หรือลูกหมาตัวนี้จะะโขึ้นมาจากหลุมพรางกระดูกนั่น?
เ่ิูทำนายได้เท่านั้น
เขาเดินหลีกเ้าหมาน้อยสีขาวที่มาอย่างไม่ได้นัดหมาย ะโเข้าไปในหลุมพรางอีกครั้งแล้วสำรวจอย่างถี่ถ้วน
ทว่าก็ไม่พบอะไรเลย
“แฮ่กๆ...บ๊อกๆ?” เ้าหมาน้อยป่ายปีนขึ้นมาจนถึงข้างหลุม แววตาเปี่ยมเต็มด้วยความประหลาดใจ มันสั่นหัวไปมา หางอ้วนๆ ส่ายเป็จังหวะ แสดงเจตนาดีต่อเ่ิูอย่างต่อเนื่อง ปากส่งเสียงบ๊อกออกมา ดวงตาทรงมุกสีดำทอแววสนิทสนมและกระตือรือร้น มากพอทำให้ใจคนละลายได้เลยทีเดียว
เ่ิูลองยืดแขนออกไป
หมาน้อยถอยหลังกลิ้งสองสามตลบ จากนั้นก็กระโจนเข้าใส่อย่างไม่คิดชีวิต เหมือนก้อนหิมะน้อยเกลือกเข้ามาหาอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อมาถึงข้างบ่อกระดูก มันก็ถีบตัวะโเข้าหามือเ่ิู ส่งเสียงร้องเรียกเขาอย่างยินดี
“แฮ่กๆ บ๊อกๆๆ!” เ้าหมาน้อยใช้หัวกลมอ้วนถูไถข้อมือเขาไปมา แล้วยังแลบลิ้นนุ่มเลียมือเ่ิูเสียอีก ปากเปล่งเสียงแฮ่กๆ มันสั่นหน้าและส่ายหาง ท่าทียังคงเป็มิตรสุดใจเช่นเดิม
“น่าสนใจ” เ่ิูมองสำรวจ
“เอ๊ะ? มองไปมองมาก็ช่างเหมือนลูกหมาจริงๆ...แต่ว่า เหมือนมันจะาเ็...ไม่มีขาหน้าหรือ? ไม่ใช่สิ ขาหน้าเล็กเกินไปต่างหาก...หรือ...หรือว่าจะไม่สมประกอบ?” เ่ิูพบเื่ประหลาดน่าใเข้าให้แล้ว
เ้าหนุ่มน้อยเหมือนก้อนหิมะตัวนี้ประหลาดมิใช่เบา
หัวของมันดูจะใหญ่กว่าหมาธรรมดา แทบจะเรียกได้ว่ากินพื้นที่หนึ่งในสามของทั้งร่างเลยทีเดียว ทั้งเซ่อและน่ารัก ส่วนขาหน้าคะเนแล้วน่าจะได้าแมา ขาหน้าทั้งคู่ทั้งเล็กและสั้น บ่งชัดว่าเติบใหญ่ไม่สมประกอบดี แอบซ่อนอยู่ในหลืบของกลุ่มขนสีขาว หากไม่มองให้ละเอียดก็ไม่อาจเห็น ทว่าขาคู่หลังกลับแข็งแรงกว่าเห็นได้ชัด ถึงได้รับน้ำหนักทั้งตัวได้
ดูทั่วกายแล้ว ส่วนลำตัวของมันครองพื้นที่หนึ่งในสามของทั้งหมด และอีกส่วนที่เหลือล้วนคือหางใหญ่สวยขนฟูฟ่อง เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาอยู่ด้านหลังก้นอ้วนๆ นั้นอย่างเริงร่า
นอกเหนือจากข้อผิดพลาดสามัญนี้แล้ว ส่วนอื่นๆ ของเ้าตัวน้อยนี้ล้วนเหมือนหมาธรรมดาทุกประการ
ณ บัดนั้น เ่ิูเองก็ไม่อาจฟันธงได้ว่ามันเป็หมาแน่หรือเปล่า
หรือจะเป็สัตว์อื่นที่หาได้ยาก?
เช่น จำพวกสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ หรือสัตว์อสูรเทพ?
เ่ิูครุ่นคิดพลางส่ายหน้าหัวเราะตัวเอง
สัตว์อสูรเทพน่ะหรือจะเป็เช่นนี้? หนำซ้ำเขายังคิดว่าตนคงไม่โชคดีซ้ำซ้อนถึงเพียงนั้นกระมัง
“แฮ่กๆ บ๊อกๆ!” เ้าตัวน้อยถูไถแขนของเ่ิูด้วยความสนิทชิดเชื้อ
เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด พอมองท่าทีสนิทสนมเป็ไมตรีสุดชีวิตจากเ้าหมาตัวนี้แล้ว ใจของเขาถึงได้เกิดควารู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่อาจหักห้าม ทั้งที่เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเพิ่งพบกันเป็ครั้งแรก แต่กลับมีความรู้สึกผิดแปลกที่เหมือนตนเลี้ยงดูมันมานานเสมือนเป็ญาติสนิท
ในใจยังคงฉงนนัก ทว่าเมื่อเ่ิูลังเลอีกเป็ระลอกเสร็จ สุดท้ายก็พามันมาข้างกายตัวเองอยู่ดี
ในร่างของหมาตัวเล็กนี้ ไม่รู้สึกถึงการขับเคลื่อนของพลังงานเลย คงไม่เป็ภัยคุกคาม
มันโผล่มาที่นี่อย่างพิสดารนัก คาดว่าต้องสัมพันธ์กับบ่อเืพิศวงนั่น เก็บไว้กับตัวก่อนแล้ววันหลังอาจพบอะไรน่าสนใจก็เป็ได้
อีกทั้ง เ่ิูยังแอบคิดอยู่ในใจ ว่าเื่ที่เกิดขึ้น ณ ถ้ำัแห่งนี้ ไม่มีทางสงบอย่างที่เห็นกับตานี้แน่ ไม่มีทางง่ายเหมือนเปลือกนอก บางทีอาจมีผลกระทบมหาศาลต่ออนาคตของเขา เพียงแค่ยังไม่ปรากฎต่อั์ตาคู่นี้เท่านั้นเอง และเ้าก้อนหิมะตัวนี้ก็คือเบาะแสสำคัญที่สุดอย่างไรเล่า
“แฮ่กๆ!”
ราวกับว่ารู้ถึงการยอมรับจากเด็กหนุ่ม ลูกหมาน้อยพลันส่งเสียงดีใจ
เมื่อเ่ิูตกลงปลงใจให้เห็นแน่แล้ว มันก็ส่ายหางะโกระเด้ง ส่งเสียงเห่าอย่างปรีดาแล้วปีนโซซัดโซเซไปตามแนวแขนเ่ิูจนถึงลาดไหล่ ลิ้นนุ่มเลียใบหูเด็กหนุ่มอย่างชิดใกล้ ถูไถหัวซึ่งมีขนปุกปุยกับใบหน้าของเขาอีกแรง
“ฮ่าๆ เ้าหมาน้อยนี่...” เ่ิูหัวเราะ
เ้าหมานี้คาดการณ์ถึงวิสัยของคนได้ดีเหมือนมีพลังจิต มากพอจะเข้าใจจิตใจของเ่ิู
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าก็จะเก็บเ้าไว้กับข้าก่อนแล้วกัน เฮยๆ ก่อนอื่นก็ตั้งชื่อเ้าก่อนล่ะ” เ่ิูะโขึ้นจากหลุมพรางกระดูก เด็กหนุ่มก้าวขาตรงสู่ภายนอก เขาคิดกลั้วหัวเราะ “ในเมื่อหัวเ้าใหญ่นัก เช่นนั้นต่อจากนี้ข้าเรียกเ้าว่าหัวโตแล้วกันนะ ฮ่าๆ สั้นแต่ตรงประเด็น ได้ใจความดีไหมเล่า?”
“แฮ่กๆ บ๊อกๆ!” เพราะลูกหมาพูดไม่ได้ ถึงทำได้เพียงโดดโลดเต้นด้วยอารมณ์ตามเดิม
“ฮ่าๆ เ้าพูดเช่นนี้ แสดงว่าเห็นด้วยแล้วนะ หัวโต”
“แฮ่กๆ บ๊อกๆ!”
“ดีเลย หัวโต”
“แฮ่กๆ บ๊อกๆ!”
“เชื่องๆ นะ!”
“แฮ่กๆ บ๊อกๆ!”
หนึ่งคนหนึ่งสุนัข พูดคุยกับเช่นนี้ระหว่างทางออกสู่นอกถ้ำับนถนนกระดูกขาว เสียงดังชัดเจนและน่าสนใจในสภาพแวดล้อมสีดำโล่งกว้าง เ่ิูสบายใจขึ้นมาก เขาหัวเราะฮ่าๆ ชุดใหญ่ออกมาอย่างมิอาจห้าม
ทว่าาาปีศาจก็กลัดกลุ้มอีกครั้งในเวลาอันรวดเร็ว
ในบันทึกได้บอกไว้ ว่าเมื่อสังหารัเสร็จสิ้นแล้วจักมีหนทางออกจากที่แห่งนี้ปรากฏขึ้นมาแทบเท้าให้เดิน ทว่าบัดนี้เขาไม่เจอั ดันได้ผิดเป็ลูกหมาหัวโตโดยบังเอิญอีกต่างหาก เขาจะออกไปจากวังวนห้วงลึกนี่อย่างไรถึงจะถูกกันเล่า ถ้ายึดเอาตามทางที่เข้ามาก็ออกไปไม่ได้แน่แล้ว และครั้นจะพึ่งพลังตนในยามนี้พุ่งชนแนวน้ำตกออกไป บนสมรภูมิหุบเขาปัดป้องที่มีกฎเกณฑ์ควบคุมอยู่ ไร้ทางทำได้
สิบห้านาทีต่อมา
เ่ิูพบว่า สิ่งที่เขากังวลก่อนหน้านั้นเสียเปล่าอย่างสิ้นเชิง
เพราะไม่รู้เมื่อไร ที่น้ำตกโอ่อ่าดังดาราไหลจากความว่างเปล่าสู่ความว่างเปล่าได้หายไป มาถึงปากทางถ้ำั เบื้องหน้าั์ตาเป็ดั่งกระดานสีดำ ละอองและไอน้ำที่เคยอบอวลอันตรธานไป เสียงซู่ซ่าของน้ำตกหายสิ้น มีเพียงผนังหินนี้เท่านั้นที่ขยายตัวสู่เบื้องบน เปิดทางสู่แสงสว่างไกลออกไปเป็พันเมตร
“เกิดอะไรขึ้น?”
เ่ิูรู้สึกว่าวันนี้มันวันมหกรรมเื่ประหลาดชัดๆ
ทว่าในเมื่อน้ำตกของนทีหลั่งทรายหายไป บนยอดก็มองเห็นแสงสว่างได้ เหมือนว่าเพียงแค่ปีนป่ายขึ้นไปตามผนังหินสูงชั้นนี้แล้ว การจะออกจากที่นี่ย่อมมีความหวัง?
เ่ิูตัดสินใจครู่หนึ่งก็พร้อมลองดูสักตั้ง
“หัวโต จำไว้ ต้องเกาะข้าให้แน่นไว้นะ” เ่ิูลูบเ้าหมาหัวโต
“แฮ่ก?” เ้าหมาน้อยนิ่งไป ดวงตากลมโตเปี่ยมด้วยคำถาม
พริบตาต่อมา เ่ิูกลับเลือกทิศทางไว้เรียบร้อยแล้ว เขากระตุ้นกำลังภายในให้ร่างกายกระโจนขึ้นฟ้าหลายสิบเมตรประหนึ่งพญาปักษา ตวัดมือคว้าโขดหินที่ยื่นออกมาอย่างไม่ทันคาดคิด ยืมแรงเล็กน้อย ก่อนเคลื่อนตัว ทั้งกระโจนและปีนป่ายตามแนวผนังหินสูงชัน
“บ๊อกๆๆ...แฮ่กๆ!”
เ้าหัวโตตะลึงตามระเบียบ ตอนแรกก็ยังไม่เข้าใจ กระทั่งเ่ิูะโเป็รอบที่สามนั่นแหละ มันก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมา เหลือบมองเหวลึกดำทมิฬที่ต้องมองรอบสองถึงจะรู้ มันใจนขนตั้ง ปากงับหูเ่ิูแน่น หางม้วนขึ้นมา ขาหลังถีบเป็ว่าเล่น เนื้อตัวสั่นเทิ้มน่าสงสาร
“ฮ่าๆๆ...” เ่ิูหัวร่อร่าอย่างสุดจะกลั้นกลางอากาศ
เ้าหมาหัวโตตัวนี้ ช่างน่าสนุกของน่าสนุกจริงๆ
...
...
สมรภูมิหุบเขาปัดป้อง
ถนนทิศอุดร
กลางสมรภูมิ เสียงโห่ร้องเข่นฆ่าสะท้านฟ้า
ฉินอู๋ซวงสีหน้าเคร่งขรึม มองคู่ต่อสู้ที่ปรี่เข้ามารอบด้าน ในใจร่ำร้องขมขื่นอย่างไม่อาจห้าม
เซี่ยโหวอู่นั้นกลัวจนสีหน้าออกหมดแล้ว
ทั้งสองคนไม่เคยคิดว่าแผนที่วาดวางมาไว้อย่างดี จะเจอปัญหาตัวเป้งั้แ่ยังไม่ได้เริ่มใช้ พวกเขาจากสมรภูมิบนถนนทิศอีสานและพายัพ มารวมพบกับ่เี่ิและซ่งชิงหลัว เดิมทีคิดจะรวมกำลังทหารเพื่อความได้เปรียบ อย่างน้อยก็ต้องยกสถานการณ์สักสมรภูมิหนึ่งขึ้นให้ได้ เมื่อเ่ิูมาสมทบจักได้โค่นสำนักหงส์ฟ้าได้สักครั้ง
ความหวังที่ดับดิ้นั้แ่เริ่มต้น พอมาอยู่ในสภาพการณ์เช่นนี้แล้ว ถึงจะเป็ไอ้งั่งก็ต้องรู้แน่ว่าโอกาสมาเยือน
หากแม้นชนะได้ครั้งหนึ่ง ในท้ายที่สุดทั้งห้าคนนี้ก็จักกลายเป็วีรบุรุษของสำนักกวางขาว ทรัพยากรและวิทยายุทธ์ทุกชนิดจักเบนมาให้ความสนใจดูแล...ถึงจะเป็ฉินอู๋ซวงกับเซี่ยโหวอู่ที่หาทรัพยากรเ่าั้ได้ไม่ยากก็ตามเถิด ทว่าชื่อเสียงจากการล้มศิษย์หงส์ฟ้า ย่อมจะสร้างคุณประโยชน์แก่พวกเขาได้อยู่ดี
ดังนั้นในสถานการณ์นี้ ก่อนหน้าไม่นานฉินอู๋ซวงตัดสินใจทิ้งทิฐิด้วยตัวเอง ยอมมาปรึกษากับสองพี่น้องซ่ง ให้สี่คนมารวมตัวกันที่สมรภูมิถนนสายอุดร
ซ่งชิงหลัวและ่เี่ิพิจารณาแล้ว นี่ถือเป็ข้อเสนอที่ไม่เลว
อย่างไรสี่คนรวมกันย่อมจะปลอดภัยขึ้นบ้างอยู่แล้ว อีกทั้งเมื่อรวมพลสำเร็จ เ่ิูเองก็ไม่ต้องวิ่งเต้นไปเจ็ดย่านน้ำ เพียงแค่คอยประสานอยู่ในมุมมืดเท่านั้น เป็แผนการตอบโต้ที่สมบูรณ์แบบ
เพียงแต่เ่ิูนั้นมาไปราวกับผี ไร้หนทางจะปรึกษาเขาได้
ทว่าฉินอู๋ซวงคิดว่า ทางที่เ่ิูห่วงใยมากที่สุดย่อมจะเป็ถนนสายอุดรที่สองพี่น้องซ่งอยู่ นี่เองจึงเป็สาเหตุหนึ่งที่เขาเลือกทางนี้ มีเพียงที่นี่เท่านั้นจึงจักสามารถได้ความช่วยเหลือจากเ่ิูมากที่สุด
ว่ากันตามจริง การได้เห็นเ่ิูสังหารสวี่เกอครานั้น ส่งผลต่อฉินอู๋ซวงมากนัก
เขาไม่เคยยินยอม ไม่เคยคิดว่าตนจะด้อยกว่าเ่ิู
ทว่าเมื่อผ่านเื่ราวมามากขนาดนี้ ฉินอู๋ซวงเองก็ต้องยอมรับ ว่าเ่ิูเ้ายาจกคนนี้โชคดีกว่าเขามากจริงๆ อย่างน้อยโอกาสชนะในรอบนี้ก็ต้องอยู่ในการนำพาของเขาเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นโอกาสชนะแล้ว ฉินอู๋ซวงก็ได้คะเนรอบหนึ่ง ว่าต่อจากนี้ถึงเขาจะต้องยอมก้มหัวสักครั้งก็จะไม่ว่าอะไร หากแม้นถูกเ้าเด็กข้นแค้นคนนั้นบอกว่าตนเป็แม่แรงสู่ชัยชนะของเขา ขอเพียงชนะเท่านั้น ฉินอู๋ซวงตั้งใจว่าต่อจากนี้เขาต้องฝึกหนักเพื่อยกระดับตัวเองให้มากขึ้นเสียบ้าง
แต่ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจริงๆ ว่าเพิ่งมารวมตัวกันครบแล้วศิษย์หงส์ฟ้าจะมากันไวขนาดนี้
ครั้งเดียวมาถึงสี่
แผนการที่วางไว้อย่างดีตอนแรกว่าจะเป็สี่ต่อหนึ่งหรือสี่ต่อสอง กลายเป็สี่ต่อสี่อย่างไม่คาดฝัน
สถานการณ์ดิ่งลงเหวทันที
ทำไมถึงเป็เช่นนี้?
ฉินอู๋ซวงและเซี่ยโหวอู่เมื่อหลุดจากความตะลึงก็กลายเป็ตระหนก
หากเขายังมีใจคิดจะสู้อยู่ ยังคงหาโอกาสว่าจะชนะศึกนี้ได้อย่างไรล่ะก็ เช่นนั้นเซี่ยโหวอู่ที่ตายติดกันสองรอบ ย่อมจะเหมือนนกน้อยกลัวลูกธนู เขาคิดแต่อยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปให้ไกล คิดเพียงอยากมีชีวิตอยู่ต่อเท่านั้น ไม่คิดจะไปตะลุมบอนถึงชีวิตอีก เพราะจู่ๆ กลับปรากฏมาสี่คนพร้อมกัน ความคิดแรกที่แล่นขึ้นล้วนคือต้องรีบหนีโดยเร็ว
อีกด้าน
หลินนั่ว เจิ้งข่าย ตู่ชาและติงหลีโยวเองก็ใเช่นกัน
นี่มันเื่บ้าอะไร?
พวกเขารวมพรรคมาที่ถนนทิศอุดรนี้ ก็เพื่อจะซุ่มฆ่าเ่ิู ยอมสู้ยิบตาครั้งสุดท้าย แต่ไม่นึกเลยว่าศิษย์กวางขาวจะรวมตัวที่นี่ด้วยเช่นกัน...นี่คือแผนที่พวกกวางขาวคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าหรือ? หากเป็เช่นนั้นจริงก็บอกชัดเจนแน่แล้ว ว่าาาปีศาจเย่ต้องซ่อนอยู่ใกล้ๆนี่?
สู้?
หรือหนีดี?
ชั่วขณะนั้น สองฟากต่างก็เข้าสู่สภาพลังเลหยั่งลึกเกินจะถอนตัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้