต่างคิดจะไว้หน้าเฉิงเหิงจึงไม่เอ่ยเกลี้ยกล่อมอีก เฉิงเหิงเห็นทุกคนเก็บสัมภาระของตนเองไม่สนใจเขาก็ยิ่งหงุดหงิด
อารมณ์ของคนผู้หนึ่งไม่ดี ผู้อื่นทำอะไรก็ล้วนผิดไปหมด เฉิงเหิงจึงดันทุรัง
เฉิงชิงเก่งกาจตรงไหนกัน?
เหล่าพี่น้องร่วมตระกูลชื่นชมเยินยอ นอกจากเฉิงชิงสอบระดับอำเภอและระดับเมืองได้ดี ก็ไม่ใช่เพราะว่านายท่านห้าให้ความสำคัญเฉิงชิงหรือ
เมื่อเจ็ดแปดปีก่อน ยามนั้นเฉิงเหิงอยู่ในวัยจำความได้แล้ว ผู้นำตระกูลของตระกูลเฉิงก็คือปู่แท้ๆ ของเขา นายท่านใหญ่เฉิงอยู่ในตระกูลพูดคำไหนคำนั้น บ้านใหญ่มีหน้ามีตาขนาดนั้น!
เฉิงเหิงในฐานะหลานชายของบ้านใหญ่ อยู่ที่หนานอี๋ก็เป็ดาวล้อมเดือน
หลังจากนายท่านใหญ่เฉิงหลอดเืสมองแตกเฉียบพลันเสียชีวิตไป นายท่านห้าเฉิงก็กลายมาเป็ผู้นำตระกูลคนใหม่ บ้านใหญ่ก็ตกต่ำลงราวกับดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า อิทธิพลค่อยๆ ถดถอยลงเรื่อยๆ
มาถึงยามนี้ เขาไม่เพียงต้องยอมถอยให้บุตรหลานของบ้านห้าและบ้านหก ต้องยอมถอยให้เฉิงกุยของบ้านรอง แม้แต่เฉิงชิงที่ไม่มีรากฐานที่หนานอี๋ เพิ่งจะกลับมาบ้านเดิมระหว่างทางเช่นนี้ยังต้องหลีกทางให้ด้วยหรือ?
เฉิงเหิงแง้มหน้าต่างมองไปทางห้องของเฉิงชิง สีหน้าหม่นหมองอย่างยิ่ง แม้แต่เด็กรับใช้ข้างกายก็รู้สึกถึงความร้อนอกร้อนใจ
“นายน้อย ท่านอย่าได้มุทะลุ…”
เฉิงชิงได้ตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำเมือง กลับไปหนานอี๋ก็คงจะยิ่งเป็บุคคลที่ได้รับความนิยมของคนในตระกูล
ทิศทางลมของตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ก็โหดร้ายอย่างเรียบง่ายเช่นนี้ มีความสามารถด้านอื่นก็ล้วนไม่สำคัญ มีเพียงการพิสูจน์ตนเองในการสอบเข้ารับราชการ นั่นก็คือผู้ที่ทั้งตระกูลให้ความสำคัญ!
เด็กรับใช้กลัวนายน้อยบ้านตนจะหาเื่เดือดร้อนให้เฉิงชิง เฉิงเหิงไม่สนใจ “หุบปาก ข้าทำเื่อะไรล้วนมีขอบเขต”
เด็กรับใช้ลอบบ่น
เฉิงเหิงเป็นายน้อยของบ้านใหญ่ เป็เ้านาย เ้านายไม่มีทางกระทำความผิด หากเฉิงเหิงกระทำความผิด ผู้ที่รับโทษก็ยังคงเป็เด็กรับใช้ที่รับใช้ข้างกาย
เด็กรับใช้นึกถึงแม่นมโจวของบ้านรองผู้นั้นที่ว่ากันว่าติดโรคร้ายตาย
เมื่อเทียบกับวัยวุฒิของแม่นมโจว ตนเองจะนับเป็อันใดได้
แต่อย่างไรก็ตามแม่นมโจวบทจะตายก็ตายไปเลย ชีวิตน้อยๆ ของตนเองก็รักษาเอาไว้ไม่ได้ ต้องดูแล้วว่าจะสามารถจับตาดูนายน้อยบ้านตนเองได้อย่างมั่นคงหรือไม่
เฉิงชิงรู้ตัวแล้วว่าได้สร้างศัตรูเพิ่มอีกหนึ่งคน
แต่นางไม่สนใจ
ผู้ที่ไม่ประสบความอิจฉาของผู้อื่น คือผู้ที่มีความสามารถธรรมดา
นางควรเป็ดาวที่ส่องสว่างที่สุดในยามค่ำคืน อย่าบอกนะว่าเพราะผู้อื่นริษยาก็ต้องชิงอับแสงหรือ?
เหอๆ
คำพูดนี้เป็เพียงความคิดเล่นๆ
ถึงอยากจะสนใจก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงได้
เมื่อเทียบกับฮูหยินผู้เฒ่าจูของบ้านรอง เทียบกับเยี่ยอ๋องซื่อจื่อ เทียบกับฆาตกรหลังม่านที่แท้จริงที่ทำให้ฮ่องเต้ต้องปกป้องผู้นั้น เฉิงเหิงพุ่งเป้ามาที่นางหรือไม่กลับเป็เื่เล็กที่ไม่ควรกล่าวถึงอย่างแท้จริง——อ้อ นางยังมีความลับใหญ่อย่างการเป็สตรีปลอมเป็บุรุษนี่!
โชคดีที่สภาพจิตใจของเฉิงชิงโดยเนื้อแท้นั้นดีมาก มีเื่มากมายเช่นนี้กดทับจิตใจไม่เพียงไม่ล้มลง ยังรู้สึกว่าตนเองใช้ชีวิตอย่างมีรสชาติ
ในส่วนของข้อเท็จจริง ยิ่งให้นางสอบได้ตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำเมือง สู้กับคน สู้กับฟ้า ยิ่งหรรษาไร้ขอบเขต
เฉิงชิงกลับหนานอี๋พร้อมกับเหล่าพี่ชายร่วมตระกูลอย่างปีติยินดี ยังไม่ทันออกจากเมืองเซวียนตูก็ถูกคนขวางไว้แล้ว หากที่ขวางทางเป็อันธพาล บ่าวรับใช้ที่กำยำของตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ก็คงไม่ลังเล สามารถโจมตีพวกหัวขโมยได้ทันที ูเาดาบทะเลเพลิงล้วนกล้าตะลุย
แต่กลับเป็แม่นางน้อยอ่อนหวานผู้หนึ่ง เหล่าข้ารับใช้ไม่อาจไล่คนไปได้
แม่นางน้อยยังรู้มารยาทเป็อย่างดี ขวางหน้ารถม้าแล้วคำนับ
“เรียนถามว่าผู้ที่นั่งอยู่บนรถม้า ใช่บัณฑิตอั้นโส่วของการสอบเข้ารับราชการระดับเมืองปีนี้ บุตรชายของใต้เท้าเฉิงจือหย่วนที่ได้รับการเลื่อนขั้นย้อนหลังจากราชสำนัก คุณชายเฉิงชิงของตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋หรือไม่?”
เมื่อใดกันที่ยามผู้อื่นกล่าวถึงตนเองด้วยคำนำหน้ายาวขนาดนี้?
ผู้ที่คำนำหน้ายิ่งยาวไม่จำเป็ว่าจะยิ่งยอดเยี่ยม ที่แม่นางน้อยทำเป็การกลัวว่าจะมาหาผิดคน
เฉิงชิงเลิกม่านในรถขึ้นแล้วมอง ยืนยันกับตนเองว่าไม่รู้จักอีกฝ่าย
นางระวังตัวมาโดยตลอด ไม่มีทางเอาความได้เปรียบไปไว้ในมือผู้อื่น เอ่ยตอบรับทันที “ข้าคือเฉิงชิง ข้ากับแม่นางไม่เคยพบเจอกันมาก่อน ไม่ทราบว่าแม่นางขวางรถ้าทำสิ่งใด?”
ประกาศว่าไม่รู้จักก่อน อย่างอื่นก็จัดการได้แล้ว
้าทำลายชื่อเสียงของนาง นางก็ย่อมไม่ยอมรับ แม้แต่คนยังไม่รู้จักเลย!
เหล่าพี่ชายร่วมตระกูลขยิบตาหยอกล้อเฉิงชิง
“น้องเล็ก ที่เ้าไม่อยากอยู่ที่เมืองเซวียนตู ไม่ใช่ว่ากลัวคุณหนูบ้านอื่นมาหาถึงที่หรอกนะ?”
“ผู้ที่ไม่เสเพลใช้วัยหนุ่มอย่างเสียเปล่า พวกเราไม่อาจหัวเราะเยาะเ้าได้”
“น้องเล็กเองก็สิบสี่แล้ว มีคนในดวงใจก็ไม่ใช่เื่แปลก…”
เฉิงชิงจนปัญญา
เพศเดียวกันจะมาปลูกต้นรักกันได้อย่างไร?
ทุกคนบนรถล้วนอาจมีหนี้รัก มีเพียงนางที่ไม่มีทางมี!
เฉิงชิงส่ายศีรษะ “พี่ชายทุกท่านอย่ากล่าวล้อเล่นเลย ข้าไม่รู้จักจริงๆ ”
“ไม่รู้จักก็ไม่เห็นเป็ไร ลงรถไปดูหน่อยก็รู้จักแล้ว คำพูดของคุณหนูท่าทางใจกล้าอยู่บ้าง หน้าตาหน้ารักมากทีเดียว เหมาะสมกับน้องเล็กนัก!”
พอที คุ้นเคยกันมากไปก็ไม่ใช่ว่าดี เหล่าพี่ชายร่วมตระกูลหยอกล้อนางอย่างกำเริบเสิบสาน
ระหว่างที่เฉิงชิงยังไม่ลงรถ แม่นางน้อยที่ขวางรถก็โกรธจนแก้มป่อง ใบหน้ากลม ดวงตาเองก็กลมด้วย ย่อมมีความหน้ารักเพิ่มเป็ยี่สิบส่วน แม้จะโกรธก็เหมือนงอนอยู่
“เฉิงชิง ถ้าเ้ากล้าก็ลงจากรถมา แอบอยู่บนรถไม่โผล่หน้านับว่าเป็วีรบุรุษอะไรกัน แม้จะสอบได้ตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำเมืองแล้วก็ยังทำให้คนดูถูก!”
โอ๊ะโอ แม่นางน้อยโกรธแล้ว
เหล่าพี่ชายร่วมตระกูลเก็บการหยอกล้อไป หลังจากยืนยันกับเฉิงชิงซ้ำๆ ว่าไม่เคยทำเื่อย่างได้เสียแล้วทิ้งมาก่อนก็เลือกที่จะลงรถไปกับเฉิงชิงด้วย
“ไป พวกเราไปเป็กำลังเสริมให้น้องเล็ก บุรุษที่ดีไม่ต่อสู้กับสตรี หากแม่นางน้อยผู้นั้น้าใส่ร้ายชื่อเสียงของน้องเล็กโดยไร้สาเหตุ พวกเราก็ไม่อาจรับปากได้!”
คนหลายคนทยอยกันลงมาจากในรถม้า แม่นางน้อยผู้มีใบหน้ากลมค่อนข้างสับสนอย่างชัดเจน
มีบุรุษหนุ่มมากมายขนาดนี้ คนไหนกันคือเฉิงชิง?
เฉิงชิงยืนอยู่ด้านหน้าเอง
“ข้าก็คือเฉิงชิง!”
แม่นางน้อยผู้มีใบหน้ากลมพลันเบ้าตาแดง ย่ำเท้าอยู่กับที่ “…เฉิงชิง เ้ามันสารเลว!”
หืม?!
แววตาของเหล่าพี่ชายร่วมตระกูลเปลี่ยนไปล้ำลึกทันที เมื่อเป็เช่นนี้ ยังจะเอ่ยว่าไม่เคยได้เสียแล้วทิ้งอีกหรือ?
น้องเล็ก ในฐานะบุตรหลานตระกูลเฉิงต้องกล้าทำกล้ารับนะ!
เฉิงชิงไร้คำพูด “แม่สาวน้อย ข้าวสามารถกินมั่วซั่วได้ แต่คำพูดไม่อาจเอ่ยมั่วซั่ว วันนี้ข้าเพิ่งจะได้พบหน้าเ้าเป็ครั้งแรก สรุปแล้วไปทำให้เ้าเคืองใจที่ใดกัน? พวกเรามาพูดคุยกันให้กระจ่าง อย่าให้ผู้คนรอบข้างเข้าใจผิด!”
หน้าตาน่ารักแล้วอย่างไรเล่า น่ารักแล้วสามารถใส่ร้ายคนได้หรือ!
เื่ที่เคยทำเฉิงชิงไม่มีทางปฏิเสธ เื่ที่ไม่เคยทำจะให้นางยอมรับได้อย่างไร?
“เ้ามันสารเลว! แม่นางบ้านข้าล่วงเกินเ้าที่ตรงไหนกัน เ้าถึงต้องทำร้ายนางเช่นนั้น พี่สาวน้องสาวของบ้านข้าชื่อเสียงล้ำค่า แม่นางบ้านข้าสามารถให้พวกเ้าเหยียบย่ำได้ตามอำเภอใจหรือ?”
การกล่าวหาเช่นนี้ทำให้เฉิงชิงงงงวย
นางไปเหยียบย่ำชื่อเสียงของใคร?
บัณฑิตคนอื่นอาจดูถูกเพศหญิง ตัวเฉิงชิงเองเป็ผู้หญิง นางเคารพเพศหญิงมากกว่าผู้ใด ถึงขนาดมีความเห็นใจตามธรรมชาติต่อชีวิตของสตรีในแคว้นเว่ย สงสารที่พวกนางถูกธรรมเนียมประเพณีกีดกัน ไม่อาจเป็อิสระ
เฉิงชิงก้มหน้าลง “มีเื่อะไรก็พูดมา หากเ้ายังรังควานไม่มีที่สิ้นสุด ก็ขออภัยที่เฉิงชิงไม่อาจอยู่เป็เพื่อนได้!”
