“เ้ารู้มานานแล้วหรือว่าพวกข้าสามารถร่วมประสานพลังได้”
หานหนานเทียนมองเสิ่นเสวียนแล้วถามด้วยความสงสัย ในใจเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา
“ใช่แล้ว! พลังของพวกเ้ามีต้นกำเนิดเดียวกันและยังมีชีพจรเดียวกัน มีการร่วมประสานพลังเป็พื้นฐาน หากพวกเ้าไม่ศึกษาการร่วมประสานพลังทั้งสามคนขึ้นมา เช่นนั้นพร์จะด้อยลงกว่านี้มาก”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับสามคนนั้นด้วยรอยยิ้ม
“ท่านผู้นำ อย่าเสียเวลากับเขาเลย สังหารให้เรียบร้อยแล้วค่อยว่ากัน”
อีกคนหนึ่งกล่าว
“ได้ จัดการเลย”
หานหนานเทียนกล่าวจบ พวกเขาทั้งสามคนพลันแสดงพลังโจมตีใส่เสิ่นเสวียนจากสามทิศทาง เขายังไม่เชื่อว่าพวกเขาสามคนร่วมมือกันแล้วยังสู้เด็กคนหนึ่งไม่ได้
เสิ่นเสวียนเห็นดังนั้นจึงใช้กระบี่เพลิงในมือรับการโจมตีของอีกฝ่าย
ไร้ศัตรูในขั้นต่ำกว่าหยวนก่อกำเนิด ทว่าสามคนนี้มีพลังยุทธ์ถึงขั้นราชันแล้วซึ่งเหนือกว่าเขา ที่เสิ่นเสวียนเลือกเข้าปะทะกับอีกฝ่ายเพราะอยากใช้การต่อสู้ครั้งนี้เพิ่มพลังให้กับตนเอง ช่วยให้ทะลวงผ่านคอขวดไปให้ได้
พลังของตระกูลหานไม่ได้ต่ำต้อยเลยจริงๆ หากไม่มีเขาตระกูลเสิ่นคงโดนกดขี่จนกลายเป็เื่ปกติ เขาจำได้เลือนรางว่า ตอนที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาได้เห็นหานเฟิงเย่อหยิ่งจองหองอยู่ในหอประชุม แต่ตอนนี้ความรุ่งเรืองหรือตกต่ำแปรผันไปได้ตลอดเวลา
บนท้องฟ้าเหนือตระกูลหาน เสิ่นเสวียนเข้าปะทะกับพวกของหานหนานเทียนทั้งสามคน กระบี่เพลิงแผ่กระจายคลื่นความร้อนออกมาอย่างรุนแรง หากโดนแผดเผาจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก เสิ่นเสวียนมีกระบี่เพลิงเล่มนี้ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยสองส่วน แต่สามคนนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เมื่อร่วมประสานพลังเข้าด้วยกันแล้วไม่ว่าจะรุกหรือรับก็ได้เปรียบกว่า จนสามารถล้อมเสิ่นเสวียนไว้ได้แล้ว มิอาจทะลวงผ่านอีกฝ่ายออกไปได้เลย
เสี่ยวเหยียนก็ยืนอยู่กลางอากาศเช่นกัน มันมองการต่อสู้พลางหาว ไม่เป็กังวลเลยแม้แต่น้อย
เสิ่นล่างก็มุ่งหน้ามายังตระกูลหานแล้วเช่นกัน เพื่อที่จะช่วยเหลือเสิ่นเสวียนได้ตลอดเวลา
“แสดงไม้ตายของพวกเ้าออกมาได้แล้ว! พลังเหล่านี้ยังสังหารข้าไม่ได้หรอก”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับทั้งสามคนระหว่างต่อสู้
เมื่อได้ยินคำของเสิ่นเสวียน ทำให้พวกของหานหนานเทียนระงับสีหน้าไม่อยู่ สามต่อหนึ่งแล้วยังโดนเหยียดหยามเช่นนี้ อีกฝ่ายไม่กลัวตายเลยจริงๆ!
พวกเขาจึงแสดงไม้ตายออกมาอย่างต่อเนื่อง
เคล็ดวิชาของพวกเขาทั้งสามเป็หนึ่งเดียวกัน ทุกครั้งที่โคจรพลังทำให้มิติเกิดคลื่นพลังสั่นะเื เห็นเพียงพวกเขาทั้งสามร่วมประสานพลังภายในร่างเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว และค่อยๆ ส่งไปยังร่างของหานหนานเทียน
“พิฆาตัทมิฬ!”
หานหนานเทียนะโเสียงดังก้อง ขวานทองคำในมือเปล่งประกายแสงทองอร่าม พลันมีร่างเงาัตัวใหญ่ปรากฏขึ้นเลือนรางด้านหลังของเขา
หลังจากฟันขวานออกไป ร่างเงาัตัวใหญ่ที่ด้านหล้งก็เริ่มเด่นชัด
“กรร!”
เสียงัคำรามดังก้องไปทั่วทั้งเมืองอวี่ฮว่า ร่างเงานั้นพุ่งทะยานเข้าใส่เสิ่นเสวียนในพริบตาเดียว พลังที่แข็งแกร่งของมันไม่มีสิ่งใดเทียบได้
เสิ่นเสวียนเหมือนกับมดตัวหนึ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าัตัวใหญ่นั้น
เมื่อเห็นักระโจนเข้ามา เสิ่นเสวียนจ้องมองไม่วางตา เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางกระตุกยิ้มมุมปาก
เขายอมรับว่าัตัวนี้แข็งแกร่งมาก หลังจากนี้ตนต้องาเ็อย่างแน่นอน แต่เขาก็เตรียมตัวไว้แล้ว
เดิมทีเสี่ยวเหยียนคิดจะเข้ามาช่วย แต่เสิ่นเสวียนส่งกระแสจิตบอกมันไม่ให้เข้ามาช่วย
กระบี่ในมือยกขึ้นเบื้องหน้า พลังทั่วทั้งร่างถูกโคจรส่งเข้าไปในกระบี่ทั้งหมด ทำให้เปลวเพลิงลุกโชนถึงขีดสุด
ส่วนัตัวนั้นก็กระโจนเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงร้องคำรามไปด้วย
เสิ่นล่างที่อยู่ด้านล่างมองเหตุการณ์นั้นโดยไม่กล่าวอะไรเลย หากการปะทะครั้งนี้เสิ่นเสวียนได้รับชัยชนะ สามคนนั้นจะต้องพ่ายแพ้สิ้นท่าอย่างแน่นอน เคล็ดวิชาพิฆาตัทมิฬแทบจะทำให้พลังของพวกเขาหมดสิ้นลง พวกเขาไม่มีโอกาสแสดงเคล็ดวิชานี้ออกมาอีกเป็ครั้งที่สอง และแน่นอนว่าหากเสิ่นเสวียนพ่ายแพ้ ผลที่ตามมาก็ไม่น่ากล่าวถึงเลย
แต่เมื่อคิดได้ว่าเสิ่นเสวียนมีความสามารถเกี่ยวกับมิติ ก็ทำให้เขาโล่งใจขึ้นมาได้
เสิ่นเสวียนจะไม่ทำในเื่ที่ไม่มั่นใจ
ชี่ๆๆ!
ทั้งสองเข้าปะทะกันแล้ว สิ่งแรกที่ัักันคือหัวัและปลายกระบี่เพลิง ก่อให้เกิดเสียงชี่ๆ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วยสายฟ้าที่กระจายตัวออกไปรอบๆ
เส้นผมของเสิ่นเสวียนโดนพลังเ่าั้พัดจนพลิ้วไปด้านหลังทั้งหมด เสื้อผ้าบนร่างก็โดนพัดไปในทิศทางเดียวกันจนแนบชิดลำตัว รวมถึงกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเสิ่นเสวียนที่เปลี่ยนรูปไป
ทว่าพวกของหานหนานเทียนทั้งสามคนก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร พวกเขาผมยุ่งเหยิง ใช้พลังทั้งหมดควบคุมัตัวนั้นให้เข้าโจมตีเสิ่นเสวียน แต่พวกเขาทั้งสามคนคิดไม่ถึงเลยว่าเสิ่นเสวียนจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ พวกเขารวมพลังกันแล้วยังมิอาจทำลายอีกฝ่ายได้ในทันที
“จงสลายไปซะ!”
หานหนานเทียนเงยหน้าขึ้นแล้วกัดฟันกล่าว ทำให้พลังของัตัวนั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
“กรร!”
เสียงัคำรามดังขึ้น ะเืเข้าไปถึงแก้วหู
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
ในตอนนี้เสิ่นเสวียนก็ใช้พลังทั้งหมดเพื่อต้านทานพลังโจมตีของัเช่นกัน กระบี่เพลิงในมือของเขาถูกกระตุ้นถึงขีดสุดแล้ว ทำให้เริ่มมีรอยแตกร้าวปรากฏให้เห็น
เพล้ง!
กระบี่เพลิงของเผ่าอนธการเล่มนั้นแหลกละเอียดกลายเป็เศษชิ้นส่วนด้วยพลังโจมตีของัตัวนั้น
เมื่อไม่มีกระบี่แล้ว ัตัวนั้นก็พุ่งเข้าหาเสิ่นเสวียนอย่างรวดเร็ว
ตูมมม!!!
ตำแหน่งที่เสิ่นเสวียนสู้กับับนท้องฟ้าเกิดะเิขึ้น เสียงะเิรุนแรงเหมือนจะทำให้แผ่นดินเมืองอวี่ฮว่าสั่นะเื
ทั่วทั้งบริเวณพลันเงียบกริบลง
“แฮก! แฮก!”
พวกของหานหนานเทียนทั้งสามคนยืนอยู่กลางอากาศอย่างไร้เรี่ยวแรง หายใจหอบหนัก กระทั่งมั่นใจว่าไม่มีไอพลังของเสิ่นเสวียนแล้วจริงๆ จึงถอนหายใจออกมา
พวกเขาสามารถสังหารภัยคุกคามผู้นี้ได้ในที่สุด หากปล่อยให้เขาเติบโตต่อไปเช่นนี้ ใครก็ควบคุมเขาไม่ได้
“เมื่อเขาตายไปแล้ว ตระกูลเสิ่นก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไป”
หานหนานเทียนมองมิติที่เสิ่นเสวียนยืนอยู่ก่อนหน้านี้แล้วกล่าวเสียงเรียบ
“ท่านผู้นำ จะจัดการกับมันอย่างไร”
หนึ่งในนั้นกล่าวพร้อมกับมองเสี่ยวเหยียนที่อยู่ไม่ไกล
“มัน?”
หานหนานเทียนหันมองเสี่ยวเหยียนที่ล่องลอยอย่างผ่อนคลายอยู่กลางอากาศ สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เสิ่นเสวียนตายไปแล้วแต่เ้านี่กลับไม่มีท่าทีเศร้าโศกเลยแม้แต่น้อย
“จับมันมารับใช้พวกเราเลย ถ้าไม่ได้ก็ฆ่าทิ้ง”
หานหนานเทียนสั่งสองคนนั้น ทั้งสองคนพยักหน้าในทันที แม้จัดการเสิ่นเสวียนไปแล้วแต่สัตว์วิเศษตัวนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะลงมือ เสียงของเสิ่นเสวียนพลันดังขึ้นอีกครั้ง
“คู่ต่อสู้ของพวกเ้าคือข้า การต่อสู้ของพวกเรายังไม่จบ!”
หลังจากสิ้นเสียง ร่างของเสิ่นเสวียนพลันหลอมรวมเข้าด้วยกันอีกครั้งในตำแหน่งเดิม กลับมาเป็ร่างเดิมของเขา
ัตัวนั้นะเิไปแล้ว แต่ร่างของเสิ่นเสวียนกลับยังคงอยู่ เพียงแต่ซ่อนตัวเท่านั้น
ทว่าดูจากเสื้อผ้าที่ฉีกขาดและรอยเืเพราะแรงะเิก็รู้แล้วว่าเขาได้รับาเ็อยู่ไม่น้อย
ทั้งสามคนมองร่างของเสิ่นเสวียนไม่วางตา แต่ละคนอ้าปากกว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“เป็ไปได้อย่างไร!”
“เ้ายังไม่ตาย!”
“เ้าทำอะไรลงไป”
สามคนกับสามคำถามต่างพุ่งเป้าไปที่เสิ่นเสวียน การโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของพวกเขา เคล็ดวิชาพิฆาตัทมิฬแม้แต่ผู้แข็งแกร่งขั้นราชันระดับกลางยังยากที่จะรับมือได้ เสิ่นเสวียนรับมือไหวได้อย่างไร
“พลังของพวกเ้าไม่เลวเลยจริงๆ แต่น่าเสียดายที่พึ่งพาเคล็ดวิชามากเกินไป”
เสิ่นเสวียนพยักหน้า เมื่อครู่ในพริบตาที่เขาโดนัโจมตี เขาไม่ได้ออกจากตรงนี้ไปในทันที แต่เขาแสดงท่าร่างมายาอัสนีเก้าด่านเคราะห์ออกมา ทำให้เขาได้รับการชำระล้างภายใต้เพลิงโทสะของั จนกระทั่งถึง่ที่ตนรับมือไม่ไหวแล้วจึงเข้าไปซ่อนตัวในมิติ
ที่น่าเสียดายคือ เขาต้องเสียกระบี่ขั้นศาสตราิญญาไป
“เดิมทีหากพวกเ้าคิดอ้อนวอน ข้ายังปล่อยพวกเ้าไปได้ น่าเสียดายที่พวกเ้าไม่เห็นค่า”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับตัวเอง ทว่าเหมือนเป็การพิพากษาสามคนนั้นไปแล้ว
“เอาล่ะ ข้าไม่ล้อเล่นกับพวกเ้าแล้ว”
เมื่อกล่าวจบ ร่างของเสิ่นเสวียนพลันแปรเปลี่ยนเป็ร่างเงามากมายล่องลอยไปทั่วบริเวณ เมื่อรวมเข้าด้วยกันอีกครั้งหนึ่งก็ปรากฏตัวตรงหน้าผู้าุโตระกูลหานทั้งสองคนนั้นแล้ว เขายื่นมือสองข้างออกไปคว้าคอของอีกฝ่ายแล้วบิดอย่างรุนแรง
กร๊อบ!
กร๊อบ!
เสียงดังชัดแจ่มแจ้ง ผู้าุโทั้งสองค่อยๆ ก้มหัวลง หมดลมหายใจไป
“ตอนนี้ถึงคราวของเ้าแล้ว”
เสิ่นเสวียนกล่าวยิ้มๆ
“ไม่มีทาง! เป็ไปไม่ได้!”
หานหนานเทียนใในการกระทำของเสิ่นเสวียนจนขาดสติ ร้องะโออกไปไม่หยุด
“เลิกเสแสร้งได้แล้ว ข้าลืมบอกเ้าไป เจี้ยนอู๋เฉินผู้นั้นหลอมรวมลูกชายของเ้าให้กลายเป็หุ่นเชิดไปแล้ว ตอนนี้เขาเป็เพียงคนตายที่ยังมีชีวิต เลิกหวังกับสำนักกระบี่ได้เลย”
เสิ่นเสวียนมองหานหนานเฟิงแล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง เพื่อยุติความคิดที่เขาจะเข้าพึ่งพาสำนักกระบี่