เวลาได้หมุนเวียนเปลี่ยนผันไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้หนิงอ้ายถือได้ว่าเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ เป็ศิษย์ลำดับที่เจ็ดและศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาครบสามเดือนเต็มเเล้ว เเต่ละวันหนิงอ้ายได้จัดสรรเเบ่งเวลาอย่างเป็ระเบียบเเบบแผน
่เช้าหลังจากที่ดูเเลสวนสมุนไพรที่ข้างเรือนเสร็จก็จะฝึกฝนเชิงยุทธ์รวมไปถึงเคล็ดวิชาตให้ความคล่องแคล่วมากยิ่งขึ้นโดยใช้เวลาไปจนถึง่เย็น ยามกลางคืนนอกจากดูดซับหินปราณที่ได้รับมาก่อนหน้าและโคจรลมปราณตามเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาเเล้ว อีกฝ่ายได้นำโอสถระดับหนึ่ง โอสถระดับสองที่ได้ปรุงขึ้น เเลกเป็สมุนไพรจากอาคารส่วนกลางของตำหนักเพื่อนำสมุนไพรเหล่านี้กลับมาหลอมเป็โอสถตามสูตรต่าง ๆ รวมไปถึงเด็กหนุ่มได้ฝากผู้าุโซุนให้นำโอสถไปขายที่เมืองหมอกทมิฬอีกด้วย
นอกจากนั้นหนิงอ้ายยังคงศึกษาเรียนรู้ในเื่ของสมุนไพรต่าง ๆ รวมไปถึงฝึกฝนการหลอมสร้างปรุงโอสถอย่างสม่ำเสมอ กล่าวได้ว่ายิ่งลงมือฝึกฝนมากเท่าใด ตอนนี้อีกฝ่ายยิ่งมีความคุ้นเคยเชี่ยวชาญในการปรุงโอสถระดับสองมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถปรุงโอสถระดับสามบางชนิดได้แล้วเช่นกัน ถือได้ว่าด้วยระยะเวลาเพียงเท่านี้เพียงไม่กี่เดือน เเต่เด็กหนุ่มกลับมีความก้าวหน้ามากเลยทีเดียว
หลังจากงานวันเกิดของอี้หลินที่ผ่านมากลุ่มของหนิงอ้ายไม่ได้นัดพบเจอกัน่วันหยุดที่ทางสำนักได้กำหนดไว้เพราะต่างมีเื่ต้องทำมากมายใน่นี้ ถึงอย่างไรพวกเขายังคงส่งจดหมายเวทย์ถามไถ่กันอยู่เสมอ เนื่องจากสหายเเต่ละคนของหนิงอ้ายต่างมีความสามารถที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับศิษย์สายนอกที่พึ่งเข้ามาพร้อมกัน
ดังนั้นทุกคนจึงถูกผู้าุโสูงสุดของเเต่ละตำหนักรับเข้าเป็ศิษย์สายตรงของตนทั้งสิ้น ส่งผลให้ต้องทุ่มเทไปกับการศึกษาเรียนรู้เเบบตัวต่อตัวอย่างเต็มที่ให้สมกับโอกาสที่ได้รับมา การเป็ศิษย์สายตรงของผู้าุโสูงสุดประจำตำหนัก ย่อมการันตรีได้ถึงเส้นทางอันรุ่งโรจน์ในวันข้างหน้าของพวกเขาเหล่านี้ที่ไม่ธรรมดาสามัญอย่างแน่นอน...
แม้ว่าทุกอย่างจะเป็ไปอย่างราบรื่นปกติเเต่หนิงอ้ายยังคงไม่วางใจสักเท่าไหร่นัก วิหคสอดแนมถูกเรียกออกมาอย่างไม่จำกัดเพื่อให้เด็กหนุ่มได้รับรู้ในทุกความเป็ไปที่เกิดขึ้น คล้ายกับว่าอีกฝ่ายซ่อนตัวได้อย่างแเีเพราะในตอนนี้ยังไม่สามารถพบเจอสิ่งผิดปกติ ศิษย์ที่ยังไม่ฟื้นคืนสติอาการก็ยังไม่ดีขึ้น เหวินหวู่อาจารย์ของเขาก็ไม่ได้กลับมายังเรือนพักในตำหนักหลายวันแล้ว คาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงพบเจอเื่ยุ่งยากในการปรุงโอสถรักษาอาการดังกล่าวนี้เป็แน่
่เช้าที่ผ่านมาหนิงอ้ายได้รับจดหมายเวทย์จากท่านอาจารย์ว่าในยามยามซื่อให้ตนไปรอพบที่เรือนพักของอีกฝ่าย ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งชั่วยามก็จะถึงเวลานัดหมายเเล้ว เด็กหนุ่มจึงรีบจัดการตัวเองพร้อมกับแต่งกายให้เรียบร้อย ป้ายหยกทั้งสองที่ระบุตัวตนได้ถูกแขวนห้อยอยู่ตรงข้างเอวเหมือนเช่นทุกครั้ง ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลเพียงหนึ่งเค่อหนิงอ้ายก็มาถึงเรือนพักอาจารย์ของตนเเล้ว ไม่รอช้าเด็กหนุ่มจึงเดินตรงไปยังห้องรับรองของเรือนในทันที
"คำนับท่านอาจารย์ขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับประสานมือคำนับตัว เมื่อเห็นว่าชายชราผู้เป็อาจารย์ได้นั่งรอตนอยู่เเล้ว
"ไม่ต้องมากพิธีไป ไหนเล่าให้อาจารย์ฟังว่าหลังจากการสอบเลื่อนระดับเ้าทำสิ่งใดบ้างในที่ผ่านมา..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นพร้อมกับมองเด็กหนุ่มผู้เป็ศิษย์คนเล็กของตนด้วยความเอ็นดู
"หลังจากที่สอบเลื่อนระดับในครั้งนั้น ข้าได้..." หนิงอ้ายได้เล่าให้กับอาจารย์ของตนว่าในเเต่ละวันเขาได้ทำสิ่งใดไปบ้าง อีกทั้งยังเก็บข้อสงสัยในยามที่ตนได้ฝึกฝนปรุงโอสถระดับสองก่อนหน้าสอบถามอาจารย์ตนอีกครั้งให้ได้รับคำตอบที่ถูกต้องอละสามารถนำไปปรับใช้ต่อไปได้
เหวินหวู่ที่ได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มเอ่ยให้ตนได้ฟังถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาสามเดือนมานี้ พลันทำให้ความรู้สึกเคร่งเครียดที่ผ่านมานี้ลดลงไปเป็อย่างมาก จากสิ่งต่าง ๆ ที่ฟังมาได้เเสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายสามารถจัดสรรเเบ่งเวลาได้อย่างถูกต้อง แม้จะทุ่มเทไปกับการฝึกฝนหลอมสร้างปรุงโอสถเเต่ก็ไม่ละทิ้งการฝึกฝนตามวิถีของผู้ฝึกตน อาจมีคำกล่าวที่ว่าโดยทั่วไปเเล้วนักปรุงโอสถจะอ่อนด้อยในเชิงยุทธ์อยู่บ้างหากเทียบไปกับผู้ฝึกตนในระดับพลังิญญาขั้นเดียวกัน เเต่ทว่าถ้อยคำเหล่านี้ย่อมใช้ไม่ได้กับศิษย์เขาผู้นี้
เด็กหนุ่มตรงหน้าช่างเหมาะสมกับเป็ลูกหลานตระกูลหวังเสียจริง คิดไปเเล้วก็อิจฉาตาเฒ่าหวังสหายของตนที่มีหลานชายที่มากไปด้วยความสามารถเช่นนี้ แม้กระทั่งเด็กหนุ่มที่มีนามว่าลู่ซีผู้เป็หลานบุญธรรมของอีกฝ่ายเช่นกัน ฟังว่าตอนนี้อีกฝ่ายก็ได้รับเลือกเป็ศิษย์สายตรงของหนึ่งในผู้าุโสูงสุดของตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลไปเเล้ว เด็กหนุ่มทั้งสองคนช่างมากไปด้วยพร์อย่างเเท้จริง
"เ้ามีคุณสมบัติของนักปรุงโอสถระดับสามเเล้ว ดังนั้นสมควรที่จะมีเตาหลอมโอสถประจำตัวเสียที อาจารย์จะให้ศิษย์พี่ห้าของเ้าพาไปเลือกเตาหลอมโอสสประจำตัวที่อาคารส่วนกลางของตำหนักเราเสียเเล้วกัน..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้น
"นักปรุงโอสถระดับสามขึ้นไปสมควรมีเตาหลอมโอสถประจำตัว หากกล่าวว่าิญญายุทธ์สามารถชี้ชัดได้ถึงตัวตนเเล้วนั้น เตาหลอมโอสถก็สามารถชี้ชัดได้ถึงนักปรุงโอสถเช่นกัน ความแตกต่างนั่นคือิญญายุทธ์จะเป็สิ่งที่ติดตัวมาเเต่กำเนิด เเต่เตาหลอมโอสถิญญาจะเป็ฝ่ายเลือกผู้เสียมากกว่าเชื่อกันว่าต่างมีจิติญญาเป็ของตนทั้งสิ้น..." เหวินหวู่เอ่ยเสริมให้เด็กหนุ่มเข้าใจมากยิ่งขึ้น
"เช่นนั้นเเล้วมีนักปรุงโอสถไม่สามารถเตาหลอมโอสถิญญาบ้างหรือไม่ขอรับ??" หนิงอ้ายถามกลับไปด้วยความสงสัย
"ย่อมมีอยู่เเล้ว ใช่ว่านักปรุงโอสถทุกคนจะสามารถเตาหลอมโอสถิญญาได้ เเต่ก็ยังคงสามารถเป็นักปรุงโอสถและใช้งานเตาหลอมโอสถทั่วไปได้ เพียงเเต่ว่าเม็ดโอสถที่ถูกปรุงขึ้นจากเตาหลอมโอสถิญญาจะมีความล้ำค่ามีความบริสุทธิ์มากกว่าเตาหลอมโอสถธรรมดา..." เหวินหวู่เอ่ยเสริมขึ้นอีกครั้ง
"หากศิษย์เดาไม่ผิดเตาหลอมโอสถที่ท่านอาจารย์ใช้ก่อนหน้าไม่ใช่เตาหลอมโอสถิญญาใช่หรือไม่ขอรับ??"
"เ้าเข้าใจถูกต้อง นี่คือเตาหลอมโอสถิญญาของอาจารย์..." เหวินหวู่ตอบกลับไปพร้อมกับเรียกเตาหลอมโอสถิญญาประจำตัวออกมาให้เด็กหนุ่มได้ชม
พรึบ!!!
เตาหลอมโอสถสีขาวบริสุทธิ์ที่อยู่ตรงหน้า กลิ่นอายความบริสุทธิ์ผสานไปกับกลิ่นหอมประหลาดออกมา บนตัวเตาหลอมถูกสลักเป็ลวดลายก้อนเมฆ กระเเสลมปราณอ่อน ๆ ออกมาโดยรอบไปทั่วทั้งบริเวณ ฐานที่รองรับด้านล่างก็เป็สีขาวเช่นกันซึ่งมีความงดงามเป็อย่างมาก
"เตาหลอมหมื่นดาราจรัสเมฆานี้ อาจารย์ประสบพบวาสนาได้เมื่อหลายสิบปีก่อน ฟังว่าเป็หนึ่งในสิบสุดยอดเตาหลอมโอสถิญญาเเห่งยุคเมื่อหลายร้อยปีมาเเล้ว เเรงกดดันอ่อน ๆ นี้แม้จะส่งผลกับนักปรุงโอสถหรือผู้ฝึกตนที่มีพลังิญญาอ่อนด้อยอยู่บ้างก็จริง เเต่มีผลโดยตรงกับสมุนไพรที่มีจิติญญาหรือแก่นเเท้อสูรที่ยังมีจิตอาฆาต เมื่อเจอกับความพิศดารล้ำลึกเฉพาะตัวสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ได้เป็อุปสรรคในการปรุงโอสถเเต่อย่างใด..." เหวินหวู่เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม
หนิงอ้ายที่ได้ยินก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจสักเท่าไหร่นัก เนตรเเห่ง์ได้ส่งข้อมูลให้ตนได้รับรู้มาบ้างเเล้วในตอนที่เตาหลอมโอสถนี้ได้ปรากฎขึ้นตรงหน้า อย่างไรหนิงอ้ายก็มีความเชื่อว่าต่อให้สามารถอาวุธวิเศษหรือเตาหลอมที่ล้ำค่ามากเพียงใดเเต่หากผู้ไร้ซึ่งความสามารถเเล้ว สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ต่างไปจากสิ่งของธรรมดาก็เพียงเท่านั้น
เหวินหวู่ยังคงนั่งพูดคุยกับหนิงอ้ายในเื่ราวต่าง ๆ พร้อมกับมอบสูตรโอสถระดับสามให้กับเด็กหนุ่ม พร้อมกับแนะนำว่าหากพลังิญญาอยู่ในระดับเทวะิญญาขั้นที่สี่สิบห้าขึ้นไปสมควรที่จะสอบเลื่อนระดับเป็นักปรุงโอสถระดับสามได้เเล้ว
หนิงอ้ายน้อมรับคำแนะนำจากอาจารย์ด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายหวังดีและเอ็นดูตนเป็อย่างมากจากนั้นเหวินหวู่จึงฝากฝังให้ไป๋เหลียนฮวาดูเเลเด็กหนุ่มให้ดีก่อนที่ชายชราจะหายเข้าไปจัดการธุระบางอย่างในเรือนพักของตน
"ศิษย์พี่ไป๋สบายดีใช่หรือไม่ขอรับ??" หนิงอ้ายเอ่ยถามศิษย์พี่ที่เดินอยู่ข้างตน เนื่องจากสามเดือนที่ผ่านมานี้เขาแทบไม่ได้ออกจากบริเวณเรือนพัก มีบ้างที่ไปรับทรัพยากรบ่มเพาะและนำโอสถไปเเลกเปลี่ยนที่อาคารส่วนกลางของตำหนัก เเต่เขาก็ไม่ได้พบเจอกับอีกฝ่ายเลยสักครั้งเช่นกัน
"ศิษย์พี่สบายดี อาจวุ่นวายไปบ้างเพราะต้องจัดการหลายสิ่งเเทนท่านอาจารย์และเหล่าศิษย์พี่คนอื่น ๆ เเล้วศิษย์น้องเล่าเห็นว่าเก็บตัวฝึกฝนปรุงโอสถใน่นี้..." ไป๋เหลียนฮวาถามกลับไป
"ตอนนี้ข้าสามารถปรุงโอสถระดับสองด้วยเวลาที่ลดลงและมีความบริสุทธิ์ที่มากขึ้นเเล้ว อย่างไรข้ายังคงต้องฝึกฝนอีกมากกว่าจะเชี่ยวชาญดั่งเช่นศิษย์พี่ไป๋และศิษย์พี่ท่านอื่นขอรับ..."
"ด้วยระยะเวลาเพียงสามเดือนเ้าสามารถทำได้เช่นนี้ก็นับว่ามากพร์เเล้ว อย่างไรอย่าหักโหมกดดันตัวเองมากนักเล่า..."
"ขอรับศิษย์พี่..." หนิงอ้ายตอบกลับอีกฝ่ายไปอีกครั้งก่อนที่จะมุ่งเดินตรงไปซึ่งจุดหมายนั่นคืออาคารส่วนกลางของตำหนัก
ไป๋เหลียนฮวาได้บอกกับหนิงอ้ายว่าเตาหลอมโอสถิญญาที่ทางตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาอยู่ เกิดจากการที่เหล่าบรรพจารย์หรือเหล่าเ้าตำหนักได้เก็บรวบรวมนำมาเก็บไว้ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นให้กับอนุชนรุ่นหลังนักปรุงโอสถในตำหนักที่มีความสามารถคู่ควรในการเตาหลอมโอสถเหล่านี้
ใช่ว่าศิษย์ทุกคนจะสมหวังอย่างที่ทราบกันดีว่าสำหรับเตาหลอมโอสถทั่วไปทั้งระดับต่ำหรือระดับสูงล้วนเป็นักปรุงโอสถที่เป้นฝ่ายเลือกทั้งสิ้น ทางกลับกันเตาหลอมโอสถิญญาจะเลือกเ้าของที่เหมาะสมคู่ควรเท่านั้น
บรรดาศิษย์พี่ทั้งหกของหนิงอ้าย มีเพียงศิษย์พี่ใหญ่โจวเซินเท่านั้นที่เตาหลอมโอสถิญญาได้ สำหรับศิษย์พี่ท่านอื่นแม้ไม่ได้สุดยอดเตาหลอมโอสถเหล่านี้ก็จริง เเต่ด้วยภายในห้องจัดเก็บยังมีเตาหลอมโอสถระดับสูงอยู่เป็จำนวนมาก ดังนั้นแม้จะพลาดโอกาสเตาหลอมโอสถิญญาเเต่ทว่ายังสามารถเลือกหยิบเตาโอสถชิ้นใดก็ได้ในห้องนั้นมาใช้หากว่าผ่านการเห็นชอบจากท่านอาจารย์และผู้าุโทั้งสอง
สิ่งที่ท่านอาจารย์เน้นย้ำอยู่เสมอนั่นคือ หัวใจหลักของนักปรุงโอสถหาใช่อยู่ที่เตาหลอมโอสถเเต่อย่างใด เพราะท้ายที่สุดแล้วหากนักปรุงโอสถผู้นั้นไร้ซึ่งญาณััและิญญายุทธ์ธาตุไฟที่เเข็งแกร่ง ต่อให้นักปรุงโอสถสามารถใช้เตาหลอมโอสถระดับสูงหรือเตาหลอมโอสถิญญา ย่อมไม่สามารถเเสดงความลึกล้ำพิเศษออกมาได้เช่นกัน
ดังนั้นเเล้วการเตาหลอมโอสถิญญาหาใช่สิ่งที่ชี้ชัดว่านักปรุงโอสถผู้นั้นเป็นักปรุงโอสถที่มากความสามารถ การสูตรโอสถระดับสูงหรือการเป็นักปรุงโอสถที่มีป้ายยืนยันรับรอง นี่จึงสามารถเรียกได้ว่าสุดยอดนักปรุงโอสถที่เเท้จริง
"คำนับเหล่าซุนขอรับ/เ้าค่ะ" หนิงอ้ายกับไป๋เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นพร้อมกับประสานมือโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อทำการเคารพผู้าุโตรงหน้า
"ไม่คิดว่าด้วยระยะเวลาเพียงสามเดือนเ้ากลับมีคุณสมบัติเลือกเตาหลอมโอสถิญญาเเล้ว ไม่ธรรมดา..." ผู้าุโซุนเอ่ยชมเด็กหนุ่มก่อนที่จะเดินนำทั้งสองไปยังเขตหวงห้าม
แม้กระทั่งกับไป๋เหลียนฮวาเองที่เป็ศิษย์ในตำหนักมาหลายปี ยังได้รับอนุญาตให้มายังพื้นที่ลับส่วนนี้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
"ศิษย์ในสำนักไม่ว่าจะเป็ศิษย์สายใน ศิษย์สายนอกของเเต่ละตำหนักหรือแม้กระทั่งผู้าุโบางคนต่างรับรู้เพียงเเต่ว่าอาคารส่วนกลางของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาถูกเเบ่งออกโดยมีวัตถุประสงค์ใช้งานแตกต่างกันไป เเต่คนนอกเหล่านี้หารู้ไม่ว่าสุดยอดขุมทรัพย์ที่เเท้จริงได้ถูกจัดเก็บในนี้..." ซุนเกาเอ่ยขึ้นด้วยความภูมิใจก่อนที่จะใช้สิ่งที่คล้ายกับกุญแจปักลงไปในพื้นที่ว่างหนึ่งพร้อมกับถ่ายเทลมปราณออกมา
หนิงอ้ายััได้ว่านอกจากจะมีลมปราณของผู้าุโซุนเเล้ว ยังมีลมปราณของผู้าุโและลมปราณที่สามที่ตนคุ้ยเคยอยู่ไม่น้อย เนื่องจากเป็ของเหวินหวู่ผู้เป็อาจารย์ของตนนั่นเอง
ชั่วพริบตาได้ปรากฎหมอกควันหนาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์โบราณสายหนึ่งพร้อมกับกลิ่นหอมประหลาดเเผ่กำจายไปทั่วทั้งบริเวณ เมื่อม่านหมอกสลายหายไปเเล้ว ตรงหน้าของพวกเขาทั้งสามคนได้ปรากฏเป็ประตูสีดำที่ถูกสลักลวดลายด้วยอักขระเวทย์โบราณที่ หนิงอ้ายยังไม่เคยเห็นมาก่อนเสียด้วยซ้ำ เเต่ละอักขระเวทย์ได้ถูกเรียงร้อยสอดประสานเข้ากันอย่างสมดุลและได้รับการป้องกันที่เเน่นหนาเป็อย่างมาก เพราะแม้เเต่เนตรเเห่ง์ยังไม่สามารถให้ข้อมูลรายละเอียดที่มากไปกว่านี้ได้เลยเสียด้วยซ้ำ
"เมื่อเข้าไปเเล้ว เ้าจงตั้งสมาธิกำหนดจิตใจให้นิ่ง จากนั้นให้ใช้ญาณััของตนเเผ่ออกมาเรียกหาเตาหลอมโอสถิญญา..."
"และจงจำไว้ว่า ท้ายที่สุดทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นภายในนั้นเ้าไม่สามารถเป็ผู้ชี้ชะตากำหนดได้ ข้าหวังว่าสิ่งที่เ้ามีอยู่ที่เรียกว่าวาสนา์จะทำให้เ้าสมดั่งใจในครั้งนี้..." ซุนเก่าเอ่ยอวยพรเด็กหนุ่ม ก่อนที่จะย้ายตนยืนด้านข้างเพื่อให้เด็กหนุ่มได้เปิดประตูเข้าไปในห้องลับ
"ศิษย์พี่ขออวยพรให้เ้าสมหวังตามที่้า" ไป๋เหลียนฮวาได้เอ่ยอวยพรเด็กหนุ่มไปเช่นกัน
"เข้าไปเถิดทำตามที่ข้าบอกเพียงเท่านั้น เมื่อได้รับเตาโอสถมาเเล้ว ค่ายกลด้านในจะส่งตัวเ้าออกมาในทันที..." ซุนเกาได้เน้นย้ำเด็กหนุ่มไปอีกครั้ง
"ขอรับ" หนิงอ้ายตอบกลับ ในขณะเดียวกันร่างบางของเด็กหนุ่มก็ได้หายเข้าไปในทันที...