ทันทีที่พูดออกไปเช่นนั้น ทั้งสองคนก็ชะงักงันเพราะเสียงของหานโม่ช่างแหบแห้งไม่เหมือนในยามปกติ
“เ้าาเ็ภายในหรือ?” เซวียอีเฉินถามขึ้น
หานโม่พยักหน้า "พลังของหานซินมีบางอย่างผิดปกติ มันดูไม่เหมือนพลังลมปราณเลย"
หากเป็หานซินคนเดิม หานโม่ไม่มีทางที่จะถูกจัดการได้ แต่วันนี้ความสามารถของหานซินเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทุกกระบวนท่าที่นางใช้โจมตีหานโม่รู้สึกถึงรังสีความกดดัน ทำให้นางไม่มีช่องทางที่จะโจมตีกลับ
ดังนั้นหานโม่จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยอมให้นางผลักลงมาในหลุมกับดักนี้
หากเมื่อครู่เป็การต่อสู้ซึ่งๆ หน้า หานโม่ก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะได้หรือไม่เช่นกัน
สีหน้าของเซวียอีเฉินเปลี่ยนเป็เคร่งขรึมจริงจัง เขาหยิบขวดกระเบื้องที่ดูบอบบางออกมาจากสร้อยข้อมือของตัวเองและเอายาเม็ดสีแดงออกมาหนึ่งเม็ดมอบให้แก่หานโม่
"นี่คือยารักษาอาการาเ็"
สายตาของหานโม่เลื่อนจากเม็ดยาขึ้นไปมองใบหน้าของเซวียอีเฉิน
สุดท้ายแล้วนางก็รับยาเม็ดนั้นมาและกลืนมันลงไป
จริงๆ แล้วนางเคยเห็นยารักษาอาการาเ็แบบนี้จากเฉินเซวียนมาก่อน เดิมทีนางคิดว่าเฉินเซวียนเป็เพียงอสรพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในตระกูลหานและพร้อมที่จะแว้งกัดตระกูลหานได้ทุกเมื่อ คิดไม่ถึงเลยว่าเฉินเซวียนก็ติดต่อกับโลกภายนอกด้วยเช่นกัน
เฉินเซวียนผู้นี้ มีตัวตนที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
หานโม่เม้มริมฝีปาก แม้ว่าตัวตนของเฉินเซวียนจะทำให้นางสงสัยเป็อย่างยิ่ง แต่กลับกันเซวียอีเฉินผู้นี้มีแต่ความจริงใจที่เข้ามาช่วยเหลือนางโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปาก
จากนั้นทั้งสองคนก็เงียบไป
ความมืดมิดยามค่ำคืนเริ่มเข้ามาปกคลุมทั้งบริเวณและผืนป่ากว้างใหญ่ก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดทันที
ในตอนกลางวันเป็เพราะพวกเขาถูกสัตว์อสูรไล่ล่าจนกลายเป็ไก่บินสุนัขะโ [1] บัดนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะหลับใหลไปหมดแล้ว นอกจากเสียงลมพัดใบไม้ไหวก็ไม่มีเสียงอื่นอีกเลย
หลังจากกินยารักษาอาการาเ็แล้ว อาการเจ็บแปลบในทรวงอกของหานโม่ก็เกือบจะหายสนิท นางเงี่ยหูฟังเสียงรอบๆ อย่างระมัดระวัง หลังจากที่มั่นใจว่าหานซินจากไปแล้ว หานโม่และเซวียอีเฉินจึงปีนขึ้นมาจากหลุมกับดัก
ทันทีที่ทั้งสองคนปีนออกมาก็เห็นร่างของหลินเฟยนอนอยู่ไม่ไกลนัก ทั่วทั้งร่างของนางกลายเป็สีเขียวคล้ำเพราะหมดลมหายใจไปนานแล้ว
“ฟู่ว... แมงป่องพวกนี้พิษร้ายกาจนัก"
เซวียอีเฉินมองไปยังร่างไร้ิญญาของหลินเฟย ใบหน้าที่เคยงดงามปานบุปผาแรกแย้มเต็มไปด้วยเส้นเืฝอยที่แตกกระจาย มีเืไหลออกมาจากทวารทั้งหมดดู ทำให้ภาพตรงหน้าดูน่ากลัวเป็พิเศษ
หานโม่ไม่ได้มองไปยังร่างของหลินเฟยแต่นางหันมองดูรอบๆ หลังจากที่เลือกเส้นทางได้ก็เดินตรงไป
เซวียอีเฉินยกมือขึ้นมาลูบหัวของตนเอง จากนั้นเขาจึงก้าวตามหานโม่ไป
การเดินทางในป่าไร้ิญญาตอนกลางคืนไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดนัก แต่สำหรับหานโม่พูดได้เลยว่านี่เป็ทางเลือกที่ดียิ่ง
หานโม่ที่คุ้นเคยกับป่าไร้ิญญาในระดับหนึ่งรับหน้าที่เป็ผู้นำทาง ทั้งสองคนใช้ประโยชน์จากความมืดมิดเพื่อหลบเลี่ยงอันตราย จนกระทั่งเข้าใกล้บริเวณที่มีกลิ่นอายของพัดเฉียนคุนเข้มข้นที่สุด
“มันอยู่ข้างหน้านี่” มีน้ำเสียงประหลาดใจดังมาจากพุ่มไม้ด้านหน้า แม้ว่าน้ำเสียงจะแจ่มใสมาก แต่ก็ไม่อาจปกปิดความเหนื่อยล้าที่อยู่ในนั้นได้
ทันใดนั้นใบหน้าที่เหนื่อยล้าของคนสองคนปรากฏขึ้นออกมาจากพุ่มไม้
นั่นคือหานเทียนและหานเยว่
ดูเหมือนเส้นทางในการหลบหนีจากสัตว์อสูรของพวกเขาไม่ง่ายเลย ทั่วทั้งร่างกายของคนทั้งคู่เต็มไปด้วยาแ
"พักก่อนเถอะ" หานเทียนเห็นว่ากลิ่นอายของสัตว์อสูรจางหายไปแล้วและกลิ่นอายของพัดเฉียนคุนก็อยู่ใกล้ๆ เส้นประสาทที่เคร่งเครียดอยู่ก็คลายตัวลง
หานเยว่พยักหน้าและรีบหาที่นั่งพักทันที
พวกเขาพักผ่อนกันอยู่ครู่หนึ่ง ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นจากในป่า
ทั้งสองตื่นตัวเตรียมพร้อมขึ้นมาทันที
“พี่ใหญ่ พี่รอง!” ผู้ที่ออกมาจากป่าคือหานซิน
หานเยว่เมื่อเห็นว่าเป็น้องสาว นางจึงเอ่ยทักด้วยความดีใจ "น้องห้า ทำไมเ้าอยู่คนเดียว? หลินเฟยเล่า?"
ประกายแห่งความยินดีส่องประกายในดวงตาของหานซิน แต่สีหน้าของนางกลับเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย "หลินเฟยถูกหานโม่ฆ่าตายแล้วเ้าค่ะ"
“อะไรนะ? หานโม่ฆ่าหลินเฟยงั้นหรือ? นางฆ่าหลินเฟยทำไมกัน?” หานเยว่เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
แม้ว่าหานเยว่จะไม่ชอบหานโม่ แต่พฤติกรรมของหานโม่หลังจากกลับมายังตระกูลหานทุกคนต่างก็ได้พบเห็นด้วยตัวเองแล้ว คนที่ไม่แยแสสิ่งใดเช่นนั้นจะฆ่าใครสักคนได้ในทันทีเชียวหรือ?
หานเยว่ยังไม่เชื่อเสียทีเดียว
หานซินกล่าวว่า "ใครจะไปรู้ว่าทำไมอยู่ๆ นางถึงได้บ้าขึ้นมากันเล่า? พี่รอง พวกท่านพบพัดเฉียนคุนแล้วหรือ?"
หานเยว่หันไปมองหน้าหานเทียน "พี่ใหญ่ัักลิ่นอายของพัดเฉียนคุนได้แล้ว แต่พวกข้าได้รับาเ็จากการหลบหนีสัตว์อสูรเลยคิดว่าจะพักสักหน่อยแล้วค่อยออกตามหาพัดเฉียนคุนอีกครั้ง"
หานซินพยักหน้า นางเดินตามหานเยว่มานั่งลงข้างๆ หานเทียน
เพียงไม่นานก็มีคนจากตระกูลอื่นเข้ามาสมทบ
เมื่อหานเทียนได้เห็นชายจากตระกูลอื่นผู้นั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนทันที "น้องชายของข้าอยู่ไหน?"
ดวงตาของชายจากตระกูลอื่นเป็ประกายวาววับเมื่อเจอหน้าหานเทียน "คุณชายใหญ่ คุณชายรองกับข้าแยกทางกันขอรับ"
หานเทียนตะคอกใส่เขาอย่างเ็า "เ้าคิดว่าการที่เ้าได้จับคู่กับน้องชายข้าเป็แผนงั้นหรือ? เหตุใดเ้าไม่ปกป้องเขา? ถ้าเกิดเื่อะไรขึ้นกับเขา เ้าและครอบครัวของเ้าลำบากแน่!"
ชายจากตระกูลอื่นผู้นั้นตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ตอนที่เขากำลังจะพูดนั้น เสียงที่ทำให้ทุกคนหวาดกลัวดังขึ้นอีกครั้ง
"โฮก......"
ทุกคนมองไปเื้ัของชายผู้นั้น ต้นไม้มากมายทยอยล้มลง จนสามารถมองเห็นบางสิ่งบางอย่างที่มีขนาดใหญ่มากกำลังเข้ามาใกล้พวกเขา
"ให้ตาย! เ้าพาสัตว์อสูรมาที่นี่!"
หานเทียนพูดพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ชายจากตระกูลอื่นผู้นั้นทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่เขาจะได้แก้ตัวหานซินก็ใช้เท้าถีบชายผู้นั้นเข้าไปใส่สัตว์อสูรที่พุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วจนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาแล้ว
“อ้าก......” ชายผู้นั้นร้องดังลั่น พลังปราณทั้งหมดถูกดึงออกมาใช้จนถึงขีดสุด ร่างทั้งร่างของเขาลอยอยู่กลางอากาศและตกลงที่ด้านหน้าของสัตว์อสูรโดยไม่ทันตั้งตัว เขาพยายามลุกขึ้นมาโจมตีในขณะเดียวกันก็หลบกรงเล็บของมันไปด้วย
เมื่อหานซินเห็นว่าชายผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ นางก็ส่งเสียงในลำคอออกมาอย่างขัดใจแล้วเดินเข้าไปหาเพื่อจะฆ่าเขาให้ตาย แต่สุดท้ายก็ถูกหานเยว่คว้าท่อนแขนเอาไว้เสียก่อน
นางหันหน้าไปมองหน้าพี่สาวพร้อมดวงตาที่ฉายแววความไม่พอใจอย่างรุนแรง จากนั้นก็ได้ยินเสียงใของหานเยว่ดังขึ้น "ดูสิ นั่นพัดเฉียนคุน!"
หานซินหันไปมองตาม
พวกเขาเห็นพัดเฉียนคุนซ่อนอยู่บนกิ่งของต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลนัก ทว่าเพราะการโจมตีของสัตว์อสูรเมื่อครู่นี้ทำให้พัดเฉียนคุนตกลงมาด้านล่างและเปล่งประกายอยู่บนพื้นไม่ไกลจากพวกเขา
"ไปเอาพัดเฉียนคุนมา!" หานเทียนสั่งหานเยว่พลางลงมือจัดการกับสัตว์อสูรไปด้วย
เขาและหานเยว่อยู่กลุ่มเดียวกันไม่ว่าผู้ใดจะได้พัดเฉียนคุนไป พวกเขาทั้งคู่ต่างก็คือผู้ชนะ!
หานเยว่พยักหน้ารับและรีบพุ่งตัวเข้าไปหาพัดเฉียนคุนทันที เมื่อนางเริ่มเคลื่อนไหว หานซินที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งก็ซัดฝ่ามือเข้าใส่หานเยว่ทันที
หานเยว่ใมาก แต่นางหลบไม่ทันแล้ว ดังนั้นนางจึงปะทะกับพลังนั้นอย่างเต็มแรงจนทรุดลงไปบนพื้นทันที
รอบๆ พวกเขาเต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่กำลังบ้าคลั่ง เมื่อนางทรุดลงไปบนพื้นจึงอยู่ท่ามกลางวงล้อมของสัตว์อสูรและกลายเป็เป้าหมายของพวกมันทันที
หานเยว่แทบไม่มีช่องทางเอาตัวรอด หานเทียนเห็นเช่นนั้นก็ผละมือออกมาจากสัตว์อสูรแล้วถามด้วยความใปนกรุ่นโกรธว่า "หานซิน เ้าทำอะไร!?"
........................................................................
เชิงอรรถ
[1] ไก่บินสุนัขะโ หมายถึง อลหม่าน. วุ่นวาย
