เพราะสถานการณ์กำลังเข้าตาจนฉินเฟิงจึงไม่เสียเวลาคิดเขาใช้แรงที่เหลืออยู่จับใบหน้าของจ้าวหลิงเซียนและจูบเธอ
ร่างของจ้าวหลิงเซียนแข็งทื่อทันทีเธอรู้สึกถึงลิ้นของฉินเฟิงที่กำลังเคลื่อนไหวไปรอบๆ ภายในช่องปากของเธอนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาจูบกันดูดดื่มแบบนี้มาก่อนล่าสุดฉินเฟิงได้บังคับป้อนยาเข้าปากเธอเพราะอาการปวดท้องของจ้าวหลิงเซียนและฉวยโอกาสเธอเพราะสถานการณ์พาไป
ความรู้สึกแสนวิเศษที่ลี้ลับนี้ทำให้จ้าวหลิงเซียนเคลิ้มเล็กน้อย
ในครั้งนี้จ้าวหลิงเซียนไม่ได้ขัดขืนที่ฉินเฟิงจูบเธออีกครั้งเธอยืนเขย่งขณะที่ใช้แขนโอบคอของฉินเฟิงและเพลิดเพลินไปกับการรุกของเขาอย่างเต็มที่
ทั้งคู่กอดกันแน่นและแลกจูบกันอย่างดูดดื่มมันเหมือนกับ่เวลานั้นหยุดลง และเหลียงเจิ้นเวยก็เหมือนกับอากาศธาตุ
จ้าวหลิงเซียนได้รับรสเหล็กบางๆจากเืของฉินเฟิงในปาก ซึ่งมันได้เลอะปากของเธอด้วยเช่นกัน
ถึงแบบนั้นเธอก็ไม่หยุดจูบเขาแต่รสชาติของเืทำให้เธอตื่นเต้นมากขึ้นและเร่าร้อนมากขึ้นเธอจูบแบบดูดดื่มตอบกลับฉินเฟิงขณะที่ขยับตัวเองลูบตัวเธอกับเขา
“ติ๊ง...ขอแสดงความยินดีแก่โฮสต์ฉินเฟิงที่แลกจูบกับจ้าวหลิงเซียนเป็เวลา 10วินาทีสำเร็จ คุณได้รับแต้มสำราญ 200 แต้มเป็รางวัล”
ฉินเฟิงเคลิ้มกับจูบนี้จนลืมไปว่าที่เขาจูบจ้าวหลิงเซียนก็เพื่อทำภารกิจ
เมื่อเขาได้ยินการประกาศของระบบฉินเฟิงรีบสะบัดความรู้สึกที่เหมือนฝันออกไป อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นจ้าวหลิงเซียนจูบตอบแบบดูดดื่ม เขาก็จูบเธอต่อขณะที่เปิดระบบขึ้นมา
เขารีบหาวิชากระบี่พื้นฐานและเปิดรายละเอียด
วิชากระบี่พื้นฐาน
ระดับวิชา: สีเหลืองขั้นกลาง (ระดับขั้น : เหลือง ดำ ดิน ฟ้า ราชัน)
หลังจากได้รับวิชานี้ร่างของผู้ใช้จะก่อพลังลมปราณภายในและสามารถฝึกกำลังภายในได้เมื่อใช้ร่วมกับอาวุธประเภทกระบี่ ผู้ใช้จะมีความเชี่ยวชาญในวิชากระบี่ขั้นพื้นฐานและเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
เขารีบมองไปที่รายละเอียดของวิชากระบี่พื้นฐานและรีบใช้แต้มสำราญ1,000แต้มซื้อมันในทันที
และเขาก็ซื้อยาสมานทองขั้นต้นอีกด้วย
เมื่อเขาเห็นแต้มสำราญ1,100แต้มเหลือ 0 ในทันที ฉินเฟิงก็รู้สึกหดหู่
ข้อมูลที่ไม่คุ้นเคยถาโถมเข้ามาในหัวจำนวนของข้อมูลนั้นใหญ่มาก และมันก็ไหลเข้ามาเรื่อยๆในไม่ช้าก็ผสมเข้ากับความทรงจำอื่นๆ ของเขา
หลังจากปวดหัวเล็กน้อยหัวของเขาก็เริ่มฟื้นฟู และความทรงจำเกี่ยวกับวิชากระบี่ก็เริ่มชัดเจนยิ่งขึ้นฉินเฟิงรู้สึกว่าภายในร่างกายที่อ่อนแรงของเขามีคลื่นพลังงานไหลอยู่
คลื่นพลังงานพวกนี้ดูเหมือนมีชีวิตเป็ของตัวเองในขณะที่พวกมันไหลไปทั่วทั้งร่าง มันก็ทิ้งความเย็นไว้แล้วรวมตัวหมุนวนเข้ามาในจุดตันเถียนของเขาอย่างไม่ขาดสาย
หลังจากดูดซับยาสมานทองขั้นต้นอาการาเ็ของฉินเฟิงก็รักษาไปมากกว่าครึ่งบวกกับคลื่นพลังงานที่ไหลทั่วทั้งร่างของเขา เขารู้สึกเหมือนกับอัดแน่นไปด้วยพลังเขายังคงจูบจ้าวหลิงเซียนอยู่และรู้สึกว่าร่างกายเริ่มร้อนขึ้นเหมือนกับว่าเธอกำลังจะละลายในตัวของเขา
“ฉินเฟิง...จะตายอยู่แล้วยังทำอวดดีอีก พ่อจะใช้แส้นี่ป่นกระดูกแกให้เป็ผง”การที่ฉินเฟิงและจ้าวหลิงเซียนกอดกัน เหลียงเจิ้งเวยก็ไม่ค่อยพอใจอยู่แล้ว
แต่เมื่อเห็นพวกเขาเริ่มจูบกันและทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเหลืออยู่ในโลกนี้เขาก็เดือดดาลขึ้นทันทีจนอยากจะกระอักเืคนที่หยิ่งทะนงอย่างเขาจะทนต่อการโดนเมินอย่างนี้ได้อย่างไร?
เขาคำรามออกมาทันทีขณะที่ฟาดแส้ในมือไปยังฉินเฟิง
วูบ!
ฉินเฟิงเคลื่อนไหวทันทีพร้อมกับจ้าวหลิงเซียนที่ยังอยู่ในอ้อมแขนในพริบตานั้นเขาได้พุ่งไปหลายเมตร หลบแส้ของเหลียงเจิ้นเวยได้อย่างง่ายดาย
ฉินเฟิงถอดเกราะับินและรวบรวมพลังลมปราณภายในร่างกายเพื่อเพิ่มความเร็วและทันใดนั้น เขาก็ไวจนเหลียงเจิ้นเวยเห็นแค่ภาพเบลอและมองฉินเฟิงด้วยความใ
“หลิงเซียน รอฉันที่นี่ ฉันจะไปจัดการไอ้เดรัจฉานนั่นแล้วจะกลับมาจูบเธอต่อ” ฉินเฟิงรู้สึกไม่เต็มใจที่ต้องผละจากจ้าวหลิงเซียนและจ้าวหลิงเซียนก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอเพิ่งทำไปเธอก็รู้สึกอายจนอยากจะมุดรูหนี
เธอมองฉินเฟิงอย่างลังเลและตอบอย่างกระวนกระวาย“ฉินเฟิง กลับบ้านกับฉันเถอะ นายชนะเหลียงเจิ้นเวยไม่ได้หรอกคนบ้าอย่างมันจะฆ่านาย”
“เชื่อใจฉัน ฉันไม่เป็ไร”ฉินเฟิงยิ้มและลูบหัวของเธอก่อนที่จะเดินกลับไปยังเหลียงเจิ้นเวย
เขารู้ว่าการต่อสู้นี้จะต้องประจันหน้ากันแม้ว่าเมื่อครู่เขาจะหลบได้ เขาก็ไม่อาจหลบมันได้ตลอดไป ยิ่งกว่านั้นฉินเฟิงไม่ได้ขี้ขลาด
เมื่อเห็นฉินเฟิงเดินมาหาเขาอย่างเยือกเย็นสีหน้าของเหลียงเจิ้นเวยก็โเี้ขึ้น เขาไม่เคยคิดว่าในเมืองเล็กๆอย่างเมืองเว่ยเฉิงจะมียอดฝีมือเยาว์วัยอย่างฉินเฟิงอยู่ด้วย
ยิ่งกว่านั้นยังเป็นายน้อยเ้าสำราญที่ทุกคนดูแคลน
ฉินเฟิงยั่วยุเหลียงเจิ้นเวยครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เขารู้สึกอัปยศอย่างมาก ตอนนี้เขาไม่ใช่แค่อยากฆ่าฉินเฟิงเท่านั้นแต่อยากจะบดขยี้มันให้เละเป็โจ๊ก เขาถึงจะสามารถคลายความโกรธในใจลงได้
ฉินเฟิงหยุดเดินทันทีเมื่อเขาอยู่ห่างจากเหลียงเจิ้นเวย5เมตร ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันแต่สีหน้าเ็าของพวกเขาก็พอที่จะบอกได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ครั้งนี้เหลียงเจิ้นเวยลงมือก่อน เขาตวัดแส้อย่างทรงพลังขณะที่พุ่งไปหาฉินเฟิง
หลังจากที่เห็นความแข็งแกร่งของฉินเฟิงแล้วเหลียงเจิ้นเวยไม่กล้าออมแรงอีกต่อไป เขาทุ่มพลังทั้งหมดในการโจมตีครั้งนี้
เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเขาก็ถึงที่ที่ฉินเฟิงกำลังยืนอยู่และะโขึ้นไปเหนือหัวของฉินเฟิงอีกครั้งแส้ในมือของเขาได้เหวี่ยงโค้งไปในอากาศ ทำให้เกิดเสียงแหลมปรี๊ดดังออกมา
นี่เป็ท่าไม้ตายของเหลียงเจิ้นเวย‘แส้สังหารเหินเวหา’ ซึ่งฉินเฟิงได้เห็นมันมาก่อนแล้ว ครั้งนี้ เมื่อเขาเห็นมันเขาสงบใจอย่างน่าเหลือเชื่อ
ฉินเฟิงเริ่มกำหนดลมปราณในร่างกายของเขานี่เป็ครั้งแรกที่เขาใช้ลมปราณในการโจมตีเขารู้สึกถึงคลื่นพลังในร่างกายกำลังบ้าคลั่งและไหลไปทั่วร่างกาย เขาถอดเกราะับินออกซึ่งทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นทันที
ฉากที่น่าในี้เขาพุ่งไปยังเงาแส้ที่ดูเหมือนจะคลุมได้ทั้งฟ้าดิน
นี่ทำให้เหลียงเจิ้นเวยอึ้งทว่ารอยยิ้มชั่วร้ายก็โผล่บนใบหน้าของเขา
มันมีความแตกต่างที่ใหญ่มากระหว่างกำลังภายนอกและกำลังภายในจอมยุทธ์กำลังภายนอกขั้นสี่สามารถปล่อยพลังได้ 5 เท่าแต่สามารถปล่อยได้แค่ทีเดียวต่อการโจมตีหนึ่งครั้งส่วนจอมยุทธ์กำลังภายในปล่อยพลังได้แค่สี่เท่าแต่สามารถปล่อยการโจมตีได้หลายครั้งในเวลาเดียวกันและด้วยพลังระดับเดียวกัน
ตอนนี้เงาแส้มีพลังสี่เท่าและรักษาระยะห่างพลังที่มันปล่อยได้ก็แตกต่างด้วยเช่นกัน
เมื่อเข้าใกล้แส้ของเหลียงเจิ้นเวยมากขึ้นความหนาแน่นที่อัดไปด้วยพลังก็มากขึ้นแม้ว่าแส้ที่มีพลังสี่เท่าอาจจะทำอันตรายฉินเฟิงได้ไม่มากนักแต่การโจมตีหลายสิบครั้งพวกนี้ก็ฆ่าเขาได้เหมือนกัน
ไม่ว่าร่างกายจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนเมื่อโดนฟาดด้วยแส้พวกนี้ก็อาจจะทำให้พวกเขากลายเป็มันบดได้
ไม่ใช่แค่ฉินเฟิงไม่วิ่งหนีหรือหลบเงาแส้พวกนี้เขาแม้แต่เริ่มวิ่งเข้าหามัน วิ่งไปยังจุดที่แส้ฟาดใส่มากที่สุดซึ่งเทียบเท่ากับเป็การฆ่าตัวตาย เหลียงเจิ้นเวยจะไม่ขำได้อย่างไร?
เขามั่นใจว่าฉินเฟิงมันต้องตายแน่!
“ฮ่าๆๆ แกนี่มันจองหองจริงๆ กล้าวิ่งเข้ามาหาเงาแส้ของพ่องั้นหรือ? รอดูพ่อเฆี่ยนแกเป็เนื้อบดและแม้แต่ิญญาก็สลายหายไปซะเถอะ!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเหลียงเจิ้นเวยโเี้ขึ้นขณะที่แกว่งแส้อย่างลำพอง้าที่จะฆ่าฉินเฟิงด้วยการโจมตีหลายๆ ครั้ง
แม้แต่จ้าวหลิงเซียนก็ยังต้องสับสนกับท่าทีของฉินเฟิงเธอกำหมัดเล็กๆ ของเธอแน่นขณะที่มีสีหน้ากังวลในดวงตาของเธอ เธออธิฐานอย่างเงียบๆว่าเขาจะไม่เป็ไร
ขณะที่เธอมองดูฉินเฟิงเธอก็พบว่าเขายังดูสงบเยือกเย็นในตอนที่เขาพุ่งเข้าไปหาเหลียงเจิ้นเวยเขาเหมือนกับลูกศรที่ยิงออกจากคันธนู
เมื่อรู้ว่าได้เข้ามาข้างในเงาแส้นับไม่ถ้วนนี่แล้วคิ้วของฉินเฟิงก็ขมวดเข้าพร้อมกับตั้งสมาธิทันใดนั้นมือของเขาก็ฟันฉับไปที่้าในทันที สร้างเสียงดังเหมือนฟ้าผ่าขึ้นมา
ภายในมือของฉินเฟิงจู่ๆ ก็มีกระบี่คมกริบโผล่ขึ้นมา กระบี่เจินกังที่ปล่อยแสงสีเหลืองบางๆซึ่งคมมากจนสามารถตัดเหล็กเหมือนกับตัดโคลน
ตอนนี้ฉินเฟิงมีทั้งกระบี่เจินกังและวิชากระบี่พื้นฐานมันเหมือนกับว่ากระบี่มีชีวิตของมันเองและได้เชื่อมต่อกับจิติญญาของฉินเฟิงมันฟาดฟันไปรอบๆ อย่างบรรจงและรวดเร็ว ทำลายเงาแส้ แล้วฟันแส้ของเหลียงเจิ้นเวยขาดเป็สองส่วน
เมื่อมองดูแส้ที่ถูกทำลายในมือั์ตาของเหลียงเจิ้นเวยก็เต็มไปด้วยความใกลัวตระกูลเหลียงได้ขอให้ยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่ใช้เอ็นหนังวัวเป็ส่วนประกอบหลักของแส้แล้วใช้หนังวัวเพื่อทำภายนอก
ด้วยเหตุนี้มันจึงเหนียวและทนทานมาก
เหลียงเจิ้นเวยใช้แส้เอ็นวัวนี้ชนะจอมยุทธ์มาแล้วนับไม่ถ้วนในอดีตเขาได้เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ที่ใช้กระบี่แต่เมื่อกระบี่ของพวกเขาัักับแส้ มันก็แตกกระจายนี่เป็ครั้งแรกที่เขาเห็นอาวุธที่สามารถตัดแส้ให้เป็สองส่วนได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้