ชิ่วอิงเอาก้อนหินแอบว่างตามจุด ที่เส้นสายจะต้องวิ่งสอดประสานหากันแล้ววางตาของค่ายกลลงตรงหน้ากระท่อม เดินทางไปหาป้าลู่เพื่อไปเอาอาหาร และอยู่คุยกันเื่แม่ของป้าลู่จะลางานขอไปดูแม่
“สองสามวันนี้ ข้ากลัวว่าชิ่งอิงจะไม่มีอาหารที่ดีกิน เดี๋ยวข้าจะทำพวกเนื้อแห้งไว้ให้เ้าก็แล้วกัน กระท่อมเ้าดูเหมือนจะจุดไฟได้ เ้าพอย่างกินเอง ได้อาหารในนี้อย่างที่เ้าเห็นมีแต่เศษผักทั้งนั้น”
“ ป้าลู่ไม่ต้องห่วงข้าหรอกเ้าค่ะ ของที่ซื้อมาจากตีนเขาที่เป็อาหารแห้งก็ยังมีอยู่ ท่านแม่ของป้าลู่มีอาการ ยังไงหรือเ้าคะ”
“ ก็เป็โรคธรรมดาของคนแก่ท่านอายุหกสิบกว่าแล้ว พรุ่งนี้ตอนสายหลังจากทำกับข้าวตอนเช้าเสร็จแล้วป้าก็จะออกเดินทางเ้า้าสิ่งใดก็ฝากข้าซื้อได้”
“ เอาไว้พรุ่งนี้ตอนค่ำมารับกับข้าวเช้าจะบอกป้าลู่เ้าค่ะ ว่ายัง้าสิ่งใดอีก”ชิ่วอิงหิ้วอาหารกลับบ้าน
“ เอ๊ะ!ทำไมถึงได้ยินเหมือนเสียงฝนตก และเสียงคนวิ่งล่ะตรงนี้ไม่เห็นจะมีฝนสักหน่อย และก็ไม่ใช่หน้าฝนด้วย ”ชิ่วอิงเดินมาใกล้ถึงกระท่อมก็ต้องใ
ภาพที่ปรากฏต่อหน้า คือเราลูกศิษย์และอาจารย์ยืนอยู่หน้า อาคารเรียนและมองหน้าไปยังทุ่งสมุนไพรที่ตอนนี้ฝนกำลังตกแบบมืดฟ้ามัวดินถ้าตกแบบนี้อีกไม่นานสวนสมุนไพรจะเสียหายทั้งหมด
และที่แปลกไปกว่านั้นคือมันตกเฉพาะสวนสมุนไพรเท่านั้นที่อื่นก็ไม่ตก ชิ่วอิงนึกอะไรได้วิ่งไปยัง กระท่อมและหยิบหินก้อนที่เป็ตาของค่ายกลออก
“ สำเร็จแล้ว! ข้าทำค่ายกลน้ำได้แล้ว แต่น้ำมันเยอะไปหน่อยไหมข้าแค่ ไปไม่ถึงครึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ น้ำฝนกลับลงมาเยอะขนาดนี้ รากสมุนไพรจะเน่าไหมนะ”
“ เดี๋ยวก่อนนะข้าต้องวางก้อนหินเพิ่มอีกสองจุด เพื่อให้ค่ายกลเปลี่ยนให้อากาศแห้งขึ้นรากสมุนไพรจะได้ไม่ถูกน้ำท่วม และเน่า”
“ พวกเราดูนั่นฝนหยุดตกก็มีแสงแดด ต้องอาถรรพ์ขึ้นอีกดูสิพระอาทิตย์ส่องที่สวนสมุนไพรทีเดียว ”
“แดดแรงขนาดนี้สวนสมุนไพรของสำนัก จะไม่เหี่ยวเฉาตายหมดเลยรึเดี๋ยวก็ไม่มีสมุนไพรมาให้พวกเราได้เรียนรู้กันแล้ว กว่าจะปลูกผักโตขนาดนี้ใช้เวลาตั้งหลายปี”
“ อาถรรพ์มันต้องเป็อาถรรพ์แน่ๆ เมื่อคืนปีศาจออกอาละวาดวันนี้ฝนตกหนักแถมตกอยู่ที่เดียวด้วย”
“ ใช่แล้วพวกเรา ตอนนี้ไม่ใช่หน้าฝนแต่…ฝนตกอย่างหนัก คิดจะหยุดก็หยุด แบบไม่มีปี่มีขุ่ยแบบนี้ต้องเป็อาถรรพ์แน่นอน”
“ พวกเ้าว่าไหม! ว่าเด็กนั่นเป็ปีศาจเมื่อคืนปีศาจอาละวาดก็อยู่แถวกระท่อม แล้วตอนนี้ฝนที่ตกหนักก็อยู่ในสวนสมุนไพรอยู่ใกล้กับกระท่อมของเด็กนั้นอีก”
“ เ้าก็พูดไป ข้าเพิ่งเห็นเด็กนั่นไปเอากับข้าวจากห้องครัวมากิน นางไม่ได้อยู่ในกระท่อมด้วยซ้ำ”
“ พวกเราก็อยู่ที่นี่มาเป็เดือนแล้วนะถ้าเด็กนั่นเป็ปีศาจทำไมเหตุการณ์ไม่เกิดขึ้นั้แ่แรกล่ะ”
เสียงที่ดังเข้ามาในหูของชิ่วอิง“ ทำยังไงถึงจะเอาเสียงที่ไม่จำเป็หรือมีประโยชน์พวกนี้ออกจากการรับรู้หรือได้ยินได้กันนะ”
“ ต้องสับเปลี่ยนก้อนหิน อีกสองก้อนถึงจะทำให้อากาศปกติ ให้มีลมพัดโชยหน่อยก็ได้จะได้สดชื่น”ชิ่วอิงแอบสับเปลี่ยนก้อนหิน วางจุดที่ต่างกัน
“ อืม!ต้องแบบนี้สิ บรรยากาศร่มรื่นไม่ร้อน แถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆของสมุนไพร รอยตลบอบอวล ไปรอบกระท่อมของข้าจะได้ไล่กลิ่นที่ค้างอยู่กระท่อม”
“ ทำไมแค่จับก่อนหินย้ายไปมาถึงให้เหนื่อยขนาดนี้นะ หรือเพราะเสียงจอแจพวกนั้นกัน”
“ เหมือนลูกศิษย์กับอาจารย์จะกลับเข้าไปเรียนในห้องแล้ว ค่อยเงียบลงหน่อย”
“ป้าลู่จะกลับไปเยี่ยมแม่ที่ป่วยหรือว่าจะลองปรุงยาดูในตำราก็มี ไหนๆเย็นนี้เราจะปรุงยาขั้นที่สองแล้วนี่ เพิ่มอีกสักหน่อยคงไม่เป็ไรสมุนไพร ก็มีอยู่เต็มสวน”
ชิ่วอิงปรุงยาชุดที่สอง ที่ไม่ยากเหมือนครั้งแรกแล้วแต่ยาก็ยังออกมาสีเขียวเหมือนเดิม ต่อด้วยการปรุงยา บำรุงสุขภาพให้แข็งแรง และยาแก้อาการาเ็แล้วแยกใส่ ตลับไม้ที่ซื้อมาเพราะเห็นว่าสวยดี
“ พรุ่งนี้ต้องฝากป้าลู่ ซื้อขวดกระเบื้องไว้ใส่ยาแล้วล่ะ ตรงนี้มีสมุนไพรเยอะต้องปรุงเก็บไว้แล้วเอาไปให้ ทุกคนที่บ้านได้กินกัน”
“ รอบนี้เป็ยาชุดที่สองไม่น่าจะมีกลิ่นเน่าเหม็นแล้วมั้งแต่เผื่อไว้ก่อน เปลี่ยนเอาชุดเก่ามาใส่ ส่วนยาก็ลดลงสองเม็ดก็แล้วกัน ต้องจดใส่ในกระดาษไว้ด้วย กันลืม”
ชิ่วอิงกินยาห้าเม็ด พร้อมกับน้ำห้าอึกแล้วนั่งขัดสมาธิทำสมาธิเลย ไม่ทำนู่นนี่เหมือนเมื่อวาน
ความเ็ปก็มีแต่ไม่เยอะถึงกับทนไม่ได้เหมือนเมื่อวานนี้“ หรือว่าจำนวนยาลง ทำให้ความเ็ปน้อยลงแต่กลิ่นและเมือกสีดำทำไมยังมีอยู่อีก ตัวข้าก็แค่นี้มันจะเยอะไปถึงไหน”
ชิ่วอิง ต้องวิ่งไปอาบน้ำกลางดึกทางปลอดโปร่งเพราะไม่มีใครมาเดินอยู่แถวนี้ จะมีข้อแต่กลิ่นที่ลอยไปไกล
กลับมาถึง กระท่อมชิ่งอิงไม่ได้นอน แต่นั่งขัดสมาธิทำสมาธิต่อ โดยมีเ้าแมวดำที่รู้หน้าที่คาบสมุนไพรดับกลิ่นมาวางไว้ให้
จนรุ่งเช้าที่มีเสียงจอแจ ของกลุ่มแม่ครัวเข้ามาในหูชิ่วอิงลืมตาขึ้น “ นี่เรานั่งแบบนี้ทั้งคืนเลยรึ เราไม่ได้นอนเลยแต่ทำไมถึงไม่ง่วงรู้สึกสดชื่นเหมือนนอนพักผ่อนมาหลายชั่วยามยังงั้นแหละ”
ชิ่วอิง เดินเก็บสมุนไพร และน้ำค้างวันนี้นางต้องปรุงยาชุดที่สาม ซึ่งสองชุดที่ผ่านมาก็จำได้แล้วว่าใช้สมุนไพร ต้นไหนจำนวนเท่าไหร่
“ป้าลู่ นี่คือยาดีเอาให้ท่านแม่ของป้าลู่กินแล้วจะหายป่วย และนี่ตำลึงข้าฝากซื้อขวดกระเบื้อง มาให้สักสิบขวด แต่ถ้าเจอขวดน้อยและสวยก็ซื้อมาเผื่อด้วยก็ได้”
ชิ่วอิงเอายาและเงินหนึ่งตำลึงทองให้ป้าลู่ไป แวะห้องสมุดยืมหนังสือให้อาจารย์ใหญ่แล้วเดินกลับไปที่กระท่อม
“ สมุนไพรต้นนี้ทำไมถึงไม่มีในหนังสือล่ะกลิ่นของมันก็แปลก ตอนมาอยู่วันแรกไม่เห็นนี่นา หรือมันอยู่มาตั้งนานแล้วเราไม่สังเกต”ชิ่วอิงยืนมอง มีผีเสื้อตัวหนึ่งบินมาเกาะสมุนไพรแล้วก็ร่วงลงพื้นกระพือปีกสองครั้งและแน่นิ่งไป
“ สมุนไพรนี่มีพิษ หรือเพราะต้นสมุนไพรนี่ กลิ่นของมันไปสะสมในร่างกายทำให้เป็พิษ เมือกดำที่ถูกขับออกมามีกลิ่นเหม็นหรือเพราะพิษพวกนี้สะสมในร่างกายกัน”
“ ดูจากดินแล้วน่าจะขุดมาปลูกได้ไม่นาน ถ้าตัดทิ้งก็จะมีคนสงสัยงั้นวางค่ายกลกันกลิ่นของมัน เหมือนต้นไม้ใหญ่กลางป่านั่น”ชิ่วอิงเอาก้อนหินวางสับไปมา กลิ่นก็หายไป
“ กว่ากลิ่นจะหายไปก็มึนหัวไปหมดเพราะไปยืนอยู่รอบต้นมันขนาดใช้ผ้าปิด จมูกแล้วนะ ถ้าคิดน้อยก็ไม่มีอะไรแต่ถ้าคิดเยอะต้องมีคนหวังจะทำร้ายคนที่อยู่ใกล้กับต้นไม้นี้แน่นอน ซึ่งก็คือข้า”
“ แสดงว่าถ้าคืนนี้เรากินยาชุดที่สามเข้าไปก็ต้องมีกลิ่นเน่าเหม็นออกมาอยู่ดี ถ้าจะวิ่งไปอาบน้ำกลางดึกอีกแถมยังไกลด้วยไม่สู้สร้างค่ายกลขนาดเล็ก พอตอนจะอาบก็แค่เอาคนหินไปวาง อาบเสร็จก็แค่ยกก้อนหินตาค่ายกลออกเท่านั้นเอง”
“ ทำไมถึงมีความรู้สึกว่าเคยอาบน้ำแบบนี้มาก่อนนะมีห้องเล็กๆอ๋อ!แบบในความฝันนั่นเอง ”
ชิ่วอิงปรุงยาชุดสาม ออกมาได้สีเขียวเข้มกว่าชุดหนึ่งและสอง แต่ได้แค่สามเม็ดเท่านั้น เลยตัดสินใจจะกินทั้งหมดเพราะว่าถ้าเป็ชุดสี่และชุดห้าไม่สามารถที่จะปรุงได้เพราะว่า สมุนไพรที่อยู่ในสวนทั้งหมดนี้ไม่มีตามในรูป
ชิ่วอิงลืมตาขึ้น“ รอบที่สามความเ็ปไม่ค่อยมีแล้วแต่ เมือกดำและความเหม็นยังมีเหมือนเดิมแสดงว่าสมุนไพรต้นนั้นพิษมันร้ายแรง ทั้งที่ข้ากินยาทุกวันสะสมแค่วันเดียวเองยังเยอะขนาดนี้”
ชิ่วอิงอาบน้ำแล้ว มานั่งขัดสมาธิทำสมาธิต่อ แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นมาเพราะจิตใจไม่สงบ“ ใครกันนะที่้าให้ผู้ที่อยู่อาศัยในกระท่อมนี้ตายไปแบบทรมานสะสมอยู่ในร่างกาย”
“ แต่สมุนไพรนั่นมันต้องมาพร้อมกับข้าหรือว่าหลังจากข้าเข้ามาอยู่ได้หนึ่งวัน ใครกัน้าสังหารเด็กน้อย จะใช่หรือไม่ แต่!อยู่ที่นี่นานได้แล้ว”
“ เดี๋ยวรอป้าลู่กลับมาก่อน ต้องหาทางไปจากที่นี่ อืม!เอาแบบนี้แหละ จะได้นั่งสมาธิต่อ”
ชิ่วอิง นั่งสมาธิต่อจนถึงเช้า“ โอ้! แขนขาตัวข้าขาวเนียนไปหมด เหมือนคนไม่โดนแดดมาก่อน ถ้าออกไปแบบนี้ต้องมีคนสงสัยแน่เลย”
“ วันก่อนยังอ่านผ่านตาอยู่เลยนี่นายาที่ทำให้กินแล้วเหมือนคนป่วย ใช้สมุนไพรแค่สามตัว สองตัวจำได้แล้วอีกหนึ่งคืออะไรนะ อ้อ!เจอละ ”
“วันนี้ไม่ต้องเก็บสมุนไพรและน้ำค้างปรุงยาชุดที่สี่ เก็บสมุนไพรสามตัวนี้แล้วรีบปรุงยา กินแล้วเหมือนป่วยก่อนดีกว่า”
“ ท่านอาจารย์ใหญ่เ้าค่ะข้าเหมือนไม่ค่อยสบายขอหยุดพักสักสองสามวันก่อนนะเ้าคะ” อาจารย์ใหญ่มองหน้า ชิ่วอิงที่ใช้ผ้าพันใบหน้าไว้แล้วทำมือปัดออก ชิ่วอิงเลยเดินกลับกระท่อม
“ แน่ชัดแล้วว่าพวกเขา้าให้ข้าตาย ไม่ถามอาการสักคำว่าข้าป่วยเป็อะไร เหมือนจะรู้อยู่แล้ว แม้กระทั่งยาก็ไม่สนใจจะให้เด็กอย่างข้ากิน”
“ไม่มีประโยชน์อะไร ที่จะอยู่สำนักแห่งนี้ต่อไปแค่รอป้าลู่กลับมา ต้องออกไปแบบแเีให้พวกเขารู้ว่าป่วยหนัก ไม่แน่ว่าจะเดือดร้อนไปถึงครอบครัวก็ได้”
“ ระหว่างที่รอป้าลู่ ต้องปรุงยาให้ได้เยอะที่สุด ไม่แน่ว่าข้างนอกอาจจะหา สมุนไพรได้ยาก”
“ เ้าดำไปหากิ่งไม้มาเพิ่มข้าจะปรุงยาให้ได้เยอะที่สุด มีสมุนไพรตัวไหนครบ ข้าจะปรุงยาตัวนั้น”
“ นี่พวกเ้าได้ข่าวไหมว่าเด็กน้อยผู้นั้นป่วยหนัก มารับใช้อาจารย์ใหญ่ไม่ได้ คิดว่าไม่กี่วันคงจะเสียชีวิตเดี๋ยวอาจารย์ใหญ่ก็ต้องไล่ออกไปอยู่ข้างนอกเพราะไม่อยากให้ใครมาตายในสำนักนี้”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์และพูดคุยดังไปทั้งสำนัก ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์แม่บ้านคนสวนผู้ดูแลความปลอดภัย
ป้าลู่ ที่เพิ่งกลับมาถึงสำนัก ถึงกับใกับข่าว แต่ต้องหิ้วของไปให้ตามที่ชิ่วอิงฝากซื้อ“ จะเป็ไปได้ยังไงเด็กน้อยนั่นมียาดีอยู่กับตัวขนาดท่านแม่ที่ป่วยกินเข้าไปแค่เม็ดเดียวยังหายเลย”
“ชิ่วอิงเ้าเป็อย่างไรบ้าง ทุกคนบอกเ้าไม่สบาย นี้คือของที่เ้าฝากซื้อ”
“ป้าลู่นั่งก่อนเ้าค่ะ ข้าค่อยยังชั่ว ไม่ได้เป็อะไรมาก แล้วท่านแม่ของป้าลู่เป็ยังไงบ้าง เ้าค่ะ”
“ ท่านหายแล้วหลังจากกินยาของเ้าไปแค่เม็ดเดียว เ้าไม่สบายทำไมถึงไม่กินยาไปล่ะจะได้หายป่วย”
“ป้าลู่ เป็แม่บ้านอยู่ที่นี่ได้ค่าจ้างเดือนละกี่ตำลึงเ้าคะ”
“ เดือนละห้าตำลึงถือว่าเป็ค่าจ้างที่สูงกว่าที่อื่นแล้ว เ้าถามค่ะทำไมรึชิ่วอิง”
“ ถ้าข้าจะจ้างท่านเดือนละหนึ่งตำลึงทองล่ะ ข้าที่ป่วยเดี๋ยวอาจารย์ใหญ่ก็ต้องส่งออกไปอยู่ข้างนอกข้า้าให้ป้าลู่ เป็ผู้พาข้าออกไป”
“ ชิ่วอิงไม่ต้องหนึ่งตำลึงทองหรอกขอแค่เท่ากับที่ข้าก็จะออกไปกับเ้าแล้ว”
“ อย่างนั้นป้าลู่เตรียมตัวเลยเราจะไปพรุ่งนี้แต่ท่านต้องไปบอกกับอาจารย์ใหญ่ ว่าจะเป็คนพาข้าออกไปและ อาจจะติดเชื้อจากข้าจึงไม่กลับเข้ามาทำงานที่นี่อีก”